เธอชอบคนเลว

กระทู้สนทนา
เช้าวันอังคารอันเร่งรีบหลังจากผ่านวันหยุดยาวมา 3 วัน บรรยากาศในออฟฟิตดูพร้อมสำหรับการเริ่มต้นทำงานในสัปดาห์ใหม่  พนักงานหลายคนดูกระปี้กระเป่าสดชื่นหลังจากได้พักผ่อนเติมพลังในช่วงลองวีคเอ็นที่ผ่านมา   ความคึกคักจากเสียงพูดคุยและเสียงทักทายต่าง ๆ ทำให้บริษัทนี้ดูเหมือนมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง

รัศมีสาวสวยประจำฝ่ายขายมาทำงานตอนเช้าอย่างอารมณ์ดีเป็นพิเศษ  ประณตซึ่งเป็นหัวหน้างานรุ่นพี่ สังเกตเห็นจนอดที่จะทักเธอไม่ได้

“สวัสดีครับคุณรัศมี เป็นไงบ้างล่ะครับ? อารมณ์ดีแต่เช้าเลยนะครับ”

“ขอบคุณค่ะ พี่โน้ต ...” รัศมีตอบพร้อมกับยิ้มหวานจนแก้มแดง

“เห็นเขาบอกกันว่าหยุดยาว 3 วัน คุณรัศมีไปเที่ยวกับพนักงานฝ่ายบัญชีที่ชั้น 8 มาเหรอครับ? เป็นไงบ้างล่ะครับ สนุกไหมครับ?” ประณตถามต่อ

“ไปเที่ยวทะเลกันมาค่ะ สนุกดี ไปกันตั้งหลายคน มีหนุ่มฝ่ายบัญชีคนหนึ่ง มาคุยกับหมีด้วยนะคะ เขาเป็นพนักงานบัญชี เขาชื่อปัตทวีค่ะ”

“เออใช่ ...  ผมเคยได้ยินชื่อเหมือนกัน เห็นว่าฝ่ายบัญชีมีหนุ่มหล่อทำงานอยู่ในแผนกด้วยคนหนึ่ง”

“ค่ะพี่โน้ต  ปัตทวีเขาหล่อมากเลยค่ะ และนิสัยดีมาก ๆ ด้วย  เขาดูสุภาพเรียบร้อย ท่าทางเป็นคนดี เหล้าก็ไม่กิน บุหรี่ก็ไม่สูบค่ะ”

“พูดอย่างนี้แสดงว่าเขามาจีบคุณรัศมีเหรอครับ?”

ประณตถามขึ้นในลักษณะนี้จึงทำให้รัศมีต้องอายมวนจนแก้มแดงขึ้นมาอีกครั้ง  เธอก้มหน้าก้มตาทำเป็นแกล้งหาของในลิ้นชักโต๊ะเพื่อแก้เขิน  ก่อนที่จะตอบออกไปด้วยหน้าตาแอ๊บแบ๊วแบบเนียมอายนิด ๆ

“ก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะพี่โน้ต  ก็เห็นเขาเข้ามาคุยกับหมีตลอดเลยนะ ที่ฝ่ายบัญชีเขาก็แอบแซวอยู่เหมือนกัน หมีล่ะอายเขาน่าดูเลยค่ะ”

“ก็ดีแล้วนิครับ ถ้าเขาเป็นคนดีจริงคุณรัศมีก็น่าจะลองคบดูนะครับ” ประณตพูดพร้อมทั้งยิ้มส่งกำลังใจให้



ในช่วงสาย ๆ วันพุธ บรรยากาศในการทำงานยังคงคึกคักและดูเร่งรีบ  ในสัปดาห์นี้คงเป็นอีกหนึ่งสัปดาห์ที่มีงานเข้าเยอะมาก  จนทำให้พนักงานในออฟฟิตต้องเคร่งเครียดกับการทำงานโดยตลอด  แต่ละคนต่างก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองจนแทบจะไม่มีใครส่งเสียงคุยกันเลย  

หลังจากที่ประณตออกมาจากห้องประชุมและเดินกลับมานั่งทำงานที่โต๊ะ  ประณตสังเกตเห็นรัศมีนั่งยิ้มหวานเหม่อลอยอยู่ที่โต๊ะทำงานคนเดียว  ทำให้เขาต้องเดินเขาไปคุยทักทายด้วย

“คุณรัศมีกำลังคิดถึงใครอยู่เหรอครับ? นั่งยิ้มหวานอยู่คนเดียวเลยนะครับ” ประณตพูดทักทายพร้อมทั้งส่งยิ้มให้

“ค่ะพี่โน้ต หมีกำลังคืนถึงเรื่องเมื่อวานที่ปัตทวีเขาโทรมาคุยกับหมีค่ะ เราโทรคุยกันตั้ง 2 ชั่วโมงกว่า  หมีคุยกับเขาแล้วรู้สึกสบายใจจังเลยค่ะ เขาสอนอะไรต่ออะไรหมีตั้งหลายอย่าง  แถมยังให้คำปรึกษาหมีด้วยนะคะ”

“เออ ดีจังเลยครับ  ว่าแต่คุณรัศมีอย่ามัวคิดถึงหนุ่ม ๆ เพลินจนลืมทำงานล่ะ งานพรีเซ็นต์สินค้าสัปดาห์หน้าไปถึงไหนแล้วล่ะครับ?”

“เดี๋ยวหมีหาข้อมูลเพิ่มเติมสัก 2 - 3 วันก็คงเสร็จแล้วค่ะ  ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะพี่โน้ต”


บ่ายโมงวันพฤหัสบรรยากาศการทำงานในออฟฟิตเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น  พนักงานบางคนมีเดินไปคุยเล่นและทักทายกับพนักงานคนอื่น ในช่วงนี้ได้ผ่านช่วงเวลาของการทำงานหนักที่ต้องเร่งแข่งกับเวลาไปแล้ว หลายคนเริ่มอารมณ์ดีมากขึ้นเพราะว่าทำงานแค่พรุ่งนี้อีก 1 วัน  พวกเขาก็จะได้หยุดงานสุดสัปดาห์อีกแล้ว

ประณตกลับเข้าออฟฟิตมาหลังจากออกไปหาลูกค้าตั้งแต่เช้า  เขาหยิบงานที่เพิ่งไปคุยกับลูกค้าขึ้นมาเตรียมทำ ในขณะที่รัศมีกำลังเดินยิ้มหวานกลับเข้ามาในออฟฟิต

“อ้าว คุณรัศมี ไปทานข้าวที่ไหนมาครับ? ยิ้มจนพุงปลิ้น เฮ้ย ยิ้มจนแก้มปริเลยนะครับ” ประณตพูดทักทายอย่างอารมณ์ดี

“หมีไปทานข้าวกับปัตทวีมาค่ะ ปัตทวีเขาพาหมีไปเลี้ยงเนื่องในโอกาสรู้จักกันครบ 7 วันค่ะ”

รัศมีพูดจบก็ออกอาการอายม้วนจนต้องยืดแขนบิดเป็นเกลียวเพื่อหมุนรอบตัวเองไป 1 รอบ

“คุณปัตทวี เขาช่างใจดีจังเลยนะครับ  แล้วไปกินอะไรที่ไหนมาล่ะครับ?”

“ปัตทวีเขาพาไปหมีไปทานที่ซิลเลอร์ค่ะ หมีกินจนอิ่มแปล้เลยค่ะ ปัตทวีเขาทานนิดเดียวเอง พี่โน้ตค่ะ ปัตทวีเขาทานมังสวิรัติด้วยนะคะ ทานแต่สลัดผักเขายกสเต็กเนื้อให้หมีทานหมดเลยค่ะ”

“ฮือ ก็ดีนะ ว่าแต่คุณรัศมีเอางานนี่ไปช่วยทำหน่อยสิครับ  ผมเพิ่งไปคุยกับลูกค้ามา”

ประณตพูดพร้อมหยิบแฟ้มเอกสารของลูกค้ายื่นให้  รัศมีรับแฟ้มนั้นมาพร้อมทั้งยิ้มแบบแห้ง ๆ ส่งกลับคืนไปให้ประณตแทน

“ค่ะพี่โน้ต  แต่ไม่รู้ว่าจะเสร็จทันไหม? เพราะว่างานเก่าหมียังทำไม่เสร็จเลยค่ะ”


เช้าวันศุกร์เป็นเช้าวันทำงานที่ดูจะสดใสมากที่สุด  บรรยากาศของการทำงานในออฟฟิตมีแต่เสียงพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน บางคนเล่าเรื่องข่าวต่าง ๆ พร้อมทั้งหัวเราะออกมาอย่างเปิดเผย  ดูเหมือนว่าพนักงานทุกคนจะชื่นชอบการทำงานในวันศุกร์มากเป็นพิเศษ

ประณตเข้าออฟฟิตเพื่อมาทำงานแต่เช้า  เพราะเขาต้องเตรียมข้อมูลสำหรับเข้าประชุมกับลูกค้า ส่วนรัศมีเดินยิ้มหวานพร้อมผิวปากอย่างอารมณ์ดี   เธอเดินเข้าออฟฟิตตามมาในเวลาไล่เลี่ยกัน  เมื่อประณตหันมาเห็นจึงรีบเดินเข้าไปทักทายเหมือนเช่นเคย

“อ้าว คุณรัศมี วันนี้มีนัดเหรอครับ วันนี้คุณรัศมีแต่งตัวสวยเป็นพิเศษเลยนะครับ”

ประณตพูดทักทายพร้อมยิ้มให้  ทำเอารัศมีต้องยิ้มด้วยความภูมิใจเป็นอย่างมาก

“ค่ะพี่โน้ต  ตอนค่ำนี้หมีมีนัดกับปัตทวี  หมีคิดว่าปัตทวีเขาคงจะพาหมีไปดูหนังค่ะ”

“โอ้โห ... พัฒนาเร็วจังเลยนะครับ เพิ่งเจอกันแค่สัปดาห์เดียวเอง  นัดออกเดทกันแล้วเหรอครับ?”

“แหมพี่โน้ตก้อ หมีกับปัตทวีโทรศัพท์คุยกันทุกคืนค่ะ หมีคุยกับเขาแล้วรู้สึกว่าสบายใจ ผ่อนคลายยังไงก็ไม่รู้ค่ะ คงเป็นโชคดีของหมีที่มีหนุ่มหล่อนิสัยดีมาจีบหมี หมีคงต้องให้โอกาสเขาบ้างค่ะ”

“อย่างว่าหล่ะ หนุ่มสาวสมัยนี้สปาร์คไฟติดกันเร็วจัง จนคนแก่ ๆ อย่างผมตามไม่ทันแล้ว ออกเดทกันก็อย่ากลับบ้านดึกมากนะครับ  มือไม้ก็อย่าไปให้เขาจับง่าย ๆ นะ เราเป็นผู้หญิงต้องระวังเนื้อระวังตัวไว้ก่อน ถ้าพลาดพลังไปเดี๋ยวจะเสียหายนะครับ”

ประณตพูดเตือนด้วยความหวังดีจนทำให้รัศมีต้องหยุดคิดตามนิดนึง  ก่อนที่เธอจะออกอาการปฏิเสธด้วยความมั่นใจ

“แหมพี่โน้ตก้อ  คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ แค่ออกเดทแล้วก็ไปดินเดอร์กันก็แค่นั้นเองค่ะ เออ พี่โน้ตค่ะ เย็นนี้ปัตทวีเขาบอกหมีว่า เขาจะซื้อดอกไม้ให้หมีด้วยนะคะ”

รัศมีพูดจบก็แสดงอาการดีใจอย่างออกหน้าออกตา  จนทำให้ประณตต้องพูดเตือนต่อ

“ครับ  ได้ดอกไม้ก็ดี ว่าแต่วันนี้คุณรัศมีอย่ามัวเอาแต่แต่งหน้าจนเพลินนะครับ   รีบทำงานด้วยเดี๋ยวงานจะไม่เสร็จ  สัปดาห์นี้ผมยังไม่เห็นคุณรัศมีทำงานอะไรเสร็จเป็นชิ้นเป็นอันเลยสักอย่าง  ระวังนะครับ เดี๋ยวคนอื่นเขาจะว่าเอาได้ครับ”

“ค่ะ  หมีรู้แล้วค่ะพี่โน้ต” รัศมีต้องก้มหน้าก้มตารับคำอย่างเสียไม่ได้


หลังจากผ่านการหยุดผักผ่อนวันเสาร์ วันอาทิตย์มาแล้ว เช้าวันจันทร์ในสัปดาห์ต่อมา ประณตก็มาทำงานแต่เช้าเหมือนเดิม ส่วนรัศมีวันนี้มาทำงานสายเกือบจะ 10 โมงเช้า รัศมีเดินเข้าออฟฟิตมาด้วยหน้าตาที่บึ้งตึงบอกบุญไม่รับ

“อ้าวคุณรัศมี วันนี้เป็นอะไรครับ ไม่สบายหรือเปล่าครับ?” ประณตรีบถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง

“เปล่าค่ะพี่โน้ต เมื่อคืนหมีนอนไม่หลับทั้งคืนเลย เช้านี้เลยตื่นสายค่ะ” รัศมีพูดด้วยอาการไม่ปลื้มสักเท่าไหร่นัก

“อ้าวเหรอครับ?  แล้วเมื่อวันศุกร์คุณปัตทวีเขาพาไปดูหนังมาเป็นไงบ้างล่ะ สนุกไหมครับ?”

ประณตพยายามจะเปลี่ยนเรื่องคุย  ด้วยการชวนคุยในเรื่องที่น่าจะทำให้รัศมีอารมณ์ดีขึ้น  แต่ไม่เป็นอย่างที่เขาคิด  รัศมียังคงอารมณ์เสียอย่างต่อเนื่อง  เธอตอบคำถามด้วยน้ำเสียงที่เหวี่ยงใส่เป็นอย่างมาก

“ดูนั่งกะผีอะไรล่ะค่ะพี่โน้ต ไอ้ปัตทวีมันพาหนูไปเวียนเทียนที่วัดต่ะ”

“อ้าวทำไมล่ะ?” ประณตต้องถามด้วยความสงสัย

“ไอ้ตอนแรกหมีก็หลงดีใจ  ไอ้ปัตทวีมันซื้อดอกไม้มาให้หมีเป็นดอกบัว 3 ดอก ตอนแรกหมีก็นึกว่ามันให้ดอกบัวเพราะว่ามันรักและเทินทูนหมี แต่ที่ไหนได้ มันจะชวนหมีไปทำบุญเวียนเทียนที่วัดก็ไม่ยอมบอก ดินน่งดินเนอร์มันก็ไม่พาหมีไปกิน  หมีเพิ่งมารู้ว่าไอ้ปัตทวีมันไม่กินข้าวเย็น หมีจะขอตัวแยกไปเที่ยวผับกับเพื่อน ๆ แทนไอ้ปัตทวีมันก็ไม่ยอมค่ะ  มันมั่วแต่บอกว่าเที่ยวกลางคืนมันไม่ดีอย่างโน้นไม่ดีอย่างนี้ ผิดศีลบ้างล่ะ บาปบ้างล่ะ หมีล่ะเบื่อมันจริง ๆ เลยค่ะ”

รัศมีพูดแบบใส่อารมณ์อย่างเต็มที่  เธอระบายความอัดอั้นออกมาเป็นชุด  ทำให้ประณตต้องงงเป็นอย่างมาก  เขาจึงต้องพยายามเบี่ยงเบนประเด็นต่อ

“อ้าวเหรอครับ?  ... แล้ววันเสาร์วันอาทิตย์ที่ผ่านมาไปเที่ยวที่ไหนกันมาล่ะครับ?”

“พี่โน้ตอย่าให้หมีเล่าเลยค่ะ  พูดแล้วยังแค้นไม่หายเลย  วันเสาร์ไอ้ปัตทวีมันมารับหมีแต่เช้า หมีก็นึกว่ามันจะพาหมีไปดูหนังเรื่องฮอบบิท สงคราม 5 ทัพ  แต่ที่ไหนได้ไอ้ปัตทวีมันพาหมีไปนั่งสมาธิที่วัดค่ะ หมีต้องนั่งสมาธิอยู่ตั้ง 3 ชั่วโมงกว่า เมื่อยก็เมื่อย หนังก็ไม่ได้ดู ไอ้ปัตทวีมันบอกว่าดูหนังทำไมไม่ได้ประโยชน์อะไร ค่าตั๋วหนัง 200 บาทแพงก็แพง  มันเลยบอกให้หมีเอาเงินมาทำบุญดีกว่า”

“อืม ... ขนาดนั้นเลยเหรอ?”  ประณตถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินที่รัศมีเล่า

“ค่ะพี่โน้ต  หมีควักเงินออกมาจะทำบุญ 100 นึง แต่ไอ้ปัตทวีมันบอกหมีว่าทำบุญเขาต้องทำกันเต็มกำลังถึงจะได้บุญเยอะ ทำบุญต้องทำให้เต็มอัตราถวายให้เต็มพิกัด  ว่าแล้วไอ้ปัตทวีมันก็คว้ากระเป๋าตังค์หมีไปค่ะ  มันกวาดเงินไป 1,500 บาทหมดกระเป๋าเลย   แล้วมันก็เอาเงินหมีไปหยอดตู้บริจาคหมดเลยค่ะ”

“เฮ้ย  คุณปัตทวีเขาบ้าทำบุญขนาดนี้เลยเหรอ? อ้าวแล้วคุณรัศมีทำไงต่อล่ะครับ?”

“พี่โน้ตคิดดูสิค่ะ แล้วจะให้หมีทำไงได้ วัดที่มันพาไปก็โคตรจะเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนเลย ไกลก็ไกลลึกก็ลึกแถมไม่มีรถเข้ามาอีก หมีเลยต้องรอไอ้ปัตทวีมันนั่งสนทนาธรรมกับหลวงพ่อต่ออีก หมีรอจนถึง 4 โมงเย็น มันถึงพาหมีมาส่งที่บ้าน”

รัศมียังคงเล่าให้ประณตฟังต่อด้วยความอัดอั้นและหงุดหงิด  เธอพยายามเล่าแบบใส่อารมณ์อย่างสุดขีด

“เท่านี้ยังไม่พอนะค่ะพี่โน้ต พอวันอาทิตย์ไอ้ปัตทวีมันยังมีหน้ามาที่บ้านหมีอีก   มันมาแต่เช้าเลยมันเข้ามาขออนุญาตพ่อหมี มันบอกว่ามันจะพาหมีไปช็อปปิ้ง พ่อหมีก็ไม่รู้เรื่องอะไร พ่อก็เลยไปยอมคล้อยตามมันจนได้ หมีเลยจำเป็นต้องยอมออกไปกับมันอีกค่ะ”

“อ้าวก็ดีนิครับ  คุณปัตทวีเขาพาคุณรัศมีไปช็อปปิ้ชดเชยที่คุณรัศมีไปเป็นเพื่อนเขาที่วัดใช่ไหมครับ”

ประณตยังคงพยายามที่จะเปลี่ยนเรื่อง  โดยเขาคิดว่าเรื่องราวคงจะจบลงด้วยดีเป็นแน่  เขาดูเหมือนว่าเขาจะคาดผิดไปเป็นอย่างมาก  เพราะว่ารัศมียังเล่าด้วยอารมณ์หงุดหงิดอย่างต่อเนื่อง

“พี่โน้ตค่ะ พี่โน้ตรู้ไหม? ช็อปปิ้งในความหมายของไอ้ปัตทวีมันคืออะไร?   ไอ้ปัตทวีมันพาหมีไปเดินซื้อของที่ร้านสังฆภัณฑ์แถวเสาชิงช้า  มันพาหมีไปหอบเทียนพรรษา 3 คู่ และหมีต้องช่วยมันถือข้าวของที่มันซื้อมาเตรียมจะจัดสังฆทานถวายวัดอีก  ทั้งผ้าไตร จีวร อะไรต่ออะไรอีกตั้งหลายอย่างเลยค่ะ หมีต้องอยู่กับไอ้ปัตทวีมันทั้งวันทั้งเมื่อยทั้งเครียด  พอกลับไปบ้านหมีนอนไม่หลับทั้งคืนเลยค่ะ”

“อ้าว ไหนสัปดาห์ที่แล้วบอกว่า คุยปัตทวีแล้วคุณรัศมีรู้สึกสบายใจไม่ใช่หรือครับ?”

“นั้นมันเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนิค่ะ เมื่อคืนนี้หมีเพิ่งมาคิดได้ ที่ไอ้ปัตทวีมันพาหมีไปเลี้ยงข้าวกลางวันที่ซิลเลอร์ หมีก็นึกว่าจะฉลองครบ 7 วันที่รู้จักกัน แต่ที่ไหนได้  ในวันนั้นไอ้ปัตทวีมันพูดเหมือนกับว่า มันจัดทำบุญครบรอบ 7 วันมากกว่าค่ะ”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่