สืบเนื่องจากที่ผมได้ตั้งกระทู้สอบถามเกี่ยวกับกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอลของ PSI รุ่น T2 (
http://ppantip.com/topic/33000354 ) ซึ่งได้รับข้อมูลว่ายังไม่มีใครได้ลองใช้งานกล่องรุ่นนี้เลย เพราะกล่องรุ่นนี้เพิ่งจะออกจำหน่ายได้ไม่นาน และของก็ยังมาไม่ถึงร้านจำหน่ายจานดาวเทียมอีกด้วย ผมสังเกตว่า ยิ่งนานวัน กล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอลล็อตใหม่ๆ ในแต่ละรุ่น โดยเฉพาะรุ่นราคา 690 บาท ยิ่งตัดคุณสมบัติบางอย่างออกไป หากรอกล่อง PSI T2 วางจำหน่าย แล้วเกิดว่ามีผู้ใช้งานแล้วพบปัญหา จะไปซื้อยี่ห้ออื่นในเวลานั้นก็อาจมีตัวเลือกที่น่าสนใจให้เลือกซื้อน้อยลง ผมจึงตั้งกระทู้เพิ่มเติมเพื่อสอบถามข้อมูลเปรียบเทียบระหว่างกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอลยี่ห้อ Nano รุ่นราคา 690 บาท (รวมถึงยี่ห้อ Compro รุ่น TR-T2B ซึ่งมีลักษณะของกล่องคล้ายกันมาก แตกต่างกันเพียงยี่ห้อเท่านั้น) กับกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอลยี่ห้อ AJ DVB-93+ โดยมุ่งเน้นเรื่องบู๊ตเครื่องไว รับสัญญาณได้ดี เปลี่ยนช่องไม่ช้า ให้ภาพที่มีสีสันสวยงาม ให้เสียงที่ใส ไม่ขุ่น และมีความทนทาน (
http://ppantip.com/topic/33016226 ) จากกระทู้นี้ผมก็ได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอล 3 รุ่นหลักๆ ด้วยกัน คือ
รุ่นราคา 690 บาท ได้แก่ AJ DVB-93+ และ Forth และ
รุ่นราคา 990 บาท คือ PlannetComm รุ่น TR-T2A แต่ปัจจุบันผมพบว่ากล่องรับสัญญาณ ยี่ห้อ AJ DVB-93+ ล็อตใหม่ ได้ตัดคุณสมบัติเด่นออกไปแล้ว คือ ไม่ได้ใช้ชิพของโซนี่แล้ว (จากกระทู้
http://ppantip.com/topic/33026732 ซึ่งเจ้าของกระทู้นี้ได้อ้างอิงกระทู้นี้
http://ppantip.com/topic/32808998 โดยความคิดเห็นที่ 24-25 ของกระทู้นี้ได้กล่าวถึงเรื่องการที่กล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอล ยี่ห้อ AJ DVB-93+ ล็อตใหม่ ไม่ได้ใช้ชิพโซนี่แล้ว) ทำให้เท่ากับว่าตอนนี้กล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอล AJ DVB-93+ และ Forth ต่างก็มีคุณสมบัติเท่าๆ กันแล้ว เพราะกล่องรับสัญญาณของ Forth ล็อตใหม่ ก็ตัดคุณสมบัติเรื่องระบบเสียง Dolby ออกไป ในขณะที่เมื่อดูเรื่องช่องต่อสายสัญญาณต่างๆ แล้ว ทั้งสองกล่องก็มีช่องต่อสายสัญญาณต่างๆ เท่าๆ กัน คือ HDMI AV และ Coaxial และเมื่อพิจารณาที่ตัวกล่อง ต่างก็ไม่มีปุ่มกดหน้ากล่อง ไม่มีหน้าจอแสดงเลขช่อง และใช้ปลั๊กไฟเป็นแบบอแด็ปเตอร์แยกเช่นเดียวกัน ผมจึงขอสอบถามเพิ่มเติมครับว่า
1) กล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอล AJ DVB-93+ ล็อตใหม่ ที่เปลี่ยนไปใช้ชิพยี่ห้ออื่นแล้ว ยังคงเปลี่ยนช่องไวอยู่หรือไม่ครับ และในล็อตใหม่นี้ยังคงให้สีภาพที่สวยและให้เสียงที่ใส ไม่ขุ่น อยู่หรือไม่ครับ และหากเปรียบเทียบกับกล่องยี่ห้อ Forth หรือ PlannetComm รุ่น TR-T2A แล้ว กล่องรุ่นไหนให้สีภาพที่สวย ให้เสียงที่ใส ไม่ขุ่น และเปลี่ยนช่องไวกว่ากันครับ และถ้าเทียบเรื่องของสีภาพที่ได้ กับกล่อง Samart Strong ธรรมดา หรือ Samart Strong Pro ถือว่าสีที่ได้นี้ แตกต่างกับกล่อง Samart Strong ธรรมดา หรือ Samart Strong Pro ยังไงบ้างครับ
2) การบู๊ตเครื่อง ทั้ง 3 รุ่นนี้ เวลาเปิดเครื่อง บู๊ตเครื่องช้าไหมครับ และหากเปรียบเทียบกันแล้ว รุ่นไหนถือว่าบู๊ตเครื่องได้เร็วกว่ากันครับ
3) กล่องทั้ง 3 รุ่นนี้ ต่างก็ไม่รองรับระบบ Dolby (กรณีกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอลยี่ห้อ Forth ในล็อตปัจจุบัน และกรณีกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอลยี่ห้อ PlannetComm รุ่น TR-T2A ในรุ่นธรรมดา ที่วางจำหน่ายในห้างฯ ในปัจจุบัน ในส่วนของ AJ รุ่น DVB-93+ ไม่ได้ระบุว่ารองรับระบบเสียง Dolby ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว) หากตั้งค่าเสียงเป็น RAW แล้วส่งสัญญาณผ่านสาย HDMI ไปให้ทีวีถอดรหัสเสียง Dolby เอง หรือส่งสัญญาณผ่านสาย Coaxial ให้เครื่องเสียงถอดรหัสเสียง Dolby เอง จะสามารถทำได้จริงไหมครับ คือ เมื่อนำไฟล์ที่มีเสียงแบบ Dolby มาเล่นกับกล่องรุ่นที่ไม่รองรับระบบเสียง Dolby แล้วตั้งค่าด้วยวิธีดังกล่าว จะมีเสียงออกทางโทรทัศน์หรือเครื่องเสียงไหมครับ และจะมีผลข้างเคียงที่ทำให้เกิดความผิดปกติใดๆ ไหมครับ เช่น พอตั้งค่าแบบดังกล่าวแล้วปิดเครื่อง และเปิดเครื่องใหม่ พบว่าเสียงถูกตั้งค่าเป็นปิด ทำให้เสียงเงียบ เมื่อปรับการตั้งค่าเป็นเปิด และเปลี่ยนช่อง ปรากฏว่าแสดงภาพเป็นเม็ดซ่า และกลับมาเป็นช่องรายการที่ดูอยู่ แต่แสดงสีของภาพผิดเพี้ยนไป กลายเป็นภาพสีชมพู เป็นต้น อะครับ เพื่อจะได้ไม่ต้องกังวลกับเรื่องระบบเสียง Dolby อะครับ
4) ในเรื่องการระบายความร้อน ทั้ง 3 รุ่นนี้ มีการระบายความร้อนเป็นยังไงบ้างครับ แตกต่างกันยังไงบ้าง เมื่อใช้งานต่อเนื่องเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว แต่ละกล่องจะมีความร้อนเป็นยังไงบ้างครับ
5) ใน 3 รุ่นนี้ มีปัญหาในการใช้งานอะไรบ้างหรือเปล่าครับ เช่น สัญญาณรีโมทของกล่องไปรบกวนอุปกรณ์อื่น หรือในทางกลับกัน สัญญาณจากรีโมทของอุปกรณ์อื่นมารบกวนกล่องไหมครับ หรือในกรณีกล่องยี่ห้อ PlannetComm ที่มีปุ่มกดหน้ากล่อง เมื่อไปกดที่ปุ่มกดหน้ากล่องบ่อยๆ แล้วส่งผลต่อคุณภาพสัญญาณของภาพที่ได้ ทำให้เกิดภาพเป็นโมเสก ภาพกระตุก มีแต่เสียงไม่มีภาพ หรือไม่มีสัญญาณ ไหมครับ
6) กล่องทั้ง 3 รุ่นนี้ แต่ละรุ่น สาย HDMI ที่แถมให้ มีความยาวประมาณกี่เมตรครับ หากวางกล่องไว้ใต้ทีวี สามารถต่อสาย HDMI จากกล่อง ไปยังตัวทีวีได้ โดยสายไม่สั้นจนต่อแล้วสายตึงจนเกินไป จนทำให้ตัวกล่องถูกดึงขึ้นจากการต่อสาย HDMI ไหมครับ
7) นอกเหนือจาก 3 รุ่นนี้แล้ว มีกล่องรุ่นอื่นๆ ที่มีราคาเท่ากับคูปอง หรือเพิ่มเงินไม่เกิน 400 บาท ที่รับสัญญาณได้ดี ให้ภาพที่สวย ให้เสียงที่ใส ไม่ขุ่น ใช้เวลาในการเปลี่ยนช่องไม่นานเกินไป เมื่อเปิดเครื่อง ใช้เวลาบู๊ตเครื่องไม่นานเกินไป มีการระบายความร้อนที่ดี ใช้งานทนทาน สามารถหาซื้อได้ง่าย ที่จะแนะนำเพิ่มเติมอีกบ้างหรือเปล่าครับ และเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับทั้ง 3 รุ่นข้างต้นนี้ (AJ DVB-93+, Forth, PlannetComm) ถือว่าดีกว่ายังไงบ้างครับ (เปรียบเทียบข้อดี ข้อเสีย แล้ว ถือว่าแตกต่างกันยังไงบ้างครับ)
8) มีประเด็นอื่นๆ ที่ควรคำนึงถึงอีกไหมครับ นอกเหนือไปจากที่ผมได้สอบถามนี้ และจากประเด็นที่ควรคำนึงถึงเพิ่มเติมนี้ กล่องใดใน 3 รุ่นนี้ (หรือกล่องรุ่นอื่นที่แนะนำเพิ่มเติมตามข้อ 7) ที่ถือว่าทำได้ดีที่สุดในประเด็นนั้นครับ
ขอบคุณครับ
สอบถามข้อมูลเปรียบเทียบกล่อง AJ DVB-93+ (ล็อตล่าสุด) กับ Forth DVB-T2-01 (และ PlannetComm TR-T2A รุ่นธรรมดา)
1) กล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอล AJ DVB-93+ ล็อตใหม่ ที่เปลี่ยนไปใช้ชิพยี่ห้ออื่นแล้ว ยังคงเปลี่ยนช่องไวอยู่หรือไม่ครับ และในล็อตใหม่นี้ยังคงให้สีภาพที่สวยและให้เสียงที่ใส ไม่ขุ่น อยู่หรือไม่ครับ และหากเปรียบเทียบกับกล่องยี่ห้อ Forth หรือ PlannetComm รุ่น TR-T2A แล้ว กล่องรุ่นไหนให้สีภาพที่สวย ให้เสียงที่ใส ไม่ขุ่น และเปลี่ยนช่องไวกว่ากันครับ และถ้าเทียบเรื่องของสีภาพที่ได้ กับกล่อง Samart Strong ธรรมดา หรือ Samart Strong Pro ถือว่าสีที่ได้นี้ แตกต่างกับกล่อง Samart Strong ธรรมดา หรือ Samart Strong Pro ยังไงบ้างครับ
2) การบู๊ตเครื่อง ทั้ง 3 รุ่นนี้ เวลาเปิดเครื่อง บู๊ตเครื่องช้าไหมครับ และหากเปรียบเทียบกันแล้ว รุ่นไหนถือว่าบู๊ตเครื่องได้เร็วกว่ากันครับ
3) กล่องทั้ง 3 รุ่นนี้ ต่างก็ไม่รองรับระบบ Dolby (กรณีกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอลยี่ห้อ Forth ในล็อตปัจจุบัน และกรณีกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอลยี่ห้อ PlannetComm รุ่น TR-T2A ในรุ่นธรรมดา ที่วางจำหน่ายในห้างฯ ในปัจจุบัน ในส่วนของ AJ รุ่น DVB-93+ ไม่ได้ระบุว่ารองรับระบบเสียง Dolby ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว) หากตั้งค่าเสียงเป็น RAW แล้วส่งสัญญาณผ่านสาย HDMI ไปให้ทีวีถอดรหัสเสียง Dolby เอง หรือส่งสัญญาณผ่านสาย Coaxial ให้เครื่องเสียงถอดรหัสเสียง Dolby เอง จะสามารถทำได้จริงไหมครับ คือ เมื่อนำไฟล์ที่มีเสียงแบบ Dolby มาเล่นกับกล่องรุ่นที่ไม่รองรับระบบเสียง Dolby แล้วตั้งค่าด้วยวิธีดังกล่าว จะมีเสียงออกทางโทรทัศน์หรือเครื่องเสียงไหมครับ และจะมีผลข้างเคียงที่ทำให้เกิดความผิดปกติใดๆ ไหมครับ เช่น พอตั้งค่าแบบดังกล่าวแล้วปิดเครื่อง และเปิดเครื่องใหม่ พบว่าเสียงถูกตั้งค่าเป็นปิด ทำให้เสียงเงียบ เมื่อปรับการตั้งค่าเป็นเปิด และเปลี่ยนช่อง ปรากฏว่าแสดงภาพเป็นเม็ดซ่า และกลับมาเป็นช่องรายการที่ดูอยู่ แต่แสดงสีของภาพผิดเพี้ยนไป กลายเป็นภาพสีชมพู เป็นต้น อะครับ เพื่อจะได้ไม่ต้องกังวลกับเรื่องระบบเสียง Dolby อะครับ
4) ในเรื่องการระบายความร้อน ทั้ง 3 รุ่นนี้ มีการระบายความร้อนเป็นยังไงบ้างครับ แตกต่างกันยังไงบ้าง เมื่อใช้งานต่อเนื่องเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว แต่ละกล่องจะมีความร้อนเป็นยังไงบ้างครับ
5) ใน 3 รุ่นนี้ มีปัญหาในการใช้งานอะไรบ้างหรือเปล่าครับ เช่น สัญญาณรีโมทของกล่องไปรบกวนอุปกรณ์อื่น หรือในทางกลับกัน สัญญาณจากรีโมทของอุปกรณ์อื่นมารบกวนกล่องไหมครับ หรือในกรณีกล่องยี่ห้อ PlannetComm ที่มีปุ่มกดหน้ากล่อง เมื่อไปกดที่ปุ่มกดหน้ากล่องบ่อยๆ แล้วส่งผลต่อคุณภาพสัญญาณของภาพที่ได้ ทำให้เกิดภาพเป็นโมเสก ภาพกระตุก มีแต่เสียงไม่มีภาพ หรือไม่มีสัญญาณ ไหมครับ
6) กล่องทั้ง 3 รุ่นนี้ แต่ละรุ่น สาย HDMI ที่แถมให้ มีความยาวประมาณกี่เมตรครับ หากวางกล่องไว้ใต้ทีวี สามารถต่อสาย HDMI จากกล่อง ไปยังตัวทีวีได้ โดยสายไม่สั้นจนต่อแล้วสายตึงจนเกินไป จนทำให้ตัวกล่องถูกดึงขึ้นจากการต่อสาย HDMI ไหมครับ
7) นอกเหนือจาก 3 รุ่นนี้แล้ว มีกล่องรุ่นอื่นๆ ที่มีราคาเท่ากับคูปอง หรือเพิ่มเงินไม่เกิน 400 บาท ที่รับสัญญาณได้ดี ให้ภาพที่สวย ให้เสียงที่ใส ไม่ขุ่น ใช้เวลาในการเปลี่ยนช่องไม่นานเกินไป เมื่อเปิดเครื่อง ใช้เวลาบู๊ตเครื่องไม่นานเกินไป มีการระบายความร้อนที่ดี ใช้งานทนทาน สามารถหาซื้อได้ง่าย ที่จะแนะนำเพิ่มเติมอีกบ้างหรือเปล่าครับ และเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับทั้ง 3 รุ่นข้างต้นนี้ (AJ DVB-93+, Forth, PlannetComm) ถือว่าดีกว่ายังไงบ้างครับ (เปรียบเทียบข้อดี ข้อเสีย แล้ว ถือว่าแตกต่างกันยังไงบ้างครับ)
8) มีประเด็นอื่นๆ ที่ควรคำนึงถึงอีกไหมครับ นอกเหนือไปจากที่ผมได้สอบถามนี้ และจากประเด็นที่ควรคำนึงถึงเพิ่มเติมนี้ กล่องใดใน 3 รุ่นนี้ (หรือกล่องรุ่นอื่นที่แนะนำเพิ่มเติมตามข้อ 7) ที่ถือว่าทำได้ดีที่สุดในประเด็นนั้นครับ
ขอบคุณครับ