*มีตอนที่ 3 แล้วนะคะ
http://ppantip.com/topic/33062064
จากความเดิมตอนที่แล้ว
http://ppantip.com/topic/33025388 ตอนนี้เรามาอยู่ Cusco แล้วค่ะ
แต่เนื่องจากว่ามาเยี่ยมชม Machu Picchu ก่อน ก็เลยจะเขียนเกี่ยวกับตัวเมือง Cusco ทีหลังต่างหากค่ะ
ประวัติมาชู ปิชูคร่าวๆ
มาชู ปิชู ตั้งอยู่ในเมืองที่มีชื่อเดียวกัน คือ Machu Picchu หรือมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Aguas Calientes (อากวัส กาเลียนเตส) เป็นสิ่งก่อสร้างของชาวอินคา คาดว่าสร้างขึ้นราวศตวรรษที่ 15 โดย Pachacuti ผู้ปกครองอาณาจักร Cusco ในสมัยนั้น ส่วนจุดประสงค์ของการสร้างเมืองนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัด บางทฤษฏีบอกว่าเพื่อเป็นศูนย์กลางการปกครอง หรือที่ประกอบพิธีกรรมต่างๆ อย่างไรก็ดีหลังจากก่อตั้งมาได้เพียงร้อยกว่าปี เมืองนี้ก็ถูกปล่อยทิ้งร้างไป เวลาผ่านไปกว่า 500 ปี โดยที่ไม่มีใครเข้ามาค้นพบ หรือบุกรุกแม้กระทั้งจากผู้ล่าอาณานิคมชาวสเปน ทำให้เมืองๆ นี้อยู่รอดมาได้ค่อนข้างสมบูรณ์ จนกระทั่งเมือปี 1911 นักโบราณคดีชาวอเมริกัน Hiram Bingham ได้ค้นพบเมืองนี้เข้าโดยบังเอิญ จากคำบอกเล่าของชาวบ้านในละแวกนั้น ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมารัฐบาลเปรูได้สั่งให้มีการบูรณะมาชู ปิชู และต่อมาได้ประกาศให้เป็นเขตอนุรักษ์ทางประวัติศาสตร์ในปี 1981 ในปัจจุบันมาชู ปิชูได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ดึงดูดนักท่องเที่ยวปีละประมาณหนึ่งล้านคน
อย่างไรก็ดีการเข้าเยี่ยมชมมาชู ปิชูจะต้องซื้อบัตรเข้าก่อน ซึ่งบัตรเข้าชมนั้นไม่สามารถซื้อหน้างานได้ คือต้องซื้อล่วงหน้าทางเน็ต หรือไปซื้อกับเจ้าหน้าที่ในเมืองอากวัส กาเลียนเตส ซึ่งสามารถทำได้ในวันเดียวกัน ส่วนเราเนื่องจากบัตรบนเว็บไซต์ขายหมด เราเลยต้องมาซื้อในเมืองแทน ราคาประมาณ $50 สำหรับผู้ใหญ่ชาวต่างชาติ แต่ถ้ามีบัตรนักเรียน หรือเป็นคนเปรูก็จะถูกกว่านี้ประมาณครึ่งๆ อย่างไรก็ตามเนื่องจากรัฐบาลเปรูต้องการที่จะอนุรักษ์สถานที่ไว้ จึงมีการกำหนดโควตาจำนวนคนเยี่ยมชม สำหรับมาชูปิชู จำกัด 2500 คนต่อวันค่ะ ส่วน Huayna Picchu ซึ่งเป็นภูเขาใกล้ๆกัน จำกัดเพียงแค่ 400 คน/วันเท่านั้น
ส่วนการเดินทางไปมาชูปิชูนั้นมีได้หลายแบบ ทั้งเดิน นั่งรถบัส หรือสบายหน่อยก็รถไฟ เนื่องจากเราเป็นคน รักการผจญภัย (แต่พอประมาณ) ก็เลยเลือกอันหลังสุด 555 เป็นรถไฟชื่อว่า Perurail นั่งจาก Poroy, Cusco ไปถึง Aguas Calientes เป็นเวลาเพียง 3 ชั่วโมง ในระหว่างทางก็จะมีดนตรีเบาๆ พร้อมคำบรรยายสถานที่ เป็นภาษาสเปนและอังกฤษ
แต่สำหรับใครที่อยากจะผจญภัยแบบลุยๆ ถึกๆ ก็จะมีโปรแกรมเดินป่าไปยังมาชู ปิชู ซึ่งหลายๆ คนน่าจะคุ้นเคยกันดี มีชื่อเรียกว่า the Inca Trail นั้นเอง ระยะเวลา และระยะทางหลากหลายตั้งแต่ 2 วันไปจนถึง 6 วัน แล้วแต่ความอึด อันนี้จะเป็นนิยามของคำว่า "นอนกลางดิน กินกลางทราย" ค่ะ แต่ในการเดินป่าต้องมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลเสมอนะคะ จะไปเดินเองสุ่มๆไม่ได้เด็ดขาด เพราะหากเกิดอะไรผิดพลาด อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตค่ะ
อันนี้เป็นบรรยากาศภายในสถานีรถไฟค่ะ รถออกเช้ามาก ต้องมารอตั้งแต่ 6 โมงเช้า
วิวระหว่างทาง (รูปน้อย เพราะส่วนใหญ่หลับ55)
ถึงแล้ว เมือง Aguas Calientes
ตั๋วรถบัสขึ้นมาชู ปิชู
และแล้วไฮไลท์ก็มาถึง...
ลามะน้อย กำลังเดินเฉิดฉาย
ตบท้ายด้วย การจิบน้ำส้มชมวิว ฟินนน...
แบกเป้ ฉายเดี่ยว เที่ยวเปรู ตอนที่ 2 Machu Picchu อาณาจักรชาวอินคา
จากความเดิมตอนที่แล้ว http://ppantip.com/topic/33025388 ตอนนี้เรามาอยู่ Cusco แล้วค่ะ
แต่เนื่องจากว่ามาเยี่ยมชม Machu Picchu ก่อน ก็เลยจะเขียนเกี่ยวกับตัวเมือง Cusco ทีหลังต่างหากค่ะ
ประวัติมาชู ปิชูคร่าวๆ
มาชู ปิชู ตั้งอยู่ในเมืองที่มีชื่อเดียวกัน คือ Machu Picchu หรือมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Aguas Calientes (อากวัส กาเลียนเตส) เป็นสิ่งก่อสร้างของชาวอินคา คาดว่าสร้างขึ้นราวศตวรรษที่ 15 โดย Pachacuti ผู้ปกครองอาณาจักร Cusco ในสมัยนั้น ส่วนจุดประสงค์ของการสร้างเมืองนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัด บางทฤษฏีบอกว่าเพื่อเป็นศูนย์กลางการปกครอง หรือที่ประกอบพิธีกรรมต่างๆ อย่างไรก็ดีหลังจากก่อตั้งมาได้เพียงร้อยกว่าปี เมืองนี้ก็ถูกปล่อยทิ้งร้างไป เวลาผ่านไปกว่า 500 ปี โดยที่ไม่มีใครเข้ามาค้นพบ หรือบุกรุกแม้กระทั้งจากผู้ล่าอาณานิคมชาวสเปน ทำให้เมืองๆ นี้อยู่รอดมาได้ค่อนข้างสมบูรณ์ จนกระทั่งเมือปี 1911 นักโบราณคดีชาวอเมริกัน Hiram Bingham ได้ค้นพบเมืองนี้เข้าโดยบังเอิญ จากคำบอกเล่าของชาวบ้านในละแวกนั้น ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมารัฐบาลเปรูได้สั่งให้มีการบูรณะมาชู ปิชู และต่อมาได้ประกาศให้เป็นเขตอนุรักษ์ทางประวัติศาสตร์ในปี 1981 ในปัจจุบันมาชู ปิชูได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ดึงดูดนักท่องเที่ยวปีละประมาณหนึ่งล้านคน
อย่างไรก็ดีการเข้าเยี่ยมชมมาชู ปิชูจะต้องซื้อบัตรเข้าก่อน ซึ่งบัตรเข้าชมนั้นไม่สามารถซื้อหน้างานได้ คือต้องซื้อล่วงหน้าทางเน็ต หรือไปซื้อกับเจ้าหน้าที่ในเมืองอากวัส กาเลียนเตส ซึ่งสามารถทำได้ในวันเดียวกัน ส่วนเราเนื่องจากบัตรบนเว็บไซต์ขายหมด เราเลยต้องมาซื้อในเมืองแทน ราคาประมาณ $50 สำหรับผู้ใหญ่ชาวต่างชาติ แต่ถ้ามีบัตรนักเรียน หรือเป็นคนเปรูก็จะถูกกว่านี้ประมาณครึ่งๆ อย่างไรก็ตามเนื่องจากรัฐบาลเปรูต้องการที่จะอนุรักษ์สถานที่ไว้ จึงมีการกำหนดโควตาจำนวนคนเยี่ยมชม สำหรับมาชูปิชู จำกัด 2500 คนต่อวันค่ะ ส่วน Huayna Picchu ซึ่งเป็นภูเขาใกล้ๆกัน จำกัดเพียงแค่ 400 คน/วันเท่านั้น
ส่วนการเดินทางไปมาชูปิชูนั้นมีได้หลายแบบ ทั้งเดิน นั่งรถบัส หรือสบายหน่อยก็รถไฟ เนื่องจากเราเป็นคน รักการผจญภัย (แต่พอประมาณ) ก็เลยเลือกอันหลังสุด 555 เป็นรถไฟชื่อว่า Perurail นั่งจาก Poroy, Cusco ไปถึง Aguas Calientes เป็นเวลาเพียง 3 ชั่วโมง ในระหว่างทางก็จะมีดนตรีเบาๆ พร้อมคำบรรยายสถานที่ เป็นภาษาสเปนและอังกฤษ
แต่สำหรับใครที่อยากจะผจญภัยแบบลุยๆ ถึกๆ ก็จะมีโปรแกรมเดินป่าไปยังมาชู ปิชู ซึ่งหลายๆ คนน่าจะคุ้นเคยกันดี มีชื่อเรียกว่า the Inca Trail นั้นเอง ระยะเวลา และระยะทางหลากหลายตั้งแต่ 2 วันไปจนถึง 6 วัน แล้วแต่ความอึด อันนี้จะเป็นนิยามของคำว่า "นอนกลางดิน กินกลางทราย" ค่ะ แต่ในการเดินป่าต้องมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลเสมอนะคะ จะไปเดินเองสุ่มๆไม่ได้เด็ดขาด เพราะหากเกิดอะไรผิดพลาด อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตค่ะ
อันนี้เป็นบรรยากาศภายในสถานีรถไฟค่ะ รถออกเช้ามาก ต้องมารอตั้งแต่ 6 โมงเช้า
วิวระหว่างทาง (รูปน้อย เพราะส่วนใหญ่หลับ55)
ถึงแล้ว เมือง Aguas Calientes
ตั๋วรถบัสขึ้นมาชู ปิชู
และแล้วไฮไลท์ก็มาถึง...
ลามะน้อย กำลังเดินเฉิดฉาย
ตบท้ายด้วย การจิบน้ำส้มชมวิว ฟินนน...