[SR] [Review] The Tale of The Princess Kaguya เจ้าหญิงกระบอกไม้ไผ่ - จากตำนานเก่าแก่ สู่งานศิลปะเหนือจินตนาการ

The Tale of Princess Kaguya (2014) - [Kaguya-hime no Monogatari]
ชื่อไทย: เจ้าหญิงกระบอกไม้ไผ่

ผลงานจากค่าย Studio Ghibli เรื่องล่าสุดของ อิซาโอะ ทาคาฮาตะ เจ้าของผลงาน Only Yesterday, Pom Poko , My Neighbors the Yamadas และเรื่องที่หลายคนน่าจะรู้จัก Grave of the Fireflies หรือ "สุสานหิ่งห้อย" นั่นเอง
เรื่องนี้ ดัดแปลงมาจากตำนานพื้นบ้านเก่าแก่ของญี่ปุ่น ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 10 อย่าง ตำนานคนตัดไผ่ หรือ ตำนานเจ้าหญิงคางุยะ

เรื่องราวของชายชราผู้มีอาชีพขายไม้ไผ่ และวันนึงได้พบกับเด็กทารกหญิงขนาดเท่าหัวแม่มือจากกระบอกไม้ไผ่ เขาจึงนำกลับมาให้ภรรยาเลี้ยงดูแล และเรียกเธอว่า 'ฮิเมะ' (เจ้าหญิง) มาตลอดจนกระทั่งได้ตั้งชื่อให้สมกับตัวเธอว่า "คะงุยะ-ฮิเมะ" ที่แปลว่า "เจ้าหญิงแห่งราตรีอันเรืองรอง"

ความน่าสนใจของเรื่องนี้ คือ ยังคงใช้เทคนิคการทำอนิเมะ 2 มิติ โดยการวาดมือที่หาดูยากในปัจจุบัน และลายเส้นยังเป็นลายเส้นแบบงานศิลปะโบราณของญี่ปุ่นที่เรียกว่า Chōjū-jinbutsu-giga หรือภาพวาดพู่กันสีน้ำที่คงเอกลักษณ์ของการ์ตูนญี่ปุ่นโบราณ ลายเส้นที่สวย งดงาม และหาดูได้ยากมาก


     เริ่มต้นเรื่องด้วยความเรียบง่าย เพลินไปกับลายเส้นสวย งดงาม ด้วยภาพวาดสีน้ำปลายพู่กัน ที่ไม่ใช่แค่แอนิเมชั่น แต่คือการถ่ายทอดงานศิลปะเป็นภาพเคลื่อนไหว ผ่านตำนานของญี่ปุ่นโบราณที่สุดแสนประทับใจ ให้ค่อยดื่มด่ำไปกับความน่ารัก สดใส ในวัยเด็ก แล้วค่อยๆเติบโต ซึมลึกไปพร้อมกับเรื่องราวของหนังเรื่องนี้ ค่อยๆ เพิ่มระดับอารมณ์เหมือนความคิดของเรา โตไปพร้อมกับตัวละคร จนเมื่อจมดิ่งเข้าสู่ช่วงท้าย ก่อนที่หนังจะจบลง เหมือนกับจะบอกว่า ใดๆในโลกนี้ ย่อมมีจุดสิ้นสุด แต่ที่ยังเหลือไว้คือความทรงจำ ที่ไม่มีสิ่งใดลบเลือนได้


หนังเรื่องนี้ทำให้เรารู้สึกอย่างนี้จริงๆ เหมือนเราค่อยๆโตไปกับหนัง เปลี่ยนความรู้สึกจากวัยใส เป็นวัยผู้ใหญ่ที่ต้องมีเรื่องคิดและตัดสินใจมากขึ้น มีโลกที่หม่นหมองมากขึ้น และลายเส้นแต่ละช่วง ถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึก โดยที่ไม่ต้องมีบทพูด ก็สามารถรับรู้ได้ ว่าช่วงเวลาแห่งความสุขภาพวาดจะออกมาเป็นยังไง แล้วเมื่อไหร่ที่เรามีความทุกข์หรือสับสน ลายเส้นจะยุ่งเหยิงขนาดไหน ทุกภาพบรรจงถ่ายถอดออกมาอย่างลึกซึ้ง เหมือนกำลังนั่งมองงานศิลป์ จมดิ่งเข้าไปในภาพวาด แล้วกลายเป็นภาพเคลื่อนไหว และ Soundtrack ก็เป็นจุดเด่นของค่ายจิบลิ ที่เรื่องนี้ก็ไม่แพ้เรื่องอื่นๆ ที่แม้แต่เพลงพื้นบ้านง่ายๆ เพลงเดียวกัน ร้องคนละช่วงเวลา แต่ดนตรีให้ความรู้สึกต่างกันลิบลับ


ถึงแม้ว่าเรื่องราวจะถูกปรับแต่งให้ดูแฟนตาซีมากไปหน่อย ที่ทำให้ดูติดตลก แต่ก็แฝงความน่ารักให้อมยิ้ม สุดท้ายก็จบลงอย่างประทับใจ จนแทบไม่อยากลุกออกจากโรง และต้องนั่งฟังเพลงความหมายดีๆ ตอน End Credit จนจอดับไป


สรุปคือ
- ลายเส้น สวย งดงาม เหมือนกำลังนั่งดูงานศิลปะ ที่เคลื่อนไหวได้
- จากความน่ารักในต้นเรื่อง คิดว่าจะไม่ดราม่า เสียน้ำตา แต่สุดท้ายก็เสียน้ำตาจนได้
- อีกหนึ่งความประทับใจของค่ายนี้คือ Soundtrack ที่แม้แต่ดนตรีก็ไพเราะ และสื่ออารมณ์ได้ดีมาก
- งานภาพอนิเมะ 2D แบบฉบับญี่ปุ่นโบราณ ที่สมัยนี้หาดูได้ยากมากๆ แค่นี้ก็คุ้มแล้ว
- ภาพทุกภาพ ทุกลายเส้น บ่งบอกอารมณ์ได้ชัดเจน ว่าตัวละครกำลังรู้สึกยังไง
- ประทับใจมาก จิบลิไม่เคยทำให้ผิดหวังจริงๆ เป็นอีกเรื่องที่แฟนจิบลิไม่ควรพลาด

My Vote: 9.5/10
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


Trailer Sub-Thai:
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
** เข้าฉาย 25 ธันวาคมนี้ เฉพาะโรง SF World CentralWorld / House RCA / Embassy Diplomat Screens / Major รัชโยธิน, เอสพลานาด รัชดา,  Paragon Cineplex  และโรงภาพยนตร์ในเครือ Apex **
ชื่อสินค้า:   The Tale of The Princess Kaguya (2014)
คะแนน:     
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่