คุณมีการจัดโปรโมชั่นอย่างไร ให้ลูกค้ากลับมาซื้ออีก?

เราขายเสื้อผ้าเด็กมือสอง  ที่โคราชคะ  ซึ่งปกติเราก็ขายได้อยู่แล้ว แต่อยากให้ลูกค้าติดใจและอยากกลับมาซื้ออีก โดยที่ร้านจะมีแถมตามจำนวนที่ซื้อ (แยกไว้สำหรับแถมโดยเฉพาะคะ) ราคาเราก็ค่อนข้างถูกกว่า คือ ตัวละ 50 บาท ร้านอื่นเขาจะขายกันตัวละ 100-150 บาท อันนี้ต้นทุนเราน่าจะถูกกว่าเขาคะ เพราะเราซื้อประจำและขายเจ้าแรกๆเลย
    ขอคำแนะนำจากผู้มีความรู้  หรือ ผู้ที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจของตัวเองคะ

    ***เราอายุ 21 ปี กำลังเรียนอยู่คะ  หาเงินเรียนเอง ประสบการณ์น้อย ขอบคุณทุกความคิดเห็นคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
"ตามสภาพการเติบโตของเด็ก ไม่ว่าจะในแต่ละวัย มันก็ต้อง มีการโตเร็ว-ช้า เป็นปกติและเป็นเรื่องธรรมชาติ เว้นแต่กลุ่มโตช้านั่นอีก กรณี ข้อนี้ตัดออกไปก่อนเพราะพบใด้น้อย พอโตแล้วเสื้อผ้าก็ต้องเปลี่ยน!"

เมื่อเข้าใจธรรมชาติของ เด็กแล้วว่าเป็นยังไง เราก็มามองที่สินค้าของเรา
1.สินค้า เป็น ประเภทเสื้อผ้าเด็ก (มือสอง)
2.สินค้า มือสองถ้ามีการขายต่ออีกทอดยังไงก็ เเปะป้ายว่ามือสองอยู่ดี (นี่ละจุดสำคัญ) คงไม่มีใครเอาไปขายต่อแล้วบอกว่ามือ 2-3-4-5 แน่นอนไม่ยังงันแล้ว ไม่มีใครชื้อ
3.ยังไงตัวสินค้าถ้าจะ วน กลับมาอยู่ในมือผู้ขาย ก็ต้องมีคุณภาพและสภาพดีเยี่ยมเหมือนเดิม ถึงจะสามารถรับชื้อและ นำไปขายต่อใด้ (กรณี นี้ไ ม่ ใด้คิดจากที่เราไปรับชื้อมาจากจุดจำหน่ายนะครับ)

เมื่อเราเข้าใจในตัวสิ้นค้า เรียบร้อยแล้ว ก็มา กำหนดจุดเป้าหมายที่ต้องการครับ
หัวข้อ : "จัดโปรโมชั่นอย่างไร ให้ลูกค้ากลับมาซื้ออีก?"
1. เมื่อลูกค้าชื้อสินค้าไปแล้ว สามารถนำสินค้าใน สภาพดี กลับมาที่ร้านเพื่อแลกชื้อสินค้าตัวใหม่ใด้ โดยไม่ จำกัด ขนาด และ ไชน์  (ราคาแลกชื้อประเมินจากสภาพสินค้าและตัวสิ้นค้าที่จะแลกเปลี่ยน) อาจมีเพิ่มเงินอีกเล็กน้อย

2. เมื่อลูกค้า ไม่ต้องการใช้สินค้าแล้ว ทางร้านยินดี รับชื้อสินค้าคืนในราคา ... ตรงนี้ผู้จำหน่ายต้องตัดราคาสิ้นค้าลงมาหน่อยนะครับ จะรับชื้อเท่าเดิมคงต้องขาดทุนตอน นำมาขายอีกรอบ (สินค้าต้องสภาพดีเหมือนเดิมหรือพอที่จะนำไปทำความสะอาดแล้ววางขายใด้อีกรอบ)

3.ประเภทมีลดราคา ตามเทศกาล หรือ ช่วงสำคัญๆ ตามใจผู้จำหน่ายสินค้า และ อาจจะลดให้ในนามลูกค้าประจำ และลดราคาในจำนวนการชื้อทีละมากๆ ก็ใด้นะครับ หลักการนี้ยังจำเป็นต้องใช้เพื่อดึงลูกค้ากลับมาใช้บริการอีกครั้ง

ใด้อะไรจากแนวทางนี้ มีผลดี ผลเสีย ยังไง กำไร แน่หรือ
1.อย่างที่เข้าใจว่าเด็กสมัยนี้โตเร็ว และแน่นอนก็ต้องเปลี่ยน ขนาดของเสื้อผ้าไปตามวัย ถ้าเรารับชื้อสิ้นค้า สภาพดีคืนจากลูกค้าใด้ ลูกค้าก็จะกลับมาชื้อสินค้าเราอีกครั้ง เพราะพ่อ-แม่ เด็กสมัยใหม่ถ้าเป็นระดับ ฐานะปานกลาง หรือ อื่นๆ เขาจะใช้บริการประเภทนี้แน่นอนเพราะชื้อให้เด็กใส่ไปตามวัย สดวกและง่าย และไม่มีเสื้อผ้าเก่าๆรกบ้าน เดียวเด็กโตหน่อยเลือกชื้อเองใด้ เก็บเงินชื้อเองใด้ ถึงจุดนั้นคือลูกค้าหลุดวงโคจรไปแล้ว แต่ก็นาน และ ยังมีเด็กรุ่นใหม่โตมาเรื่อยๆ

2สินค้า ถ้าหากมัน วนมาหลายๆรอบแล้วผู้จำหน่ายจดจำมันใด้ ในครั้งต่อไปอาจจะ แยกไปเป็นของแถมก็ใด้นะครับ หรือขายโละราคา ต่ำ ก็ทำใด้ ไม่น่าจะขาดทุนอะไร ลดต้นทุนการ เพิ่มจำนวนสินค้าไปในตัวและ นำทุนไปชื้อสินค้ารูปแบบใหม่ใด้มากกว่า ชื้อของเดิมๆมาทดแทนของที่ขายไป

3.ขอดีคือ ใด้ลูกค้ากลับมาใช้บริการ ข้อเสียคือถ้าจัดการไม่ดีอาจจะเจอลูกค้าดื้อด้านปัญหาจัดก็ใด้นะครับ ข้อนี้สำคัญควรมีการจดบันทึกและ เก็บข้อมูลสินค้าที่ถูกวนกลับมาด้วยครับ เมื่อถึงเวลาที่จะคัดโละของเก่า ก็จะใด้กำจัดถูกจุด

4.เป็นกำไร แน่นอนครับ ไม่ว่าจะ นำเก่ามาแลกชื้อ และยังไง ลูกค้าก็ต้องชื้อชิ้นใหม่อยู่ดีครับ ถ้าสิ้นค้าแลกชื้อมีคุณภาพดีๆ ไม่มีติดมือมาในจำนวนที่มาก เพราะยังไงของชื้อไปก็ต้องถูกใช้งานแต่ลุกค้าอยากใช้สิทธิ์นี้ก็คงต้องพยามกันหน่อยละครับ ในการดูเเล เสื้อผ้าให้กับลูกๆของเขา ถ้าเขาต้องการประยัดนะครับ

5 อีกปัญหาหลักที่ผู้จำหน่ายต้องไปนั่งคิดต่อจากนี้คือ การกำหนดราคา รับชื้อคืน และแลกชื้อ เพื่อเทียบราคาจ่ายในตัวสินค้าใหม่ นะครับ อันนี้จะว่าง่ายก็ง่าย จะยากก็ยากนะครับ ระวังให้ดีๆ


สู้ๆนะครับ คุณ จ ข ก ท
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่