สวัสดีครับ ชาว pantip อีกหนึ่งกระทู้ที่รวบรวมความประทับใจ และมาแบ่งปันความสุขซึ่งกันและกัน
ที่มาที่ไป
เช้าวันเสาร์ที่ 27 ธันวาคม 2557 เป็นแผนที่ตั้งใจไว้ก่อนล่ะ ว่าจะต้องไปให้ได้ แต่ดันลืมที่ทางบ้านนัดหมายไว้ให้ไปธุระอีกที่หนึ่ง (แต่ไม่ได้ลืมจริงหรอก แกล้งลืมไปงั้น
แต่ทันใดนั้น คุณแม่โทรมา บอกไม่ต้องไปธุระอีกที่หนึ่งแล้ว accident เล็กน้อย
ด้วยความ 7 โมงเช้าแล้ว
จะไปซื้อตั๋วที่อู่บางเขน ทันมั้ยนะ บ้านอยู่เกษตรฯนี่เอง ใกล้ๆ ปรากฏออก 7.30 ถึงอู่บางเขน 7.45 ทันพอดิบพอดี ผู้โดยสารก็ไม่เต็มคันเท่าไร 22 คน พร้อมแล้ว บุกขึ้นรถ ออกเดินทาง 08.00 พอดี
ในวันนี้เราได้โดยสารรถประจำทางปรับอากาศ ยูโร-ทู สีส้ม สาย 39 ครับ โดยมีพกส.ที่ชื่อ คุณน้ำค้าง น่ารัก อัธยาศัยดี
หลังจากที่นั่งรถได้ไปไม่นาน เราดันลืมไปว่าเป็นวันที่ผู้คนเดินทางออกต่างจังหวัดกลับภูมิลำเนากัน ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ส่งผลให้ปริมาณรถหนาแน่นมากเป็นพิเศษ การจราจรติดขัดเป็นบางช่วง บนถนนพหลโยธิน ตั้งแต่นวนคร ต่างระดับบางปะอิน วังน้อย หนองแค หินกอง หลับแล้วหลับอีก ไม่ถึงสักที
แต่ด้วยความตั้งใจ บวกกับพลังบุญ ส่งผลให้เราไม่ต้องคิดอะไรมาก เดินทางกันอย่างสบายใจ แบ่งๆกันไปครับ
1.วัดสูง (เสาร้องไห้) อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี
เวลา 11.30 น. โดยประมาณ เราได้มาสักการะกันวัดแรก
ที่นี่จะมีจุดให้ท่านได้สักการะ 2 จุด คือ
1. วิหารพระศรีพุทธมงคลมุนี (หลวงพ่อดำ)
2. ศาลแม่นางตะเคียน (เสาร้องไห้)
ประวัติโดยสังเขป
วัดสูง อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี เป็นที่เก็บรักษาเสาไม้ตะเคียนทองขนาดใหญ่ ภายในวัดยังมีพระพุทธรูปเก่าแก่ประดิษฐานอยู่ในวิหารคือ "พระศรีพุทธมงคลมุนี" เป็นพระปางมารวิชัย สร้างด้วยศิลาแลง ศิลปะสมัยอยุธยา
ตำนานเสาร้องไห้ เป็นตำนานของเจ้าแม่ตะเคียนทองที่ตั้งอยู่ในศาลนางตะเคียนทอง ณ วัดสูง ตำบลเสาไห้ ห่างจากที่ว่าการอำเภอเสาไห้ประมาณ ๕๐๐ เมตร เป็นเสาไม้ตะเคียนขนาดใหญ่ โดยถือกันว่าเป็นเจ้าแม่ เพราะสิ่งของที่นำไปบูชาล้วนเป็นของสตรีทั้งสิ้น มีตำนานเล่ากันว่า เมื่อครั้งสร้างกรุงเทพฯ เป็นราชธานี ได้มีการเกณฑ์เสาจากหัวเมืองต่าง ๆ เพื่อคัดเลือกเสาที่มีลักษณะงดงาม เพื่อจัดเป็นเสาเอก ทางเมืองสระบุรีได้จัดส่งเสาต้นหนึ่งที่มีลักษณะงดงามมากล่องลงมาตามลำน้ำป่าสัก แต่มาถึงกรุงเทพฯ ช้าไปเล็กน้อย และได้มีการคัดเลือกเสาเอกไปก่อนแล้ว จึงได้เป็นเสารอง ซึ่งถ้าเสาต้นนี้มาทันเวลาก็ต้องได้เป็นเสาเอกอย่างแน่นอน เพราะมีลักษณะใหญ่ และสวยงามมาก ด้วยความยาว ๑๓ เมตร กล้าว ๐.๗๕ เมตร เสาต้นนี้จึงเกิดความเสียใจลอยทวนน้ำกลับขึ้นมาจมลง ณ ตำบลแห่งนี้อยู่ประมาณ ๑๐๐ กว่าปี เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๑ ได้มีชาวบ้านนำขึ้นจากน้ำไปไว้ที่ศาลหน้าพระอุโบสถวัดสูงจนถึงปัจจุบันนี้ พอตกเวลากลางคืนชาวบ้านมักได้ยินเสียงร้องไห้ จึงได้ให้ชื่อตำบลนี้ว่า ตำบลเสาร้องไห้ และได้กลายเป็น "อำเภอเสาไห้" ในปัจจุบัน
เมื่อประมาณปี ๒๕๐๑ นางเฉลียว จันทร์ประสิทธิ์ ได้ฝันว่ามีหญิงคนหนึ่ง บอกว่าเป็นนางไม้ประจำเสาที่จมน้ำอยู่ ให้บอกสามีเอาเสาขึ้นมาจากน้ำด้วย นายเผ่าผู้เป็นสามีก็ไม่เชื่อ มีคนเล่าต่อกันมาว่า นางไม้ของเสาต้นนี้ได้ไปเข้าทรงกับผู้อื่นอีกหลายครั้ง จนในที่สุดชาวบ้านหลายคนก็ได้ไปร้องขอให้นายเผ่าเอาเสาต้นนี้ขึ้นมาให้ได้ ตามคำล่ำลือ จนนำมาสู่การนำเอาเสาขึ้นมาจากน้ำ เมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๐๑ และในวันนี้เอง ได้รับคำบอกเล่าจากนายจำลอง ขาววรรณะว่า วันนั้นแดดร้อนจัดมากขณะที่กำลังนำเสาขึ้นจากน้ำ ท้องฟ้าก็มืดครื้มไปหมดทันที มีเสียงฝ้าผ่าดังมากเป็นประกายสีเขียวไปทั่ว เสียงฟ้าร้องคำรามทำท่าคล้ายฝนจะตก ทำให้ผู้คนที่มาเข้าร่วมพิธีกันเป็นจำนวนมากต่างตื่นตาตื่นใจ
วันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๐๑ เป็นวันที่เชิญเสาไปประดิษฐานที่วัดสูง เวลา ๙.๐๐ น. เริ่มพิธีเคลื่อนเสาไปสู่วัดสูง โดยตั้งศาลสูงเพียงตา มีหัวหมูซ้ายขวา บายศรี ๓ ชั้น ใช้ด้ายสายสิญจน์ผูกที่เสาแล้วใช้เชือกผูกแพที่รับเสาไห้ประชาชนดึง เมื่อได้ฤกษ์ พระสงฆ์ ๙ รูปเจริญชัยมงคลคาถา ประชาชนที่อยู่บนฝั่งหน้าที่ว่าการอำเภอเสาไห้ก็ดึงเชือกแพลูกบวบให้เคลื่อน ไปทางทิศตะวันออก มีเรือแตรวงนำขบวน มีเรือต่างๆร่วมขบวนอีกเป็นจำนวนมาก
ในวันนั้นที่นำเสาขึ้นจากน้ำมีประชาชนมาร่วมพิธีเป็นจำนวนมากประมาณสามหมื่นคน นับเป็นวันประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของชาวอำเภอเสาไห้ที่ต้องจารึกไว้ ต่อมาจึงได้สร้างศาลถาวรขึ้นที่หน้าพระอุโบสถในวัดสูง เป็นศาลกว้าง ๔ เมตร ยาว ๑๕ เมตร มีมุขออกด้านตะวันออก พื้นคอนกรีต มีฐานก่ออิฐสูงรองรับเสาตะเคียน ต่อมาเมื่อวัดสูงได้สร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่ขึ้น จึงได้ดัดแปลงศาลาการเปรียญหลังเดิมเป็นอาคารทรงไทยสวยงาม และอัญเชิญเสาแม่นางตะเคียนมาประดิษฐานที่ศาลหลังใหม่ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๐ มาจนถึงทุกวันนี้
(เสาร้องไห้)
และพระอุโบสถ
[SR] Review ทริปไหว้พระ 9 วัด กับ ขสมก. ครั้งที่ 2 เส้นทางแสวงบุญสระบุรี
สวัสดีครับ ชาว pantip อีกหนึ่งกระทู้ที่รวบรวมความประทับใจ และมาแบ่งปันความสุขซึ่งกันและกัน
ที่มาที่ไป
เช้าวันเสาร์ที่ 27 ธันวาคม 2557 เป็นแผนที่ตั้งใจไว้ก่อนล่ะ ว่าจะต้องไปให้ได้ แต่ดันลืมที่ทางบ้านนัดหมายไว้ให้ไปธุระอีกที่หนึ่ง (แต่ไม่ได้ลืมจริงหรอก แกล้งลืมไปงั้น แต่ทันใดนั้น คุณแม่โทรมา บอกไม่ต้องไปธุระอีกที่หนึ่งแล้ว accident เล็กน้อย
ด้วยความ 7 โมงเช้าแล้ว จะไปซื้อตั๋วที่อู่บางเขน ทันมั้ยนะ บ้านอยู่เกษตรฯนี่เอง ใกล้ๆ ปรากฏออก 7.30 ถึงอู่บางเขน 7.45 ทันพอดิบพอดี ผู้โดยสารก็ไม่เต็มคันเท่าไร 22 คน พร้อมแล้ว บุกขึ้นรถ ออกเดินทาง 08.00 พอดี
ในวันนี้เราได้โดยสารรถประจำทางปรับอากาศ ยูโร-ทู สีส้ม สาย 39 ครับ โดยมีพกส.ที่ชื่อ คุณน้ำค้าง น่ารัก อัธยาศัยดี
หลังจากที่นั่งรถได้ไปไม่นาน เราดันลืมไปว่าเป็นวันที่ผู้คนเดินทางออกต่างจังหวัดกลับภูมิลำเนากัน ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ส่งผลให้ปริมาณรถหนาแน่นมากเป็นพิเศษ การจราจรติดขัดเป็นบางช่วง บนถนนพหลโยธิน ตั้งแต่นวนคร ต่างระดับบางปะอิน วังน้อย หนองแค หินกอง หลับแล้วหลับอีก ไม่ถึงสักที
แต่ด้วยความตั้งใจ บวกกับพลังบุญ ส่งผลให้เราไม่ต้องคิดอะไรมาก เดินทางกันอย่างสบายใจ แบ่งๆกันไปครับ
1.วัดสูง (เสาร้องไห้) อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี
เวลา 11.30 น. โดยประมาณ เราได้มาสักการะกันวัดแรก
ที่นี่จะมีจุดให้ท่านได้สักการะ 2 จุด คือ
1. วิหารพระศรีพุทธมงคลมุนี (หลวงพ่อดำ)
2. ศาลแม่นางตะเคียน (เสาร้องไห้)
ประวัติโดยสังเขป
วัดสูง อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี เป็นที่เก็บรักษาเสาไม้ตะเคียนทองขนาดใหญ่ ภายในวัดยังมีพระพุทธรูปเก่าแก่ประดิษฐานอยู่ในวิหารคือ "พระศรีพุทธมงคลมุนี" เป็นพระปางมารวิชัย สร้างด้วยศิลาแลง ศิลปะสมัยอยุธยา
ตำนานเสาร้องไห้ เป็นตำนานของเจ้าแม่ตะเคียนทองที่ตั้งอยู่ในศาลนางตะเคียนทอง ณ วัดสูง ตำบลเสาไห้ ห่างจากที่ว่าการอำเภอเสาไห้ประมาณ ๕๐๐ เมตร เป็นเสาไม้ตะเคียนขนาดใหญ่ โดยถือกันว่าเป็นเจ้าแม่ เพราะสิ่งของที่นำไปบูชาล้วนเป็นของสตรีทั้งสิ้น มีตำนานเล่ากันว่า เมื่อครั้งสร้างกรุงเทพฯ เป็นราชธานี ได้มีการเกณฑ์เสาจากหัวเมืองต่าง ๆ เพื่อคัดเลือกเสาที่มีลักษณะงดงาม เพื่อจัดเป็นเสาเอก ทางเมืองสระบุรีได้จัดส่งเสาต้นหนึ่งที่มีลักษณะงดงามมากล่องลงมาตามลำน้ำป่าสัก แต่มาถึงกรุงเทพฯ ช้าไปเล็กน้อย และได้มีการคัดเลือกเสาเอกไปก่อนแล้ว จึงได้เป็นเสารอง ซึ่งถ้าเสาต้นนี้มาทันเวลาก็ต้องได้เป็นเสาเอกอย่างแน่นอน เพราะมีลักษณะใหญ่ และสวยงามมาก ด้วยความยาว ๑๓ เมตร กล้าว ๐.๗๕ เมตร เสาต้นนี้จึงเกิดความเสียใจลอยทวนน้ำกลับขึ้นมาจมลง ณ ตำบลแห่งนี้อยู่ประมาณ ๑๐๐ กว่าปี เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๑ ได้มีชาวบ้านนำขึ้นจากน้ำไปไว้ที่ศาลหน้าพระอุโบสถวัดสูงจนถึงปัจจุบันนี้ พอตกเวลากลางคืนชาวบ้านมักได้ยินเสียงร้องไห้ จึงได้ให้ชื่อตำบลนี้ว่า ตำบลเสาร้องไห้ และได้กลายเป็น "อำเภอเสาไห้" ในปัจจุบัน
เมื่อประมาณปี ๒๕๐๑ นางเฉลียว จันทร์ประสิทธิ์ ได้ฝันว่ามีหญิงคนหนึ่ง บอกว่าเป็นนางไม้ประจำเสาที่จมน้ำอยู่ ให้บอกสามีเอาเสาขึ้นมาจากน้ำด้วย นายเผ่าผู้เป็นสามีก็ไม่เชื่อ มีคนเล่าต่อกันมาว่า นางไม้ของเสาต้นนี้ได้ไปเข้าทรงกับผู้อื่นอีกหลายครั้ง จนในที่สุดชาวบ้านหลายคนก็ได้ไปร้องขอให้นายเผ่าเอาเสาต้นนี้ขึ้นมาให้ได้ ตามคำล่ำลือ จนนำมาสู่การนำเอาเสาขึ้นมาจากน้ำ เมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๐๑ และในวันนี้เอง ได้รับคำบอกเล่าจากนายจำลอง ขาววรรณะว่า วันนั้นแดดร้อนจัดมากขณะที่กำลังนำเสาขึ้นจากน้ำ ท้องฟ้าก็มืดครื้มไปหมดทันที มีเสียงฝ้าผ่าดังมากเป็นประกายสีเขียวไปทั่ว เสียงฟ้าร้องคำรามทำท่าคล้ายฝนจะตก ทำให้ผู้คนที่มาเข้าร่วมพิธีกันเป็นจำนวนมากต่างตื่นตาตื่นใจ
วันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๐๑ เป็นวันที่เชิญเสาไปประดิษฐานที่วัดสูง เวลา ๙.๐๐ น. เริ่มพิธีเคลื่อนเสาไปสู่วัดสูง โดยตั้งศาลสูงเพียงตา มีหัวหมูซ้ายขวา บายศรี ๓ ชั้น ใช้ด้ายสายสิญจน์ผูกที่เสาแล้วใช้เชือกผูกแพที่รับเสาไห้ประชาชนดึง เมื่อได้ฤกษ์ พระสงฆ์ ๙ รูปเจริญชัยมงคลคาถา ประชาชนที่อยู่บนฝั่งหน้าที่ว่าการอำเภอเสาไห้ก็ดึงเชือกแพลูกบวบให้เคลื่อน ไปทางทิศตะวันออก มีเรือแตรวงนำขบวน มีเรือต่างๆร่วมขบวนอีกเป็นจำนวนมาก
ในวันนั้นที่นำเสาขึ้นจากน้ำมีประชาชนมาร่วมพิธีเป็นจำนวนมากประมาณสามหมื่นคน นับเป็นวันประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของชาวอำเภอเสาไห้ที่ต้องจารึกไว้ ต่อมาจึงได้สร้างศาลถาวรขึ้นที่หน้าพระอุโบสถในวัดสูง เป็นศาลกว้าง ๔ เมตร ยาว ๑๕ เมตร มีมุขออกด้านตะวันออก พื้นคอนกรีต มีฐานก่ออิฐสูงรองรับเสาตะเคียน ต่อมาเมื่อวัดสูงได้สร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่ขึ้น จึงได้ดัดแปลงศาลาการเปรียญหลังเดิมเป็นอาคารทรงไทยสวยงาม และอัญเชิญเสาแม่นางตะเคียนมาประดิษฐานที่ศาลหลังใหม่ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๐ มาจนถึงทุกวันนี้
(เสาร้องไห้)
และพระอุโบสถ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น