ทุบทุกสถิติ และทำลายทุกประวัติศาสตร์การจัดงานแต่งงานแบบเดิมๆ
สวัสดีค่ะ ตามจริงกะจะเขียนเริ่มต้นเหมือนคนอื่นๆว่า นี่คือรีวิวแรกและเป็นมือใหม่เพิ่งหัดเขียน แต่ว่าไม่เขียนดีกว่าค่ะ เพราะอยากทำอะไรไม่เหมือนใคร 555 (เขียนไปแล้วนี่)
ก็กะว่าจะเขียนง่ายๆกระชับชัดเจนนะคะ เดี๋ยวมาลองติดตามกันดูค่ะ (ภาพประกอบนิดนึง จะได้จินตนาการหน้าตาตามได้ค่ะ) ใครที่ไม่ชอบอ่านยาวๆ ชมภาพประกอบก็ได้ค่ะ คงพอได้เห็นภาพรวมบ้าง
ไม่ว่ากานนน
ภาพถ่ายโดยขวัญและขาตั้งกล้องของเขา
วัน-เวลา: เย็นย่ำ ค่ำวันเสาร์ที่ 4 มกราคม 2557
สถานที่: ห้องฉัตรทอง สโมสรทหารบก เทเวศร์
เจ้าของงาน: เจ้าบ่าวชื่อ “ขวัญ” ปัจจุบันทำสวนเกษตรอินทรีย์ที่ จ. ตราด และเป็นนักอนุรักษ์ (แต่ประวัติด้านอื่น ๆ โชกโชนมาก)
เจ้าสาวชื่อ “แอ๊น” อดีตและปัจจุบันเป็นเลขาผู้บริหาร บริษัทชั้นนำๆๆๆๆๆ
เหมือนชื่อกระทู้ค่ะ รีวิวงานแต่งงานสุดแซ่บ จะว่ามาอวดก็ได้ แต่อีกด้านหนึ่งก็คือ อยากนำเสนอการจัดงานแต่งงาน (ที่ใครๆก็แต่งกัน) ที่ (แปลก) แหวกแนว คิดอะไรออกนอกกรอบบ้าง ไหนๆก็จัดงานทั้งที อยากให้พี่น้องจัดเต็มกันไปเลยค่ะ
เท้าความถึงที่มาที่ไปของคนคู่นี้นิสนึงนะคะ ขวัญและแอ๊นเป็นเพื่อนร่วมชั้นประถมกันค่ะ ขวัญนั่งโต๊ะหน้าสุด แอ๊นนั่งโต๊ะถัดมา เคยเป็นตัวแทนกล่าวคำปฏิญาณ และ นำสวดมนต์คู่กัน จบ ป.6 ก็แยกย้ายกันไป แล้วโชคชะตาหนังสือหน้า(Facebook) ก็ลิขิต ให้เรากลับมาเจอกันอีกเมื่อวัย 29 ขวบ จนปิ๊งปั๊ง แล้วก็เป็นที่มาของงานในวันนั้น (ครั้งแรกที่เจอกันต่างคนต่างหน้าตาแบบนี้ค่ะ)
คบกันมาได้ประมาณเกือบ 3 ปี ก็ตัดสินใจว่า เอาน่ะ ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงอะไรกันมาก คิดว่าเป็นเวลาอันสมควรละเราจึงนัดผู้ใหญ่มาคุยกันและได้ข้อตกลงที่ว่า เรื่องงานแต่งงานนั้นให้เด็กๆเขาจัดการกันเอง เราสองคน (ที่คิดอะไรไม่ค่อยเหมือนใครอยู่แล้ว) ก็หันมองหน้ากันและสื่อสารกันทางสายตาว่า.. “
มันล่ะฮ้าบบบ งานนี้!!!” (ยิ้มมุกปาก หึๆๆๆ)
ด้านเจ้าบ่าว:
• ขวัญเป็นคนสุดท้ายในโลกที่เพื่อนๆของเขาคิดว่าเขาจะจัดงานแต่งงาน
• อยากจัดงานแบบเรียบง่าย ไม่พิธีรีตรอง ไม่อยากเหมือนงานทั่วไป มาๆ ชักภาพๆ กินๆ ไชโยๆ กลับๆ แล้วก็จำอะไรไม่ได้แม้แต่ชื่อบ่าวสาว
• เชิญคนเป็นร้อยมางานทั้งที มันต้องมีอะไรให้เขากลับไปมากกว่าท้องที่อิ่ม (หนังท้องตึง สมองต้องเต็มด้วย)
• ไม่ยอมยืนเป็นหุ่นถ่ายรูปรับแขกหน้างาน ต้องการต้อนรับดูแลแขกด้วยตัวเองเพราะจะดูเป็นประโยชน์กว่า
• ไม่มีการถ่ายรูป Pre-Wedding เนื่องจากใครๆ ถ่ายมาก็ดูไม่เป็นตัวเอง ถ่ายมาก็เห่อดูอยู่สองสามวัน
• สร้างขยะจากงานแต่งงานให้น้อยที่สุด และเน้นการใช้วัสดุจากธรรมชาติ ลดการใช้พลาสติก
• ไม่มีไชโย ไม่มีตัดเค้ก
(โจทย์ยากมั้ยล่ะค่ะ.....)
ด้านเจ้าสาว:
• เน้นทำทุกอย่างเอง เพราะไม่มีใครเข้าใจเราได้ดีเท่าเรา (และที่สำคัญคือ.. ไม่มีตังจ้าง ฮ่าๆๆ)
• เป็นพิธีกร และ ร้องเพลงมาบ้างพอกุบกิบ ไปงานแต่งมาหลายงานแต่ไม่เคยขึ้นเวทีในฐานะเจ้าสาว จึงใฝ่ฝันไว้ว่าหากมีงานแต่งงาน แล้วได้เป็นพิธีกรเอง ร้องเพลงเอง และเป็นเจ้าสาวเอง ก็คงจะแปลกดี วะฮะฮะฮ่า...
• ต้องแสดงความเป็นตัวเองให้มากที่สุด ทำทุกอย่างที่ทำได้ อยู่กับแขกทั้งงานให้นานที่สุด ไม่มีการทิ้งเวที
• อยากให้มีโชว์จากบ่าวสาว เพื่อความพิเศษ และจะได้รู้จักตัวตนของบ่าวสาวยิ่งขึ้น
• สุดท้าย... อย่างไรก็ต้องมีงานแบบไทยๆในช่วงเช้า อันนี้ก็จัดไปตามประเพณีไทย เรียบง่ายที่ รพ. สงฆ์ ที่นี่เขาพร้อม มีเจ้าหน้าที่มืออาชีพ จริงๆ อันนี้ต้องขอชมค่ะ แนะนำทุกท่านมาใช้บริการที่นี่ได้เลย สบายหายห่วงมากๆค่ะ
(งบประมาณงานพิธีตอนนั้น ราวๆ 13,160บาท ค่ะ เหมาห้องสำหรับ 1 คู่ ข้อมูลเพิ่มเติมที่ท้ายรีวิวนี้นะคะ)
และด้านล่างนี้คือ.. ของหมั้นที่ฝ่ายเจ้าสาวเอาไปหมั้นหมายฝ่ายชายในวันงาน ลวดดัดๆเป็นรูปจักรยานค่ะ (ดัดเองเลยตามจินตนาการ) คือ เจ้าบ่าวไม่ชอบสวมแหวน และเขาเป็นนักปั่นจักรยานซึ่งคันเก่านั้นอายุมากแล้ว เลยขอของหมั้นเป็นจักรยานดีกว่า เข้าทางเราเลย 555 (ไม่ต้องลงทุนแหวนแพงๆ 555 แต่จักรยานสมัยนี้ก็.. ราคาสูงอยู่ใช่เล่น -_-‘’) ตอนจะแต่งนั้นยุ่งมากค่ะ เลยเหมือนแปะไว้ก่อนนะ เอาโมเดลไปเข้าฉาก ยังไม่ได้ซื้อ เดี๋ยวดูตอนท้ายกันนะคะว่าจะได้จักรยานแบบไหน
ขั้นเตรียมงาน
สถานที่ - ช่วงนั้นมึนมากค่ะ ไม่รู้จะเริ่มยังไง ก็ถามเพื่อนๆบ้าง หาในเน็ตบ้าง ไปดูบางสถานที่ก็ยังไม่ค่อยเข้าตา บางที่ก็โทรมทรุด เหมือนจะพังลงได้ใน 3 วัน 7 วัน บางที่ก็ติดซ่อมแซม สุดท้ายก็มาได้ที่ที่ 3 คือ สโมสรทหารบก เทเวศร์ ห้องฉัตรทอง สำหรับแขกประมาณ 300-500 คน ห้องดูดีใช้ได้ เพิ่งปรับปรุงใหม่ๆ เรารวบรวมรายชื่อแขกไปๆมาๆ ก็ได้จำนวนอพอดีกับห้องนี้เลย
ข้อมูลเพิ่มเติมที่ท้ายรีวิวนะคะ
แนวคิดคือ – ใกล้บ้านเราและบ้านญาติหลักๆ มีพื้นที่ทั้ง indoor และ outdoor ทำไมต้องมีพื้นที่ outdoor?? เดี๋ยวรู้กันค่ะ
กำหนดวันจัดงาน - แต่งวันไหนดี...?? นั่นน่ะสิ.. วันไหนดี??? ฤกษ์งาม-ยามดี ต้องไปดูกับหลวงพ่อวัดไหน?? ตรงนี้เราสองคนชัดเจนค่ะ ฤกษ์สะดวกเหมาะสุด ขอเป็นเย็นวันเสาร์ คนมาสะดวก ช่วงพฤศจิกา-ธันวา งานแต่งมีมากแล้วกองหนุนเราไม่ว่างหลายคน ส่วนเจ้าบ่าวก็มีตารางการดูแลสวน ต้องรดน้ำสวนมังคุดในช่วงกลางมกราคมเป็นต้นไป..
เราจึงตกลงปลงใจว่าในช่วงสองสัปดาห์แรกของมกรา57 นี่ล่ะ ต้องมีวันดีของเราแน่ ซึ่งขวัญก็พูดถึงพุทธพจน์อยู่บ่อย ๆ ว่า “
สัตว์ทั้งหลายประพฤติชอบเวลาใด เวลานั้นนั้นชื่อว่าเป็นฤกษ์ดี มงคลดี สว่างดี รุ่งดี ยามดี” แอ๊นก็ว่าจริง เราจึงโทรติดต่อเรื่องวันว่างเพื่อจองสถานที่กับ รพ. สงฆ์ และ สโมสรทหารบก โดยได้วันสุขที่ 3 มกราคม และ วันเสาร์ที่ 4 มกราคม มาตามลำดับ เราจึงแบ่งงานออกเป็น 2 วัน (งานเช้า 1 วัน และ งานเย็น 1 วัน) เพื่อให้เราสองคนมีเวลาเตรียมงานเย็นได้มากขึ้น
สรุปคือ.. เราเลือกจัดงานวันที่สถานที่นั้นว่างงั้นรึ??? o_O??
ใช่ค่ะ วะฮะฮะฮะฮ่า.... (เริ่มไม่เหมือนใครแล้วใช่มั้ย ฮะๆๆ)
ได้สถานที่ ได้วันที่ ได้มาสองอย่างนี้น่าจะถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีค่ะ เพราะความกดดันมันเริ่มทำตามหน้าที่มันแล้ว เราเริ่มป่าวประกาศ (เว่อร์เกิ๊น ก็แค่บอกน่ะค่ะ) สองสิ่งนี้ออกไปให้ญาติสนิท และ เพื่อนสนิท รับทราบเพื่อให้ล็อคคิวของตนเองเอาไว้ ขั้นตอนสำคัญต่อมาก็แน่นอนค่ะ.. แจ้งให้แขกอื่นๆทราบ... ทางใด..?? ก็ต้องด้วยการ์ดเชิญล่ะสินะ
แนวความคิดบัตรเชิญของคนแปลกคู่นี้ – การ์ดงานแต่งในมโนภาพทั่วไป ฟรุ้งฟริ้ง หอมหวล สีหวานบานฉ่ำ มีถ้อยคำไพเราะ “
กราบเรียนเชิญแทบเท้าเข้าซอกหว่างนิ้ว....” 5555 (นั่นก็เกินปายยย) ก็อะไรประมาณนั้นน่ะค่ะ แต่ใจเราสองคนคิด...
• การ์ดงานแต่งไม่ค่อยมีคนเก็บไว้ (ก็คือ ทิ้งนั่นเอง) บางทีก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวเป็นใคร ก็น่าจะต้องมีภาพเราด้วยซะหน่อย
• เขียนเรื่องราวของเราลงไปแบบกระชับเพื่อปูพื้นให้แขกทราบเรื่องราวของเราและทราบรูปแบบงาน และจะได้รู้จักเราสองคนมากขึ้นก่อนมางาน (หรือถ้าไม่ได้มา ก็ยังได้อ่านล่ะวะ!) อยากให้การ์ดเชิญมันได้ทำหน้าที่มากที่สุด มากกว่าบอกแค่วัน เวลา สถานที่ค่ะ
• ถ้อยคำต่างๆจะอ้อมค้อมไปใย ขอเป็นอะไรก็ได้ที่เห็นแล้วรู้ว่า “
เราจะแต่งงานกัน” และบอกชื่อไปเลยว่า แอ๊น & ขวัญ
• และที่สำคัญ.. ต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และสร้างขยะให้น้อยที่สุด
• ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้... จะจ้างใครทำเขาคงปวดหัว ว่าที่เจ้าบ่าว (ในตอนนั้น) ซึ่งมีประสบการณ์ออกแบบอาร์ทเวิร์คอะไรต่างๆมาไม่น้อยจึงขอลงมือเองเพื่อจะได้ตรงใจมากที่สุด
• เราก็จึงตกลงกันว่าขอใช้คำตรงๆจั่วหัวไปเลยว่า... “
เราจะแต่งงานกัน” และมันก็ออกมาหน้าตาแบบนี้...
***ที่สำคัญคือ ไม่มีคำว่า “
โต๊ะจีน” และ “
ขออภัยหากมิได้เรียนเชิญด้วยตนเอง” เนื่องจาก... อืมม เราคิดว่ามันไม่จำเป็นและไม่มีอะไรต้องขออภัยน่ะค่ะ (คิดแหวกแนว) นอกจากนี้เรายังมีความคิดจะใส่ประโยคที่ว่า “
ยินดีเชิญมาร่วมงานตามอัธยาศัย ไม่ต้องใส่ซองช่วยงาน” ลงไปอีกด้วย แต่หารือแล้วผู้ใหญ่ส่วนมากเห็นว่าจะแหวกแนวเกินไป ซึ่งเราสองคนก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน แขกโดยมากก็ยินดีที่จะสนับสนุนเราอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น... ไม่ขัดศรัทธาดีกว่า 555
เมื่อแบบ ภาษา การจัดวางต่างๆลงตัวดีแล้ว ก็มองหาโรงพิมพ์เลยค่ะ 555 ไม่หรอกค่ะ พอดีต้องไปปากคลองตลาดอยู่แล้ว เลยไปแวะร้านถ่ายเอกสารแถวๆโรงเรียนเพาะช่าง ลงทุนค่าถ่ายเอกสารไปหลักร้อย หุหุ (กระดาษขนาด A4 หนึ่งแผ่นถ่ายเอกสารหน้า-หลัง ได้การ์ดเชิญ 4 ใบ)
ด้านหลังบัตรเชิญที่ทำจากกระดาษรีไซเคิลสีน้ำตาลกลาง ๆ นั้นแจ้งรูปแบบงานไว้ชัดเจนว่าเป็นแนว “
บ้านไร่ ชายทุ่ง แต่งกายตามอัธยาศัยไร้สูท” เพราะเจ้าบ่าวเกษียณตัวเองออกมาทำสวนอินทรีย์ได้ร่วม 3 ปีแล้ว และมีจุดยืนด้านการเกษตรอย่างชัดเจนค่ะ ซึ่งรูปแบบงานเช่นนั้นก็คือความตั้งใจของเราสองคนค่ะ (เพื่อนๆมันก็เชียร์ด้วย) แต่ว่าเอาตรงๆนะคะ นาทีนั้นคิดว่า....
เอ... แล้วเราจะจัดยังไงกันหรือ???
มีการ์ดเชิญ ก็ต้องมีซองสิเนอะ.. เราสองคนยังคิดเหมือนเดิมค่ะ ว่าจะให้เหมือนคนอื่นน่ะมันไม่ได้ ต้องเข้ากับรูปแบบของงานให้รู้ว่าเราตั้งใจเชิญ ต้องธรรมชาติสุดๆ และถ้าเป็นวัสดุที่เราหาได้เองจะเจ๋งมาก และในที่สุด มันออกมาหน้าตาแบบนี้ค่ะ....
(เริ่มด้วยชื่อเพื่อน
แก๊งจิ๊งหน่อง 3 สุดรัก – กองหนุนที่จะมาช่วยสร้างบรรยากาศบ้านไร่ของเรานั่นเอง ต้องให้เกียรติกันหน่อยยย)
มันคือ
บ้องไม้ไผ่ที่เราตัดได้เองในสวน นำมาเลื่อยเป็นท่อนๆ ขัด ล้าง ตากแดด ไสๆ ลบคม ลบเหลี่ยม เอาเสี้ยนๆออกเพื่อความละมุนมือของผู้รับ เราไสผิวหน้าตามยาวส่วนหนึ่งของลำบ้องออกด้วยหัวเจียร ให้มีความยาวพอจะใช้ดินสอ 2B เขียนชื่อแขกลงไปได้ และทา wood stain เคลือบ (ช่วงนี้เราจะฝังใจกับเพื่อนๆที่มีชื่อ + นามสกุลยาวๆมากๆเลยฮะ) เราเลือกลักษณะของบ้องไม้ไผ่ตามความรู้สึกว่าบ้องไหนเหมาะกับใคร ค่อยๆบรรจงม้วนบัตรเชิญและแผนที่ที่เขียนเองใส่ลงในบ้อง และปิดผนึกด้วยกระดาษสาใบมะขามที่ซื้อมาจากตลาดแผ่นละ 5 บาท (ใช้บ้องละประมาณ 5 ตร.ซม. เอง) สนุกค่ะ
ทำไปประมาณเกือบ 200 บ้องค่ะ เบาๆ -_-‘’ แต่เพลินดีค่ะ
ส่วนแขกผู้ใหญ่ของพ่อแม่ก็ต้องมีซองกันเบาๆค่ะ และด้วยการพิมพ์คุณภาพจากร้านของนาย
บุญเริ่ด เพื่อนสาวคนสนิทของเจ้าบ่าว (อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ) ก็ได้ซองสีเหลืองนวลดูดีมาแบบด้านล่างนี้
เพื่อนเริ่ดช่วยพิมพ์รูปใบไม้ลงไปให้ด้วย และเพื่อให้มีความเชื่อมโยงกับรูปแบบงาน เราก็นำใยโปร่งของใบยางพาราคู่ทากาวแปะลงไปที่หน้าซองด้วย จะได้กลิ่นอายของบ้านไร่ชายทุ่ง (นิ้วเปื่อยกันเลยทีเดียวช่วงนั้น)
[CR] “เราจะแต่งงานกัน” – รีวิวงานแต่งงานสุดแซ่บ ครั้งแรก และ ครั้งเดียวในสามโลก
สวัสดีค่ะ ตามจริงกะจะเขียนเริ่มต้นเหมือนคนอื่นๆว่า นี่คือรีวิวแรกและเป็นมือใหม่เพิ่งหัดเขียน แต่ว่าไม่เขียนดีกว่าค่ะ เพราะอยากทำอะไรไม่เหมือนใคร 555 (เขียนไปแล้วนี่)
ก็กะว่าจะเขียนง่ายๆกระชับชัดเจนนะคะ เดี๋ยวมาลองติดตามกันดูค่ะ (ภาพประกอบนิดนึง จะได้จินตนาการหน้าตาตามได้ค่ะ) ใครที่ไม่ชอบอ่านยาวๆ ชมภาพประกอบก็ได้ค่ะ คงพอได้เห็นภาพรวมบ้าง ไม่ว่ากานนน
ภาพถ่ายโดยขวัญและขาตั้งกล้องของเขา
วัน-เวลา: เย็นย่ำ ค่ำวันเสาร์ที่ 4 มกราคม 2557
สถานที่: ห้องฉัตรทอง สโมสรทหารบก เทเวศร์
เจ้าของงาน: เจ้าบ่าวชื่อ “ขวัญ” ปัจจุบันทำสวนเกษตรอินทรีย์ที่ จ. ตราด และเป็นนักอนุรักษ์ (แต่ประวัติด้านอื่น ๆ โชกโชนมาก)
เจ้าสาวชื่อ “แอ๊น” อดีตและปัจจุบันเป็นเลขาผู้บริหาร บริษัทชั้นนำๆๆๆๆๆ
เหมือนชื่อกระทู้ค่ะ รีวิวงานแต่งงานสุดแซ่บ จะว่ามาอวดก็ได้ แต่อีกด้านหนึ่งก็คือ อยากนำเสนอการจัดงานแต่งงาน (ที่ใครๆก็แต่งกัน) ที่ (แปลก) แหวกแนว คิดอะไรออกนอกกรอบบ้าง ไหนๆก็จัดงานทั้งที อยากให้พี่น้องจัดเต็มกันไปเลยค่ะ
เท้าความถึงที่มาที่ไปของคนคู่นี้นิสนึงนะคะ ขวัญและแอ๊นเป็นเพื่อนร่วมชั้นประถมกันค่ะ ขวัญนั่งโต๊ะหน้าสุด แอ๊นนั่งโต๊ะถัดมา เคยเป็นตัวแทนกล่าวคำปฏิญาณ และ นำสวดมนต์คู่กัน จบ ป.6 ก็แยกย้ายกันไป แล้วโชคชะตาหนังสือหน้า(Facebook) ก็ลิขิต ให้เรากลับมาเจอกันอีกเมื่อวัย 29 ขวบ จนปิ๊งปั๊ง แล้วก็เป็นที่มาของงานในวันนั้น (ครั้งแรกที่เจอกันต่างคนต่างหน้าตาแบบนี้ค่ะ)
คบกันมาได้ประมาณเกือบ 3 ปี ก็ตัดสินใจว่า เอาน่ะ ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงอะไรกันมาก คิดว่าเป็นเวลาอันสมควรละเราจึงนัดผู้ใหญ่มาคุยกันและได้ข้อตกลงที่ว่า เรื่องงานแต่งงานนั้นให้เด็กๆเขาจัดการกันเอง เราสองคน (ที่คิดอะไรไม่ค่อยเหมือนใครอยู่แล้ว) ก็หันมองหน้ากันและสื่อสารกันทางสายตาว่า.. “มันล่ะฮ้าบบบ งานนี้!!!” (ยิ้มมุกปาก หึๆๆๆ)
ด้านเจ้าบ่าว:
• ขวัญเป็นคนสุดท้ายในโลกที่เพื่อนๆของเขาคิดว่าเขาจะจัดงานแต่งงาน
• อยากจัดงานแบบเรียบง่าย ไม่พิธีรีตรอง ไม่อยากเหมือนงานทั่วไป มาๆ ชักภาพๆ กินๆ ไชโยๆ กลับๆ แล้วก็จำอะไรไม่ได้แม้แต่ชื่อบ่าวสาว
• เชิญคนเป็นร้อยมางานทั้งที มันต้องมีอะไรให้เขากลับไปมากกว่าท้องที่อิ่ม (หนังท้องตึง สมองต้องเต็มด้วย)
• ไม่ยอมยืนเป็นหุ่นถ่ายรูปรับแขกหน้างาน ต้องการต้อนรับดูแลแขกด้วยตัวเองเพราะจะดูเป็นประโยชน์กว่า
• ไม่มีการถ่ายรูป Pre-Wedding เนื่องจากใครๆ ถ่ายมาก็ดูไม่เป็นตัวเอง ถ่ายมาก็เห่อดูอยู่สองสามวัน
• สร้างขยะจากงานแต่งงานให้น้อยที่สุด และเน้นการใช้วัสดุจากธรรมชาติ ลดการใช้พลาสติก
• ไม่มีไชโย ไม่มีตัดเค้ก
(โจทย์ยากมั้ยล่ะค่ะ.....)
ด้านเจ้าสาว:
• เน้นทำทุกอย่างเอง เพราะไม่มีใครเข้าใจเราได้ดีเท่าเรา (และที่สำคัญคือ.. ไม่มีตังจ้าง ฮ่าๆๆ)
• เป็นพิธีกร และ ร้องเพลงมาบ้างพอกุบกิบ ไปงานแต่งมาหลายงานแต่ไม่เคยขึ้นเวทีในฐานะเจ้าสาว จึงใฝ่ฝันไว้ว่าหากมีงานแต่งงาน แล้วได้เป็นพิธีกรเอง ร้องเพลงเอง และเป็นเจ้าสาวเอง ก็คงจะแปลกดี วะฮะฮะฮ่า...
• ต้องแสดงความเป็นตัวเองให้มากที่สุด ทำทุกอย่างที่ทำได้ อยู่กับแขกทั้งงานให้นานที่สุด ไม่มีการทิ้งเวที
• อยากให้มีโชว์จากบ่าวสาว เพื่อความพิเศษ และจะได้รู้จักตัวตนของบ่าวสาวยิ่งขึ้น
• สุดท้าย... อย่างไรก็ต้องมีงานแบบไทยๆในช่วงเช้า อันนี้ก็จัดไปตามประเพณีไทย เรียบง่ายที่ รพ. สงฆ์ ที่นี่เขาพร้อม มีเจ้าหน้าที่มืออาชีพ จริงๆ อันนี้ต้องขอชมค่ะ แนะนำทุกท่านมาใช้บริการที่นี่ได้เลย สบายหายห่วงมากๆค่ะ
(งบประมาณงานพิธีตอนนั้น ราวๆ 13,160บาท ค่ะ เหมาห้องสำหรับ 1 คู่ ข้อมูลเพิ่มเติมที่ท้ายรีวิวนี้นะคะ)
และด้านล่างนี้คือ.. ของหมั้นที่ฝ่ายเจ้าสาวเอาไปหมั้นหมายฝ่ายชายในวันงาน ลวดดัดๆเป็นรูปจักรยานค่ะ (ดัดเองเลยตามจินตนาการ) คือ เจ้าบ่าวไม่ชอบสวมแหวน และเขาเป็นนักปั่นจักรยานซึ่งคันเก่านั้นอายุมากแล้ว เลยขอของหมั้นเป็นจักรยานดีกว่า เข้าทางเราเลย 555 (ไม่ต้องลงทุนแหวนแพงๆ 555 แต่จักรยานสมัยนี้ก็.. ราคาสูงอยู่ใช่เล่น -_-‘’) ตอนจะแต่งนั้นยุ่งมากค่ะ เลยเหมือนแปะไว้ก่อนนะ เอาโมเดลไปเข้าฉาก ยังไม่ได้ซื้อ เดี๋ยวดูตอนท้ายกันนะคะว่าจะได้จักรยานแบบไหน
ขั้นเตรียมงาน
สถานที่ - ช่วงนั้นมึนมากค่ะ ไม่รู้จะเริ่มยังไง ก็ถามเพื่อนๆบ้าง หาในเน็ตบ้าง ไปดูบางสถานที่ก็ยังไม่ค่อยเข้าตา บางที่ก็โทรมทรุด เหมือนจะพังลงได้ใน 3 วัน 7 วัน บางที่ก็ติดซ่อมแซม สุดท้ายก็มาได้ที่ที่ 3 คือ สโมสรทหารบก เทเวศร์ ห้องฉัตรทอง สำหรับแขกประมาณ 300-500 คน ห้องดูดีใช้ได้ เพิ่งปรับปรุงใหม่ๆ เรารวบรวมรายชื่อแขกไปๆมาๆ ก็ได้จำนวนอพอดีกับห้องนี้เลย
ข้อมูลเพิ่มเติมที่ท้ายรีวิวนะคะ
แนวคิดคือ – ใกล้บ้านเราและบ้านญาติหลักๆ มีพื้นที่ทั้ง indoor และ outdoor ทำไมต้องมีพื้นที่ outdoor?? เดี๋ยวรู้กันค่ะ
กำหนดวันจัดงาน - แต่งวันไหนดี...?? นั่นน่ะสิ.. วันไหนดี??? ฤกษ์งาม-ยามดี ต้องไปดูกับหลวงพ่อวัดไหน?? ตรงนี้เราสองคนชัดเจนค่ะ ฤกษ์สะดวกเหมาะสุด ขอเป็นเย็นวันเสาร์ คนมาสะดวก ช่วงพฤศจิกา-ธันวา งานแต่งมีมากแล้วกองหนุนเราไม่ว่างหลายคน ส่วนเจ้าบ่าวก็มีตารางการดูแลสวน ต้องรดน้ำสวนมังคุดในช่วงกลางมกราคมเป็นต้นไป..
เราจึงตกลงปลงใจว่าในช่วงสองสัปดาห์แรกของมกรา57 นี่ล่ะ ต้องมีวันดีของเราแน่ ซึ่งขวัญก็พูดถึงพุทธพจน์อยู่บ่อย ๆ ว่า “สัตว์ทั้งหลายประพฤติชอบเวลาใด เวลานั้นนั้นชื่อว่าเป็นฤกษ์ดี มงคลดี สว่างดี รุ่งดี ยามดี” แอ๊นก็ว่าจริง เราจึงโทรติดต่อเรื่องวันว่างเพื่อจองสถานที่กับ รพ. สงฆ์ และ สโมสรทหารบก โดยได้วันสุขที่ 3 มกราคม และ วันเสาร์ที่ 4 มกราคม มาตามลำดับ เราจึงแบ่งงานออกเป็น 2 วัน (งานเช้า 1 วัน และ งานเย็น 1 วัน) เพื่อให้เราสองคนมีเวลาเตรียมงานเย็นได้มากขึ้น
ใช่ค่ะ วะฮะฮะฮะฮ่า.... (เริ่มไม่เหมือนใครแล้วใช่มั้ย ฮะๆๆ)
ได้สถานที่ ได้วันที่ ได้มาสองอย่างนี้น่าจะถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีค่ะ เพราะความกดดันมันเริ่มทำตามหน้าที่มันแล้ว เราเริ่มป่าวประกาศ (เว่อร์เกิ๊น ก็แค่บอกน่ะค่ะ) สองสิ่งนี้ออกไปให้ญาติสนิท และ เพื่อนสนิท รับทราบเพื่อให้ล็อคคิวของตนเองเอาไว้ ขั้นตอนสำคัญต่อมาก็แน่นอนค่ะ.. แจ้งให้แขกอื่นๆทราบ... ทางใด..?? ก็ต้องด้วยการ์ดเชิญล่ะสินะ
แนวความคิดบัตรเชิญของคนแปลกคู่นี้ – การ์ดงานแต่งในมโนภาพทั่วไป ฟรุ้งฟริ้ง หอมหวล สีหวานบานฉ่ำ มีถ้อยคำไพเราะ “กราบเรียนเชิญแทบเท้าเข้าซอกหว่างนิ้ว....” 5555 (นั่นก็เกินปายยย) ก็อะไรประมาณนั้นน่ะค่ะ แต่ใจเราสองคนคิด...
• การ์ดงานแต่งไม่ค่อยมีคนเก็บไว้ (ก็คือ ทิ้งนั่นเอง) บางทีก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวเป็นใคร ก็น่าจะต้องมีภาพเราด้วยซะหน่อย
• เขียนเรื่องราวของเราลงไปแบบกระชับเพื่อปูพื้นให้แขกทราบเรื่องราวของเราและทราบรูปแบบงาน และจะได้รู้จักเราสองคนมากขึ้นก่อนมางาน (หรือถ้าไม่ได้มา ก็ยังได้อ่านล่ะวะ!) อยากให้การ์ดเชิญมันได้ทำหน้าที่มากที่สุด มากกว่าบอกแค่วัน เวลา สถานที่ค่ะ
• ถ้อยคำต่างๆจะอ้อมค้อมไปใย ขอเป็นอะไรก็ได้ที่เห็นแล้วรู้ว่า “เราจะแต่งงานกัน” และบอกชื่อไปเลยว่า แอ๊น & ขวัญ
• และที่สำคัญ.. ต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และสร้างขยะให้น้อยที่สุด
• ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้... จะจ้างใครทำเขาคงปวดหัว ว่าที่เจ้าบ่าว (ในตอนนั้น) ซึ่งมีประสบการณ์ออกแบบอาร์ทเวิร์คอะไรต่างๆมาไม่น้อยจึงขอลงมือเองเพื่อจะได้ตรงใจมากที่สุด
• เราก็จึงตกลงกันว่าขอใช้คำตรงๆจั่วหัวไปเลยว่า... “เราจะแต่งงานกัน” และมันก็ออกมาหน้าตาแบบนี้...
***ที่สำคัญคือ ไม่มีคำว่า “โต๊ะจีน” และ “ขออภัยหากมิได้เรียนเชิญด้วยตนเอง” เนื่องจาก... อืมม เราคิดว่ามันไม่จำเป็นและไม่มีอะไรต้องขออภัยน่ะค่ะ (คิดแหวกแนว) นอกจากนี้เรายังมีความคิดจะใส่ประโยคที่ว่า “ยินดีเชิญมาร่วมงานตามอัธยาศัย ไม่ต้องใส่ซองช่วยงาน” ลงไปอีกด้วย แต่หารือแล้วผู้ใหญ่ส่วนมากเห็นว่าจะแหวกแนวเกินไป ซึ่งเราสองคนก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน แขกโดยมากก็ยินดีที่จะสนับสนุนเราอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น... ไม่ขัดศรัทธาดีกว่า 555
เมื่อแบบ ภาษา การจัดวางต่างๆลงตัวดีแล้ว ก็มองหาโรงพิมพ์เลยค่ะ 555 ไม่หรอกค่ะ พอดีต้องไปปากคลองตลาดอยู่แล้ว เลยไปแวะร้านถ่ายเอกสารแถวๆโรงเรียนเพาะช่าง ลงทุนค่าถ่ายเอกสารไปหลักร้อย หุหุ (กระดาษขนาด A4 หนึ่งแผ่นถ่ายเอกสารหน้า-หลัง ได้การ์ดเชิญ 4 ใบ)
ด้านหลังบัตรเชิญที่ทำจากกระดาษรีไซเคิลสีน้ำตาลกลาง ๆ นั้นแจ้งรูปแบบงานไว้ชัดเจนว่าเป็นแนว “บ้านไร่ ชายทุ่ง แต่งกายตามอัธยาศัยไร้สูท” เพราะเจ้าบ่าวเกษียณตัวเองออกมาทำสวนอินทรีย์ได้ร่วม 3 ปีแล้ว และมีจุดยืนด้านการเกษตรอย่างชัดเจนค่ะ ซึ่งรูปแบบงานเช่นนั้นก็คือความตั้งใจของเราสองคนค่ะ (เพื่อนๆมันก็เชียร์ด้วย) แต่ว่าเอาตรงๆนะคะ นาทีนั้นคิดว่า.... เอ... แล้วเราจะจัดยังไงกันหรือ???
มีการ์ดเชิญ ก็ต้องมีซองสิเนอะ.. เราสองคนยังคิดเหมือนเดิมค่ะ ว่าจะให้เหมือนคนอื่นน่ะมันไม่ได้ ต้องเข้ากับรูปแบบของงานให้รู้ว่าเราตั้งใจเชิญ ต้องธรรมชาติสุดๆ และถ้าเป็นวัสดุที่เราหาได้เองจะเจ๋งมาก และในที่สุด มันออกมาหน้าตาแบบนี้ค่ะ....
(เริ่มด้วยชื่อเพื่อนแก๊งจิ๊งหน่อง 3 สุดรัก – กองหนุนที่จะมาช่วยสร้างบรรยากาศบ้านไร่ของเรานั่นเอง ต้องให้เกียรติกันหน่อยยย)
มันคือบ้องไม้ไผ่ที่เราตัดได้เองในสวน นำมาเลื่อยเป็นท่อนๆ ขัด ล้าง ตากแดด ไสๆ ลบคม ลบเหลี่ยม เอาเสี้ยนๆออกเพื่อความละมุนมือของผู้รับ เราไสผิวหน้าตามยาวส่วนหนึ่งของลำบ้องออกด้วยหัวเจียร ให้มีความยาวพอจะใช้ดินสอ 2B เขียนชื่อแขกลงไปได้ และทา wood stain เคลือบ (ช่วงนี้เราจะฝังใจกับเพื่อนๆที่มีชื่อ + นามสกุลยาวๆมากๆเลยฮะ) เราเลือกลักษณะของบ้องไม้ไผ่ตามความรู้สึกว่าบ้องไหนเหมาะกับใคร ค่อยๆบรรจงม้วนบัตรเชิญและแผนที่ที่เขียนเองใส่ลงในบ้อง และปิดผนึกด้วยกระดาษสาใบมะขามที่ซื้อมาจากตลาดแผ่นละ 5 บาท (ใช้บ้องละประมาณ 5 ตร.ซม. เอง) สนุกค่ะ
ทำไปประมาณเกือบ 200 บ้องค่ะ เบาๆ -_-‘’ แต่เพลินดีค่ะ
ส่วนแขกผู้ใหญ่ของพ่อแม่ก็ต้องมีซองกันเบาๆค่ะ และด้วยการพิมพ์คุณภาพจากร้านของนายบุญเริ่ด เพื่อนสาวคนสนิทของเจ้าบ่าว (อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ) ก็ได้ซองสีเหลืองนวลดูดีมาแบบด้านล่างนี้ เพื่อนเริ่ดช่วยพิมพ์รูปใบไม้ลงไปให้ด้วย และเพื่อให้มีความเชื่อมโยงกับรูปแบบงาน เราก็นำใยโปร่งของใบยางพาราคู่ทากาวแปะลงไปที่หน้าซองด้วย จะได้กลิ่นอายของบ้านไร่ชายทุ่ง (นิ้วเปื่อยกันเลยทีเดียวช่วงนั้น)