ก็ก่อนที่จะเล่าว่าทำไม มันทำให้ชีวิตเราดีขึ้นยังไง เราเล่าคร่าวๆเกี่ยวกับตัวเราก่อนละกัน จะได้เห็นภาพเข้าใจกันง่ายขึ้นละกันนะ เราก็เป็นมาจากครอบครัวชนชั้นกลางธรรมดา ตอนนี้ก็ทำงานบริษัทนะ
บ้านเราไม่ติดรถไฟฟ้า รถเมล์ รถตู้หรือรถสองแถวก็ไม่ผ่าน วินมอไซก็ไม่ค่อยจะมี แล้วต้องเข้าซอยอีก มักจะต้องมีโมเมนต์สาวตัวคนเดียวเดินซอยเปลี่ยวเฉลียวหลังระวังโจรอะไรเช่นนั้นถ้ากลับเอง สรุปว่าถ้าไม่มีรถส่วนตัวหรือไม่นั่งแท็กซี่ ก็กลับยากระดับนึงละกัน ที่บ้านเลยค่อนข้างห่วง ถ้าตกเย็นพระอาทิตย์ตกแล้วพ่อแม่จะคอยตามให้กลับบ้าน คอยรับคอยส่งด้วยหลากหลายวิธี ตั้งแต่รับที่รถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน มารับนั่งแท๊กซี่กลับ หรือขับรถมารับ ตั้งแต่เด็กเลย จนโตมาทำงานแล้วก็ยังทำอย่างนั้นอยู่ คือบอกก่อนเลยว่าเราก็ไม่ได้หน้าตาดีหรือหุ่นเป๊ะอะไรที่จะทำให้ชีวิตต้องเป็นกังวลมากกว่าคนส่วนใหญ่หรอก (คือหน้าตาธรรมดา ไม่น่าจะตกมีนมาก) บางครั้งเราว่าพ่อแม่ก็เว่อร์ไปนิด แต่ก็เข้าใจนะว่าห่วง และเราก็รู้สึกอุ่นใจนะส่วนใหญ่
ถ้าขี้เกียจอ่านก็ข้ามข้อความที่ซ่อนไปเลยนะ สรุปง่ายๆคือ บ้านเรากลับยากถ้าไม่ใช้แท๊กซี่ แต่เราไม่ชอบนั่งแท๊กซี่คนเดียวตอนกลางคืนกลับบ้าน แม่ก็ด่าด้วยถ้านั่ง เพราะเป็นห่วงมาก ก็จะดั้นด้นมารับกันตลอด แต่ก็มีหลายอย่างที่อยากทำ อยากเที่ยว อยากมีอิสระอะไรงี้ มันก็เลยลำบาก อยากจะมีคนขับรถตามในละครก็ไม่มี ตอนหลังเลยซื้อรถ แต่ก็ไม่สะดวกหลายๆอย่างอยู่ดี (เช่น เมาก็ขับไม่ได้ รถติด หาที่จอดยาก)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนเรียนก็ไม่อะไรหรอกถ้าเลิกเรียนบ่ายแก่ๆหรือบางวันช้าเพราะเรียนพิเศษ เพราะพ่อกับแม่สลับกันมารับก็ดี ไอ่เราก็สบายสิ นอนๆบ้างตอนนั่งรถกลับ พ่อแม่จะคอยบอกตลอดว่ามารับได้ๆๆๆไม่ว่าจะยังไง ไปบ้านเพื่อน ไปติวที่สำนักไหน พ่อแม่ก็ตามไปตลอดตั้งแต่ยุคยังไม่มี GPS ก็คิดว่าสบาย มีอย่างนึงที่พ่อแม่ไม่ปลื้มและคอยย้ำตลอด คืออย่านั่งแท๊กซี่คนเดียว (รวมถึงรถตู้ด้วยแหละถ้ามีคนเดียว) เราจำได้ว่าครั้งแรกที่เรานั่งแท๊กซี่คนเดียวนี่ก็ปีสองแล้วมั้ง ขนาดนั่งกลางวันแสกๆแถวสยาม ยังรู้สึกว่ากลัวๆระแวงๆพ่อแม่บอกว่ามันอันตราย ที่ปิด เคลื่อนที่ได้ จะแหกปากกรี๊ดขอความช่วยเหลือยังไงก็ไม่มีใครได้ยิน บางครั้งฟิมล์ทึบ เค้าทำอะไรมองไม่เห็นอีก ทุกครั้งที่มีข่าวฉุดผู้หญิงไปทำอะไร พ่อแม่ (โดยเฉพาะแม่) ไม่เคยพลาดที่จะเอามาเล่าเลย ตามเก็บข่าวพวกนี้ยิ่งกว่าสรยุทธอีก เวลาบอกว่าจะกลับเอง แม่จะชอบเข้าโหมดภัยสังคม นี่มันอาจจะเกิดนู่นนั่นนี่ได้ ไม่คุ้มนะ เราก็เลยเดินเป็นส่วนใหญ่ หรือนั่งมอไซ ตุ๊กๆหรือรถเมล์แทน (อะไรก็ได้ที่ไม่ปิด อยู่กันไม่กี่คน และคนบนท้องถนนอื่นๆไม่ได้ยินเรา) เอาจริงๆเราก็เห็นด้วยนะ และรู้สึกว่าเป็นความเสี่ยง ไม่คุ้มๆชั้นอุตส่าห์นั่งขดตาหลับขับตานอนอ่านหนังสือมาหลายปี กินอะไรมาเยอะ จะไม่เสี่ยงๆๆ(โดยส่วนตัวเป็นพวกหลบเลี่ยงความเสี่ยงเมื่อไม่จำเป็นด้วยค่ะ เพลย์เซฟๆ) กลัวได้ผัวโดยไม่รู้ตัว
และแล้วพอเรียนจบ มาทำงานก็จะเริ่มมีกลับดึกเพราะงาน และเพราะสิ่งบันเทิงต่างๆบ้าง (ส่วนใหญ่เป็นงานนะคะ) บางครั้งก็ดื่มนิดหน่อย มีที่ทำงานนึงที่เคยอยู่ เลิกดึกมากกกก แบบไม่เคยออกจากที่ทำงานก่อนพระอาทิตย์ตกดิน (ถ้าเคยนี่รู้สึกพระเจ้าเมตตาฉันมาก) ตอนนั้นพ่อแม่ก็เหนื่อยหน่อย ช่วงเดือนแรกๆมารับตลอดเลย เห็นแล้วก็สงสารต้องถ่อมารับ (กรุงเทพก็รถติดไม่น้อยเลย) เขินนิดๆด้วยที่เอ๊ะโตขนาดนี้ยังต้องให้พ่อแม่มารับ แต่ก็คิดดูว่าไม่ค่อยมีทางเลือกมาก เพราะไปรถไฟฟ้า รถเมล์ก็ไม่ถึงบ้าน แล้วนั่งแท๊กซี่ตอนดึกนี่รู้สึกกังวล อารมณ์แบบนางเอกหนังสยองขวัญ ต้องลุ้นตลอด ชั้นจะโดนไหม คิดชั้นโดนเชือดรึยัง (รู้และเชื่อเสมอว่าพี่แท๊กซี่ดีๆมีเยอะเลย แต่ก็ลบความคิดนี้ไปไม่ได้ทุกที เพราะขึ้นนั่งก็เหมือนมีกันแค่สองคนบนโลกนี้ เค้าทำไรเรา เราทำไรพี่คนขับ ไม่มีใครรู้ หายไปนี่ถ้าตอนนี้คงต้องตามจาก Find My iPhone กันเท่านั้น - -” ใจนึงกลัวเป็นศพแล้วไม่มีใครเจอด้วยอะค่ะ ตามยาก แล้วก็กลัวอีกมากมาย (โอเค เรายอมรับว่าเป็นคนกลัวไร้สาระหลายอย่างนะ))
แต่นั่นแหละบางครั้งเราก็ไปจบที่อื่นที่ไม่ใช่ที่ทำงาน ร้านอาหาร ร้านเหล้า แหล่งอโคจร (นิดนึง) เวลาเสร็จก็กระจัดกระจายกลับกันคนละมุมเมือง เวลากลับบางทีมันไม่ได้รู้ล่วงหน้ามาก ไม่ได้กะง่ายว่าเอ้อจะเลิกบันเทิงกันเวลานี้ ก็จะต้องคอยกังวลว่าจะกลับไง มีใครไปทางเดียวกัน พอจะไปส่งฉันได้ไหม หรือจะต้องโทรบอกพ่อแม่ล่วงหน้าว่าอยู่ไหน (ซึ่งก็จะหากันเจอยากอีก เพราะก็ไปที่ใหม่ๆไกลบ้าน ไกลที่ทำงานกันบ่อยอยู่ ตามประสาคนชอบความหลากหลาย) ก็เหมือนสนุกไม่สุด บางทีเราก็ไม่ค่อยอยากให้พ่อแม่มารับที่ผับอะไรงี้ เพื่อนๆก็ล้อนิดนึง ว่าลูกแหง่ๆอะไรงี้ แต่แม่ก็ย้ำๆๆๆๆว่ายังไงก็ตามถ้าไม่มีเพื่อนขับรถหรือนั่งแท๊กซี่มาส่ง ให้โทรมา ซึ่งส่วนใหญ่ก็โทรหาแม่แหละ
ตอนหลังเริ่มเกรงใจแม่ เพราะกลับดึก(กว่าเดิม)เพราะเรื่องบันเทิงเยอะขึ้น แต่ก็ยังไม่กล้านั่งแท๊กซี่กลับเองดึกๆจะให้เพื่อนไปส่งก็เกรงใจ ขี้เกียจต้องผูกว่าต้องกลับพร้อมใครอะไรงี้ (ตอนนั้นไม่มีแฟน (จริงๆตอนนี้ก็กลับมาโสดอีกแล้ว) ก็ไม่มีใครมาห่วงเรา มารับเรากลับบ้าน ก็ต้องพึ่งพาบิดามารดานี่แหละค่ะ) แม่เคยโกรธมากที่ไม่เรียกให้ไปรับ แบบโกรธมาก มาว่าว่าทำไมไม่รักตัวเอง นั่งแท๊กซี่กลับมาดึกดื่นตีสองตีสาม (ตอนแรกบอกไปว่าเพื่อนมาส่ง แต่ด้วยความที่เราโกหกไม่เก่ง ก็โดนแม่จับอย่างรวดเร็ว ป๊าดดด โดนด่าฉับพลันทันใด) ไม่คุยกันไปประมาณวันกว่าๆ
พอทำงานมาซักพัก ปัญหาเรื่องกลับบ้านดึกก็ถาโถม พ่อแม่ก็เริ่มแก่ตัวลง พอต้องนอนดึกมาก (เพื่อรอเรา) ก็เหนื่อยก็ดูโทรม (เหี่ยว) ให้เห็นทันตาเลย เราก็สงสาร กลัวจะตกนรกด้วยเพราะอาจจะดูอกตัญญู ประกอบกับเราเริ่มมีเงินเก็บบ้าง ก็เลยเอ่ยเอื้อนบอกว่าจะซื้อรถ พ่อแม่ก็แบบ เอ๊ะจะผ่อนไหวเหรอ ไม่นับว่ายังขับไม่เป็นเลย แต่ตั้งมั่นมาก ก็เลยบอกว่าชั้นจะสอบใบขับขี่ให้ได้ คุยๆสักพัก เราก็ใช้สกิลการโน้มน้าวคนที่พอมีบวกกับความน่ารักในฐานะลูกสาวตัวน้อยของพ่อแม่ในการทำให้ได้รับการอนุมัตมา พร้อมเงินดาวน์
ก็เลยไปซื้อรถอีโคคาร์คันน่ารักมา เห่อมากกก รู้สึกเที่ยวคล่องมากขึ้น แต่ก็ทำให้รู้ว่ากรุงเทพนี่ รถมันติดจริงๆโดยเฉพาะตอนเช้า จากเดิมที่ถ้ารถติดตอนเช้าๆเวลาไปสาย ก็กระโดดลงจากแท๊กซี่ ลงจากรถแม่ไปขึ้นรถไฟฟ้าได้ นี่ก็ทำไม่ได้ ติดเท่าไหร่ชั้นก็ต้องทน ไอ้เราก็ขับรถถ่อมาค่ะ แม้รถติดมาก เพราะเชื่อว่าลำบากเช้านี้ สบาย (เราและแม่) คืนนี้ (ไม่ใช่คืนหน้า) เพราะเพื่อนๆชอบชวนไปเที่ยววินาทีสุดท้าย บ่ายๆนี่เริ่มส่งไลน์ ส่งเฟซมาชวนกันไปเที่ยว เราก็ต้องเตรียมให้พร้อมค่ะ ถือคติว่าเตรียมตัวพร้อมตลอดค่ะ คืนนี้ชั้นอาจจะเจอโซลเมทหรือสนุกมาก (ตีความกันเองนะ) เนี่ยตอนมีรถ แม่ก็จะบอกว่าถ้าเพื่อนผู้หญิงต้องกลับบ้านคนเดียวให้ขับรถไปส่งเค้า (เอาใจเค้าใส่ใจเราง้ายยย)
เสร็จแล้วเราก็ย้ายที่ทำงานมาใกล้บ้านมากขึ้น และมันเลิกไม่ช้า อยู่ไกลเมือง เลยไม่ค่อยได้เที่ยวแล้ว เพื่อนเราก็เริ่มแก่มั้ง เที่ยวน้อยลงด้วย ที่ทำงานที่จอดรถจำกัดมาก ตำแหน่งชั้นยังไม่ถึงขั้นได้ที่จอด ถึงได้ก็แพงอีกต่าง เราก็เลยเดินไปปากซอยขึ้นแท๊กซี่บ่อยขึ้น เย็นๆก็กลับแท๊กซี่พอได้ เพราะยังไม่มืด ก็ถือว่าประหยัดและใช้ชีวิตสงบอยู่ช่วงนึง เคยคิดว่าจะขายรถไปด้วย ไม่ค่อยได้ใช้เลย
แต่ก็มีจุดเปลี่ยนอีกแล้ว โดนย้ายแผนก ไปอยู่กับหัวหน้าที่ค่อนข้างเถื่อนนิด เริ่มเลิกดึกอีกแล้ววว แต่แก้ปัญหาด้วยวิธีขับรถมาไม่ได้แล้ว เพราะไม่มีที่จอดให้! แม่ก็ยังบอกว่าจะมารับได้ แต่แบบก็ดูเหนื่อยมากอะ (วัยนี่ทำให้คนดูร่วงโรยจริงๆ) ไปสักพักมีสัปดาห์นึงพ่อไปทำงานต่างจังหวัด และแม่ดันมาหกล้ม ต้องใส่เผือก ขับรถไม่ได้ ก็แบบ อ่าว เฮ้ย ถ้าเลิกดึกจะกลับไงฟระ?! (บอกแม่ไปว่าไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพี่ที่ทำงานไปส่งได้ แต่คิดหนักเลย) กลับแท๊กซี่ไปคืนนึง รู้สึกกลัวอะ แล้วเราก็มาคิดว่าถ้านั่งอีกหลายวันก่อนพ่อจะกลับมา ว่าจะต้องขับรถมาแล้วไปหาที่จอด ไกลหน่อย แพงหน่อย ไม่เป็นไร ทนจ่าย ทนเดินเอา
แต่แล้ววววววววว………..ระหว่างค่ำคืนที่ชั้นนั่งดูฟีดในเฟซ และดูรูปพี่นิชคุณ ชั้นก็เห็นโฆษณาของอูเบอร์ ปกติก็เลื่อนๆผ่านตลอด โฆษณาอะไรขวางหูขวางตา แต่วันนั้นฟ้าคงดลใจให้มาเจอกับพี่อู(เบอร์) ก็เลยลองนั่งดู เห็นได้ยินว่ามันมาจากเมืองนอก ไอ้เราก็เชื่อถือในประเทศตะวันตกนิดหน่อยนะ
ตอนนั่งแม่บอกว่าอย่าเลยๆขับรถไปๆๆๆเราก็แบบคิดว่าน่าจะโอเค ก็บอกว่าเฮ้ยมันของนอกนะแม่ แม่ก็ใจอ่อนบอกว่า ถ้าจะลองให้โทรคุยตลอดทางเลย ก็ทำงั้นตาม ตอนเย็นก็เลยเป็นครั้งแรกของเรากับพี่อู พอลงมาก็รู้สึกว่า เฮ้ย รวมๆไม่แย่แหะ (แต่แพงนิด จำได้ แต่ก็พอถูไถไปกับค่าจอดรถ เอาวะ) มารับถึงที่ มีน้ำด้วย ดูหรูอะ (ครั้งแรกมักน่าจดจำเสมอกับทุกๆเรื่อง เอิ๊กๆ) รู้สึกปลอดภัยกว่าแท็กซี่ ก็เริ่มคิดว่าเออ ก็สะดวกดีนะ
หลังจากนั้นก็เริ่มลองใช้ตอนไปเที่ยวอะไรงี้ เราโอกับการนั่งแท๊กซี่ตอนกลางวันระดับนึงแล้วแหละ ณ จุดๆนี้ แต่ถ้ากลางคืนแม่ก็ถามว่ากลับไงเสมอ จะกลับอะไรอูบๆน่ะเหรอ (เรานี่เง็งไปเลย กว่าจะเรียกกันถูกนี่นานร่วมเดือน) คือตอนแรกแม่ก็ไม่มั่นใจ (สักเดือนนึงได้ ที่เราจะคุยกับแม่ตลอดทาง ให้รู้นะว่าถ้าอีคนขับทำชั่วจะมีคนรู้ ชิ) แต่ไปเรื่อยๆก็เริ่มไว้ใจมั้ง (ก็ไม่รู้หรอกนะว่าปลอดภัยกว่าแค่ไหน แต่การที่มันมี GPS มีชื่อคนทั้งสองฝ่ายอะ น่าจะทำให้พยายามไม่ทำแย่ๆใส่กันมั้ง) มานานๆเข้าก็เลยปล่อยๆไปบ้าง (อารมณ์เดียวกับที่ยอมให้เราไปผับดื่มเหล้าทั้งที่เดิมไม่ยอมมั้ง)
ชีวิตก็ดีนะ (คือก็ไม่ได้ดีแบบถูกหวยอะไรอ่ะ แต่ก็แบบสะดวกขึ้น) เสร็จแล้วมันมีข่าวจะปิดๆอะไร แม่เราก็แบบ อ่าวแล้วจะกลับไง มันอาจจะไม่มีรถพี่อูแล้วนะ แทบจะทุกคืนเลย แต่เท่าที่เราเที่ยวก็พอหาได้อยู่ แต่บางครั้งรอน้านนนนนนนานนน เรารู้สึกกลัวว่ามันจะหายไปจากกรุงเทพของช้านนนนน เลยอยากมาเล่าระบายนิดนึง ถามละกันว่าเพื่อนๆ คิดว่ามีอะไรที่จะช่วยเราได้มากกว่าพวกเรียกรถในแอพนี่ไหม มีตัวเลือกอะไรให้เราบ้าง ใครมีทางเลือกอื่นบ้าง???? แนะนำโหน่ยยยย คนบอกว่าพวกแอพนี่ดีตรงป้องกันปฏิเสธผู้โดยสารได้และเพิ่มความปลอดภัย เราทนๆ กับไอปฏิเสธผู้โดยสารพอได้ แต่เรื่องความปลอดภัยขอให้มีเต็มแม็กซ์ละกัน (เท่าที่จะดีได้) ขอบคุณล่วงหน้านะคะ
ทำไงดี? อย่าพรากอูเบอร์หนูไปเลย เค้าไม่ใช่รักแท้แต่มันทำให้ดัชนีความสุขและชีวิตหนูดีขึ้น
บ้านเราไม่ติดรถไฟฟ้า รถเมล์ รถตู้หรือรถสองแถวก็ไม่ผ่าน วินมอไซก็ไม่ค่อยจะมี แล้วต้องเข้าซอยอีก มักจะต้องมีโมเมนต์สาวตัวคนเดียวเดินซอยเปลี่ยวเฉลียวหลังระวังโจรอะไรเช่นนั้นถ้ากลับเอง สรุปว่าถ้าไม่มีรถส่วนตัวหรือไม่นั่งแท็กซี่ ก็กลับยากระดับนึงละกัน ที่บ้านเลยค่อนข้างห่วง ถ้าตกเย็นพระอาทิตย์ตกแล้วพ่อแม่จะคอยตามให้กลับบ้าน คอยรับคอยส่งด้วยหลากหลายวิธี ตั้งแต่รับที่รถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน มารับนั่งแท๊กซี่กลับ หรือขับรถมารับ ตั้งแต่เด็กเลย จนโตมาทำงานแล้วก็ยังทำอย่างนั้นอยู่ คือบอกก่อนเลยว่าเราก็ไม่ได้หน้าตาดีหรือหุ่นเป๊ะอะไรที่จะทำให้ชีวิตต้องเป็นกังวลมากกว่าคนส่วนใหญ่หรอก (คือหน้าตาธรรมดา ไม่น่าจะตกมีนมาก) บางครั้งเราว่าพ่อแม่ก็เว่อร์ไปนิด แต่ก็เข้าใจนะว่าห่วง และเราก็รู้สึกอุ่นใจนะส่วนใหญ่
ถ้าขี้เกียจอ่านก็ข้ามข้อความที่ซ่อนไปเลยนะ สรุปง่ายๆคือ บ้านเรากลับยากถ้าไม่ใช้แท๊กซี่ แต่เราไม่ชอบนั่งแท๊กซี่คนเดียวตอนกลางคืนกลับบ้าน แม่ก็ด่าด้วยถ้านั่ง เพราะเป็นห่วงมาก ก็จะดั้นด้นมารับกันตลอด แต่ก็มีหลายอย่างที่อยากทำ อยากเที่ยว อยากมีอิสระอะไรงี้ มันก็เลยลำบาก อยากจะมีคนขับรถตามในละครก็ไม่มี ตอนหลังเลยซื้อรถ แต่ก็ไม่สะดวกหลายๆอย่างอยู่ดี (เช่น เมาก็ขับไม่ได้ รถติด หาที่จอดยาก)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่แล้ววววววววว………..ระหว่างค่ำคืนที่ชั้นนั่งดูฟีดในเฟซ และดูรูปพี่นิชคุณ ชั้นก็เห็นโฆษณาของอูเบอร์ ปกติก็เลื่อนๆผ่านตลอด โฆษณาอะไรขวางหูขวางตา แต่วันนั้นฟ้าคงดลใจให้มาเจอกับพี่อู(เบอร์) ก็เลยลองนั่งดู เห็นได้ยินว่ามันมาจากเมืองนอก ไอ้เราก็เชื่อถือในประเทศตะวันตกนิดหน่อยนะ
ตอนนั่งแม่บอกว่าอย่าเลยๆขับรถไปๆๆๆเราก็แบบคิดว่าน่าจะโอเค ก็บอกว่าเฮ้ยมันของนอกนะแม่ แม่ก็ใจอ่อนบอกว่า ถ้าจะลองให้โทรคุยตลอดทางเลย ก็ทำงั้นตาม ตอนเย็นก็เลยเป็นครั้งแรกของเรากับพี่อู พอลงมาก็รู้สึกว่า เฮ้ย รวมๆไม่แย่แหะ (แต่แพงนิด จำได้ แต่ก็พอถูไถไปกับค่าจอดรถ เอาวะ) มารับถึงที่ มีน้ำด้วย ดูหรูอะ (ครั้งแรกมักน่าจดจำเสมอกับทุกๆเรื่อง เอิ๊กๆ) รู้สึกปลอดภัยกว่าแท็กซี่ ก็เริ่มคิดว่าเออ ก็สะดวกดีนะ
หลังจากนั้นก็เริ่มลองใช้ตอนไปเที่ยวอะไรงี้ เราโอกับการนั่งแท๊กซี่ตอนกลางวันระดับนึงแล้วแหละ ณ จุดๆนี้ แต่ถ้ากลางคืนแม่ก็ถามว่ากลับไงเสมอ จะกลับอะไรอูบๆน่ะเหรอ (เรานี่เง็งไปเลย กว่าจะเรียกกันถูกนี่นานร่วมเดือน) คือตอนแรกแม่ก็ไม่มั่นใจ (สักเดือนนึงได้ ที่เราจะคุยกับแม่ตลอดทาง ให้รู้นะว่าถ้าอีคนขับทำชั่วจะมีคนรู้ ชิ) แต่ไปเรื่อยๆก็เริ่มไว้ใจมั้ง (ก็ไม่รู้หรอกนะว่าปลอดภัยกว่าแค่ไหน แต่การที่มันมี GPS มีชื่อคนทั้งสองฝ่ายอะ น่าจะทำให้พยายามไม่ทำแย่ๆใส่กันมั้ง) มานานๆเข้าก็เลยปล่อยๆไปบ้าง (อารมณ์เดียวกับที่ยอมให้เราไปผับดื่มเหล้าทั้งที่เดิมไม่ยอมมั้ง)
ชีวิตก็ดีนะ (คือก็ไม่ได้ดีแบบถูกหวยอะไรอ่ะ แต่ก็แบบสะดวกขึ้น) เสร็จแล้วมันมีข่าวจะปิดๆอะไร แม่เราก็แบบ อ่าวแล้วจะกลับไง มันอาจจะไม่มีรถพี่อูแล้วนะ แทบจะทุกคืนเลย แต่เท่าที่เราเที่ยวก็พอหาได้อยู่ แต่บางครั้งรอน้านนนนนนนานนน เรารู้สึกกลัวว่ามันจะหายไปจากกรุงเทพของช้านนนนน เลยอยากมาเล่าระบายนิดนึง ถามละกันว่าเพื่อนๆ คิดว่ามีอะไรที่จะช่วยเราได้มากกว่าพวกเรียกรถในแอพนี่ไหม มีตัวเลือกอะไรให้เราบ้าง ใครมีทางเลือกอื่นบ้าง???? แนะนำโหน่ยยยย คนบอกว่าพวกแอพนี่ดีตรงป้องกันปฏิเสธผู้โดยสารได้และเพิ่มความปลอดภัย เราทนๆ กับไอปฏิเสธผู้โดยสารพอได้ แต่เรื่องความปลอดภัยขอให้มีเต็มแม็กซ์ละกัน (เท่าที่จะดีได้) ขอบคุณล่วงหน้านะคะ