ที่กล่องดำ (กล่องส้ม) จะมีอุปกรณ์ส่งสัญญาณบอกตำแหน่งเรียกว่า Locator Pingers

ซึ่งสามารถส่งสัญญาณเพื่อแสดงตัวเองจากใต้น้ำได้ และจะทำงานโดยอัตโมนัติเมื่อตัวเครื่องจมน้ำครับ
ตัว Locator Pingers นี้ จะทำงานได้ในความลึกถึง 20,000 ฟุต และตรวจจับได้ในรัศมีประมาณ 1,500 - 2,000 เมตร
โดยจะส่งเป็นเสียงในย่าน Ultrasonic ความถี่ 37.5 KHz ทุก ๆ 1 วินาที โดยจะส่งไปนาน 30 วันจากวันที่เริ่มทำงาน (จมน้ำ)
โดยการรับสัญญาณ pinger นี้ด้วยตัวรับสัญญาณซึ่งจะเตรียมมาให้กับทีมค้นหาโดยสายการบินนั้น ๆ อยู่แล้ว
หรืออาจจะรับสัญญาณโดย SONAR reciever (Towed Pinger Locator) ได้ครับ

ภาพของ Locator Pingers


ภาพลักษณะการค้นหาสัญญาณ Locator Pingers ของกล่องดำ ด้วย Towed Pinger Locator


แต่กล่องดำนั้นไม่มี GPS เพื่อบอกตำแหน่งครับ  
เหตุผลคือ ระบบ GPS นั้นจะต้องใช้การ "ส่งสัญญาณ" ทางคลื่นวิทยุ
เพื่อ "บอกตำแหน่ง" ของตนเองว่าขณะนี้ตนเองอยู่ที่ใหนแล้ว
แต่การที่เครื่องบินตกลงทะเล เครื่องจะจมน้ำลงไปทำให้ไม่สามารถส่งสัญญาณคลื่นวิทยุ
ออกสู่ผิวน้ำเพื่อส่งไปหาสถานีใด ๆ ได้เลย  ดังนั้นกล่องดำจึงมีเพียง Pinger ที่ใช้เสียง Ultrasonic เท่านั้น

ในการบินปกติของเครื่องบินทุกลำ เครื่องทุกลำจะได้รับการ track ตำแหน่งด้วยระบบ ADS-B และ ACARS ครับ
โดยข้อมูลทาง GPS เป็น Lat - Long , ความสูง , ความเร็ว  จะถูกส่งกลับผ่าน 2 ระบบนี้ไปยังสถานีภาคพื้นตลอดเวลา
ก็ตามที่เราเห็นในข่าวนั่นเองที่บอกว่า เครื่องบินลำนี้มีตำแหน่งสุดท้ายก่อน Lost contact ....
ซึ่ง ตำแหน่งของเครื่องบินตั้งแต่ออกเดินทางนี้ จะได้จาก ADS-B และ ACARS ตลอดเวลาครับ

แต่เมื่อเครื่องตกไปแล้ว การค้นหาเครื่องลำนั้นจะต้องหาเองจาก "ตำแหน่งสุดท้าย" ที่ได้จาก 2 ระบบที่กล่าวไป
โดยค้นหาในทะเลเพื่อหาตำแหน่งจาก Locator pinger ของกล่องดำให้ได้ครับ