สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 14
เรื่องที่แล้วไปแล้ว ก็ลืมๆมันไปเถอะ ถ้าพูดหยาบๆก็มันไม่ได้หักคาอยู่
แต่เอาจริงๆนะ ผมสงสารผู้ชายคนนั้น
ที่สงสารผู้ชาย(แฟนคนปัจจุบัน)คนนั้น...
ถ้า คุณยังไม่เลิกพฤติกรรมกินเหล้า เที่ยวกลางคืน เดี๋ยวก็จะไปเจอผู้ชายหล่อๆแต่งตัวดีๆ ก็จะไปให้เค้า"ฟาด"อีก (แล้วก็อ้างว่า เมา)
ก็เพราะแบบนี้ไง ผู้ชายเค้าถึงอยากได้ผู้หญิงเรียบร้อย เป็น"แม่ของลูก"
ได้ยินยังงั้น พวกแรงๆ(ไม่อยากพูดตรงๆ) ก็จะมาแว๊ดๆ 'ทำไมยะ ชั้นกินเหล้า มันหนักหัวใคร' ทีนี้พอเจอผู้ชาย"ดีๆ"บอกอยากได้ผู้หญิงเรียบร้อย ก็ด่าเค้า หาว่า"บูชาแค่เยื่อพรหมจรรย์"
จริงๆไม่ใช่หรอก ผู้ชายดีๆเค้าดูอดีต เพื่อทำนายพฤติกรรมในอนาคตว่า จะเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ลูกเค้าได้หรือไม่ต่างหาก
แต่เอาจริงๆนะ ผมสงสารผู้ชายคนนั้น
ที่สงสารผู้ชาย(แฟนคนปัจจุบัน)คนนั้น...
ถ้า คุณยังไม่เลิกพฤติกรรมกินเหล้า เที่ยวกลางคืน เดี๋ยวก็จะไปเจอผู้ชายหล่อๆแต่งตัวดีๆ ก็จะไปให้เค้า"ฟาด"อีก (แล้วก็อ้างว่า เมา)
ก็เพราะแบบนี้ไง ผู้ชายเค้าถึงอยากได้ผู้หญิงเรียบร้อย เป็น"แม่ของลูก"
ได้ยินยังงั้น พวกแรงๆ(ไม่อยากพูดตรงๆ) ก็จะมาแว๊ดๆ 'ทำไมยะ ชั้นกินเหล้า มันหนักหัวใคร' ทีนี้พอเจอผู้ชาย"ดีๆ"บอกอยากได้ผู้หญิงเรียบร้อย ก็ด่าเค้า หาว่า"บูชาแค่เยื่อพรหมจรรย์"
จริงๆไม่ใช่หรอก ผู้ชายดีๆเค้าดูอดีต เพื่อทำนายพฤติกรรมในอนาคตว่า จะเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ลูกเค้าได้หรือไม่ต่างหาก
ความคิดเห็นที่ 66
แยกประเด็นนะ ถ้าผมฟังเรื่องนี้ ได้เป็นข้อๆ ตามข้างล่าง
1. พฤติกรรม หลงหนุ่ม หน้าตาดี
2. one night stand (เต็มใจ)
3. ประวัติการมีประสบการณ์ถูกรุมโทรม 3 คน (ไม่เต็มใจ)
4. ประวัติการมีประสบการณ์กับแฟนจำนวน 4 คน (เต็มใจ)
เรียงลำดับตามความน่ากังวล ลงมาเลย
อธิบาย
1. ถ้าคุณมี พฤติกรรมหลงใหล แสดงอาการชอบพอผู้ชายหน้าตาดี หรือถึงขั้นไปยุ่งด้วยตั้งแต่พูดคุย แลกแชต มากๆ ก็พอใจที่จะไปไหนมาไหนด้วย -- อันนี้ น่าหนักใจที่สุด คือ คนบางคนเป็นอย่างนี้จริงๆ
2. คนคนนี้มีพฤติกรรม สัม ส่อน -- เคยมี และยังมีอยู่หรือไม่ จะกำเริบอีกหรือไม่ ? เมื่อคิดรวมกับข้อ 1 ถ้ายังมีข้อ 1 ให้เห็นอยู่ ข้อ 2. นี้ เพิ่มความน่าหนักใจสามเท่า
3. เรื่องนี้เปรียบเหมือนกับอุบัติเหตุ ถ้าเกิดครึ้งและเสียใจกับเรื่องนี้ ผู้ชายส่วนมาก รับได้ เว้นข้ามได้ แต่แน่นอนว่าในใจก็ต้องคิดลึกๆ ลึกๆ ที่ว่า ก็มีทั้งสองด้าน แต่นั่นคือสิ่งที่จะต้องรับได้ และต้องอยู่กับมัน ก็เหมือนกับอยู่กับคนตัวไม่สูง ต้องระวังไม่กระทบ หรือ ล่วงเกินเรื่องความสูง แม้จะมีโทสะ หรือ อื่นๆ อันนี้ไม่ต่างกัน เพราะจะให้ผลเสียลึกมาก
4. สมัยนี้คงรับได้กับเรื่องนี้
ส่วนตัวเองก็ได้พบเจอเรื่องทำนองนี้มาเหมือนกัน เอาเป็นเสียว่า ถ้า จขกท มั่นใจว่า พฤติกรรมข้อที่ 1 2 ไม่มีอยู่ในตัวแล้ว และให้ความมั่นใจได้ว่าจะไม่มีกำเริบขึ้นมาอีก คุณอาจจะพอบอกเรื่องนี้กับแฟนได้ ระยะเวลา 4 - 5 เดือน ยังไม่มากไป ยังไม่น้อยไป
เพราะเรื่องราวแบบนี้ ถ้ามันเป็นเรื่องที่เก็บไว้ได้ตลอดก็คงจะดี แต่ใจคนเรา มันไม่แน่นอน วันนึงคุณแต่งงานกันไปแล้ว แล้วคุณเกิดอึดอัดเพราะเขาเป็นคนดีมาก อยากจะบอก หรือเกิดมีเหตุให้ทราบ ถึงตอนนั้น มันมีข้อที่ 5. คือ ทำไมเพิ่งจะบอก หรือเพราะเห็นว่าเขาเป็นคนที่ดีไม่พอ หรือดีไม่จริง -- คือมันไม่ได้เป็นสาระที่ตัวเนื้อหาของคุณเลย แต่เป็นเนื้อหาในความรู้สึกของเขาก่อน..
แต่อย่าลืม ว่า การเปิดเผยเรื่องนี้ เป็นการเปิดเผยพฤติกรรม สามประการ ที่เขาจะต้องขบคิดอย่างหนัก ... ว่าก็ว่าก่อนอื่น คุณควรจะไปตรวจ HIV ก่อนเป็นอันดับแรก ละนะ ความกังวลมันก็จะได้หายไปส่วนหนึ่ง ถ้าไม่อย่างนั้น มันจะเป็นความกังวลอย่างหนักมาก นึกออกไหม เขาอยู่ดีๆ ทำไมเขาต้องมารับเรื่องแบบนี้จากคุณ... (โหดร้ายไปหน่อย แต่เรื่องจริง ไปตรวจสะนะ ... ผมเองก่อนแต่งผมก็ตรวจกันนะ ลุ้นเหมือนกันทั้งคู่ ทั้งๆ ที่ประวัติก็ไม่ได้มีอะไร สุดท้ายคุณหมอบอก สะอาด! สะอาดจนไม่น่าเชื่อ! ไม่มีแม้แต่ภูมิคุ้มกัน อะไรเลย!! กำ .. )
ผมบอกตัวเองไว้เสมอ ญ ใดถูกข่มขืน ผมรับได้ แต่ถ้าตั้งใจไปร่วมเสพอย่างไม่จำเป็น(หมายถึง นอกใจผมในขณะที่คบกับผมหนะนะ) ผมรับข้อนี้ไม่ได้ ซึ่งกรณีของคุณ ไม่เข้าข่ายเลย เพียงให้กังวลอยู่ในการใช้ชีวิตของคุณตามข้างต้นเท่านั้น
คุณมีสิทธิ์ที่จะรักษาคนดีไว้ แต่นั่นคือการทำตัวให้ดีสมกัน ไม่ใช่การทำตัวไม่สมกันแล้วปิดบังความเหลื่อมล้ำนั้น ผมพูดถึงปัจจุบัน และอนาคต ไม่ได้กล่าวถึงอดีต
ที่เหลือ ก็อยู่ที่ตัวคุณเองแล้วครับ
ขอให้ผ่านพ้นเรื่องนี้ไปได้ด้วยดี ผมมีแต่เจตนาให้ข้อคิด เท่านั้น ไม่มีเจตนาล้วงล้ำล่วงเกิน ถ้ารู้สึกตรงไหนกล่าวเกินไป ผมขออภัย อโหสิกรรมนะครับ
1. พฤติกรรม หลงหนุ่ม หน้าตาดี
2. one night stand (เต็มใจ)
3. ประวัติการมีประสบการณ์ถูกรุมโทรม 3 คน (ไม่เต็มใจ)
4. ประวัติการมีประสบการณ์กับแฟนจำนวน 4 คน (เต็มใจ)
เรียงลำดับตามความน่ากังวล ลงมาเลย
อธิบาย
1. ถ้าคุณมี พฤติกรรมหลงใหล แสดงอาการชอบพอผู้ชายหน้าตาดี หรือถึงขั้นไปยุ่งด้วยตั้งแต่พูดคุย แลกแชต มากๆ ก็พอใจที่จะไปไหนมาไหนด้วย -- อันนี้ น่าหนักใจที่สุด คือ คนบางคนเป็นอย่างนี้จริงๆ
2. คนคนนี้มีพฤติกรรม สัม ส่อน -- เคยมี และยังมีอยู่หรือไม่ จะกำเริบอีกหรือไม่ ? เมื่อคิดรวมกับข้อ 1 ถ้ายังมีข้อ 1 ให้เห็นอยู่ ข้อ 2. นี้ เพิ่มความน่าหนักใจสามเท่า
3. เรื่องนี้เปรียบเหมือนกับอุบัติเหตุ ถ้าเกิดครึ้งและเสียใจกับเรื่องนี้ ผู้ชายส่วนมาก รับได้ เว้นข้ามได้ แต่แน่นอนว่าในใจก็ต้องคิดลึกๆ ลึกๆ ที่ว่า ก็มีทั้งสองด้าน แต่นั่นคือสิ่งที่จะต้องรับได้ และต้องอยู่กับมัน ก็เหมือนกับอยู่กับคนตัวไม่สูง ต้องระวังไม่กระทบ หรือ ล่วงเกินเรื่องความสูง แม้จะมีโทสะ หรือ อื่นๆ อันนี้ไม่ต่างกัน เพราะจะให้ผลเสียลึกมาก
4. สมัยนี้คงรับได้กับเรื่องนี้
ส่วนตัวเองก็ได้พบเจอเรื่องทำนองนี้มาเหมือนกัน เอาเป็นเสียว่า ถ้า จขกท มั่นใจว่า พฤติกรรมข้อที่ 1 2 ไม่มีอยู่ในตัวแล้ว และให้ความมั่นใจได้ว่าจะไม่มีกำเริบขึ้นมาอีก คุณอาจจะพอบอกเรื่องนี้กับแฟนได้ ระยะเวลา 4 - 5 เดือน ยังไม่มากไป ยังไม่น้อยไป
เพราะเรื่องราวแบบนี้ ถ้ามันเป็นเรื่องที่เก็บไว้ได้ตลอดก็คงจะดี แต่ใจคนเรา มันไม่แน่นอน วันนึงคุณแต่งงานกันไปแล้ว แล้วคุณเกิดอึดอัดเพราะเขาเป็นคนดีมาก อยากจะบอก หรือเกิดมีเหตุให้ทราบ ถึงตอนนั้น มันมีข้อที่ 5. คือ ทำไมเพิ่งจะบอก หรือเพราะเห็นว่าเขาเป็นคนที่ดีไม่พอ หรือดีไม่จริง -- คือมันไม่ได้เป็นสาระที่ตัวเนื้อหาของคุณเลย แต่เป็นเนื้อหาในความรู้สึกของเขาก่อน..
แต่อย่าลืม ว่า การเปิดเผยเรื่องนี้ เป็นการเปิดเผยพฤติกรรม สามประการ ที่เขาจะต้องขบคิดอย่างหนัก ... ว่าก็ว่าก่อนอื่น คุณควรจะไปตรวจ HIV ก่อนเป็นอันดับแรก ละนะ ความกังวลมันก็จะได้หายไปส่วนหนึ่ง ถ้าไม่อย่างนั้น มันจะเป็นความกังวลอย่างหนักมาก นึกออกไหม เขาอยู่ดีๆ ทำไมเขาต้องมารับเรื่องแบบนี้จากคุณ... (โหดร้ายไปหน่อย แต่เรื่องจริง ไปตรวจสะนะ ... ผมเองก่อนแต่งผมก็ตรวจกันนะ ลุ้นเหมือนกันทั้งคู่ ทั้งๆ ที่ประวัติก็ไม่ได้มีอะไร สุดท้ายคุณหมอบอก สะอาด! สะอาดจนไม่น่าเชื่อ! ไม่มีแม้แต่ภูมิคุ้มกัน อะไรเลย!! กำ .. )
ผมบอกตัวเองไว้เสมอ ญ ใดถูกข่มขืน ผมรับได้ แต่ถ้าตั้งใจไปร่วมเสพอย่างไม่จำเป็น(หมายถึง นอกใจผมในขณะที่คบกับผมหนะนะ) ผมรับข้อนี้ไม่ได้ ซึ่งกรณีของคุณ ไม่เข้าข่ายเลย เพียงให้กังวลอยู่ในการใช้ชีวิตของคุณตามข้างต้นเท่านั้น
คุณมีสิทธิ์ที่จะรักษาคนดีไว้ แต่นั่นคือการทำตัวให้ดีสมกัน ไม่ใช่การทำตัวไม่สมกันแล้วปิดบังความเหลื่อมล้ำนั้น ผมพูดถึงปัจจุบัน และอนาคต ไม่ได้กล่าวถึงอดีต
ที่เหลือ ก็อยู่ที่ตัวคุณเองแล้วครับ
ขอให้ผ่านพ้นเรื่องนี้ไปได้ด้วยดี ผมมีแต่เจตนาให้ข้อคิด เท่านั้น ไม่มีเจตนาล้วงล้ำล่วงเกิน ถ้ารู้สึกตรงไหนกล่าวเกินไป ผมขออภัย อโหสิกรรมนะครับ
ความคิดเห็นที่ 5
ญาติผู้พี่ผมเอง เคยมาอยู่บ้านผม ผมสนิทกับพี่คนนี้มาก
ที่พี่มาอยู่บ้านผมเพราะปิดบังพ่อแม่ที่บ้านนอกว่าตัวเองมาอยู่กินกับแฟนที่กทม.
คือพี่ผมเอาแฟนมาอยู่บ้านแม่ผมครับ แม่ผมก็ยอมรับอย่างดีเพราะเห็นว่าสองคนนี้รักกันจริง
ปรากฏว่าตั้งท้อง ก็ไปเอาเด็กออก แล้วก็เลิก
ต่อมาพี่มีแฟนใหม่ ท้อง แต่ผู้ชายไม่จริงจังด้วย ก็เลิก และทำแท้งอีก
มาเจอหนุ่มรุ่นน้องเวอร์จิ้นมาก รักพี่ผมมาก แต่เขามาจากบ้านดี เป็นคนจีนแท้ ที่บ้านทำร้านทอง
พี่ผมเลยโกหกผู้ชายว่าตัวเองยังจิ้นอยู่ แล้วก็มาสั่งแฟนเก่าว่าห้ามเจอ ห้ามติดต่อพี่เด็ดขาด
สองคนนี้แต่งงานกันจนลูกโตจนบัดนี้ พี่กลายเป็น "คุณนายร้านทอง" ผัวก็แสนซื่อสัตย์กับเมียมาก
ไม่เคยรู้อดีตของเมียเลยสักนิด เขาชอบพูดให้ผมฟังบ่อยๆว่าเขาคือคนแรกของเมีย
ทุกวันนี้กลุ่มคนที่รู้อดีตพี่ผม พี่ผมก็ห่างๆนะ ไม่ยอมคบหาเลย ทั้งที่เราไม่เคยพูดอะไรให้สามีรู้เลย
เรื่องจริงที่เล่ามาเพื่อบอกว่า...มันอาจเป็นฉากอนาคตของจขกท.ก็ได้นะครับ
ฟังไว้เป็นอุทาหรณ์
ที่พี่มาอยู่บ้านผมเพราะปิดบังพ่อแม่ที่บ้านนอกว่าตัวเองมาอยู่กินกับแฟนที่กทม.
คือพี่ผมเอาแฟนมาอยู่บ้านแม่ผมครับ แม่ผมก็ยอมรับอย่างดีเพราะเห็นว่าสองคนนี้รักกันจริง
ปรากฏว่าตั้งท้อง ก็ไปเอาเด็กออก แล้วก็เลิก
ต่อมาพี่มีแฟนใหม่ ท้อง แต่ผู้ชายไม่จริงจังด้วย ก็เลิก และทำแท้งอีก
มาเจอหนุ่มรุ่นน้องเวอร์จิ้นมาก รักพี่ผมมาก แต่เขามาจากบ้านดี เป็นคนจีนแท้ ที่บ้านทำร้านทอง
พี่ผมเลยโกหกผู้ชายว่าตัวเองยังจิ้นอยู่ แล้วก็มาสั่งแฟนเก่าว่าห้ามเจอ ห้ามติดต่อพี่เด็ดขาด
สองคนนี้แต่งงานกันจนลูกโตจนบัดนี้ พี่กลายเป็น "คุณนายร้านทอง" ผัวก็แสนซื่อสัตย์กับเมียมาก
ไม่เคยรู้อดีตของเมียเลยสักนิด เขาชอบพูดให้ผมฟังบ่อยๆว่าเขาคือคนแรกของเมีย
ทุกวันนี้กลุ่มคนที่รู้อดีตพี่ผม พี่ผมก็ห่างๆนะ ไม่ยอมคบหาเลย ทั้งที่เราไม่เคยพูดอะไรให้สามีรู้เลย
เรื่องจริงที่เล่ามาเพื่อบอกว่า...มันอาจเป็นฉากอนาคตของจขกท.ก็ได้นะครับ
ฟังไว้เป็นอุทาหรณ์
แสดงความคิดเห็น
เคยโดนรุมโทรม-กลัวแฟนจะรับไม่ได้ทำไงดีค้ะ เครียดมากไม่รู้จะบอกดีไหม
เราก็ผ่าน ผู้ชายมาแล้ว4คนแล้วช่วงนั้น ผู้ชายที่เราผ่านมาคือเราคบเป็นแฟนค้ะ แต่พอเมื่อกลางปีที่แล้วปี56 เราไปเที่ยวกับเพื่อน แล้วเราเจอผู้ชายคนนึง
หน้าตาดี แต่งตัวดี เข้ามาจีบค้ะ คือแบบเพอเฟ็คมาก มาขอชนแก้ว มาคุย มาจีบ แล้ว ก็นั้นแหละค้ะ ไปจบที่คอนโดเค้า เป็นครั้งแรกเลยนะค้ะ ที่เรามีอะไรกับ
ผู้ชายที่ไม่ใช่แฟน แต่ที่มันจะจบแค่นั้น พอมีอะไรกันเสร็จเราก็หลับไปแปปนึง สักพักเค้าพาเพื่อนมาอีก3คน มามีอะไรกับเรา นั้นแหละค้ะ ช่วงเวลาที่อยาก
จะลืมมากที่สุด แต่ก็ยังลืมไม่ได้ แต่ก็ยังดีนะ ที่เค้าก็ยอมให้เรากลับบ้าน วันนั้น เรากลับไปนอนร้องไห้ทั้งคืน แบบคิดอยากจะฆ่าตัวตาย เราไม่
กล้าบอกใครเลยค้ะ บอกแค่เพื่อนสนิทจริง2คน ดีที่เพื่อนช่วยปลอบ จนเราดีขึ้น แต่เราก็ไม่คิดมีแฟนอีกเลยค้ะ จนแบบเมื่อต้นปีที่ผ่านมา มีผู้ชาย
คนนึงมาจีบเราค้ะ แก่กว่าเรา 2ปี ตอนแรกๆ เราก็ไม่สนใจ แต่เค้าเป็นคนดีมาก ดูแลเอาใจใส่ สุภาพบุรุษ แบบไม่เคยเจอ ผู้ชายแบบนี้เลย
จน4-5เดือนเราเริ่มใจอ่อน ตกลงปลงใจเป็นแฟนกันค้ะ เค้าก็ดูแลเราดีมากๆๆ เรามีความสุขจริงๆ
แล้วเมื่อ อาทิตย์ที่ผ่านมา เรามีอะไรกันค้ะ แล้วเค้าก็บอกว่า จริงจังกับเรามากนะ อยากให้ไปเจอ พ่อแม่ อยากจะแต่งงานกับเรา
แบบเราก็ดีใจนะ แต่เราก็คิดว่า เรามีอดีตแบบนี้ ถ้าเราไม่บอกเค้าก็เหมือนเรา ปิดบัง และโกหกเค้า แต่ถ้าบอกไปเค้าก็คงรับไม่ได้
ทำยังไงดีค้ะ คิดมากมาหลายวันแล้ว ...