มาคิดกันเล่นๆครับ ในอนาคตอะไรจะมาแทนที่ "สมาร์ทโฟน"

เริ่มจากคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่มีขนาดเท่าห้องๆหนึ่งใช้หลอดสุญญากาศในการเก็บข้อมูล
ค่อยๆเล็กลงจนกระทั่งเป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้ทรานซิสเตอร์
และกลายมาเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะยุคแรกๆที่เชื่อมต่อกับคีย์บอร์ดจอขาวดำ ไม่มี interface อะไร
แล้วค่อยเริ่มพัฒนาระบบ interface ขึ้นมา
จนมาถึงยุคที่คอมพิวเตอร์มีเมาส์
คอมพิวเตอร์จอสี
คอมพิวเตอร์พกพา
โน้ตบุ๊ค
โทรศัพท์มือถือ
โทรศัพท์มือถือที่เกือบสมาร์ท มีคีย์บอร์ดในตัวและ touch ได้บางส่วน
กลายมาเป็น touch แบบ full function
หรือที่เรียกว่า "สมาร์ทโฟน"

---------------------------------------------------------

มาดูความคิดของผมกันเลย

ผมคิดว่าสมาร์ทโฟนอาจจะเป็นจุดอิ่มตัวของเทคโนโลยีไปหลายปีนะ
เพราะผมเห็นว่าทุกวิวัฒนาการที่ก้าวกระโดดนั้น สิ่งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนและปฏิวัติของเทคโนโลยีคือ input
เริ่มแรกเราใช้ คีย์บอร์ดเป็น input -> เมาส์ -> นิ้ว
ผมยังไม่เห็นว่าอะไรที่ง่ายกว่านิ้วมือ

และพวกโทรศัพท์ยืดหยุ่น จอโค้ง งอได้ไม่น่าจะเป็นจุดพลิกพันสำหรับเทคโนโลยี
ไม่ก็โทรศัพท์มือถือที่จอใสนั้น ยังไม่ค่อยหวือหวาเท่าไหร่ เพราะการใช้การงานยังเป็นเหมือน
ไม่ได้ทำให้สะดวกขึ้นสักเท่าไหร่

สิ่งที่น่าจะมาแทนที่สมาร์ทโฟนได้คือสิ่งที่ง่ายกว่าการเอานิ้วจิ้มลงไปบนจอ
ผมเห็นแค่หนทางเดียวคือ การสั่งการจากสมองโดยตรง
เพียงแค่คิด คุณก็สามารถสั่งการโทรศัพท์ที่อยู่ในมือว่าจะทำให้เป็นไปในทิศทางไหน

มันง่ายในอุดมคติครับ แต่ทำได้จริงๆคงต้องพึ่งเทคโนโลยีอีกสัก 10-20 ปี
ซึ่งผมว่าสมาร์ทโฟนจะเป็นจุดอิ่มตัวที่สุดในช่วงนี้ อีกทั้งยังไม่เห็นว่าใครจะเอาข้อศอกจิ้มโทรศัพท์แน่ๆ

ผมเคยคิดว่าดวงตาอาจจะเป็น input ที่ดีตัวหนึ่ง
เว้นแต่ว่าบางครั้งดวงตาไม่ได้ทำงานตามที่สมองสั่งอย่างต้องการ แต่เป็นการทำโดยอัตโนมัติเช่นการกระพริบตาและกรอกลูกตา
ดวงตาจึงใช้ไม่ได้

ถ้าให้ง่ายกว่าสมองสั่งการ คงเป็นโฮโลแกรมครับ
เป็นความคิดที่ง่ายในอุดมคติเหมือนกัน แต่ต้องใช้เวลาสักหน่อย

เพราะฉะนั้นผมคิดว่าใน 5 ปีนี้ สมาร์ทโฟนจะทะยานสู่ขีดสูงสุด
สำหรับใน 2-3 ปีนี้สิ่งที่จะเป็นตัวเฉือดเฉือนกันระหว่างสมาร์ทโฟนแต่ละยี่ห้อ
ผมคิดว่าน่าจะเป็น battery จะเห็นว่าทุกวันนี้คนที่พกมือถือไปด้วยจะพก powerbank ติดตัวแทบตลอดเวลา

ผมเคยอ่านข่าวที่ว่าแบตเตอรี่สามารถชาร์ตได้เต็มภายใน 60 วินาที แล้วมันก็สามารถทำได้จริงๆแล้ว
แต่ยังไม่ประยุกต์กับสมาร์ทโฟน ดังนั้นผมคิดว่าถ้าสมาร์ทโฟนสามารถทำให้แบตเตอรี่ชาร์ตได้เต็มภายใน 1 นาทีเมื่อไหร่
และสามารถใช้ได้นานเป็นเดือนๆ สมาร์ทโฟนตัวนี้จะเหนือกว่าคู่แข่งทั้งปวงแน่ๆครับ

สำหรับสเปคโหด สเปคเทพ ผมว่าเข้าถึงลูกค้าได้อย่าง
อธิบายง่ายๆคือ คนส่วนที่มากที่ซื้อคอมมาใช้เนี่ย อ่านสเปคคอมกันไม่เป็นหรอกครับ
สิ่งที่พวกเขาทำคือซื้อมาแล้วมันใช้งานได้ แล้วเพิ่มความสะดวกสบายในชีวิตก็ตอบโจทย์ครับ
ดังนั้นต่อให้อัพสเปคเทพขนาดไหนก็เจาะกลุ่มบุคคลเล็ก

สรุปครับ :
สมาร์ทโฟน -> สมาร์ทโฟน & สมาร์ทแบตเตอรี่ -> สั่งการด้วยสมอง -> โฮโลแกรม
ผมไม่ค่อยได้เห็นข่าวการวิจัยเกี่ยวกับโฮโลแกรมกว้างขวางเท่าการสั่งการด้วยสมอง
ทั้งๆที่ความคิดเกี่ยวกับโฮโลแกรมมีเกลื่อนไปทั่งนวนิยายไซไฟและภาพยนตร์อัด CG มาตั้งแต่ยุค 2000 ไม่ก็ 1990 เลยด้วยซ้ำ
งานวิจัยควรจะมากกว่าการสั่งการด้วยสมอง ดังนั้นผมคิดว่าสั่งการด้วยสมองเป็นไปได้มากกว่าโฮโลแกรม

ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่