เช้าวันอังคารอันเร่งรีบหลังจากผ่านวันหยุดยาวมา 3 วัน บรรยากาศในออฟฟิตดูพร้อมสำหรับการเริ่มต้นทำงานในสัปดาห์ใหม่ พนักงานหลายคนดูกระปี้กระเป่าสดชื่นหลังจากได้พักผ่อนเติมพลังในช่วงลองวีคเอ็นที่ผ่านมา ความคึกคักจากเสียงพูดคุยและเสียงทักทายต่าง ๆ ทำให้บริษัทนี้ดูเหมือนมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง
รัศมีสาวสวยประจำฝ่ายขายมาทำงานตอนเช้าอย่างอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ประณตซึ่งเป็นหัวหน้างานรุ่นพี่ สังเกตเห็นจนอดที่จะทักเธอไม่ได้
“สวัสดีครับคุณรัศมี เป็นไงบ้างล่ะครับ? อารมณ์ดีแต่เช้าเลยนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ พี่โน้ต ...” รัศมีตอบพร้อมกับยิ้มหวานจนแก้มแดง
“เห็นเขาบอกกันว่าหยุดยาว 3 วัน คุณรัศมีไปเที่ยวกับพนักงานฝ่ายบัญชีที่ชั้น 8 มาเหรอครับ? เป็นไงบ้างล่ะครับ สนุกไหมครับ?” ประณตถามต่อ
“ไปเที่ยวทะเลกันมาค่ะ สนุกดี ไปกันตั้งหลายคน มีหนุ่มฝ่ายบัญชีคนหนึ่ง มาคุยกับหมีด้วยนะคะ เขาเป็นพนักงานบัญชี เขาชื่อปัตทวีค่ะ”
“เออใช่ ... ผมเคยได้ยินชื่อเหมือนกัน เห็นว่าฝ่ายบัญชีมีหนุ่มหล่อทำงานอยู่ในแผนกด้วยคนหนึ่ง”
“ค่ะพี่โน้ต ปัตทวีเขาหล่อมากเลยค่ะ และนิสัยดีมาก ๆ ด้วย เขาดูสุภาพเรียบร้อย ท่าทางเป็นคนดี เหล้าก็ไม่กิน บุหรี่ก็ไม่สูบค่ะ”
“พูดอย่างนี้แสดงว่าเขามาจีบคุณรัศมีเหรอครับ?”
ประณตถามขึ้นในลักษณะนี้จึงทำให้รัศมีต้องอายมวนจนแก้มแดงขึ้นมาอีกครั้ง เธอก้มหน้าก้มตาทำเป็นแกล้งหาของในลิ้นชักโต๊ะเพื่อแก้เขิน ก่อนที่จะตอบออกไปด้วยหน้าตาแอ๊บแบ๊วแบบเนียมอายนิด ๆ
“ก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะพี่โน้ต ก็เห็นเขาเข้ามาคุยกับหมีตลอดเลยนะ ที่ฝ่ายบัญชีเขาก็แอบแซวอยู่เหมือนกัน หมีล่ะอายเขาน่าดูเลยค่ะ”
“ก็ดีแล้วนิครับ ถ้าเขาเป็นคนดีจริงคุณรัศมีก็น่าจะลองคบดูนะครับ” ประณตพูดพร้อมทั้งยิ้มส่งกำลังใจให้
ในช่วงสาย ๆ วันพุธ บรรยากาศในการทำงานยังคงคึกคักและดูเร่งรีบ ในสัปดาห์นี้คงเป็นอีกหนึ่งสัปดาห์ที่มีงานเข้าเยอะมาก จนทำให้พนักงานในออฟฟิตต้องเคร่งเครียดกับการทำงานโดยตลอด แต่ละคนต่างก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองจนแทบจะไม่มีใครส่งเสียงคุยกันเลย
หลังจากที่ประณตออกมาจากห้องประชุมและเดินกลับมานั่งทำงานที่โต๊ะ ประณตสังเกตเห็นรัศมีนั่งยิ้มหวานเหม่อลอยอยู่ที่โต๊ะทำงานคนเดียว ทำให้เขาต้องเดินเขาไปคุยทักทายด้วย
“คุณรัศมีกำลังคิดถึงใครอยู่เหรอครับ? นั่งยิ้มหวานอยู่คนเดียวเลยนะครับ” ประณตพูดทักทายพร้อมทั้งส่งยิ้มให้
“ค่ะพี่โน้ต หมีกำลังคืนถึงเรื่องเมื่อวานที่ปัตทวีเขาโทรมาคุยกับหมีค่ะ เราโทรคุยกันตั้ง 2 ชั่วโมงกว่า หมีคุยกับเขาแล้วรู้สึกสบายใจจังเลยค่ะ เขาสอนอะไรต่ออะไรหมีตั้งหลายอย่าง แถมยังให้คำปรึกษาหมีด้วยนะคะ”
“เออ ดีจังเลยครับ ว่าแต่คุณรัศมีอย่ามัวคิดถึงหนุ่ม ๆ เพลินจนลืมทำงานล่ะ งานพรีเซ็นต์สินค้าสัปดาห์หน้าไปถึงไหนแล้วล่ะครับ?”
“เดี๋ยวหมีหาข้อมูลเพิ่มเติมสัก 2 - 3 วันก็คงเสร็จแล้วค่ะ ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะพี่โน้ต”
บ่ายโมงวันพฤหัสบรรยากาศการทำงานในออฟฟิตเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น พนักงานบางคนมีเดินไปคุยเล่นและทักทายกับพนักงานคนอื่น ในช่วงนี้ได้ผ่านช่วงเวลาของการทำงานหนักที่ต้องเร่งแข่งกับเวลาไปแล้ว หลายคนเริ่มอารมณ์ดีมากขึ้นเพราะว่าทำงานแค่พรุ่งนี้อีก 1 วัน พวกเขาก็จะได้หยุดงานสุดสัปดาห์อีกแล้ว
ประณตกลับเข้าออฟฟิตมาหลังจากออกไปหาลูกค้าตั้งแต่เช้า เขาหยิบงานที่เพิ่งไปคุยกับลูกค้าขึ้นมาเตรียมทำ ในขณะที่รัศมีกำลังเดินยิ้มหวานกลับเข้ามาในออฟฟิต
“อ้าว คุณรัศมี ไปทานข้าวที่ไหนมาครับ? ยิ้มจนพุงปลิ้น เฮ้ย ยิ้มจนแก้มปริเลยนะครับ” ประณตพูดทักทายอย่างอารมณ์ดี
“หมีไปทานข้าวกับปัตทวีมาค่ะ ปัตทวีเขาพาหมีไปเลี้ยงเนื่องในโอกาสรู้จักกันครบ 7 วันค่ะ”
รัศมีพูดจบก็ออกอาการอายม้วนจนต้องยืดแขนบิดเป็นเกลียวเพื่อหมุนรอบตัวเองไป 1 รอบ
“คุณปัตทวี เขาช่างใจดีจังเลยนะครับ แล้วไปกินอะไรที่ไหนมาล่ะครับ?”
“ปัตทวีเขาพาไปหมีไปทานที่ซิลเลอร์ค่ะ หมีกินจนอิ่มแปล้เลยค่ะ ปัตทวีเขาทานนิดเดียวเอง พี่โน้ตค่ะ ปัตทวีเขาทานมังสวิรัติด้วยนะคะ ทานแต่สลัดผักเขายกสเต็กเนื้อให้หมีทานหมดเลยค่ะ”
“ฮือ ก็ดีนะ ว่าแต่คุณรัศมีเอางานนี่ไปช่วยทำหน่อยสิครับ ผมเพิ่งไปคุยกับลูกค้ามา”
ประณตพูดพร้อมหยิบแฟ้มเอกสารของลูกค้ายื่นให้ รัศมีรับแฟ้มนั้นมาพร้อมทั้งยิ้มแบบแห้ง ๆ ส่งกลับคืนไปให้ประณตแทน
“ค่ะพี่โน้ต แต่ไม่รู้ว่าจะเสร็จทันไหม? เพราะว่างานเก่าหมียังทำไม่เสร็จเลยค่ะ”
เช้าวันศุกร์เป็นเช้าวันทำงานที่ดูจะสดใสมากที่สุด บรรยากาศของการทำงานในออฟฟิตมีแต่เสียงพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน บางคนเล่าเรื่องข่าวต่าง ๆ พร้อมทั้งหัวเราะออกมาอย่างเปิดเผย ดูเหมือนว่าพนักงานทุกคนจะชื่นชอบการทำงานในวันศุกร์มากเป็นพิเศษ
ประณตเข้าออฟฟิตเพื่อมาทำงานแต่เช้า เพราะเขาต้องเตรียมข้อมูลสำหรับเข้าประชุมกับลูกค้า ส่วนรัศมีเดินยิ้มหวานพร้อมผิวปากอย่างอารมณ์ดี เธอเดินเข้าออฟฟิตตามมาในเวลาไล่เลี่ยกัน เมื่อประณตหันมาเห็นจึงรีบเดินเข้าไปทักทายเหมือนเช่นเคย
“อ้าว คุณรัศมี วันนี้มีนัดเหรอครับ วันนี้คุณรัศมีแต่งตัวสวยเป็นพิเศษเลยนะครับ”
ประณตพูดทักทายพร้อมยิ้มให้ ทำเอารัศมีต้องยิ้มด้วยความภูมิใจเป็นอย่างมาก
“ค่ะพี่โน้ต ตอนค่ำนี้หมีมีนัดกับปัตทวี หมีคิดว่าปัตทวีเขาคงจะพาหมีไปดูหนังค่ะ”
“โอ้โห ... พัฒนาเร็วจังเลยนะครับ เพิ่งเจอกันแค่สัปดาห์เดียวเอง นัดออกเดทกันแล้วเหรอครับ?”
“แหมพี่โน้ตก้อ หมีกับปัตทวีโทรศัพท์คุยกันทุกคืนค่ะ หมีคุยกับเขาแล้วรู้สึกว่าสบายใจ ผ่อนคลายยังไงก็ไม่รู้ค่ะ คงเป็นโชคดีของหมีที่มีหนุ่มหล่อนิสัยดีมาจีบหมี หมีคงต้องให้โอกาสเขาบ้างค่ะ”
“อย่างว่าหล่ะ หนุ่มสาวสมัยนี้สปาร์คไฟติดกันเร็วจัง จนคนแก่ ๆ อย่างผมตามไม่ทันแล้ว ออกเดทกันก็อย่ากลับบ้านดึกมากนะครับ มือไม้ก็อย่าไปให้เขาจับง่าย ๆ นะ เราเป็นผู้หญิงต้องระวังเนื้อระวังตัวไว้ก่อน ถ้าพลาดพลังไปเดี๋ยวจะเสียหายนะครับ”
ประณตพูดเตือนด้วยความหวังดีจนทำให้รัศมีต้องหยุดคิดตามนิดนึง ก่อนที่เธอจะออกอาการปฏิเสธด้วยความมั่นใจ
“แหมพี่โน้ตก้อ คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ แค่ออกเดทแล้วก็ไปดินเดอร์กันก็แค่นั้นเองค่ะ เออ พี่โน้ตค่ะ เย็นนี้ปัตทวีเขาบอกหมีว่า เขาจะซื้อดอกไม้ให้หมีด้วยนะคะ”
รัศมีพูดจบก็แสดงอาการดีใจอย่างออกหน้าออกตา จนทำให้ประณตต้องพูดเตือนต่อ
“ครับ ได้ดอกไม้ก็ดี ว่าแต่วันนี้คุณรัศมีอย่ามัวเอาแต่แต่งหน้าจนเพลินนะครับ รีบทำงานด้วยเดี๋ยวงานจะไม่เสร็จ สัปดาห์นี้ผมยังไม่เห็นคุณรัศมีทำงานอะไรเสร็จเป็นชิ้นเป็นอันเลยสักอย่าง ระวังนะครับ เดี๋ยวคนอื่นเขาจะว่าเอาได้ครับ”
“ค่ะ หมีรู้แล้วค่ะพี่โน้ต” รัศมีต้องก้มหน้าก้มตารับคำอย่างเสียไม่ได้
หลังจากผ่านการหยุดผักผ่อนวันเสาร์ วันอาทิตย์มาแล้ว เช้าวันจันทร์ในสัปดาห์ต่อมา ประณตก็มาทำงานแต่เช้าเหมือนเดิม ส่วนรัศมีวันนี้มาทำงานสายเกือบจะ 10 โมงเช้า รัศมีเดินเข้าออฟฟิตมาด้วยหน้าตาที่บึ้งตึงบอกบุญไม่รับ
“อ้าวคุณรัศมี วันนี้เป็นอะไรครับ ไม่สบายหรือเปล่าครับ?” ประณตรีบถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“เปล่าค่ะพี่โน้ต เมื่อคืนหมีนอนไม่หลับทั้งคืนเลย เช้านี้เลยตื่นสายค่ะ” รัศมีพูดด้วยอาการไม่ปลื้มสักเท่าไหร่นัก
“อ้าวเหรอครับ? แล้วเมื่อวันศุกร์คุณปัตทวีเขาพาไปดูหนังมาเป็นไงบ้างล่ะ สนุกไหมครับ?”
ประณตพยายามจะเปลี่ยนเรื่องคุย ด้วยการชวนคุยในเรื่องที่น่าจะทำให้รัศมีอารมณ์ดีขึ้น แต่ไม่เป็นอย่างที่เขาคิด รัศมียังคงอารมณ์เสียอย่างต่อเนื่อง เธอตอบคำถามด้วยน้ำเสียงที่เหวี่ยงใส่เป็นอย่างมาก
“ดูนั่งกะผีอะไรล่ะค่ะพี่โน้ต ไอ้ปัตทวีมันพาหนูไปเวียนเทียนที่วัดต่ะ”
“อ้าวทำไมล่ะ?” ประณตต้องถามด้วยความสงสัย
“ไอ้ตอนแรกหมีก็หลงดีใจ ไอ้ปัตทวีมันซื้อดอกไม้มาให้หมีเป็นดอกบัว 3 ดอก ตอนแรกหมีก็นึกว่ามันให้ดอกบัวเพราะว่ามันรักและเทินทูนหมี แต่ที่ไหนได้ มันจะชวนหมีไปทำบุญเวียนเทียนที่วัดก็ไม่ยอมบอก ดินน่งดินเนอร์มันก็ไม่พาหมีไปกิน หมีเพิ่งมารู้ว่าไอ้ปัตทวีมันไม่กินข้าวเย็น หมีจะขอตัวแยกไปเที่ยวผับกับเพื่อน ๆ แทนไอ้ปัตทวีมันก็ไม่ยอมค่ะ มันมั่วแต่บอกว่าเที่ยวกลางคืนมันไม่ดีอย่างโน้นไม่ดีอย่างนี้ ผิดศีลบ้างล่ะ บาปบ้างล่ะ หมีล่ะเบื่อมันจริง ๆ เลยค่ะ”
รัศมีพูดแบบใส่อารมณ์อย่างเต็มที่ เธอระบายความอัดอั้นออกมาเป็นชุด ทำให้ประณตต้องงงเป็นอย่างมาก เขาจึงต้องพยายามเบี่ยงเบนประเด็นต่อ
“อ้าวเหรอครับ? ... แล้ววันเสาร์วันอาทิตย์ที่ผ่านมาไปเที่ยวที่ไหนกันมาล่ะครับ?”
“พี่โน้ตอย่าให้หมีเล่าเลยค่ะ พูดแล้วยังแค้นไม่หายเลย วันเสาร์ไอ้ปัตทวีมันมารับหมีแต่เช้า หมีก็นึกว่ามันจะพาหมีไปดูหนังเรื่องฮอบบิท สงคราม 5 ทัพ แต่ที่ไหนได้ไอ้ปัตทวีมันพาหมีไปนั่งสมาธิที่วัดค่ะ หมีต้องนั่งสมาธิอยู่ตั้ง 3 ชั่วโมงกว่า เมื่อยก็เมื่อย หนังก็ไม่ได้ดู ไอ้ปัตทวีมันบอกว่าดูหนังทำไมไม่ได้ประโยชน์อะไร ค่าตั๋วหนัง 200 บาทแพงก็แพง มันเลยบอกให้หมีเอาเงินมาทำบุญดีกว่า”
“อืม ... ขนาดนั้นเลยเหรอ?” ประณตถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินที่รัศมีเล่า
“ค่ะพี่โน้ต หมีควักเงินออกมาจะทำบุญ 100 นึง แต่ไอ้ปัตทวีมันบอกหมีว่าทำบุญเขาต้องทำกันเต็มกำลังถึงจะได้บุญเยอะ ทำบุญต้องทำให้เต็มอัตราถวายให้เต็มพิกัด ว่าแล้วไอ้ปัตทวีมันก็คว้ากระเป๋าตังค์หมีไปค่ะ มันกวาดเงินไป 1,500 บาทหมดกระเป๋าเลย แล้วมันก็เอาเงินหมีไปหยอดตู้บริจาคหมดเลยค่ะ”
“เฮ้ย คุณปัตทวีเขาบ้าทำบุญขนาดนี้เลยเหรอ? อ้าวแล้วคุณรัศมีทำไงต่อล่ะครับ?”
“พี่โน้ตคิดดูสิค่ะ แล้วจะให้หมีทำไงได้ วัดที่มันพาไปก็โคตรจะเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนเลย ไกลก็ไกลลึกก็ลึกแถมไม่มีรถเข้ามาอีก หมีเลยต้องรอไอ้ปัตทวีมันนั่งสนทนาธรรมกับหลวงพ่อต่ออีก หมีรอจนถึง 4 โมงเย็น มันถึงพาหมีมาส่งที่บ้าน”
รัศมียังคงเล่าให้ประณตฟังต่อด้วยความอัดอั้นและหงุดหงิด เธอพยายามเล่าแบบใส่อารมณ์อย่างสุดขีด
“เท่านี้ยังไม่พอนะค่ะพี่โน้ต พอวันอาทิตย์ไอ้ปัตทวีมันยังมีหน้ามาที่บ้านหมีอีก มันมาแต่เช้าเลยมันเข้ามาขออนุญาตพ่อหมี มันบอกว่ามันจะพาหมีไปช็อปปิ้ง พ่อหมีก็ไม่รู้เรื่องอะไร พ่อก็เลยไปยอมคล้อยตามมันจนได้ หมีเลยจำเป็นต้องยอมออกไปกับมันอีกค่ะ”
“อ้าวก็ดีนิครับ คุณปัตทวีเขาพาคุณรัศมีไปช็อปปิ้ชดเชยที่คุณรัศมีไปเป็นเพื่อนเขาที่วัดใช่ไหมครับ”
ประณตยังคงพยายามที่จะเปลี่ยนเรื่อง โดยเขาคิดว่าเรื่องราวคงจะจบลงด้วยดีเป็นแน่ เขาดูเหมือนว่าเขาจะคาดผิดไปเป็นอย่างมาก เพราะว่ารัศมียังเล่าด้วยอารมณ์หงุดหงิดอย่างต่อเนื่อง
“พี่โน้ตค่ะ พี่โน้ตรู้ไหม? ช็อปปิ้งในความหมายของไอ้ปัตทวีมันคืออะไร? ไอ้ปัตทวีมันพาหมีไปเดินซื้อของที่ร้านสังฆภัณฑ์แถวเสาชิงช้า มันพาหมีไปหอบเทียนพรรษา 3 คู่ และหมีต้องช่วยมันถือข้าวของที่มันซื้อมาเตรียมจะจัดสังฆทานถวายวัดอีก ทั้งผ้าไตร จีวร อะไรต่ออะไรอีกตั้งหลายอย่างเลยค่ะ หมีต้องอยู่กับไอ้ปัตทวีมันทั้งวันทั้งเมื่อยทั้งเครียด พอกลับไปบ้านหมีนอนไม่หลับทั้งคืนเลยค่ะ”
“อ้าว ไหนสัปดาห์ที่แล้วบอกว่า คุยปัตทวีแล้วคุณรัศมีรู้สึกสบายใจไม่ใช่หรือครับ?”
“นั้นมันเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนิค่ะ เมื่อคืนนี้หมีเพิ่งมาคิดได้ ที่ไอ้ปัตทวีมันพาหมีไปเลี้ยงข้าวกลางวันที่ซิลเลอร์ หมีก็นึกว่าจะฉลองครบ 7 วันที่รู้จักกัน แต่ที่ไหนได้ ในวันนั้นไอ้ปัตทวีมันพูดเหมือนกับว่า มันจัดทำบุญครบรอบ 7 วันมากกว่าค่ะ”
เธอชอบคนเลว
รัศมีสาวสวยประจำฝ่ายขายมาทำงานตอนเช้าอย่างอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ประณตซึ่งเป็นหัวหน้างานรุ่นพี่ สังเกตเห็นจนอดที่จะทักเธอไม่ได้
“สวัสดีครับคุณรัศมี เป็นไงบ้างล่ะครับ? อารมณ์ดีแต่เช้าเลยนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ พี่โน้ต ...” รัศมีตอบพร้อมกับยิ้มหวานจนแก้มแดง
“เห็นเขาบอกกันว่าหยุดยาว 3 วัน คุณรัศมีไปเที่ยวกับพนักงานฝ่ายบัญชีที่ชั้น 8 มาเหรอครับ? เป็นไงบ้างล่ะครับ สนุกไหมครับ?” ประณตถามต่อ
“ไปเที่ยวทะเลกันมาค่ะ สนุกดี ไปกันตั้งหลายคน มีหนุ่มฝ่ายบัญชีคนหนึ่ง มาคุยกับหมีด้วยนะคะ เขาเป็นพนักงานบัญชี เขาชื่อปัตทวีค่ะ”
“เออใช่ ... ผมเคยได้ยินชื่อเหมือนกัน เห็นว่าฝ่ายบัญชีมีหนุ่มหล่อทำงานอยู่ในแผนกด้วยคนหนึ่ง”
“ค่ะพี่โน้ต ปัตทวีเขาหล่อมากเลยค่ะ และนิสัยดีมาก ๆ ด้วย เขาดูสุภาพเรียบร้อย ท่าทางเป็นคนดี เหล้าก็ไม่กิน บุหรี่ก็ไม่สูบค่ะ”
“พูดอย่างนี้แสดงว่าเขามาจีบคุณรัศมีเหรอครับ?”
ประณตถามขึ้นในลักษณะนี้จึงทำให้รัศมีต้องอายมวนจนแก้มแดงขึ้นมาอีกครั้ง เธอก้มหน้าก้มตาทำเป็นแกล้งหาของในลิ้นชักโต๊ะเพื่อแก้เขิน ก่อนที่จะตอบออกไปด้วยหน้าตาแอ๊บแบ๊วแบบเนียมอายนิด ๆ
“ก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะพี่โน้ต ก็เห็นเขาเข้ามาคุยกับหมีตลอดเลยนะ ที่ฝ่ายบัญชีเขาก็แอบแซวอยู่เหมือนกัน หมีล่ะอายเขาน่าดูเลยค่ะ”
“ก็ดีแล้วนิครับ ถ้าเขาเป็นคนดีจริงคุณรัศมีก็น่าจะลองคบดูนะครับ” ประณตพูดพร้อมทั้งยิ้มส่งกำลังใจให้
ในช่วงสาย ๆ วันพุธ บรรยากาศในการทำงานยังคงคึกคักและดูเร่งรีบ ในสัปดาห์นี้คงเป็นอีกหนึ่งสัปดาห์ที่มีงานเข้าเยอะมาก จนทำให้พนักงานในออฟฟิตต้องเคร่งเครียดกับการทำงานโดยตลอด แต่ละคนต่างก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองจนแทบจะไม่มีใครส่งเสียงคุยกันเลย
หลังจากที่ประณตออกมาจากห้องประชุมและเดินกลับมานั่งทำงานที่โต๊ะ ประณตสังเกตเห็นรัศมีนั่งยิ้มหวานเหม่อลอยอยู่ที่โต๊ะทำงานคนเดียว ทำให้เขาต้องเดินเขาไปคุยทักทายด้วย
“คุณรัศมีกำลังคิดถึงใครอยู่เหรอครับ? นั่งยิ้มหวานอยู่คนเดียวเลยนะครับ” ประณตพูดทักทายพร้อมทั้งส่งยิ้มให้
“ค่ะพี่โน้ต หมีกำลังคืนถึงเรื่องเมื่อวานที่ปัตทวีเขาโทรมาคุยกับหมีค่ะ เราโทรคุยกันตั้ง 2 ชั่วโมงกว่า หมีคุยกับเขาแล้วรู้สึกสบายใจจังเลยค่ะ เขาสอนอะไรต่ออะไรหมีตั้งหลายอย่าง แถมยังให้คำปรึกษาหมีด้วยนะคะ”
“เออ ดีจังเลยครับ ว่าแต่คุณรัศมีอย่ามัวคิดถึงหนุ่ม ๆ เพลินจนลืมทำงานล่ะ งานพรีเซ็นต์สินค้าสัปดาห์หน้าไปถึงไหนแล้วล่ะครับ?”
“เดี๋ยวหมีหาข้อมูลเพิ่มเติมสัก 2 - 3 วันก็คงเสร็จแล้วค่ะ ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะพี่โน้ต”
บ่ายโมงวันพฤหัสบรรยากาศการทำงานในออฟฟิตเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น พนักงานบางคนมีเดินไปคุยเล่นและทักทายกับพนักงานคนอื่น ในช่วงนี้ได้ผ่านช่วงเวลาของการทำงานหนักที่ต้องเร่งแข่งกับเวลาไปแล้ว หลายคนเริ่มอารมณ์ดีมากขึ้นเพราะว่าทำงานแค่พรุ่งนี้อีก 1 วัน พวกเขาก็จะได้หยุดงานสุดสัปดาห์อีกแล้ว
ประณตกลับเข้าออฟฟิตมาหลังจากออกไปหาลูกค้าตั้งแต่เช้า เขาหยิบงานที่เพิ่งไปคุยกับลูกค้าขึ้นมาเตรียมทำ ในขณะที่รัศมีกำลังเดินยิ้มหวานกลับเข้ามาในออฟฟิต
“อ้าว คุณรัศมี ไปทานข้าวที่ไหนมาครับ? ยิ้มจนพุงปลิ้น เฮ้ย ยิ้มจนแก้มปริเลยนะครับ” ประณตพูดทักทายอย่างอารมณ์ดี
“หมีไปทานข้าวกับปัตทวีมาค่ะ ปัตทวีเขาพาหมีไปเลี้ยงเนื่องในโอกาสรู้จักกันครบ 7 วันค่ะ”
รัศมีพูดจบก็ออกอาการอายม้วนจนต้องยืดแขนบิดเป็นเกลียวเพื่อหมุนรอบตัวเองไป 1 รอบ
“คุณปัตทวี เขาช่างใจดีจังเลยนะครับ แล้วไปกินอะไรที่ไหนมาล่ะครับ?”
“ปัตทวีเขาพาไปหมีไปทานที่ซิลเลอร์ค่ะ หมีกินจนอิ่มแปล้เลยค่ะ ปัตทวีเขาทานนิดเดียวเอง พี่โน้ตค่ะ ปัตทวีเขาทานมังสวิรัติด้วยนะคะ ทานแต่สลัดผักเขายกสเต็กเนื้อให้หมีทานหมดเลยค่ะ”
“ฮือ ก็ดีนะ ว่าแต่คุณรัศมีเอางานนี่ไปช่วยทำหน่อยสิครับ ผมเพิ่งไปคุยกับลูกค้ามา”
ประณตพูดพร้อมหยิบแฟ้มเอกสารของลูกค้ายื่นให้ รัศมีรับแฟ้มนั้นมาพร้อมทั้งยิ้มแบบแห้ง ๆ ส่งกลับคืนไปให้ประณตแทน
“ค่ะพี่โน้ต แต่ไม่รู้ว่าจะเสร็จทันไหม? เพราะว่างานเก่าหมียังทำไม่เสร็จเลยค่ะ”
เช้าวันศุกร์เป็นเช้าวันทำงานที่ดูจะสดใสมากที่สุด บรรยากาศของการทำงานในออฟฟิตมีแต่เสียงพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน บางคนเล่าเรื่องข่าวต่าง ๆ พร้อมทั้งหัวเราะออกมาอย่างเปิดเผย ดูเหมือนว่าพนักงานทุกคนจะชื่นชอบการทำงานในวันศุกร์มากเป็นพิเศษ
ประณตเข้าออฟฟิตเพื่อมาทำงานแต่เช้า เพราะเขาต้องเตรียมข้อมูลสำหรับเข้าประชุมกับลูกค้า ส่วนรัศมีเดินยิ้มหวานพร้อมผิวปากอย่างอารมณ์ดี เธอเดินเข้าออฟฟิตตามมาในเวลาไล่เลี่ยกัน เมื่อประณตหันมาเห็นจึงรีบเดินเข้าไปทักทายเหมือนเช่นเคย
“อ้าว คุณรัศมี วันนี้มีนัดเหรอครับ วันนี้คุณรัศมีแต่งตัวสวยเป็นพิเศษเลยนะครับ”
ประณตพูดทักทายพร้อมยิ้มให้ ทำเอารัศมีต้องยิ้มด้วยความภูมิใจเป็นอย่างมาก
“ค่ะพี่โน้ต ตอนค่ำนี้หมีมีนัดกับปัตทวี หมีคิดว่าปัตทวีเขาคงจะพาหมีไปดูหนังค่ะ”
“โอ้โห ... พัฒนาเร็วจังเลยนะครับ เพิ่งเจอกันแค่สัปดาห์เดียวเอง นัดออกเดทกันแล้วเหรอครับ?”
“แหมพี่โน้ตก้อ หมีกับปัตทวีโทรศัพท์คุยกันทุกคืนค่ะ หมีคุยกับเขาแล้วรู้สึกว่าสบายใจ ผ่อนคลายยังไงก็ไม่รู้ค่ะ คงเป็นโชคดีของหมีที่มีหนุ่มหล่อนิสัยดีมาจีบหมี หมีคงต้องให้โอกาสเขาบ้างค่ะ”
“อย่างว่าหล่ะ หนุ่มสาวสมัยนี้สปาร์คไฟติดกันเร็วจัง จนคนแก่ ๆ อย่างผมตามไม่ทันแล้ว ออกเดทกันก็อย่ากลับบ้านดึกมากนะครับ มือไม้ก็อย่าไปให้เขาจับง่าย ๆ นะ เราเป็นผู้หญิงต้องระวังเนื้อระวังตัวไว้ก่อน ถ้าพลาดพลังไปเดี๋ยวจะเสียหายนะครับ”
ประณตพูดเตือนด้วยความหวังดีจนทำให้รัศมีต้องหยุดคิดตามนิดนึง ก่อนที่เธอจะออกอาการปฏิเสธด้วยความมั่นใจ
“แหมพี่โน้ตก้อ คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ แค่ออกเดทแล้วก็ไปดินเดอร์กันก็แค่นั้นเองค่ะ เออ พี่โน้ตค่ะ เย็นนี้ปัตทวีเขาบอกหมีว่า เขาจะซื้อดอกไม้ให้หมีด้วยนะคะ”
รัศมีพูดจบก็แสดงอาการดีใจอย่างออกหน้าออกตา จนทำให้ประณตต้องพูดเตือนต่อ
“ครับ ได้ดอกไม้ก็ดี ว่าแต่วันนี้คุณรัศมีอย่ามัวเอาแต่แต่งหน้าจนเพลินนะครับ รีบทำงานด้วยเดี๋ยวงานจะไม่เสร็จ สัปดาห์นี้ผมยังไม่เห็นคุณรัศมีทำงานอะไรเสร็จเป็นชิ้นเป็นอันเลยสักอย่าง ระวังนะครับ เดี๋ยวคนอื่นเขาจะว่าเอาได้ครับ”
“ค่ะ หมีรู้แล้วค่ะพี่โน้ต” รัศมีต้องก้มหน้าก้มตารับคำอย่างเสียไม่ได้
หลังจากผ่านการหยุดผักผ่อนวันเสาร์ วันอาทิตย์มาแล้ว เช้าวันจันทร์ในสัปดาห์ต่อมา ประณตก็มาทำงานแต่เช้าเหมือนเดิม ส่วนรัศมีวันนี้มาทำงานสายเกือบจะ 10 โมงเช้า รัศมีเดินเข้าออฟฟิตมาด้วยหน้าตาที่บึ้งตึงบอกบุญไม่รับ
“อ้าวคุณรัศมี วันนี้เป็นอะไรครับ ไม่สบายหรือเปล่าครับ?” ประณตรีบถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“เปล่าค่ะพี่โน้ต เมื่อคืนหมีนอนไม่หลับทั้งคืนเลย เช้านี้เลยตื่นสายค่ะ” รัศมีพูดด้วยอาการไม่ปลื้มสักเท่าไหร่นัก
“อ้าวเหรอครับ? แล้วเมื่อวันศุกร์คุณปัตทวีเขาพาไปดูหนังมาเป็นไงบ้างล่ะ สนุกไหมครับ?”
ประณตพยายามจะเปลี่ยนเรื่องคุย ด้วยการชวนคุยในเรื่องที่น่าจะทำให้รัศมีอารมณ์ดีขึ้น แต่ไม่เป็นอย่างที่เขาคิด รัศมียังคงอารมณ์เสียอย่างต่อเนื่อง เธอตอบคำถามด้วยน้ำเสียงที่เหวี่ยงใส่เป็นอย่างมาก
“ดูนั่งกะผีอะไรล่ะค่ะพี่โน้ต ไอ้ปัตทวีมันพาหนูไปเวียนเทียนที่วัดต่ะ”
“อ้าวทำไมล่ะ?” ประณตต้องถามด้วยความสงสัย
“ไอ้ตอนแรกหมีก็หลงดีใจ ไอ้ปัตทวีมันซื้อดอกไม้มาให้หมีเป็นดอกบัว 3 ดอก ตอนแรกหมีก็นึกว่ามันให้ดอกบัวเพราะว่ามันรักและเทินทูนหมี แต่ที่ไหนได้ มันจะชวนหมีไปทำบุญเวียนเทียนที่วัดก็ไม่ยอมบอก ดินน่งดินเนอร์มันก็ไม่พาหมีไปกิน หมีเพิ่งมารู้ว่าไอ้ปัตทวีมันไม่กินข้าวเย็น หมีจะขอตัวแยกไปเที่ยวผับกับเพื่อน ๆ แทนไอ้ปัตทวีมันก็ไม่ยอมค่ะ มันมั่วแต่บอกว่าเที่ยวกลางคืนมันไม่ดีอย่างโน้นไม่ดีอย่างนี้ ผิดศีลบ้างล่ะ บาปบ้างล่ะ หมีล่ะเบื่อมันจริง ๆ เลยค่ะ”
รัศมีพูดแบบใส่อารมณ์อย่างเต็มที่ เธอระบายความอัดอั้นออกมาเป็นชุด ทำให้ประณตต้องงงเป็นอย่างมาก เขาจึงต้องพยายามเบี่ยงเบนประเด็นต่อ
“อ้าวเหรอครับ? ... แล้ววันเสาร์วันอาทิตย์ที่ผ่านมาไปเที่ยวที่ไหนกันมาล่ะครับ?”
“พี่โน้ตอย่าให้หมีเล่าเลยค่ะ พูดแล้วยังแค้นไม่หายเลย วันเสาร์ไอ้ปัตทวีมันมารับหมีแต่เช้า หมีก็นึกว่ามันจะพาหมีไปดูหนังเรื่องฮอบบิท สงคราม 5 ทัพ แต่ที่ไหนได้ไอ้ปัตทวีมันพาหมีไปนั่งสมาธิที่วัดค่ะ หมีต้องนั่งสมาธิอยู่ตั้ง 3 ชั่วโมงกว่า เมื่อยก็เมื่อย หนังก็ไม่ได้ดู ไอ้ปัตทวีมันบอกว่าดูหนังทำไมไม่ได้ประโยชน์อะไร ค่าตั๋วหนัง 200 บาทแพงก็แพง มันเลยบอกให้หมีเอาเงินมาทำบุญดีกว่า”
“อืม ... ขนาดนั้นเลยเหรอ?” ประณตถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินที่รัศมีเล่า
“ค่ะพี่โน้ต หมีควักเงินออกมาจะทำบุญ 100 นึง แต่ไอ้ปัตทวีมันบอกหมีว่าทำบุญเขาต้องทำกันเต็มกำลังถึงจะได้บุญเยอะ ทำบุญต้องทำให้เต็มอัตราถวายให้เต็มพิกัด ว่าแล้วไอ้ปัตทวีมันก็คว้ากระเป๋าตังค์หมีไปค่ะ มันกวาดเงินไป 1,500 บาทหมดกระเป๋าเลย แล้วมันก็เอาเงินหมีไปหยอดตู้บริจาคหมดเลยค่ะ”
“เฮ้ย คุณปัตทวีเขาบ้าทำบุญขนาดนี้เลยเหรอ? อ้าวแล้วคุณรัศมีทำไงต่อล่ะครับ?”
“พี่โน้ตคิดดูสิค่ะ แล้วจะให้หมีทำไงได้ วัดที่มันพาไปก็โคตรจะเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนเลย ไกลก็ไกลลึกก็ลึกแถมไม่มีรถเข้ามาอีก หมีเลยต้องรอไอ้ปัตทวีมันนั่งสนทนาธรรมกับหลวงพ่อต่ออีก หมีรอจนถึง 4 โมงเย็น มันถึงพาหมีมาส่งที่บ้าน”
รัศมียังคงเล่าให้ประณตฟังต่อด้วยความอัดอั้นและหงุดหงิด เธอพยายามเล่าแบบใส่อารมณ์อย่างสุดขีด
“เท่านี้ยังไม่พอนะค่ะพี่โน้ต พอวันอาทิตย์ไอ้ปัตทวีมันยังมีหน้ามาที่บ้านหมีอีก มันมาแต่เช้าเลยมันเข้ามาขออนุญาตพ่อหมี มันบอกว่ามันจะพาหมีไปช็อปปิ้ง พ่อหมีก็ไม่รู้เรื่องอะไร พ่อก็เลยไปยอมคล้อยตามมันจนได้ หมีเลยจำเป็นต้องยอมออกไปกับมันอีกค่ะ”
“อ้าวก็ดีนิครับ คุณปัตทวีเขาพาคุณรัศมีไปช็อปปิ้ชดเชยที่คุณรัศมีไปเป็นเพื่อนเขาที่วัดใช่ไหมครับ”
ประณตยังคงพยายามที่จะเปลี่ยนเรื่อง โดยเขาคิดว่าเรื่องราวคงจะจบลงด้วยดีเป็นแน่ เขาดูเหมือนว่าเขาจะคาดผิดไปเป็นอย่างมาก เพราะว่ารัศมียังเล่าด้วยอารมณ์หงุดหงิดอย่างต่อเนื่อง
“พี่โน้ตค่ะ พี่โน้ตรู้ไหม? ช็อปปิ้งในความหมายของไอ้ปัตทวีมันคืออะไร? ไอ้ปัตทวีมันพาหมีไปเดินซื้อของที่ร้านสังฆภัณฑ์แถวเสาชิงช้า มันพาหมีไปหอบเทียนพรรษา 3 คู่ และหมีต้องช่วยมันถือข้าวของที่มันซื้อมาเตรียมจะจัดสังฆทานถวายวัดอีก ทั้งผ้าไตร จีวร อะไรต่ออะไรอีกตั้งหลายอย่างเลยค่ะ หมีต้องอยู่กับไอ้ปัตทวีมันทั้งวันทั้งเมื่อยทั้งเครียด พอกลับไปบ้านหมีนอนไม่หลับทั้งคืนเลยค่ะ”
“อ้าว ไหนสัปดาห์ที่แล้วบอกว่า คุยปัตทวีแล้วคุณรัศมีรู้สึกสบายใจไม่ใช่หรือครับ?”
“นั้นมันเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนิค่ะ เมื่อคืนนี้หมีเพิ่งมาคิดได้ ที่ไอ้ปัตทวีมันพาหมีไปเลี้ยงข้าวกลางวันที่ซิลเลอร์ หมีก็นึกว่าจะฉลองครบ 7 วันที่รู้จักกัน แต่ที่ไหนได้ ในวันนั้นไอ้ปัตทวีมันพูดเหมือนกับว่า มันจัดทำบุญครบรอบ 7 วันมากกว่าค่ะ”