คิดว่าน่าจะทยอยจบกันไปแล้ว สำหรับอนิเม SS สุดท้ายของปี (ยกเว้นพวก 24 ตอน+ นะ)
มารีวิวส่งท้ายปีกันหน่อยละกันครับ ใครขี้เกียจก็ให้แต่คะแนนก็ได้นะ

ของผมมีดอง+ดรอปไว้ตามนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Ore, Twintail ni Narimasu เหมาะสำหรับคนชอบพวกแนวขบวนการเซนไต(?) เนื้อเรื่องบ้าบอมาก ดูไปถึงตอนที่ 7 แล้วยังไม่ได้ดูต่อ และน่าจะดรอปด้วย

Terra Formars รู้สึกจะค้างไว้ที่ ตอน 3 เซ็งๆ เพราะเซ็นเซอร์ (ถึงจะมีแบบ uncen ตามมาทีหลังก็เถอะ) คิดว่าจะพยายามดูให้จบ

Shingeki no Bahamut – Genesis ดูค้างไว้ที่ตอน 6 แล้วหยุดไปตอนที่มันออก 6.5 มา แต่คิดว่าคงตามต่อจนจบ

Nanatsu no Taizai ดองไว้หลังดูตอนแรกจบ แต่ไม่น่าดรอป เพราะดูอารมณ์แล้วคล้ายดราก้อนบอลดี


ของผมที่ดูไปจนจบ (หรือถึงตอนล่าสุด) ตามนี้ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Hitsugi no Chaika –Avenging Battle– (7/10)

อนิเมแนวแอ็คชั่นแฟนตาซีภาคต่อ เป็นเรื่องที่ทำฉากแอ็คชั่นได้สนุกเรื่องนึงเลยของซีซั่นนี้ เนื้อเรื่องที่เป็นปริศนาในภาคก่อนก็ค่อยๆ คลายออกมาเรื่อยๆ ช่วงก่อนถึงบทสุดท้ายนั้น ผมว่ามันยังทำได้ดีเหมือนๆ กับภาคที่แล้วนะ แต่พอเข้าบทสุดท้าย ยิ่งตอนสุดท้ายด้วยแล้วนี่ ผมว่าแทบทุกคนเลยล่ะที่ต้องบ่นกันว่า “อะไรวะเนี่ย!?” เพราะมันเละเทะแบบน่าเกลียดมากๆ เป็นการจบอนิเมไปแบบที่ว่าน่าผิดหวังสุดๆ เลย พังเพราะตอนจบแท้ๆ


SAO II (7.5/10)

ถ้า Mother’s Rosario ยังเนื้อหาเหมือนบทก่อนๆ คะแนนคงน้อยกว่านี้ คือก่อนบทสุดท้ายนี่มันไม่มีอะไรแปลกใหม่เลย เดินเรื่องมายังไงก็ยังงั้น มาน่าสนใจอีกทีก็บทสุดท้ายนี่ล่ะ คิดว่าน่าจะเพราะมีการพูดถึงเรื่องเทคโนโลยีด้วยล่ะมั้งนะ

ขอพูดแค่บทสุดท้ายละกัน ที่รู้สึกสนุกขึ้นนอกจากเรื่องเทคโนโลยีก็เช่น เปลี่ยนตัวคนมีบทเด่นจากคิริโตะ แล้วก็ดราม่าของยูกิ โดยตรงดราม่าของยูกินั้น โดนคนอ่านนิยายบอกว่าดราม่ามาก แต่อนิเมกลับดึงอารมณ์ไม่ค่อยได้เลย แล้วพอมาตอนสุดท้ายนี่อารมณ์แบบโรลเลอร์โคสเตอร์มาก [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้คือตอนมีแค่อาสึนะมาหายูกินี่ ผมเฉยๆ นะ แต่พอมีพวก Sleeping Night มาหาด้วยนี่ อารมณ์ได้แบบเกือบสุดละ แต่พอมีมาเพิ่มกันแทบทั้งเซิร์ฟด้วยนี่ คือรู้สึกว่ามันไม่ใช่อ่ะ อารมณ์ร่วมมันกลับหายไปซะเฉยๆ ซะอย่างนั้น แล้วก็กลับมามีอารมณ์ร่วมอีกทีตอนยูกิพูดทิ้งท้ายก่อนจากนี่ล่ะ

สรุปจากทั้ง 2 ภาค ตามความชอบก็ SAO 3 ตอนแรก > Mother’s Rosario >>> SAO ตอนที่เหลือ > GGO > ALO


Amagi Brilliant Park (7.5/10)

เป็นเรื่องของ KyoAni ที่เปิดมาตอนแรก ก็มีหลายฉากที่แบบไม่น่าเชื่อว่า KyoAni จะทำจนได้

ดูเผินๆ จะเหมือนแนวแฟนตาซี แต่จริงๆ เป็นแนวแก๊ก แซมเซอร์วิสสาวๆ มาแบบไม่น่าเกลียด โครงเรื่องหลักคือกอบกู้สวนสนุก การเดินเรื่องในแต่ละตอนดูแทบจะไม่เกี่ยวกับเป้าหมายหลักของเรื่องเลย แต่ถ้าคิดดูดีๆ มันก็เหมือนเป็นการไล่เก็บจุด Attraction ในแต่ละตอนไว้เพิ่มยอดคน ส่วนตัวครึ่งแรกไม่ค่อยรู้สึกสนุกเท่าไร แต่หลังจากตอนคานิเอะป่วยเป็นต้นมา กลับรู้สึกว่ามันสนุกดีจริงๆ

ที่ชอบที่สุดของเรื่องนี้คือ ความกวน Teen ของทีรามี่ แล้วก็ความติ๊งต๊องของซิลฟี่นี่แหละ

ปล. ตัวประกอบ KyoAni แต่ละเรื่องนี่ เอาไปเป็นนางเอกได้สบายๆ เลยนะเนี่ย....[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


Sora no Method (7.5/10)

โลลิเอริโอ้ ! เปิดเรื่องมาแบบประกาศว่าดราม่ามาแน่ๆ แต่ไม่ได้ดราม่าปวดตับอะไรนัก แถมเดาทางง่ายด้วย แก่นของเรื่องนั้นค่อนข้างธรรมดา เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน แต่แก่นเรื่องมีอยู่ก็รู้สึกเหมือนไม่มี เพราะการเดินเรื่องสื่อออกมาไม่ค่อยชัดเจนเลยจนมาถึง 2-3 ตอนท้ายๆ โน่น (พีคสุดที่ตอน 11 ที่ทำให้รู้สึกว่าเพลง ED เพราะขึ้นเยอะเลย) เรียกว่าเป็นเรื่องที่ดูเอาเพลินๆ ได้ แต่ก็ไม่มีจุดเด่นแบบเด่นชัดอะไรจะให้พูดถึงเหมือนกัน

ปล. โนเอลน่ารักดี


Inou Battle wa Nichijou-kei no Naka de (7.5/10)

อนิเมแนวพระเอกเป็นจูนิเบียว แต่กลับมีพลังพิเศษจริงๆ แต่ถึงมีพลังพิเศษให้ใช้กัน แต่เนื้อเรื่องแทบไม่มีฉากบู๊กันเลย เดินเรื่องแบบเรื่อยเปื่อย ยิงมุก ตบมุกกันไปเป็นตอนๆ มีดราม่าเล็กๆ แซมมาเป็นระยะๆ ดูกันได้เพลินๆ จะมีช่วงครึ่งหลัง ที่เริ่มมีเนื้อเรื่องให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาหน่อย แต่สุดท้ายก็จบเรื่องไปแบบเหมือนทีมทำอนิเมกั๊กๆ เหมือนอยากทำต่อ

งานภาพของเรื่องนี้ จะบอกว่าเผาผมก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะผมเองไม่ค่อยได้ตามงานของ Trigger ด้วย แต่ก็คิดว่าคงเป็นสไตล์นี้อยู่แล้วล่ะมั้ง และก็คงเป็นเพราะเป็นเรื่องเน้นคอเมดี้ด้วย เลยไม่ติดใจเรื่องงานภาพอะไรซักเท่าไร

ส่วนที่ติดตา(หู)และน่าจะเป็นที่พูดถึงกันมากที่สุดของเรื่องนี้ก็คือฉากนั้น ที่แสดงฝีมือพากย์ของฮายามิ ซาโอริ นั่นแหละครับ


Log Horizon 2 (8/10) [ยังไม่จบ]

ภาคต่อ ที่เปลี่ยนสตูดิโอทำ หลายคนกลัวเรื่องงานภาพ แต่ก็ทำออกมาได้โอเค ไม่น่าเกลียด (ถึงจะมีรีไซเคิลฉากภาคก่อนเยอะก็เถอะ)

เนื้อเรื่องช่วงแรกๆ ทำแบบโดดข้ามไปข้ามมาซะชวนงง แต่ก็มาเฉลยให้เห็นในช่วงหลังก็รู้สึกโอเคขึ้น เนื้อเรื่องบางจุดเอื่อยมาก (โดยเฉพาะช่วงตอนของอาคัตซึกิ) แต่ฉากสู้ ยังคงทำออกมาให้มีกลิ่นอายของเกมออนไลน์อย่างเต็มที่ เป็นจุดที่ผมชอบที่สุดจากอนิเมเรื่องนี้เลย

ไม่รู้จะเขียนอะไรต่อละ ไว้ครึ่งหลังจบค่อยว่ากันอีกทีละกัน


Psycho-Pass 2 (8/10)

ภาคต่อที่เปลี่ยนคนเขียนบท การเดินเรื่องก็ยังใกล้เคียงกับภาคแรก คือสังคม กฎระเบียบในโลกใหม่ ที่ตัดสินความดีชั่วของคนด้วยระบบเพียงอย่างเดียวเนื้อเรื่องเครียดเป็นอันดับต้นๆ ของซีซั่นนี้เลย หลายๆ ฉากทำออกมาได้กดดันสุดๆ

ส่วนที่ติดใจ แต่ไม่ได้เพราะประทับใจคือน้องหนูมิกะ ที่ช่าง----------สรรหาคำมาบรรยายแบบไม่หยาบมาให้ยากซะเหลือเกิน !!

หลายคนบอกเทียบกับภาคแรกแล้วสนุกสู้ไม่ได้ ซึ่งผมก็เห็นด้วยนะ แต่ไม่อยากโทษคนเขียนบท คิดว่าเพราะทำแค่ 11 ตอนมากกว่า เนื้อเรื่องก็เลยดูเร่งๆ เข้าใจยากถึงยากมาก ทำเอาความสนุกหายไปพอควร เชื่อว่าถ้าทำเป็น 22 ตอนแบบภาคที่แล้ว หรืออย่างน้อยให้เป็นซัก 13 ตอนคงไม่เป็นแบบนี้ (สล็อต noitaminA ทำพิษอีกเรื่อง)


Yuuki Yuuna wa Yuusha de Aru (8.5/10)

น่าจะเป็นม้ามืดของหลายๆ คน เป็นแนวผู้กล้ากู้โลก ที่ดูยังไงก็สาวน้อยเวทมนตร์ชัดๆ

สำหรับคนที่รู้ว่า [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้คนเขียนบทคือคนแต่ง Akame ga KILL! คงจะรู้สึกถึงทิศทางของเรื่องได้ตั้งแต่ 2-3 ตอนแรกแล้ว ซึ่งเรื่องช่วงมันก็ดำเนินไปอย่างเรื่อยเปื่อยมากๆ แต่ครึ่งหลังนี่เข้มข้นซะแบบอารมณ์มาเต็มเลยจริงๆ

ไม่อยากพูดอะไรเป็นการสปอยล์มาก บอกได้แค่ว่าเป็นอีกเรื่องที่จบได้ดีในซีซั่นนี้เลยครับ แถมมีลุ้นภาคต่อด้วย


Grisaia no Kajitsu (8.5/10)

ผมว่าเรื่องนี้มีหลายคนที่ดูนะ แต่ไม่ค่อยมีคนพูดถึงเฉยๆ เป็นอีกเรื่องที่เรียกได้ว่ามีให้ครบรสเลยจริงๆ จะบอกว่าเป็นฮาเร็มในรั้วโรงเรียน มันก็ไม่ผิด เพียงแต่การเดินเรื่อง มันไม่ใช่แนวฮาเร็ม แต่เป็นแนวเน้นดราม่าเลยล่ะ

เนื่องจากเป็นอนิเมจากเกม VN เรื่องนี้เลยทำออกมาแบบให้สาวๆ แต่ละคนมีบทของตัวเองกันไปเลย แล้วแต่ว่าใครได้ตอนมาก-น้อย ปมของแต่ละคนก็จะหนัก-เบา ต่างกันไป แล้วพระเอกก็จะเป็นคนคอยแก้ปมให้ ซึ่งวิธีแก้ปมให้แต่ละคนนั้น จะว่าธรรมดาก็ไม่เชิง จะว่าไม่ธรรมดาก็ไม่ขนาดนั้น แต่รู้สึกว่ามันเจ๋งดีแฮะ แถมหน้าตาย(และตายด้านเรื่องผู้หญิง?)อีกต่างหาก

ที่ชอบสุดคือบทของอามาเนะ ที่ได้จำนวนตอนเยอะสุดละ ถึงจะมีบางจุดที่พอจะเอาทางออกก็เถอะ

เรื่องนี้มีประกาศทำภาคต่อมาแล้วอีก 2 ภาค คนที่ตามดูก็รอดูกันอย่างใจจดใจจ่อแน่ๆ ล่ะ


Akame ga KILL! (8.5/10)

ลากยาวมาจากซีซั่นก่อน เนื้อหาก็ยังคงแบบเดิมคือไล่ล่าฆ่าฟัน ต่างคนก็มีเหตุผลให้ต้องต่อสู้

ตัวผมไม่ได้อ่านสปอยล์มังงะ ตามแต่รวมเล่มของไทย (เริ่มตามเพราะอนิเมนี่แหละ) เพราะงั้นในภาคนี้ก็ยังคงรู้สึกสนุกกับอนิเมได้เต็มที่อยู่เหมือนเดิม ฉากกระชากอารมณ์ถือว่าทำได้ดี แต่ตรงที่หลายๆ คนบอกว่าอนิเมเริ่มเดินเรื่องแบบออริแล้วนั้น ผมก็รู้สึกว่าอารมณ์ร่วมมันลดลงไปอย่างเห็นได้ชัดเหมือนกัน รวมถึงตัวเรื่องที่ดูเร่งๆ ขึ้นด้วย

ส่วนตอนจบนั้นผมโอเคนะ ยังไงมันก็ดูสมเหตุสมผลกับเนื้อเรื่องดีเหมือนกัน ทีนี้ก็ไปลุ้นมังงะต่อล่ะว่าจะจบแบบไหน แต่คิดว่าไม่น่าจะต่างกันมากหรอกมั้ง


Fate/Stay Night – UBW – 2014 (8.5/10) [ยังไม่จบ ต่อเดือนเมษา 2015]

งานรีเมคภาค UBW ที่เคยทำเป็นหนังโรงมาแล้ว ส่วนตัวเคยดูตอนเป็นหนังโรงแค่ครึ่งหลังทางทีวีเองมั้ง คราวนี้ก็เลยเหมือนได้ดูเต็มๆ แต่ต้นซะที

เรื่องฉากแอ็คชั่น ไม่ต้องห่วงเลยกับสตูดิโอนี้ ทำได้สนุกสุดๆ แต่ก็จะชอบเห็นไปอู้เอากับฉากพูดคุยกันนี่แหละ ที่ชอบทำฉากซุมไกลๆ เป็นคนยืนคุยกัน ส่วนด้านเนื้อเรื่องก็มีแค่บางจังหวะที่มันดูเอื่อยๆ ไปหน่อย แต่ก็มีจุดเล็กจุดน้อยหลายจุดเหมือนกันที่เสริมเข้ามา ให้เห็นความเกี่ยวเนื่องกับภาค Zero ที่ทาง Ufotable เป็นคนทำไปก่อนหน้านี้ ยิ่งทำให้ใครที่ดูภาค Zero มาด้วยแล้วเข้าใจอารมณ์ของตัวละครมากเข้าไปด้วย

ตรงนี้เป็นบ่นส่วนตัว [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เห็นหลายคนชอบบ่นเรื่องบท แล้วเอาไปเทียบกับภาค Zero ที่ลุงเก็นมีส่วนร่วม ว่าสนุกสู้ไม่ได้มั่งล่ะน่าให้ลุงเก็นเขียนบทภาคนี้มั่งล่ะ ผมไม่ขอพูดถึงเรื่องนาสุกับลุงเก็นละกัน เพราะเห็นเถียงกันมาเยอะละ แต่ลืมอะไรกันไปรึเปล่าครับ ว่าภาค Zero ตัวละครหลักๆ มันวัยไหนกัน? แล้วภาคนี้ตัวละครส่วนมากมันวัยไหน? จะไม่ให้มีฉากลัลล้าในโรงเรียนเลยมันก็ยังไงอยู่นะ แถมเรื่องมันพึ่งมาได้แค่ครึ่งเดียวด้วย จะตัดสินกันก็ควรจะให้มันจบสมบูรณ์ไปก่อนดีกว่า ซึ่งส่วนตัวถ้าเทียบกันแค่ครึ่งแรกของทั้ง 2 ภาค ผมยังว่ารู้สึกสนุกพอๆ กัน (และมีจุดน่าเบื่อพอๆ กัน) เลยด้วยซ้ำ


Shigatsu wa Kimi no Uso (10/10) [ยังไม่จบ]

แนวดนตรี+ดราม่า (หรือดราม่า+ดนตรี?) ทีแรกไม่ได้สนใจเรื่องนี้ และสารภาพตรงๆ ว่าลองเอามาดูเพราะชอบดีไซน์ของคาโอริ แต่แค่ตอนแรกก็น่าสนใจแล้ว แล้วยิ่งดูต่อ ยิ่งติดเรื่องนี้มากขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายไปซื้อมังงะของ VBK มาเลย (แต่ไม่ได้ตามสปอยล์)

ส่วนนึงทีเรื่องนี้ดูสนุก คิดว่าน่าจะเพราะตัวมังงะเนื้อหาดีอยู่แล้ว แล้วอนิเมก็ทำตามต้นฉบับมาแทบจะเป๊ะๆ เลย จะดีกว่าก็ตรงในอนิเม เราจะได้ยินเสียงบรรเลงดนตรีคลาสสิกไปด้วย ผมเองไม่ได้มีหัวด้านดนตรีอะไรนัก แต่ฟังการบรรเลงแต่ละเพลงแล้ว อดขนลุกไม่ได้จริงๆ (จะบอกว่าเพราะเพลงที่เล่นเป็นของพวกบีโทเฟ่นอะไรแบบนั้นก็คงได้)

เป็นเรื่องที่ดูแล้วรู้สึกมีอารมณ์ร่วมไปกับตัวเอกมาก เป็นเรื่องที่ชอบที่สุดในซีซั่นนี้ หวังว่าครึ่งหลังงานจะไม่ดรอปลงไปนะ


หมดแล้วครับ ของคนอื่นๆ เป็นไงกันมั่งเอ่ย? เอาแค่คะแนนก็ได้นะ ไม่ต้องเขียนยาว ส่งท้ายปีกัน

ถ้าจะสปอยล์จุดสำคัญอะไร รบกวนครอบสปอยล์ไว้ด้วยนะครับ