"วัลลี" หรือ ด.ญ.วัลลี ยอดกตัญญูดูแลบุพการีป่วยเป็นอัมพาต เมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว สุดทนรายการทีวีบางช่อง นำชีวิตในอดีตมาล้อเลียนเป็นเรื่องตลก ถือเป็นการละเมิดศักดิ์ศรี ยื่นหนังสือต่อ กสทช. ให้ตรวจสอบ ตักเตือน ยุติให้นำเสนอ...
เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. นางวัลลี บุญเส็ง วัย 46 ปี หรือ ด.ญ.วัลลี ณรงค์เวทย์ เด็กหญิงยอดกตัญญู เมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว ได้เดินทางมายื่นหนังสือต่อ น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ คณะกรรมการ กสทช. เพื่อขอความเป็นธรรม ให้ตรวจสอบจรรยาบรรณของผู้ผลิตรายการทีวี เนื่องจากบางรายการในทีวี โดยเฉพาะรายการตลก ได้นำเอาเรื่องราวชีวิตจริงของตนในสมัยวัยเยาว์ ที่มีความน่ารันทด หดหู่ ในอดีต ไปล้อเลียนเป็นเรื่องตลก สร้างความบันเทิงแก่ผู้ชมโดยทั่วไป จนก่อให้เกิดความขบขันกับเรื่องราวชีวิตของตน
ทั้งนี้ ถือว่าเป็นการละเมิดศักดิ์ศรีและบุพการีของตนเป็นอย่างมาก รวมถึงถือเป็นการผิดจรรยาบรรณสำหรับผู้ผลิตรายการทีวี โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของบุคคลที่มีตัวตนจริงและยังใช้ชีวิตอยู่ในสังคมปัจจุบัน ว่าจะได้รับผลกระทบเช่นไร อีกทั้งยังเสริมเติมแต่งเรื่องราว เอาความน่ารันทด ความพิการ มาล้อเล่น แสดงออกถึงการดูหมิ่น สร้างความไม่พอใจ ขบขันกับความพิการดังกล่าว เป็นการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้พิการโดยทั่วไป ดังนั้น ในฐานะเป็นผู้เสียหาย จึงอยากให้ กสทช.ช่วยดำเนินการตรวจสอบ ควบคุม ตักเตือน รายการทีวีดังกล่าว และนักแสดงตลกทั่วไป ให้ยุติการนำเสนอเรื่องราวของตน และให้พึงปฏิบัติตามจรรยาบรรณด้วย
ก่อนหน้านั้น วัลลี เคยเผยความรู้สึกกับ ทีมเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ว่า ช่วงหลังไม่รู้เกิดอะไรขึ้น หลายรายการต้องเอาชีวิตของเธอมาทำเป็นเรื่องตลก ไม่เคารพสิทธิส่วนบุคคลของเรา บางรายการหยามแบบน่าเกลียด และไม่มีมารยาทอย่างมาก เอาเรื่องที่แม่เราป่วยมาเล่น การที่แม่เราพิการ เราก็เจ็บปวดหัวใจแล้ว แต่ทุกวันนี้เอาความพิการของแม่มาล้อเลียน
"ถามว่ามันสมควรหรือไม่ ไม่คิดหรือว่าเรายังมีชีวิตอยู่ วัลลีอยากจะถามจริงๆ ความพิการของแม่วัลลี มันเป็นเรื่องตลกหรือ แม่ใคร ใครก็รัก ส่วนมากจะเล่นแบบแนวป้อนข้าวให้ จากนั้นก็จะใช้ช้อนยัดปาก อุดปาก ไม่กินใช่มั้ย...ก็กระทืบเลย นี่คือภาพของวัลลีที่ออกสู่สาธารณะหรือ..? ที่ผ่านมา เราทำดีมาตลอด แต่ทำไม ถ้าจะทำเรื่องวัลลี ต้องทำเรื่องตลก ไม่เข้าใจ...ทำไม วันนี้เรารับไม่ได้แล้ว โดยเฉพาะการดูหมิ่นบุพการี สิ่งที่อยากจะถามผู้เกี่ยวข้องวงการตลกว่า การที่คนๆ หนึ่งนอนเป็นอัมพาตต้องมีคนป้อนข้าวให้มันตลกใช่มั้ย มันใช่สิ่งที่เฮฮาหรือ (วัลลีเริ่มมีเสียงสั่นเครือ) อยากขอให้คนที่ทำรายการมีวิจารณญาณ มีสามัญสำนึก จะทำอะไรให้เคารพสิทธิ์คนอื่น นึกจะทำอะไร หากทำโดยไม่เคารพคนอื่น คุณจะอยู่ในสังคมได้ยังไง"
นอกจากนี้ ยังระบุว่า ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ผลิตรายการแล้ว 3 รายการ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของเจ้าหน้าที่ ซึ่งอาจจะอยู่ในขั้นตอนออกหมายเรียกคนทำรายการ หากเอ่ยชื่อคนทำรายการ ก็ล้วนเป็นคนดังของประเทศทั้งนั้น เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่รับเป็นคดีหมิ่นประมาท กับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เพราะรายการพวกนี้ไปอยู่ในยูทูบด้วย สมัยก่อน รายการออกอากาศก็จบไป คนมาพูดเราก็อาย แต่ก็จบไป แต่ตอนนี้ไม่ใช่ มีลงในยูทูบ ดูย้อนหลังได้ ปีหนึ่งคนดูเป็นล้านๆ คน ตอนนี้ก็เลยอยู่ไม่ได้แล้ว ต้องดำเนินการทำอะไรสักอย่าง หากอยู่นิ่งก็จะโดนแบบนี้ไม่จบสิ้น
สำหรับ นางวัลลี หรือ วัลลี เด็กหญิงยอดกตัญญู เป็นข่าวโด่งดังเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว ขณะเป็นนักเรียนชั้นประถมปีที่ 5 สายตาสั้น ต้องวิ่งจากโรงเรียนใน จ.สมุทรสงคราม ช่วงพักกลางวันของทุกวัน เป็นระยะทางหลายกิโลเมตร เพื่อไปป้อนข้าวให้แม่ ที่ป่วยเป็นอัมพาต ช่วยตัวเองไม่ได้ ที่บ้านพัก และวิ่งกลับมาเรียนต่อในตอนบ่าย สร้างความสงสัยให้กับครู จึงติดตามไปดู กระทั่งรับรู้ความจริง โดยเรื่องราวของเธอยังถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ สามารถเรียกน้ำตาจากผู้ชมได้อีกด้วย.
http://www.thairath.co.th/content/471221
สุดทนรายการทีวี ล้อเลียนชีวิตในอดีต 'วัลลี' จี้ กสทช.เล่นงาน
เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. นางวัลลี บุญเส็ง วัย 46 ปี หรือ ด.ญ.วัลลี ณรงค์เวทย์ เด็กหญิงยอดกตัญญู เมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว ได้เดินทางมายื่นหนังสือต่อ น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ คณะกรรมการ กสทช. เพื่อขอความเป็นธรรม ให้ตรวจสอบจรรยาบรรณของผู้ผลิตรายการทีวี เนื่องจากบางรายการในทีวี โดยเฉพาะรายการตลก ได้นำเอาเรื่องราวชีวิตจริงของตนในสมัยวัยเยาว์ ที่มีความน่ารันทด หดหู่ ในอดีต ไปล้อเลียนเป็นเรื่องตลก สร้างความบันเทิงแก่ผู้ชมโดยทั่วไป จนก่อให้เกิดความขบขันกับเรื่องราวชีวิตของตน
ทั้งนี้ ถือว่าเป็นการละเมิดศักดิ์ศรีและบุพการีของตนเป็นอย่างมาก รวมถึงถือเป็นการผิดจรรยาบรรณสำหรับผู้ผลิตรายการทีวี โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของบุคคลที่มีตัวตนจริงและยังใช้ชีวิตอยู่ในสังคมปัจจุบัน ว่าจะได้รับผลกระทบเช่นไร อีกทั้งยังเสริมเติมแต่งเรื่องราว เอาความน่ารันทด ความพิการ มาล้อเล่น แสดงออกถึงการดูหมิ่น สร้างความไม่พอใจ ขบขันกับความพิการดังกล่าว เป็นการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้พิการโดยทั่วไป ดังนั้น ในฐานะเป็นผู้เสียหาย จึงอยากให้ กสทช.ช่วยดำเนินการตรวจสอบ ควบคุม ตักเตือน รายการทีวีดังกล่าว และนักแสดงตลกทั่วไป ให้ยุติการนำเสนอเรื่องราวของตน และให้พึงปฏิบัติตามจรรยาบรรณด้วย
ก่อนหน้านั้น วัลลี เคยเผยความรู้สึกกับ ทีมเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ว่า ช่วงหลังไม่รู้เกิดอะไรขึ้น หลายรายการต้องเอาชีวิตของเธอมาทำเป็นเรื่องตลก ไม่เคารพสิทธิส่วนบุคคลของเรา บางรายการหยามแบบน่าเกลียด และไม่มีมารยาทอย่างมาก เอาเรื่องที่แม่เราป่วยมาเล่น การที่แม่เราพิการ เราก็เจ็บปวดหัวใจแล้ว แต่ทุกวันนี้เอาความพิการของแม่มาล้อเลียน
"ถามว่ามันสมควรหรือไม่ ไม่คิดหรือว่าเรายังมีชีวิตอยู่ วัลลีอยากจะถามจริงๆ ความพิการของแม่วัลลี มันเป็นเรื่องตลกหรือ แม่ใคร ใครก็รัก ส่วนมากจะเล่นแบบแนวป้อนข้าวให้ จากนั้นก็จะใช้ช้อนยัดปาก อุดปาก ไม่กินใช่มั้ย...ก็กระทืบเลย นี่คือภาพของวัลลีที่ออกสู่สาธารณะหรือ..? ที่ผ่านมา เราทำดีมาตลอด แต่ทำไม ถ้าจะทำเรื่องวัลลี ต้องทำเรื่องตลก ไม่เข้าใจ...ทำไม วันนี้เรารับไม่ได้แล้ว โดยเฉพาะการดูหมิ่นบุพการี สิ่งที่อยากจะถามผู้เกี่ยวข้องวงการตลกว่า การที่คนๆ หนึ่งนอนเป็นอัมพาตต้องมีคนป้อนข้าวให้มันตลกใช่มั้ย มันใช่สิ่งที่เฮฮาหรือ (วัลลีเริ่มมีเสียงสั่นเครือ) อยากขอให้คนที่ทำรายการมีวิจารณญาณ มีสามัญสำนึก จะทำอะไรให้เคารพสิทธิ์คนอื่น นึกจะทำอะไร หากทำโดยไม่เคารพคนอื่น คุณจะอยู่ในสังคมได้ยังไง"
นอกจากนี้ ยังระบุว่า ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ผลิตรายการแล้ว 3 รายการ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของเจ้าหน้าที่ ซึ่งอาจจะอยู่ในขั้นตอนออกหมายเรียกคนทำรายการ หากเอ่ยชื่อคนทำรายการ ก็ล้วนเป็นคนดังของประเทศทั้งนั้น เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่รับเป็นคดีหมิ่นประมาท กับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เพราะรายการพวกนี้ไปอยู่ในยูทูบด้วย สมัยก่อน รายการออกอากาศก็จบไป คนมาพูดเราก็อาย แต่ก็จบไป แต่ตอนนี้ไม่ใช่ มีลงในยูทูบ ดูย้อนหลังได้ ปีหนึ่งคนดูเป็นล้านๆ คน ตอนนี้ก็เลยอยู่ไม่ได้แล้ว ต้องดำเนินการทำอะไรสักอย่าง หากอยู่นิ่งก็จะโดนแบบนี้ไม่จบสิ้น
สำหรับ นางวัลลี หรือ วัลลี เด็กหญิงยอดกตัญญู เป็นข่าวโด่งดังเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว ขณะเป็นนักเรียนชั้นประถมปีที่ 5 สายตาสั้น ต้องวิ่งจากโรงเรียนใน จ.สมุทรสงคราม ช่วงพักกลางวันของทุกวัน เป็นระยะทางหลายกิโลเมตร เพื่อไปป้อนข้าวให้แม่ ที่ป่วยเป็นอัมพาต ช่วยตัวเองไม่ได้ ที่บ้านพัก และวิ่งกลับมาเรียนต่อในตอนบ่าย สร้างความสงสัยให้กับครู จึงติดตามไปดู กระทั่งรับรู้ความจริง โดยเรื่องราวของเธอยังถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ สามารถเรียกน้ำตาจากผู้ชมได้อีกด้วย.
http://www.thairath.co.th/content/471221