สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 13
ความผิดเกี่ยวกับเพศ
ปัจจุบันในสังคมเรามีปัญหาต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาครอบครัว สิ่งแวดล้อม ธุรกิจการค้า การจราจร เป็นต้น และปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาสังคมที่เราต้องเผชิญอยู่ทุกวัน
แต่มีปัญหาหนึ่งในสังคมเราที่ไม่พึงปรารถนาจะให้มันเกิดขึ้นอย่างมาก เพราะเป็นเรื่องที่ขัดต่อความรู้สึกอันดีงามของประชาชน และที่สำคัญยังขัดต่อตัวบทกฎหมายอันใช้บังคับอยู่ในสังคมประเทศเรา คือ ปัญหาอาชญากรรม เช่น คดีลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ยาเสพติด เป็นต้น แต่ผู้เขียนขอหยิบยกปัญหาหนึ่งซึ่งเป็นคดีเกี่ยวกับความผิดทางเพศ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงมาก เพื่อให้ผู้อ่านรู้ถึงปัญหาเหล่านี้ ช่วยกันป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นในสังคมเรา
คดีเกี่ยวกับความผิดทางเพศ ฐานข่มขืนกระทำชำเรา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 บัญญัติว่า “ผู้ใดข่มขืนหญิงซึ่งมิใช่ภริยาของตนโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยหญิงอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้หญิงเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคลอื่น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่แปดพันบาทถึงสี่หมื่นบาท
วรรคสอง ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคแรคได้กระทำโดยมีหรือใช้อาวุธปืนหรือวัตถุระเบิดหรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี หรือปรับตั้งแต่สามหมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาท หรือจำคุกตลอดชีวิต”
ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราหญิง ตามมาตรา 276 แยกองค์ประกอบได้ดังนี้
1. ข่มขืนกระทำชำเรา
2. หญิงซึ่งมิใช่ภริยาของตน
3. โดยวิธีอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
ก. โดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ
ข. โดยใช้กำลังประทุษร้าย
ค. โดยหญิงอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้
ง. โดยทำให้หญิงเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคลอื่น
กระทำลักษณะใดเป็นความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา
คำพิพากษาฎีกาที่ 1133/2509 จำเลยได้กระทำชำเราผู้เสียหาย จนของลับของจำเลยได้เข้าไปในของลับของผู้เสียหายราว 1 องคุลีเช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นการกระทำชำเราสำเร็จตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 แล้ว การที่ทางพิจารณาไม่ปรากฏว่ามีน้ำอสุจิของจำเลยออกมาอยู่ที่ของลับของผู้เสียหายที่ของลับจำเลยนั้นเป็นเรื่องสำเร็จความใคร่แล้วหรือไม่ เป็นอีกส่วนหนึ่งไม่เป็นเหตุให้เห็นว่าจำเลยกระทำชำเราไม่สำเร็จหรือเป็นเพียงขั้นพยายาม
คำพิพากษาฎีกาที่ 1048/2518 การกระทำชำเราตามกฎหมายจะต้องปรากฏว่าของลับของชาย ล่วงล้ำเข้าไปในช่องสังวาสหรืออวัยวะสืบพันธุ์ของหญิง การที่จำเลยขืนใจผู้เสียหาย โดยใช้ของลับของจำเลยใส่เข้าไปในทวารหนักของผู้เสียหาย จึงไม่เป็นการกระทำชำเราคงมีแต่ความผิดฐานกระทำอนาจารเท่านั้น
ร่วมกระทำความผิดด้วยกันอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง หมายถึงการที่ผู้ร่วมกระทำตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปร่วมกันรุมข่มขืนกระทำชำเราหญิงโดยผลัดกันกระทำชำเราด้วยตนเอง ดังนั้นหากเป็นการที่คนเดียวข่มขืนหลายครั้งหรือคนเดียวข่มขืน แต่มีอีกหลายคนช่วยจับแขนขา เช่นนี้ก็เป็นการกระทำการโทรมหญิง แต่ถ้าเป็นการที่หลายคนโทรมหญิงแล้ว คนอื่นที่ร่วมในการกระทำแม้ไม่ได้ข่มขืนด้วยตนเองก็เป็นความผิดเป็นตัวการโทรมหญิง
คำพิพากษาฎีกาที่ 4796/2530 แม้จำเลยที่ 1 จะไม่ได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายก็ตาม แต่การที่จำเลยที่ 1 พาผู้เสียหายไปให้พวกของตนผลัดกันข่มขืนกระทำชำเราและรออยู่จนพวกของตนข่มขืนกระทำชำเราเสร็จแล้วจึงพาผู้เสียหายกลับไปนั้นถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกับพวกกระทำผิดฐานร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง
คำพิพากษาฎีกาที่ 3007/2532 (ประชุมใหญ่ ) เมื่อจำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายแล้ว พวกของจำเลยได้ผละจากพวกของผู้เสียหายมาข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายต่ออีก แม้พวกของจำเลยจะไม่สามารถสอดใส่อวัยวะเพศเข้าไปในอวัยวะของผู้เสียหายได้แต่ก็ลงมือกระทำการข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายจนถึงขั้นพยายามแล้วการที่จำเลยกับพวกผลัดเปลี่ยนกันกระทำชำเราผู้เสียหายต่อเนื่องกันถือได้ว่าการร่วมกันกระทำชำเราผู้เสียหาย อันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคสอง
สรุปแนวคำพิพากษาฎีกา
1. ผู้กระทำคนเดียว กระทำชำเราหญิงหลายคนไม่เป็นการโทรมหญิง
2. คนหลายคนจับหญิงไว้ ผู้กระทำชำเราเพียงคนเดียวทุกคนเป็นตัวการแม้ไม่ได้กระทำชำเราหญินั้น หรือผู้กระทำเป็นหญิง ซึ่งไม่สามารถกระทำชำเราได้ ก็ผิดฐานร่วมกันกระทำชำเรา
3. การโทรมหญิงหรือรุมข่มขืนกระทำชำเรา ผู้ร่วมกระทำตั้งแต่สองคนขึ้นไป ต้องผลัดเปลี่ยนกันกระทำชำเราหญิงคนละครั้ง (ตามคำพิพากษาฎีกาที่ 3007/2532 ประชุมใหญ่ ) ผู้ร่วมกระทำอีกคนหนึ่งลงมือกระทำการข่มขืนจนถึงขึ้นพยายามแล้ว เป็นการโทรมหญิง
ข้อสังเกต การโทรมหญิงนอกจากเป็นเหตุเพิ่มโทษสูงขึ้น ตามมาตรา 276 วรรคสอง ยังเป็นความผิดอันยอมความไม่ได้ ตามมาตรา 281
อนึ่ง สำหรับความผิดทางเพศที่ได้กล่าวไว้นี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความผิดในลักษณะ 9ความผิดเกี่ยวกับเพศ ซึ่งในครั้งต่อไปผู้เขียนก็จะนำเรื่องในลักษณะนี้มาเขียนลงอีกครั้งหนึ่ง
โดย รุ่งโรจน์ วิเศษชาติ
http://www.nitithanakij.com/Notary-31.html
ปัจจุบันในสังคมเรามีปัญหาต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาครอบครัว สิ่งแวดล้อม ธุรกิจการค้า การจราจร เป็นต้น และปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาสังคมที่เราต้องเผชิญอยู่ทุกวัน
แต่มีปัญหาหนึ่งในสังคมเราที่ไม่พึงปรารถนาจะให้มันเกิดขึ้นอย่างมาก เพราะเป็นเรื่องที่ขัดต่อความรู้สึกอันดีงามของประชาชน และที่สำคัญยังขัดต่อตัวบทกฎหมายอันใช้บังคับอยู่ในสังคมประเทศเรา คือ ปัญหาอาชญากรรม เช่น คดีลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ยาเสพติด เป็นต้น แต่ผู้เขียนขอหยิบยกปัญหาหนึ่งซึ่งเป็นคดีเกี่ยวกับความผิดทางเพศ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงมาก เพื่อให้ผู้อ่านรู้ถึงปัญหาเหล่านี้ ช่วยกันป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นในสังคมเรา
คดีเกี่ยวกับความผิดทางเพศ ฐานข่มขืนกระทำชำเรา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 บัญญัติว่า “ผู้ใดข่มขืนหญิงซึ่งมิใช่ภริยาของตนโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยหญิงอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้หญิงเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคลอื่น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่แปดพันบาทถึงสี่หมื่นบาท
วรรคสอง ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคแรคได้กระทำโดยมีหรือใช้อาวุธปืนหรือวัตถุระเบิดหรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี หรือปรับตั้งแต่สามหมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาท หรือจำคุกตลอดชีวิต”
ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราหญิง ตามมาตรา 276 แยกองค์ประกอบได้ดังนี้
1. ข่มขืนกระทำชำเรา
2. หญิงซึ่งมิใช่ภริยาของตน
3. โดยวิธีอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
ก. โดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ
ข. โดยใช้กำลังประทุษร้าย
ค. โดยหญิงอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้
ง. โดยทำให้หญิงเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคลอื่น
กระทำลักษณะใดเป็นความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา
คำพิพากษาฎีกาที่ 1133/2509 จำเลยได้กระทำชำเราผู้เสียหาย จนของลับของจำเลยได้เข้าไปในของลับของผู้เสียหายราว 1 องคุลีเช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นการกระทำชำเราสำเร็จตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 แล้ว การที่ทางพิจารณาไม่ปรากฏว่ามีน้ำอสุจิของจำเลยออกมาอยู่ที่ของลับของผู้เสียหายที่ของลับจำเลยนั้นเป็นเรื่องสำเร็จความใคร่แล้วหรือไม่ เป็นอีกส่วนหนึ่งไม่เป็นเหตุให้เห็นว่าจำเลยกระทำชำเราไม่สำเร็จหรือเป็นเพียงขั้นพยายาม
คำพิพากษาฎีกาที่ 1048/2518 การกระทำชำเราตามกฎหมายจะต้องปรากฏว่าของลับของชาย ล่วงล้ำเข้าไปในช่องสังวาสหรืออวัยวะสืบพันธุ์ของหญิง การที่จำเลยขืนใจผู้เสียหาย โดยใช้ของลับของจำเลยใส่เข้าไปในทวารหนักของผู้เสียหาย จึงไม่เป็นการกระทำชำเราคงมีแต่ความผิดฐานกระทำอนาจารเท่านั้น
ร่วมกระทำความผิดด้วยกันอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง หมายถึงการที่ผู้ร่วมกระทำตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปร่วมกันรุมข่มขืนกระทำชำเราหญิงโดยผลัดกันกระทำชำเราด้วยตนเอง ดังนั้นหากเป็นการที่คนเดียวข่มขืนหลายครั้งหรือคนเดียวข่มขืน แต่มีอีกหลายคนช่วยจับแขนขา เช่นนี้ก็เป็นการกระทำการโทรมหญิง แต่ถ้าเป็นการที่หลายคนโทรมหญิงแล้ว คนอื่นที่ร่วมในการกระทำแม้ไม่ได้ข่มขืนด้วยตนเองก็เป็นความผิดเป็นตัวการโทรมหญิง
คำพิพากษาฎีกาที่ 4796/2530 แม้จำเลยที่ 1 จะไม่ได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายก็ตาม แต่การที่จำเลยที่ 1 พาผู้เสียหายไปให้พวกของตนผลัดกันข่มขืนกระทำชำเราและรออยู่จนพวกของตนข่มขืนกระทำชำเราเสร็จแล้วจึงพาผู้เสียหายกลับไปนั้นถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกับพวกกระทำผิดฐานร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง
คำพิพากษาฎีกาที่ 3007/2532 (ประชุมใหญ่ ) เมื่อจำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายแล้ว พวกของจำเลยได้ผละจากพวกของผู้เสียหายมาข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายต่ออีก แม้พวกของจำเลยจะไม่สามารถสอดใส่อวัยวะเพศเข้าไปในอวัยวะของผู้เสียหายได้แต่ก็ลงมือกระทำการข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายจนถึงขั้นพยายามแล้วการที่จำเลยกับพวกผลัดเปลี่ยนกันกระทำชำเราผู้เสียหายต่อเนื่องกันถือได้ว่าการร่วมกันกระทำชำเราผู้เสียหาย อันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคสอง
สรุปแนวคำพิพากษาฎีกา
1. ผู้กระทำคนเดียว กระทำชำเราหญิงหลายคนไม่เป็นการโทรมหญิง
2. คนหลายคนจับหญิงไว้ ผู้กระทำชำเราเพียงคนเดียวทุกคนเป็นตัวการแม้ไม่ได้กระทำชำเราหญินั้น หรือผู้กระทำเป็นหญิง ซึ่งไม่สามารถกระทำชำเราได้ ก็ผิดฐานร่วมกันกระทำชำเรา
3. การโทรมหญิงหรือรุมข่มขืนกระทำชำเรา ผู้ร่วมกระทำตั้งแต่สองคนขึ้นไป ต้องผลัดเปลี่ยนกันกระทำชำเราหญิงคนละครั้ง (ตามคำพิพากษาฎีกาที่ 3007/2532 ประชุมใหญ่ ) ผู้ร่วมกระทำอีกคนหนึ่งลงมือกระทำการข่มขืนจนถึงขึ้นพยายามแล้ว เป็นการโทรมหญิง
ข้อสังเกต การโทรมหญิงนอกจากเป็นเหตุเพิ่มโทษสูงขึ้น ตามมาตรา 276 วรรคสอง ยังเป็นความผิดอันยอมความไม่ได้ ตามมาตรา 281
อนึ่ง สำหรับความผิดทางเพศที่ได้กล่าวไว้นี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความผิดในลักษณะ 9ความผิดเกี่ยวกับเพศ ซึ่งในครั้งต่อไปผู้เขียนก็จะนำเรื่องในลักษณะนี้มาเขียนลงอีกครั้งหนึ่ง
โดย รุ่งโรจน์ วิเศษชาติ
http://www.nitithanakij.com/Notary-31.html
แสดงความคิดเห็น
(18+) น้องสาวจะโดนรุม
น้องสาวเรากำลังเรียนปี3ค่ะ น้องเราหน้าคมสวย อกตู้มๆ แต่งตัวเปรี้ยวแต่ไม่โชว์นะค่ะ (แต่คนอกใหญ่ใส่ปิดแค่ไหนก็ดูออกเนอะ)
เพื่อนๆหรือรุ่นพี่รุ่นน้องที่มหาลัยก็คงแอบชอบไม่น้อย จนตอนนี้เค้ามีแฟนค่ะเรียนมหาลัยเดียวกันแต่คนละคณะอยู่ปี4
เรื่องมีอยู่ว่าแฟนของน้องสาวเราชวนไปเที่ยวดูหมอกบนเขากางเต้นนอน ก็ขับรถไปกันมีเพื่อนแฟนเขาที่เป็นผู้ชายประมาณ 6-7 คน
บางคนมีแฟนแล้วบางคนโสด ส่วนเพื่อนผู้หญิงของน้องเราก็ 4-5 คน ไปกันสนุกสนานดูหมอกกางเต้นนอนตามปกติ พอลงจากเขาก็หาที่ดื่มกัน
น้องสาวเราก็ดื่มแต่น้องเราเป็นคนเมาง่ายมากๆกินปุ๊ปตัวจะแดงแป๊ดด ทุกคนก็เมาขับรุกลับกันไม่ไหวเลยหาที่พักกัรเป็นรีสอร์ท
พอถึงเวาลานอนน้องเราก็นอนกับแฟนน้องเรา ส่นเพื่อนผช.ก็นอนอีกห้องคนมีแฟนก็นอนกับแฟน น้องเราบอกว่าก่อนนอนได้ไปว่ายน้ำที่สระน้ำของรีสอร์ท
และดื่มกันอีกนิดหน่อยแต่น้องเราไม่ได้ดื่มเพราะเมามากแล้ว เล่นน้ำกันเสร็นแฟนน้องเราก็พาน้องเราไปน้ำแล้วนอน น้องเราสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกว่า
เจ็บหน้าอกลืมตาขึ้นมาเพื่อนแฟนคลึงหน้าอกอยู่ อีอีกคนกำลังจะสอดใส่ (หรือมีใครใส่ไปแล้วก็ไม่รู้) มีประมาณ 4 คนน้องเราเห็นแบบนั้นก็โวยวายทำแบบนี้ทำไมแฟนน้องเราก็ขำ
พวกผช.ก็ไม่สนใจพยายามล็อคตัว น้องเราเลยกรี๊ดแตกเพื่อนๆก็มตะโกนถามเป็นไรพวกผช.ก็ตกใจที่มีคนตื่นมาดูเลยรีบแต่งตัวแล้วบังคับให้น้องบอกว่าไม่มีอะไร
(อีแฟนตัวดีชี้หน้าประมาณว่าถ้าไม่พูดเจอดี) น้องเราก็กลัวเลยบอกเพื่อนว่าไม่มีอะไรเพราะผช.เยอะกลัวโดนทำร้ายพวกผช.ก็รอเพื่อนคนนั้นไปแล้วหนีกลับห้องเพระกลัวว่าจะมีคนมาอีกแล้วมีผช.คนนึงพูดกับอีแฟนตัวดีว่าไว้รอบหน้ามาสนุกกันใหม่นะไอเอ (นามสมมุติ) ไอเอมันก็โอเคแล้วก็ขำ น้องเรารีบใส่เสื้อผ้าแต่งตัวเก็บของกลับกทม. (รถขับมา2คันคันนึงของน้องสาวเรา) ไอเอมันก็บอกว่าจะไหนเพื่อนกออูยังไม่ทันสนุกเลย น้องเราก็ร้องไห้เพราะไม่รู้ว่าโดนไปแล้วหรือยัง เก็บของเสร็จน้องเราไปตามเพื่อนกลับกทม.และเล่าให้เพื่อนฟังเพื่อนน้องเราบอกว่าจะพารุ่นพี่ไปรุมทำร้ายพวกมัน น้องเราดลับมาเล่าให้ฟังเราตกใจมากจะพาไปแจ้งความน้องเราก็ไม่ไปบอกว่าเรียนที่เดียวกันกลัวโดนทำร้ายหรือขู่เข็นให้ไปโดนพวกมันอีก เราก็ไม่รู้จะทำไงตกใจมากคิดอะไรไม่ออกยิ่งเรียนทีเดียวกันเจอหน้ากันทุกวันด้วยไม่รู้มันจะทำอีกไหม
อยากให้ทุกคนช่วยคิดเราจะแก้ปัญหานี้ยังไงดี
ปล.เป็นเรื่องจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับน้องสาวเรา