สวัสดีค่ะ ครั้งนี้เราจะมารีวิวเที่ยวอินโดนีเซีย มหาบุโรพุทโธ - เกาะบาหลี หลังจากได้ลองทำรีวิวไปแล้วก็เริ่มรู้สึกติดใจค่ะ อยากบอกเล่าประสบการณ์ที่เราได้เดินทางไปสัมผัสในที่ต่างๆ มาบอกเล่าให้เพื่อนๆชาวพันทิปกัน หวังว่าจะพอมีประโยชน์นะคะ
การเดินทาง เราเดินทางโดยสายการบินประชาติของอินโดนีเซีย คือสายการบินGaruda Indonesia คำว่าการูด้าแปลว่าครุฑนั้นเองค่ะ ตามลัทธิความเชื่อของชาวฮินดู สัตว์พาหนะของพระนารายณ์ ทั้งที่แท้จริงปัจจุบันประเทศอินโดนีเซียนับถือศาสนาอิสลามเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็แสดงให้เห็นว่า ความเชื่อของศาสนาฮินดูได้แทรกซึมลงไปในคนอินโดนีเซียแล้วค่ะ
ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้วค่ะ การเดินทางเราจะเดินทางไปยังเมืองยอร์คยาการ์ต้า ซึ่งเป็นเมืองที่เราจะไปชมมหาบุโรพุทโธ ก่อนแล้วจึงไปเกาะบาหลีกันคะ
เรามาดูเครื่องบินนะคะ ถ้าเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวไม่เยอะ ทางสายการบินจะนำเครื่อง 3-3 มาทำการบินค่ะ แต่ถ้าปริมาณผู้โดยสารเยอะจะเปลี่ยนเป็นลำใหญ่ขึ้น ที่นั่งแบบ 2-4-2 ค่ะ ถามว่าจะรู้ได้อย่างไรว่าจะได้นั่งแบบไหนต้องบอกว่าลุ้นเอาค่ะ
อาหารบนเครื่อง เดินทางจากกรุงเทพ สู่จากาต้าก่อนนะคะ เนื่องจากจากาต้าเป็นเมืองหลวงของประเทศอินโดนีเซีย ตามธรรมเนียมจึงเป็นเมืองหลักในการต่อเส้นทางไปยังเมื่องต่างๆภายในประเทศอินโดนีเซียค่ะ
จากนั้นเมื่อถึงสนามบินจากาต้าแล้วเราก็ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง รวมถึงแลกเงินกันที่สนามบินจากาต้ากันก่อนนะคะ แล้วก็จะเดินขึ้นไปชั้น 2 บริเวณอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศค่ะ ต้องบอกว่า สนามบินนานาชาติซูการ์โนฮัตตา การเดินไปเพื่อต่อเครื่องค่อนข้างสลับซับซ้อนนิดๆนะคะ เรียกว่า งงเลยก็ว่าได้ แต่ก็ไม่ลำบากเกินไปค่ะ แต่ที่เด็ดกว่านั้นคือ ต่อให้คุณแน่ใจว่า Gate ที่คุณรอนั้งถูกต้องแล้ว หรือเจ้าหน้าที่ก็ขึ้นป้ายว่า Gate นี้จะเดินทางไปยอร์คยาการ์ต้าต่อ แต่มันก็พร้อมที่จะเปลี่ยน Gate ตลอดเวลา ดังนั้นโปรดฟังด้วยนะคะ ตอนที่เรียกขึ้นเครื่อง -*-
บินภายในชั่วโมงกว่าๆ ก็จะเสริฟ์แค่ขนมปังกับน้ำค่ะ
มาถึงเมืองยอร์คยาการ์ต้า ก็ค่ำมากแล้วค่ะ เราก็เข้าพักที่โรงแรม Melia Purosani Hotel Yogyakarta อยู่ไม่ไกลจากถนนมาริโอโบโรคะ แต่มาถึงดึกมากไม่ไหวคะ พักผ่อนดีกว่า
ภายในโรงแรมห้องพักใช่ได้เลยคะ และมีบริการfree Wifi ที่บริเวณล็อบบี้คะ
เช้าวันที่สอง ของการเดินทาง วันแรกเรียกว่าเดินทางก็หมดวันแล้ว เราก็ออกไปเที่ยวยังมหาบุโรพุทโธซึ่งถือว่าเป็นวัดพุทธที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกก็ว่าได้ค่ะ ใช้เวลาเดินทางจากเมืองยอร์คยาการ์ต้าไปประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆค่ะ เราก็มาถึงกันแล้วค่ะยิ่งใหญ่จริง
มหาบุโรพุทโธ สร้างโดยกษัตริย์แห่งราชวงศ์ไศเลนทร์ สร้างราวคริสต์ศตวรรษที่ 7-9 หรือ พุทธศักราช 1393
ซึ่งเมื่อมาถึงทางวัดก็มีบริการโสร่งให้นักท่องเที่ยวสวมใส่เพื่อก่อนเข้าชมมหาบุโรพุทโธค่ะ
ลักษณะการสร้างเจดีย์รายนั้นถือเป็นต้นแบบในการสร้างเจดีย์ในปัจจุบันค่ะ ภายในเจดีย์องค์เล็กจะประดิษฐานพระพุทธรูป
โดยทุกวันวิสาขบูชาของทุกปี จะมีพุทธศาสนิกชนทั่วทั้งอินโดนีเซียและจากต่างประเทศ เดินทางมาสักการะมหาบุโรพุทโธกันอย่างเนื่องแน่นค่ะ
เจดีย์องค์ประธานมีความสูง 31.5 เมตร ภายในไม่ได้บรรจุสิ่งใดเอาไว้ อาจเพราะต้องการสื่อให้เห็นถึงความว่าง การปล่อยวาง เป็นที่สุดของนิพพาน
ครั้งหนึ่งสถานที่แห่งนี้เคยถูกซ้อนจากสายตาของมนุษย์ด้วยเถ้าถ่านดินและหินจากภูเขาไฟ
จนช่วงพุทธศตวรรษที่ 24 เซอร์โทมัส แสตนฟอร์ด ราฟเฟิล ชาวดัทซ์ ได้ค้นพบศาสนสถานอันยิ่งใหญ่แห่งนี้ และปัจจุบันมหาบุโรพุทโธ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมกดกโลกอีกด้วยค่ะ
จากนั้นเราก็เดินทางกลับมายังตัวเมืองยอร์คยาการ์ต้า ระหว่างทางอาจแวะซื้อสละอินโด หวานกรอบ และราคาถูก เมื่อเทียบกับที่บาหลีคะ
มาถึงเมืองยอร์คยาการ์ต้าเราก็เข้าชมวังสุลต่าน หรือที่ชาวอินโดเรียกกันว่าKraton (กราตอน) หรือ Keraton (เกอราตอน)
แต่เดิมเมืองยอร์คยาการ์ต้า เคยเป็นเมืองหลวงของประเทศอินโดนีเซียก่อนจะย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่จากาต้า
วังสุลต่าน ปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมคะ โดยสุลต่านฮาเมงกูโวโนที่ 1 สุลต่านองค์แรกแห่งยอร์คยาการ์ต้า ทรงดำรัสให้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1755-1756 การออกแบบด้วยศิลปะชวาผสมยุโรป
ปัจจุบันยังคงใช้เป็นที่ประทับของสุลต่านองค์ปัจจุบัน แต่จะมีการกันส่วนไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าชมค่ะ
จากนั้นเราก็มายังพระราชวังน้ำTaman Sari สร้างขึ้นในสมัยสุลต่านองค์แรกแห่งยอร์คยาการ์ต้า คือ Sultan Hamengkubuwono I เพื่อเป็นที่ประทับพักผ่อนจากการทำศึกสงคราม โดยการออกแบบสร้างโดยศิลปะแบบชวาผสมยุโรป
สระที่อยู่ด้านนอกจะมีเหล่าสนมมากมายมากว่ายน้ำ เพื่อให้สุลต่านทรงเลือกและไปว่ายน้ำต่อด้านใน ไกด์อินโดได้บอกเล่าให้เราฟัง
แล้วเราก็เดินทางต่อมายังวัดพรามนันต์ (Prambanan) หรือ จันดีโลโลจงกรัง เป็นวัดในศาสนาฮินดูที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ในประเทศอินโดนีเซีย
สร้างในรัชสมัยของ Rakai Pikatan และ Rakai Balitung มีความสูงถึง 47 เมตร เพื่อแสดงให้เห็นถึงชัยชนะของชาวฮินดูในเกาะชวา
พระปรางค์จำนวน 8 หลัง สร้างขึ้นอุทิศให้กับพระตรีมูรติ ตามความเชื่อของศาสนาฮินดู พระปรางค์องค์ประธานจะมีขนาดใหญ่สุดองค์กลางสร้างถวายแด่พระศิวะ พระปรางค์ทางทิศเหนือสร้างถวายแด่พระวิษณุ พระปรางค์ทางทิศใต้ถวายแด่พระพรหม พระปรางค์องค์เล็กลงมาที่อยู่ด้านหน้าสามหลังนั้นสร้างถวายแด่พาหนะของเทพเจ้าทั้งสาม ได้แก่ โคนนทิ ครุฑและหงส์ ตามลำดับ และพระปรางค์อีกสองหลังเล็กสร้างเพื่อถวายแด่พระสุริยะและพระจันทร์
นอกจากนี้ยังมีตำนานการสร้างจันดิ หรือจันทิ ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจากคำเดียวกันของเจดีย์ องค์เจดีย์องค์เล็กๆ ที่มีเกือบ 1,000 องค์
เมื่อเราเที่ยวชมเมืองยอร์คยาการ์ต้าแหล่งท่องเที่ยวสำคัญครบถ้วน ก็ออกเดินทางไปยังเมืองเดนปาซาร์ เกาะบาหลีกันเลย สนามบินเมืองยอร์คยาการ์ต้าเล็กมากๆไม่ต้องเพื่อเวลาเยอะเลยคะ เพราะว่าอาคารชั้นเดียว เช็คอินเสร็จผ่านSecurity ก็คือจุดรอขึ้นเครื่องเลยค่ะ
เมื่อมาถึงสนามบินเดนปาซาร์ เราก็เข้าโรงแรมที่พักซึ่งสองคืนในบาหลีเราจะพักที่ Grand Nikko Bali
โรงแรมอยู่ติดหาดNusa Dua หรือเขตนูซาดัว แต่ไม่มีเวลาไปดูความสวยของหาดเลยนะคะ รายการเที่ยวมันแน่นไป
มาดูห้องพักกันค่ะ เตียง 7 ฟุตได้คะใหญ่มาก อลังการสุดๆ
วิวจากห้องพักที่ได้ เห็นทะเล และหาดทรายในตอนเช้าค่ะ แต่อย่างที่บอกว่าไม่มีเวลาไปเดินเล่นเลย น่าเสียดายมากๆ โรงแรมจะสร้างไล่ระดับลงไปตามเชิงเขานะคะ
วันที่สาม เราก็ออกเดินทางท่องเที่ยวกันดีกว่าคะ โดยสถานที่แรกในเกาะบาหลีที่เราจะไปชมกันค่ะก็คือ
ปุระทามัน (Taman Ayun) วัดหลวงแห่งราชวงศ์เม็งวี
สร้างขึ้นเมือปี ค.ศ. 1634 เพื่อเป็นสถานที่ในการสักการะเทพเจ้าของราชวงค์เม็งวี
แม้ปัจจุบันจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมแต่ในบริเวณส่วนสถานที่ประกอบพิธี นักท่องเที่ยวก็ยังไม่สามารถเดินเข้าด้านในได้ แต่สามารถเดินอ้อมโดยรอบแทน
และเนื่องจากเป็นวัดหลวงแห่งราชวงค์ หลังคาจึงมีทั้งหมด 11 ชั้น เพื่อแสดงให้ทราบว่าเป็นวัดหลวงนั้นเองคะ่
เราเดินทางขึ้นเทือกเขาเบดูกัล(Bedugul) เพื่อมาชมวัดอุรุดานู เบราตาน (Ulun Danu Bratan Temple)
วัดแห่งนี้ สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายแด่เทพเจ้าแห่งสายน้ำ เดวิดานู (Dewi Danu) ตามความเชื่อทางศาสนาอินดู
และตั้งชื่อตามที่ตั้งคือทะเลสาปเบราตาน ตั้งอยู่ในระดับความสูง 1,300 เมตร
และเราก็เดินทางต่อไปยังปุราตะนาห์ลอต (Pura Tanah Lot)
เป็นวัดที่เรียกได้ว่านักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวยังบาหลีต้องถ่ายรูปเพราะถือว่าเป็นวัดที่มีความสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในเกาะบาหลี
สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 15-16 โดยนักบวชฮินดูชื่อ ดังฮยัง นิราร์ธา (Danghyang Nirartha) เพื่ออุทิศแด่เทพเจ้าและปีศาจแห่งท้องทะเล
ยามพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน ปุราตะนาห์ลอต (Pura Tanah Lot) ก็สวยงามมากทีเดียว อีกมุมที่สวยไม่แพงกัน
และในช่วงเย็นน้ำทะเลจะลงทำให้สามารถเดินไปยังปุราตะนาห์ลอต ได้อีกด้วย
แล้วเราก็มารับประทานอาหารทะเลที่บาหลีกัน คนบาหลีเรียกว่า The best seafood แต่ว่าสำหรับเราแล้ว
ดูตามภาพเอาแทนนะคะ
อย่าได้บรรยายต่อเลยค่ะ กลับที่พักนอนดีกว่า
วันที่สี่ วันนี้ตื่นเช้ามาชมการแสดง ระบำบาร็องด๊านซ์ (Barong Dance)
ซึ่งการแสดงจะเป็นเรื่องราวของความดีและความชั่ว ถามว่าดูรู้เรืองไม่ต้องบอกว่าไม่ค่ะ 555 คงเหมือนฝรั่งดูโขนไทย ว่าไปขอนอกเรื่องนิด ว่าด้วยเรื่องรามเกียรติ์ ทางอิเหนาเอง เค้าก็ว่าเค้าเป็นต้นกำเนิดนะคะ แต่ทางไทยเราถือว่ารับมาจากอินเดีย ที่พูดมาเรื่องรามเกียรติ์เพราะการแสดงระบำของที่บาหลีจะมีบางแห่งจัดแสดงเรื่องรามเกียรติ์ด้วยนั้นเองค่ะ
แล้วเราก็เดินทางมายังย่านอูบุดค่ะ อาคารบริเวณอุบูดสวยดีค่ะ
เดี๋ยวมาต่อนะคะ
[CR] รีวิวเที่ยวแดนอิเหนา สักการะมหาบุโรพุทโธ สัมผัสดินแดนแห่งศาสนาฮินดู บนเกาะสวรรค์บาหลี เดินทางโดยGaruda Indonesia
การเดินทาง เราเดินทางโดยสายการบินประชาติของอินโดนีเซีย คือสายการบินGaruda Indonesia คำว่าการูด้าแปลว่าครุฑนั้นเองค่ะ ตามลัทธิความเชื่อของชาวฮินดู สัตว์พาหนะของพระนารายณ์ ทั้งที่แท้จริงปัจจุบันประเทศอินโดนีเซียนับถือศาสนาอิสลามเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็แสดงให้เห็นว่า ความเชื่อของศาสนาฮินดูได้แทรกซึมลงไปในคนอินโดนีเซียแล้วค่ะ
ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้วค่ะ การเดินทางเราจะเดินทางไปยังเมืองยอร์คยาการ์ต้า ซึ่งเป็นเมืองที่เราจะไปชมมหาบุโรพุทโธ ก่อนแล้วจึงไปเกาะบาหลีกันคะ
เรามาดูเครื่องบินนะคะ ถ้าเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวไม่เยอะ ทางสายการบินจะนำเครื่อง 3-3 มาทำการบินค่ะ แต่ถ้าปริมาณผู้โดยสารเยอะจะเปลี่ยนเป็นลำใหญ่ขึ้น ที่นั่งแบบ 2-4-2 ค่ะ ถามว่าจะรู้ได้อย่างไรว่าจะได้นั่งแบบไหนต้องบอกว่าลุ้นเอาค่ะ
อาหารบนเครื่อง เดินทางจากกรุงเทพ สู่จากาต้าก่อนนะคะ เนื่องจากจากาต้าเป็นเมืองหลวงของประเทศอินโดนีเซีย ตามธรรมเนียมจึงเป็นเมืองหลักในการต่อเส้นทางไปยังเมื่องต่างๆภายในประเทศอินโดนีเซียค่ะ
จากนั้นเมื่อถึงสนามบินจากาต้าแล้วเราก็ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง รวมถึงแลกเงินกันที่สนามบินจากาต้ากันก่อนนะคะ แล้วก็จะเดินขึ้นไปชั้น 2 บริเวณอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศค่ะ ต้องบอกว่า สนามบินนานาชาติซูการ์โนฮัตตา การเดินไปเพื่อต่อเครื่องค่อนข้างสลับซับซ้อนนิดๆนะคะ เรียกว่า งงเลยก็ว่าได้ แต่ก็ไม่ลำบากเกินไปค่ะ แต่ที่เด็ดกว่านั้นคือ ต่อให้คุณแน่ใจว่า Gate ที่คุณรอนั้งถูกต้องแล้ว หรือเจ้าหน้าที่ก็ขึ้นป้ายว่า Gate นี้จะเดินทางไปยอร์คยาการ์ต้าต่อ แต่มันก็พร้อมที่จะเปลี่ยน Gate ตลอดเวลา ดังนั้นโปรดฟังด้วยนะคะ ตอนที่เรียกขึ้นเครื่อง -*-
บินภายในชั่วโมงกว่าๆ ก็จะเสริฟ์แค่ขนมปังกับน้ำค่ะ
มาถึงเมืองยอร์คยาการ์ต้า ก็ค่ำมากแล้วค่ะ เราก็เข้าพักที่โรงแรม Melia Purosani Hotel Yogyakarta อยู่ไม่ไกลจากถนนมาริโอโบโรคะ แต่มาถึงดึกมากไม่ไหวคะ พักผ่อนดีกว่า
ภายในโรงแรมห้องพักใช่ได้เลยคะ และมีบริการfree Wifi ที่บริเวณล็อบบี้คะ
เช้าวันที่สอง ของการเดินทาง วันแรกเรียกว่าเดินทางก็หมดวันแล้ว เราก็ออกไปเที่ยวยังมหาบุโรพุทโธซึ่งถือว่าเป็นวัดพุทธที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกก็ว่าได้ค่ะ ใช้เวลาเดินทางจากเมืองยอร์คยาการ์ต้าไปประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆค่ะ เราก็มาถึงกันแล้วค่ะยิ่งใหญ่จริง
มหาบุโรพุทโธ สร้างโดยกษัตริย์แห่งราชวงศ์ไศเลนทร์ สร้างราวคริสต์ศตวรรษที่ 7-9 หรือ พุทธศักราช 1393
ซึ่งเมื่อมาถึงทางวัดก็มีบริการโสร่งให้นักท่องเที่ยวสวมใส่เพื่อก่อนเข้าชมมหาบุโรพุทโธค่ะ
ลักษณะการสร้างเจดีย์รายนั้นถือเป็นต้นแบบในการสร้างเจดีย์ในปัจจุบันค่ะ ภายในเจดีย์องค์เล็กจะประดิษฐานพระพุทธรูป
โดยทุกวันวิสาขบูชาของทุกปี จะมีพุทธศาสนิกชนทั่วทั้งอินโดนีเซียและจากต่างประเทศ เดินทางมาสักการะมหาบุโรพุทโธกันอย่างเนื่องแน่นค่ะ
เจดีย์องค์ประธานมีความสูง 31.5 เมตร ภายในไม่ได้บรรจุสิ่งใดเอาไว้ อาจเพราะต้องการสื่อให้เห็นถึงความว่าง การปล่อยวาง เป็นที่สุดของนิพพาน
ครั้งหนึ่งสถานที่แห่งนี้เคยถูกซ้อนจากสายตาของมนุษย์ด้วยเถ้าถ่านดินและหินจากภูเขาไฟ
จนช่วงพุทธศตวรรษที่ 24 เซอร์โทมัส แสตนฟอร์ด ราฟเฟิล ชาวดัทซ์ ได้ค้นพบศาสนสถานอันยิ่งใหญ่แห่งนี้ และปัจจุบันมหาบุโรพุทโธ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมกดกโลกอีกด้วยค่ะ
จากนั้นเราก็เดินทางกลับมายังตัวเมืองยอร์คยาการ์ต้า ระหว่างทางอาจแวะซื้อสละอินโด หวานกรอบ และราคาถูก เมื่อเทียบกับที่บาหลีคะ
มาถึงเมืองยอร์คยาการ์ต้าเราก็เข้าชมวังสุลต่าน หรือที่ชาวอินโดเรียกกันว่าKraton (กราตอน) หรือ Keraton (เกอราตอน)
แต่เดิมเมืองยอร์คยาการ์ต้า เคยเป็นเมืองหลวงของประเทศอินโดนีเซียก่อนจะย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่จากาต้า
วังสุลต่าน ปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมคะ โดยสุลต่านฮาเมงกูโวโนที่ 1 สุลต่านองค์แรกแห่งยอร์คยาการ์ต้า ทรงดำรัสให้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1755-1756 การออกแบบด้วยศิลปะชวาผสมยุโรป
ปัจจุบันยังคงใช้เป็นที่ประทับของสุลต่านองค์ปัจจุบัน แต่จะมีการกันส่วนไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าชมค่ะ
จากนั้นเราก็มายังพระราชวังน้ำTaman Sari สร้างขึ้นในสมัยสุลต่านองค์แรกแห่งยอร์คยาการ์ต้า คือ Sultan Hamengkubuwono I เพื่อเป็นที่ประทับพักผ่อนจากการทำศึกสงคราม โดยการออกแบบสร้างโดยศิลปะแบบชวาผสมยุโรป
สระที่อยู่ด้านนอกจะมีเหล่าสนมมากมายมากว่ายน้ำ เพื่อให้สุลต่านทรงเลือกและไปว่ายน้ำต่อด้านใน ไกด์อินโดได้บอกเล่าให้เราฟัง
แล้วเราก็เดินทางต่อมายังวัดพรามนันต์ (Prambanan) หรือ จันดีโลโลจงกรัง เป็นวัดในศาสนาฮินดูที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ในประเทศอินโดนีเซีย
สร้างในรัชสมัยของ Rakai Pikatan และ Rakai Balitung มีความสูงถึง 47 เมตร เพื่อแสดงให้เห็นถึงชัยชนะของชาวฮินดูในเกาะชวา
พระปรางค์จำนวน 8 หลัง สร้างขึ้นอุทิศให้กับพระตรีมูรติ ตามความเชื่อของศาสนาฮินดู พระปรางค์องค์ประธานจะมีขนาดใหญ่สุดองค์กลางสร้างถวายแด่พระศิวะ พระปรางค์ทางทิศเหนือสร้างถวายแด่พระวิษณุ พระปรางค์ทางทิศใต้ถวายแด่พระพรหม พระปรางค์องค์เล็กลงมาที่อยู่ด้านหน้าสามหลังนั้นสร้างถวายแด่พาหนะของเทพเจ้าทั้งสาม ได้แก่ โคนนทิ ครุฑและหงส์ ตามลำดับ และพระปรางค์อีกสองหลังเล็กสร้างเพื่อถวายแด่พระสุริยะและพระจันทร์
นอกจากนี้ยังมีตำนานการสร้างจันดิ หรือจันทิ ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจากคำเดียวกันของเจดีย์ องค์เจดีย์องค์เล็กๆ ที่มีเกือบ 1,000 องค์
เมื่อเราเที่ยวชมเมืองยอร์คยาการ์ต้าแหล่งท่องเที่ยวสำคัญครบถ้วน ก็ออกเดินทางไปยังเมืองเดนปาซาร์ เกาะบาหลีกันเลย สนามบินเมืองยอร์คยาการ์ต้าเล็กมากๆไม่ต้องเพื่อเวลาเยอะเลยคะ เพราะว่าอาคารชั้นเดียว เช็คอินเสร็จผ่านSecurity ก็คือจุดรอขึ้นเครื่องเลยค่ะ
เมื่อมาถึงสนามบินเดนปาซาร์ เราก็เข้าโรงแรมที่พักซึ่งสองคืนในบาหลีเราจะพักที่ Grand Nikko Bali
โรงแรมอยู่ติดหาดNusa Dua หรือเขตนูซาดัว แต่ไม่มีเวลาไปดูความสวยของหาดเลยนะคะ รายการเที่ยวมันแน่นไป
มาดูห้องพักกันค่ะ เตียง 7 ฟุตได้คะใหญ่มาก อลังการสุดๆ
วิวจากห้องพักที่ได้ เห็นทะเล และหาดทรายในตอนเช้าค่ะ แต่อย่างที่บอกว่าไม่มีเวลาไปเดินเล่นเลย น่าเสียดายมากๆ โรงแรมจะสร้างไล่ระดับลงไปตามเชิงเขานะคะ
วันที่สาม เราก็ออกเดินทางท่องเที่ยวกันดีกว่าคะ โดยสถานที่แรกในเกาะบาหลีที่เราจะไปชมกันค่ะก็คือ
ปุระทามัน (Taman Ayun) วัดหลวงแห่งราชวงศ์เม็งวี
สร้างขึ้นเมือปี ค.ศ. 1634 เพื่อเป็นสถานที่ในการสักการะเทพเจ้าของราชวงค์เม็งวี
แม้ปัจจุบันจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมแต่ในบริเวณส่วนสถานที่ประกอบพิธี นักท่องเที่ยวก็ยังไม่สามารถเดินเข้าด้านในได้ แต่สามารถเดินอ้อมโดยรอบแทน
และเนื่องจากเป็นวัดหลวงแห่งราชวงค์ หลังคาจึงมีทั้งหมด 11 ชั้น เพื่อแสดงให้ทราบว่าเป็นวัดหลวงนั้นเองคะ่
เราเดินทางขึ้นเทือกเขาเบดูกัล(Bedugul) เพื่อมาชมวัดอุรุดานู เบราตาน (Ulun Danu Bratan Temple)
วัดแห่งนี้ สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายแด่เทพเจ้าแห่งสายน้ำ เดวิดานู (Dewi Danu) ตามความเชื่อทางศาสนาอินดู
และตั้งชื่อตามที่ตั้งคือทะเลสาปเบราตาน ตั้งอยู่ในระดับความสูง 1,300 เมตร
และเราก็เดินทางต่อไปยังปุราตะนาห์ลอต (Pura Tanah Lot)
เป็นวัดที่เรียกได้ว่านักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวยังบาหลีต้องถ่ายรูปเพราะถือว่าเป็นวัดที่มีความสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในเกาะบาหลี
สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 15-16 โดยนักบวชฮินดูชื่อ ดังฮยัง นิราร์ธา (Danghyang Nirartha) เพื่ออุทิศแด่เทพเจ้าและปีศาจแห่งท้องทะเล
ยามพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน ปุราตะนาห์ลอต (Pura Tanah Lot) ก็สวยงามมากทีเดียว อีกมุมที่สวยไม่แพงกัน
และในช่วงเย็นน้ำทะเลจะลงทำให้สามารถเดินไปยังปุราตะนาห์ลอต ได้อีกด้วย
แล้วเราก็มารับประทานอาหารทะเลที่บาหลีกัน คนบาหลีเรียกว่า The best seafood แต่ว่าสำหรับเราแล้ว ดูตามภาพเอาแทนนะคะ
อย่าได้บรรยายต่อเลยค่ะ กลับที่พักนอนดีกว่า
วันที่สี่ วันนี้ตื่นเช้ามาชมการแสดง ระบำบาร็องด๊านซ์ (Barong Dance)
ซึ่งการแสดงจะเป็นเรื่องราวของความดีและความชั่ว ถามว่าดูรู้เรืองไม่ต้องบอกว่าไม่ค่ะ 555 คงเหมือนฝรั่งดูโขนไทย ว่าไปขอนอกเรื่องนิด ว่าด้วยเรื่องรามเกียรติ์ ทางอิเหนาเอง เค้าก็ว่าเค้าเป็นต้นกำเนิดนะคะ แต่ทางไทยเราถือว่ารับมาจากอินเดีย ที่พูดมาเรื่องรามเกียรติ์เพราะการแสดงระบำของที่บาหลีจะมีบางแห่งจัดแสดงเรื่องรามเกียรติ์ด้วยนั้นเองค่ะ
แล้วเราก็เดินทางมายังย่านอูบุดค่ะ อาคารบริเวณอุบูดสวยดีค่ะ
เดี๋ยวมาต่อนะคะ