ปัญหาการคลุมฮิญาบของผู้หญิงมุสลิมกับการรับเข้าทำงานขององค์กรต่างๆ ในประเทศไทย

อัสลามมุอะลัยกุมฯ ขอความสันติสุขมีแด่ผู้ใช้งานพันทิพทุกท่านครับ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่ผมโพสต์เกือบยาวครับ ผิดพลาดประการใด ขอมาอัฟ (ขออภัย) มา ณ ที่นี้ด้วยครับ

ผมเป็นมุสลิมธรรมดาๆ คนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในจังหวัดทางใต้ของประเทศไทย เหตุการณ์ที่ผมประสบพบเจอเมื่อเร็วๆ นี้ ทำให้ผมคิดว่านี่คือปัญหาที่เกิดขึ้นจากนโยบายที่บกพร่องของผู้บริหารองค์กรหรือการขาดวิสัยทัศน์ส่วนตัวของคนที่ทำงานในตำแหน่งที่มีหน้าที่เพื่อคัดเลือกบุคลากรให้กับองค์กร

เหตุการณ์มีอยู่ว่า น้องผู้หญิงคนนึงที่ผมรู้จัก เพิ่งเรียนจบจากมหาลัยของรัฐ เธอเป็นผู้หญิงมุสลิมที่ดี แต่งตัวมิดชิด ปกปิดร่างกาย (เอารัต) คลุมฮิญาบตามหลักการของศาสนา น่ารักสดใสตามวัย ได้สมัครเข้าทำงานที่บริษัทแปรรูปอาหารทะเล ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่ ผลิดสินค้าส่งออกไปหลายประเทศทั่วโลก ผลิดภัณฑ์ของบริษัทผ่านมาตรฐานได้รับเครื่องหมายฮาลาล ที่รับรองว่ามุสลิมทั่วโลกสามารถรับประทานได้

ตำแหน่งงานที่น้องสมัครคือตำแหน่งประชาสัมพันธ์ครับ วันนึงมีโทรศัพท์โทรนัดเพื่อสัมภาษณ์ น้องได้ถามคำถามนึงที่ไม่น่าจะเป็นคำถาม เพราะมันไม่ใช่ประเด็นหรือตัววัดประสิทธิภาพหรือประสิทธิผลในการทำงานเลย และคำตอบที่คาดหวังว่าจะได้รับก็ต้องเผื่อใจ 50/50 คำถามที่ว่าคือ “คลุมฮิญาบทำงานได้มั้ยค่ะ” และคำตอบที่ได้คือ “ไม่ได้ค่ะ” น้องถามหาเหตุผล เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลตอบกลับมาประมาณว่า ตำแหน่งเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ บางครั้งต้องออกบูธแนะนำสินค้า ถ้าเป็นงานออกบูธที่เกี่ยวเทศกาลอาหารฮาลาล ใส่ฮิญาบได้ แต่ถ้าเป็นงานอื่น ไม่ให้ใส่ฮิญาบ ใส่ไม่ได้ โดยบอกเหตุผลว่า "ไม่เหมาะสม”

นี่เป็นหนึ่งในหลายๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงมุสลิมในการสมัครเข้าทำงานในบริษัทหรือองค์กรต่างๆ ที่ไม่ใช่แค่บริษัทแปรรูปอาหารทะเล แม้แต่ธนาคาร (ที่ไม่ใช่ธนาคารอิสลาม) โรงพยาบาลหรือองค์กรรัฐบางแห่งกีดกันผู้หญิงมุสลิมโดยอ้างเหตุผลเพียงเพราะเธอคลุมฮิญาบ ผมอยากถามทุกท่านในพันทิพ 2 ข้อ:
ข้อแรก - การคลุมฮิญาบทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของผู้หญิงมุสลิมลดลง?
ข้อสอง - เรากำลังเข้าสู่ประชาคมอาเซียนที่ประกอบไปด้วยประเทศต่างๆ 10 ประเทศในปลายปีหน้า ประชากรทั้ง 10 ประเทศรวมกันประมาณ 605 ล้านคน เป็นประชากรมุสลิมประมาณ 240 ล้านคนหรือประมาณร้อยละ 40 (อ้างอิง ศ.ดร. เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ http://www.kriengsak.com/thailand-after-the-asean-community-2) นโยบายที่เหมาะสมเพื่อรองรับประชากรมุสลิมของประชาคมอาเซียนควรเป็นอย่างไร?

บางคนอาจจะแย้งว่าตำแหน่งเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ เน้นการแต่งตัว หน้าตา เพื่อดึงดูดลูกค้า แต่ผมอยากจะแย้งและถามว่ามาตรฐานการแต่งกายเพื่อประชาสัมพันธ์องค์กรหรือสินเค้าควรเป็นอย่างไร?

อย่าริดรอนหรือจำกัดสิทธิเพียงเพราะการแต่งกายของผู้หญิงมุสลิมอีกต่อไปเลยครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
คุณจะมาเรียกร้องอะไรมากมายครับ ที่นี่เมืองไทย แล้วอีกอย่าง ผมว่าเรื่องนี้ไม่เห็นจำเป็นต้องอธิบายนะ มันไม่ได้เกี่ยวกับประสิทธิภาพการทำงานหรอกคุณ แต่มันเกี่ยวกับภาพลักษณ์บริษัท เพราะการเป็นประชาสัมพันธ์นั้นจะต้องอาศัยหน้าตา รูปร่าง ให้กับลูกค้า องค์กรต่าง ๆ ถ้าคุณถามอีกว่าแล้วการคลุมฮิญาบมันผิดตรงไหน มันทำให้องค์กรมองดูแย่อย่างไร คำตอบมันอยู่ที่ระบบ mindset ของคนในประเทศนี้ ประเทศที่นับถือศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ แล้วคนที่คลุมฮิญาบมันคือส่วนน้อยของสังคม แล้วก็เป็นสังคมที่ถูกมองว่าก่อการร้าย

ถามกลับนะครับ ทำไมบริษัทจะต้องมาแบกรับภาระในการที่จะยินยอมให้เพื่อนคุณหรือน้องคุณทำอะไรที่ไม่เหมือนชาวบ้าน ชาวช่องเค้าทำกัน เพราะประชาสัมพันธ์ที่บริษัทอื่น เค้าก็ไม่ได้คลุมฮิญาบ

อีกข้อ ทำไมคนอิสลามไม่สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ ทำไมจะต้องทำอะไรที่มันแตกต่างจากคนทั่วไป

ถ้าอยากทำงาน คุณก็ต้องรับเงื่อนไขเค้าให้ได้ครับ ที่นี่ประเทศไทย มันไม่ใช่การริดรอนสิทธิ์อะไรทั้งนั้น แต่มันคือสิ่งที่นักประชาสัมพันธ์ในหลาย ๆ บริษัทของเมืองไทย ไม่ทำกัน

เอาง่าย ๆ แค่คำทักทายของคุณ มันก็ดูแตกต่างจากคนธรรมดา ๆ ทั่วไปในสังคมนี้แล้วครับ คุณไม่ควรจะถามหาสิทธิอะไรทั้งนั้น ในเมื่อศาสนาคุณสอนให้คุณต่างจากคนอื่น
ความคิดเห็นที่ 51
คำถามนี้ สำหรับเราคำตอบเดียวกัน ถ้าเกิดมีคนที่บุคลิกภาพไม่เหมาะกับอาชีพนั้นๆ เราเป็นเจ้าของเราก็ไม่รับ ถึงแม้จะไม่ขัดต่อการทำงานก็ตาม
ยกตัอย่างเช่น
- เป็นทอม ไม่ใส่กระโปรงเด็ดขาด ไม่แต่งหน้า แต่พูดเก่ง ขายเก่ง อยากเป็น AE หรืออยากเป็นประขาสัมพันธ์ หรือเป็น MC
- เป็นสาวประเภทสอง อยากเป็นพยาบาล อันที่จริงแรงเยอะกว่าพยาบาลผู้หญิงอีก แต่ทำไมจึงไม่มีพยาบาลสาวประเภทสอง?
- อ้วน อยากเป็นแอร์ ใจรักบริการ พูดภาษาได้หลากหลาย แม้จะอ้วนแต่เคลื่อนไหวคล่องแคล่วกระฉับกระเฉง เดินผ่านแถวเครื่องบินได้เร็วเท่ากับแอร์ทั่วๆไป ตรวจร่างกายแล้วผ่านเกณฑ์ แต่ทำไมเราถึงไม่เคยเห็นคนอ้วนเป็นแอร์
- นับถือศาสนาที่ห้ามโกนหนวด ห้ามตัดผม แต่รักเด็ก จบจิตวิทยาเด็กเล็ก อยากเป็นครูสอนเด็กอนุบาล

เรามองว่ากรณีสตรีมุสลิมก็เข้าข่ายกรณีเดียวๆกันกับที่เรายกตัวอย่างไป
นั่นคือ ไม่มีใครจำกัดศาสนาคุณ ไม่มีใครจำกัดตัวตนคุณ แต่บางครั้งตัวตนคุณก็ไม่เข้ากับสิ่งที่บริษัทต้องการ
ถ้าคุณเปลี่ยนได้ (ให้ทอมใส่กระโปรง แต่งหน้าทาปากแล้วจะรับเข้าทำงาน, ให้คนอ้วนไปลดน้ำหนัก, ให้คนที่นับถือศาสนาที่ห้ามตัดผมไปตัดผม) ถ้าทำได้จะรับเข้าทำงาน มันก็มีสองช้อยส์ละว่า จะเปลี่ยนตัวเองให้เข้าเกณฑ์ หรือ จะเดินออกมา ไปหาที่ที่เหมาะสมกับเรามากกว่านี้
แต่ฝ่ายตัวเราก็คงเรียกร้องอะไรไม่ได้ ว่าทำไมกีดกัน ปิดกั้น ทั้งที่ฉันคุณสมบัติตรงทุกอย่าง

ส่วนที่ว่า ถ้าไม่เอาคนสวมผ้าคลุมทำไมไม่บอกตั้งแต่ประกาศรับสมัคร
คือในใบประกาศรับสมัครงานเขาคงมาเขียนระบุทุกอย่างไม่ได้นะคะ ไม่รับคนเตี้ย / ไม่รับทอม / ไม่รับกะเทยแต่งหญิง / ไม่รับคนอ้วน / ไม่รับคนหน้าสิวเห่อ ฯลฯ การสมัครงานมันไม่ใช่แค่คุณสมบัติพร้อมแล้วเขาจะรับนิ่คะ
เราขอถาม จขกท กลับว่า
หากมีคนรู้จักจขกท เป็นทอมแต่อยากสมัครงานประชาสัมพันธ์นี้เหมือนกัน แต่เขาไม่รับ นอกจากต้องไปแต่วตัวตามเพศสภาพมาจึงจะรับ
คุณจะตอบน้องเขาว่ายังไง หากมีคนไว้หนวดเครารก ผมยาวเฟื้อยเพราะมีความจำเป็นที่ตัดไม่ได้อยากเป็นครูอนุบาล แต่โดนปฏิเสธนอกเสียจากให้ไปตัดมาให้เรียบร้อย คุณจะให้คำแนะนำว่าอย่างไร หากมีคนอ้วนสมัครตำแหน่งที่ต้องใช้หน้าตา คุณจะแนะนำอย่างไร
หรือการที่บริษัทปฏิเสธพวกเขา เพราะเหยียดเพศ / เหยียดศาสนา / เหยียดสังขาร?

มันไม่เกี่ยวกับที่นี่ประเทศไทยแล้วคนไทยพุทธจะกีดกันคนไทยมุสลิมหรอกค่ะ
สมาชิกบางคนกรุณาอย่าทำนิสัยแบบ เถียงไม่ได้แล้วด่าว่า "ใช่ซี้ ฉันมันมุสลิม ฉันมันชนชั้นสองของประเทศนี้" เลยนะคะ ทำให้คนเกลียดกันเปล่าๆ
ความคิดเห็นที่ 41
อัสสลามมุอลัยกุมครับ
ถึงท่านสมาชิกหมายเลข 1960767
ด้วยความเคารพนะครับพี่ไม่จำเป็นต้องเถียงมากมายขนาดนี้ก็ได้นะครับ
บางคนที่เค้านำเสนอเหตุผล และเปิดใจคุยด้วยดีๆแล้วก็ควรเปิดใจ และคุยด้วยดีๆครับไม่ใช่เพียงแต่จะว่าๆพวกเค้าเหล่านั้นไม่เข้าใจ ประเด็นแบ่งแยกมันก็มีทุกที่ในโลกนั่นแหละครับ แต่ประเทศไทยเราก็ถือว่าน้อยมากแล้ว
พวกเราเองก็รู้จักเนื้อหาของศาสนาอื่นๆที่ต่างจากเราแค่น้อยนิดเท่านั้นเอง ส่วนใครที่เค้ามีแง่ลบก็พยายามปรับเท่าที่ปรับได้ ไม่ใช่จะสร้างภาพลบเพิ่มเสียเอง ในบางทีเงียบๆก็ดีกว่า ผมไม่คิดว่าการที่ท่านไม่หยุดจะเป็นผลดีต่อมุมมอง หรือแง่คิดต่อศาสนาแต่อย่างใด

من يهده الله فلا مضل له ومن يضلل فلا هادي له‏

ปล ความเห็นส่วนตัวครับ
วัสสลาม
ความคิดเห็นที่ 11
แล้วแต่งตัวแบบนี้ ก็ไม่มีผลต่อการทำงานเหมือนกันใช่ไหมครับ
แล้วแบบนี้ให้มาทำตำแหน่งประชาสัมพันธ์หรือคนขายของหน้าร้านก็สามารถเหมือนกันไหม


แล้วถ้ามีคนนับถือศาสนาหรือลัทธิแปลกเช่น ต้องเป็นชีเปลือย หรือห้ามอาบน้ำ หรือห้ามตัดหนวดเครา
หรือห้ามใส่เสื้อสีดำ แบบนี้ก็ไม่มีผลต่อการทำงานเหมือนกัน บริษัทก็ต้องยอมให้ใช่ไหมครับ
ความคิดเห็นที่ 4
การแต่งกายรวมถึงรูปลักษณ์ภายนอกคงไม่ได้เป็นตัวบอกว่าประสิทธิภาพในการทำงานลดลง  แต่รูปลักษณ์และภาพพจน์เปลี่ยนแน่   เรื่องนี้ไม่ได้เป็นปัญหาเฉพาะฮิยาญหรอก  ถ้าติดตามกระทู้ในพันทิพ   เรื่องรอยสักก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่มีกระทู้มาเป็นระยะ ๆ   หลายบริษัทและหน่วยงานรัฐไม่รับคนมีรอยสัก  ทั้ง ๆ การมีรอยสักก็ไม่ได้เป็นตัวบอกว่าประสิทธิภาพการทำงานจะลดลง   ที่น่าแปลกใจกว่านั้น  รอยสักอยู่คู่กับคนไทยมาแต่โบราณเลยด้วยซ้ำ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่