สองสาว ณ ดอยอ่างขาง

สวัสดีเพื่อนๆทุกคนค่ะ

เมื่อวันที่ 23-25 ธันวาคม 2557 เจ้าของกระทู้และรุ่นน้องที่มหาลัยได้ไปท่องเที่ยวที่ดอยอ่างขาง

จึงอยากจะแบ่งปันประสบการณ์ให้กับเพื่อนๆทุกคน ^^

แรงบันดาลใจครั้งนี้มาจากรุ่นน้องที่น่ารัก ผู้อยากตามรอยณเดช-ญาญ่า ไปยังสวนบ๊วย

จึงส่งข้อความมาหาเจ้าของกระทู้ว่า "ไปดอยอ่างขางกันไหม" ข้าพเจ้าก็ตกลงอย่างง่ายๆ ว่า "ไป"

การท่องเที่ยวของเราไม่ได้ราบรื่นนัก เพราะเป็นผู้หญิงไปกันแค่สองคน แม้เจ้าของกระทู้จะเรียนอยู่ปีสุดท้ายแล้ว

แต่พ่อแม่ก็ยังเป็นห่วง และไม่อยากให้ไป จึงเกิดความลังเลอยู่หลายครั้ง แต่สุดท้ายท่านก็ยอมให้ไปจนได้

เมื่อได้รับคำอนุญาต เจ้าของกระทู้จึงจองตั๋วรถ กรุงเทพ-บ้านท่าตอน วันที่ 23 ธันวา รอบ 18.00 น.

ของบขส. เป็นรถปรับอากาศชั้นหนึ่ง ราคาหกร้อยปลายๆ

เมื่อไปถึงที่หมอชิต2 กำลังจะไปขึ้นรถ รุ่นน้องที่น่ารักก็จะไปกดเอทีเอ็ม เพื่อเอาเงินไปใช้จ่าย แต่ปรากฏว่า...

น้องลืมบัตรเอทีเอ็มไว้ในกระเป๋าดินสอ อยู่ที่หอพักมหาลัย เราสองคนจึงเริ่มเครียด

น้องมีเงินติดกระเป๋าห้าร้อย เจ้าของกระทู้มีห้าพัน จึงตกลงว่าจะใช้เงินด้วยกันไปก่อน แล้วน้องค่อยคืนตอนกลับ

แล้วเราก็เดินไปขึ้นรถ ทริปนี้เราได้จ้างคนนำเที่ยวเป็นเจ้าหน้าที่ศูนย์เกษตรที่ดอยด่างขาง ราคา 2000 นำเที่ยว 2 วัน

คนนำเที่ยวให้เราลงที่บ้านกำนันลือ เจ้าของกระทู้จึงบอกโฮสบนรถทัวร์ และถามโฮสว่า ถึงตอนกี่โมง ได้คำตอบว่าแปดโมงเช้า

แปดโมงเช้าของวันที่ 24 ธันวา รถก็จอดเอี๊ยด... ที่บ้านกำนันลือ(ซึ่งไม่ใช่บ้านของกำนันลือแต่อย่างใด เป็นเพียงแค่ชื่อเรียกพื้นที่แถวๆนั้น)

เราสองคนลงจากรถแบบงงๆ เพราะไม่คุ้นกับสถานที่ เมื่อปะทะกับอากาศนอกรถ เราถึงกับตัวสั่น เพราะอากาศหนาวมากกกกกกกก

ลมหายใจของเราออกมาเป็นไอ เรายืนรอคนนำเที่ยวประมาณสิบนาที ก็เห็นรถกะบะโตโยต้าตอนครึ่งกลางใหม่กลางเก่าขับมาจอดหน้าเรา

เจ้าของกระทู้รู้ได้ทันทีว่า ถึงเวลาสนุกแล้วสิ ^^



คนนำเที่ยวพาเราขับรถขึ้นไปบนดอย ที่แรกที่จอดคือ จุดชมวิวม่อนสน วิวก็เป็นภูเขาดังข้างต้น มีคนกางเต็นท์อยู่ประปราย

ระหว่างทางคนนำเที่ยวก็ถามเราว่าพักที่ไหน เราจึงบอกไปว่าจะเช่าเต็นท์ คนนำเที่ยวจึงเสนอให้ไปพักที่บ้านของเขา

คิดราคา 500 บาท/คืน เราปรึกษากันแล้วก็ตกลง เจ้าของกระทู้จ่ายคนนำเที่ยวไป 2500 เหลือเงินใช้ 2500 บาท

ถัดจากจุดชมวิวม่อนสน คนนำเที่ยวพาเราไปถ่ายรูปที่ต้นพญาเสือโคร่ง



เราสองคนตื่นเต้นมากที่ได้เห็นต้นพญาเสือโคร่งของจริง กรี๊ดกร๊าดกันเป็นการใหญ่จนกลัวว่า จะโดนคนนำเที่ยวด่า

ตอนแรกที่โทรมาหาคนนำเที่ยว เขาบอกว่าบานเพียงต้นเดียว แต่เรามาถึงก็บานหลายต้นแล้ว

ดีใจมาก.......



เราถ่ายรูปกันเนิ่นนาน จากนั้นคนนำเที่ยวก็พาเราไปยังไร่ชา ไร่สตรอเบอรี่ หมู่บ้านชาวเขาชาวดอย



ที่ไร่ชาเราโดนคนงานพม่าแซวเล็กน้อย เพราะเป็นผู้หญิงซื่อบื้อที่ดูตื่นเต้นเกินเหตุ ^^



ทำไงได้ เคยเห็นไร่ชาของจริงครั้งแรกในชีวิต ต้นชาดูอุดมสมบูรณ์มาก อากาศก็ดี๊ดี มีแสงแดด แต่ไม่ร้อนซักนิดเดียว



เมื่อไปถึงหมู่บ้านเรากินข้าวเป็นครั้งแรกของวัน สั่งก๋วยเตี๋ยวราคา 30 บาทกันคนละถ้วย น้ำ 10 บาท รวมเป็น 70 อร่อยดี



ระหว่างเดินเล่นในหมู่บ้านมีชาวบ้านเอาสตรอเบอรี่มาขายกล่องละ 50 บาท คนนำเที่ยวต่อให้เหลือ 40 บาท

คนงบน้อยอย่างเราจึงมีโอกาสได้กินสตรอเบอรี่ที่อร่อยที่สุดในชีวิต เสียดายที่ลืมถ่ายรูปมา

จากนั้นเราก็ไปต่อกันที่บ้านนอแล มีฐานปฏิบัติการ มองไปอีกฝั่งก็เป็นพม่า ที่นี่ลมพัดเย็นจนสั่น





มีประตูและรั้วไม้เก๋ๆกั้นระหว่างไทยกับพม่า



ด้านหน้าฐานปฏิบัติการมีชาวไทใหญ่ตั้งร้านขายของ พวกเสื้อชาวดอย มันปิ้ง ไข่ปิ้ง

จากนั้นเราก็ไปยังศูนย์เกษตร แหล่งรวมต้นไม้ และ พืช เมืองหนาว คนนำเที่ยวเอาจักรยานให้เราคนละคันปั่นเที่ยวกันในศูนย์เกษตร

ทำให้คนโลกแคบแบบเราสองคนตื่นเต้นและสนุกมาก ><





สวนบ๊วยที่เป็นแรงบันดาลใจของรุ่นน้อง









มีสวนผักเมืองหนาวด้วย





จากนั้นก็เป็นซากุระในตำนาน สวยสุดๆไปเลย









เราปั่นจักรยานเล่นกันจนถึงหกโมงเย็น คนนำเที่ยวเป็นห่วงจึงวนรถมารับ เป็นอันต้องออกจากศูนย์เกษตรไปหาข้าวกิน

เราไปซื้อยำข้าวซอยที่ภรรยาคนนำเที่ยวขาย ตรงตลาดหน้าศูนย์เกษตร สองถ้วยห้าสิบบาท อิ่มแปล้ไปทั้งสองคน

จากนั้นก็กลับที่พักอาบน้ำนอน ซึ่งเป็นการอาบน้ำครั้งเดียวตลอดทริป เพราะมันหนาวเกินไป จึงตกลงใจกันว่าจะไม่อาบอีกแล้ว

วันถัดมาตื่นตีห้าเพื่อล้างหน้าแปรงฟันไปดูทะเลหมอก แต่ฟ้าไม่เป็นใจ ไม่มีทะเลหมอกซะงั้น ไม่เป็นไร ที่ที่เราจะไปดูต่อมันสุดยอดกว่า

ก่อนที่จะไปดูไฮไลท์ของทริป เรากินโจ๊กตรงจุดชมวิวกัน รวมกันแล้วเก้าสิบบาท

เรานั่งรถกันไปด้วยความตื่นเต้น และแล้วก็ถึงจุดหมายปลายทาง สิ่งที่เราไปดูกันนั่นก็คือ...

เหมยขาบ หรือ แม่คะนิ้ง นั่นเอง!!!!



แต่เนื่องจากมีความผิดพลาดทางเทคนิค เจ้าของกระทู้กดผิดไปลบรูปเหมยขาบหมดเลย T.T

เหลือแค่รูปเดียว อากาศลบศูนย์จุดกว่าๆ หนาวมากจนต้องไปนั่งผิงไฟ ที่ที่คนนำเที่ยวพาเราไปนั้นมีเหมยขาบเต็มทุ่ง

สองข้างทาง ถือเป็นอะไรที่คุ้มและไม่คาดคิดมาก่อน เป็นความทรงจำดีดี ที่เราจะจำกันไว้ตลอดไป

จากนั้นเก้าโมงเราก็ลงจากดอยไปที่หมู่บ้านคนจีน และขึ้นรถตู้ราคา 150 บาทกลับเชียงใหม่

และขึ้นรถทัวร์ตอน 17.30 น. ราคา 500 กว่าๆ กลับกรุงเทพมหานคร เป็นอันจบทริป เงินเหลืออยู่สามร้อยกว่าบาท

ขอลาเพื่อนๆไป ด้วยภาพสุดท้าย หากกระทู้นี้ผิดพลาดอะไรไป(เพราะเป็นการลงกระทู้ครั้งแรก)ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

สวัสดีปีใหม่ค่ะ ^^

3 ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่