[บทความ] สวีหยุนลี่ : ความมุ่งมั่นตั้งใจมีมากเท่าไรก็มีความเข้มแข็งมากเท่านั้น

กระทู้ข่าว
ชิงแชมป์โลกผ่านไปแล้วหนึ่งเดือน  ข้อเท้าซ้ายของสวีหยุนลี่ที่ได้รับบาดเจ็บจากการแข่งขันยังคงมีอาการบวมคล้ำอยู่บ้าง  

“กลับมาก็ไปทำการตรวจเช็ค พบว่าเอ็นข้อเท้าซ้ายขาดไป 1 เส้น คุณหมอให้ฉันพักรักษาตัว ตอนนี้ดีแล้ว  เท้าของฉันทั้งซ้ายและขวาในที่สุดก็ได้สมดุลกันแล้ว”  

สวีหยุนลี่หัวเราะสดใสพร้อมกับทำมือแสดงท่าบาลานซ์    เมื่อ 7 ปีก่อน สวีหยุนลี่เอ็นข้อเท้าขวาขาดระหว่างการแข่งขันลีกจีน  และเดือนที่แล้วชิงแชมป์โลกที่อิตาลีก็มาเจ็บที่ข้อเท้าซ้ายเข้าให้อีก  

ในรายการชิงแชมป์โลกรอบ 6 ทีม  สวีหยุนลี่นึกถึงชัยชนะครานั้นที่ต้องแลกมากับการบาดเจ็บ  การขึ้นบล็อกในจังหวะนั้น  ชัยชนะที่ได้ในนัดนั้น  หรือว่านี่คือเส้นทางที่ผ่านไปสู่หลักชัย  



ฉากย้อนหลัง

9 ต.ค.2014   มิลาน

ทีมจีนเข้ารอบ 6 ทีมในศึกชิงแชมป์โลก ลงแข่งนัดที่ 2 พบกับทีมโดมินิกัน  ก่อนหน้านั้นทีมจีนเพิ่งแพ้บราซิลไป 3-0 เซ็ต  และเมื่อคิดไปถึงนัดสุดท้ายที่บราซิลพบกับโดมินิกันแล้ว  การที่จีนจะเข้ารอบ 4 ทีมสุดท้ายโดยไม่ต้องไปพึ่งจมูกใคร  จำต้องชนะโดมินิกัน 3-0 หรือไม่ก็ 3-1 เซ็ต  ไม่เช่นนั้นแล้วก็ต้องมาดูผลคู่บราซิลกับโดมินิกัน

และที่น่าใจหายก็คือทีมจีนไม่ได้เป็นไปอย่างที่ทุกคนคาดคิดไว้  แพ้ไป 2 เซ็ตแรก  พาตัวเองไปยืนอยู่ตรงปากเหว   เซ็ต 3  นักข่าวภาคสนามพูดขึ้นว่า  เวลาแห่งการสิ้นหวังของทีมจีนในชิงแชมป์โลกหนนี้ได้มาถึงแล้ว  


ความจริงนัดนั้นตั้งแต่ต้นจนจบเราไม่เคยรู้สึกว่าจะสิ้นหวัง  อาจเป็นเพราะเราได้เตรียมพร้อมมาอย่างดีสำหรับการที่ต้องเจอกับอุปสรรค  แม้ว่าเส้นทางจะไม่ราบรื่น  แต่ทุกคนก็ยังมีสมาธิอยู่กับเกม  ตอนที่โค้ชหลางขอเวลานอก พวกเราต่างก็พูดให้กำลังใจกันต้องไม่ท้อไม่ยอมแพ้   ถ้าตอนนี้ทำไม่ได้ก็จะไม่มีโอกาสอีกแล้ว  ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง  ให้สู้กันเก็บไปทีละแต้มๆ


ก่อนแข่งเราต่างรู้สถานการณ์ดีว่าผลแพ้ชนะมีผลต่อการเข้ารอบ   ในการประชุมเตรียมแผนก่อนแข่ง แม้โค้ชหลางจะไม่ได้เอ่ยถึง  แต่พวกเราต่างรู้ชัดแก่ใจดี  ขอเพียงเราเก็บให้ได้ 3 แต้มโอกาสเข้ารอบก็อยู่ในมือเรา

ทีมของเรามีความเคยชินอยู่อย่างหนึ่ง   ก่อนลงแข่งในแต่ละนัด     ผู้เล่นจะมาพูดคุยกัน    เอาปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในการแข่งขันมาถกกัน  อย่างสมมติว่าเมื่อลงไปเล่นแล้วเราเกิดแต้มตามหลังจะต้องทำยังไง?  ถ้าเซ็ตแรกแพ้เราจะทำยังไง?  ทุกคนก็ช่วยเสนอวิธีรับมือ

ในวันนั้นฉัน เว่ยชิวเย่วกับเสี่ยวฮุ่ยต่างก็พูดว่า ไม่ว่าเราจะเล่นเป็นยังไง? คู่ต่อสู้สร้างความกดดันให้เรามากแค่ไหน?  ขอให้ทุกคนมีสมาธิในทุกๆลูก  ถึงแม้ว่าเริ่มต้นเซ็ตมาแต้มเราจะตามหลังก็ไม่ต้องกลัว  ขอเพียงทุกคนไม่ถอดใจ สู้ไม่ถอย   ต้องมีโอกาสสำหรับเราแน่นอน  

พวกเรายังพูดอีกว่าถ้าเริ่มต้นเซ็ตไม่ดี ก็อย่ามัวไปคิดถึงแต่ผลลัพธ์ที่ไม่ดี  ต้องให้กำลังใจกัน  ต้องช่วยกันเล่น  พวกเราในฐานะผู้เล่นเก่าอาวุโสต้องรับผิดชอบให้มาก  ให้รุ่นน้องรู้สึกเล่นกันได้ไม่เกร็ง   แน่นอนว่าเรื่องที่พูดกันจะมีรายละเอียดมากกว่านี้  เช่น เรื่องการเข้าขากันระหว่างมือเซ็ตกับมือตบ  ถ้าเกิดการประสานงานกันได้ไม่ดี   เราจะต้องแก้ไขกันยังไง?  

นัดนั้นพวกเรารู้สึกว่าเตรียมพร้อมกันมาดี   แต่เกมการแข่งขันก็เป็นอย่างนี้แหละ !   เตรียมพร้อมมาดีแล้ว   แต่พอแข่งจริงก็ยังต้องมีปรับตัว  วันนั้นเริ่มต้นมาเราเล่นกันค่อนข้างเกร็ง   2-3 ลูกแรกเล่นกันได้ไม่ดี   ยังสับสนกันอยู่  กลัวว่าแพ้ขึ้นมาจะทำยังไง?   สภาพจิตใจกดดัน   ส่งผลถึงฟอร์มการเล่น   รู้สึกว่าเล่นไม่ได้ดังใจ  ผลก็คือแพ้ไป 2 เซ็ตแรก  โอกาสในมือกำลังหลุดลอยไป

หลังจบเซ็ต 2   พวกเราต่างช่วยพูดเตือนสติกัน  ที่ผ่านมาแล้วก็ให้ผ่านไป   เรายังมีโอกาสอยู่    สู้กันอีกสักตั้ง !!    ถ้าไม่สู้ก็ไม่มีโอกาสอีกแล้ว  เซ็ต 3  สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเอาความฮึกเหิมใจสู้กลับคืนมา  อย่าปล่อยให้คู่ต่อสู้เป็นฝ่ายที่คุมเกมกดดันเรา   แต่พอลงสนามไปเราก็ยังเป็นฝ่ายตามหลัง  แต่ทุกคนจิตใจเริ่มที่จะค่อยๆนิ่งกันแล้ว เริ่มตั้งสติกันได้  จนมาถึงครึ่งหลังของเซ็ต 3  พวกเรารู้สึกว่าเริ่มปล่อยฝีมือออกมากันได้แล้ว  ตอนนั้นฉันบอกกับตัวเองว่าต้องยืนหยัดสู้ต่อไป



ฉากย้อนหลัง

จีน-โดมินิกัน เซ็ต 3   ต่างทำคะแนนไล่เบียดกันมาจนมาถึงช่วงเวลาสำคัญ  แต้มเซ็ตพ้อยซ์ 24-23 !!   สวีหยุนลี่กับฮุ่ยรั่วฉีกระโดดขึ้นบล็อกลูกตบตำแหน่ง 2 ของผู้เล่นโดมินิกันเบอร์ 17ได้  และขณะที่ทุกคนกำลังดีใจกับชัยชนะในเซ็ตนี้อยู่นั้น ก็พบว่าสวีหยุนลี่ล้มลงกับพื้น  


จังหวะนั้นคู่แข่งให้บอลไปที่ตำแหน่ง 2  ฉันอยู่กลางสนาม  แต่เพราะว่าต้องดูตำแหน่ง 4 ด้วย  ดังนั้นจึงโน้มไปทางตำแหน่ง 4   แต่พอเห็นว่าบอลให้ไปที่ตำแหน่ง 2   ฉันก็โผตามไปบล็อก  รู้สึกได้ว่ามือถูกลูกบอล  แต่จะบล็อกได้หรือเปล่าไม่แน่ใจ  และตอนจังหวะลงมารู้สึกเหมือนเหยียบเข้ากับอะไรสักอย่าง  และรู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นมาทันใด


เมื่อมาดูภาพช้าในภายหลัง  จึงรู้ว่าผู้เล่นโดมินิกันจังหวะที่ตบเสร็จแล้วกำลังจะลงพื้น ขาเธอได้ยื่นเข้ามา ขาซ้ายฉันจึงไปกระแทกขาเธอทำให้ตัวเองสูญเสียการทรงตัว

หลังจากนั้นก็มีหลายคนมาล้อมรอบตัว  ฉันเอามือกุมข้อเท้า   เปลสนามมาถึง  ได้ยินเสียงคนพูดลางเลือนว่าเปลี่ยนแดน  ตอนนั้นฉันถึงรู้ว่าบอลลูกนั้นฉันบล็อกได้สำเร็จ  เราชนะ !!  เรายังได้เล่นต่อเซ็ต 4  

ฉันถูกพามาที่ข้างสนาม  พยาบาลถอดเอารองเท้ากับอุปกรณ์ป้องกันออก  สักครู่  ฉันก็ได้ยินเสียงล่างล่าง เธอถามฉันว่ารู้สึกยังไงบ้าง?  ปลอบใจฉันว่าไม่ต้องเป็นห่วง  จะรีบส่งฉันไปโรงพยาบาลทันที  ความจริงฉันพอคาดเดาได้ว่าขาของตัวเองเป็นยังไง  เพราะก่อนที่จะลงถึงพื้นได้ยินเสียงข้อเท้าพลิก   ก็รู้ว่าคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ !!   เพราะเมื่อ 7 ปีก่อนก็เคยเกิดที่ขาขวา  เสียงที่ได้ยินคราวนี้มันเหมือนกับเมื่อ 7 ปีก่อน  

ต่อมารถพยาบาลก็มาถึง  ล่ามกับอาจารย์เจี่ยนเจ้าหน้าที่ติดตามของทีมเราก็ตามฉันไปที่โรงพยาบาล  ตอนถึงโรงพยาบาลอาการเจ็บปวดก็เริ่มทุเลาลงบ้างแล้ว  และนึกถึงเกมที่เรากำลังแข่งขันกันอยู่   ล่ามก็ช่วยฉันโทรศัพท์สอบถามไปที่สนามแข่ง  ได้ยินว่าเซ็ต 4  เราเป็นฝ่ายนำ   ฉันเชื่อมั่นว่าเราจะได้เล่นต่อไปถึงเซ็ตตัดสิน  และฝ่ายที่เป็นผู้หัวเราะทีหลังก็คือพวกเรา  เซ็ต 5 เราเฉือนชนะคู่แข่งไป 2 แต้ม  ได้ยินว่าหลังเกมพวกเราร้องลั่นดีใจกันยกใหญ่  หมอกับอาสาสมัครที่ดูแลฉันอยู่ต่างก็ร่วมแสดงความดีใจกับฉันด้วย

คืนนั้นสิ่งที่ฉันเสียดายมากที่สุดก็คือขณะที่ทุกคนพลิกเกมกลับมาชนะได้ ฉันไม่ได้อยู่ร่วมดีใจกับทุกคน ภายหลังเมื่อได้ดูภาพที่ทุกคนแสดงความดีใจ  ฉันแทบอยากจะเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในภาพเหล่านั้นซะจริงๆ  



ฉากย้อนหลัง

การพลิกกลับมาชนะโดมินิกัน 3-2 เซ็ต   มีความหมายอย่างมากสำหรับผู้เล่นดาวรุ่งอายุน้อย  แต่เมื่อพูดถึงเส้นทางในชิงแชมป์โลกหนนี้   ก่อนที่จะรู้ผลคู่บราซิลกับโดมินิกัน  ก็ต้องบอกว่าทีมจีนเรายังอยู่ในเส้นทาง  

10 ต.ค. 2014  ทีมจีนอยู่ที่มิลานได้พัก 1 วัน   ข้อเท้าซ้ายสวีหยุนลี่เริ่มบวมเป่ง  เคลื่อนไหวแต่ละทีเจ็บปวดมาก เธอได้แต่เล่นมือถือฆ่าเวลา



ทุกครั้งที่ได้รับบาดเจ็บเป็นเรื่องที่ทุกข์ทรมานมาก  จะเคลื่อนไหวไปไหนก็ไม่ได้  รู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้าง  ทำให้อดไม่ได้ที่จะคิดถึงบ้าน  

บ่ายวันนั้น   ทุกคนต่างออกไปฝึกซ้อมกันหมด  เหลือฉันอยู่ในห้องพักเพียงคนเดียว  ก็จะเริ่มรู้สึกทุกข์ใจขึ้นมาอีกแล้ว  เอาคลิปการบาดเจ็บของฉันส่งไปให้กลุ่มเพื่อนดู  แล้วตัวเองก็ถอนหายใจ  ฉันกับชิงแชมป์โลกคงต้องพูดลาก่อนไปกันแบบนี้

คิดไม่ถึงว่าเพื่อนร่วมทีมหลังจากซ้อมเสร็จกลับมาต่างก็เข้ามาหาพูดคุย  และคนที่ทำให้รู้สึกประทับใจที่สุดก็คือเว่ยชิวเย่วนั่นเอง   เธอบอกพวกเราจะสู้ไม่ถอย  ฉันตอบไปว่า แน่นอน  ฉันจะรอยืนบนแท่นรับเหรียญรางวัลกับทุกๆคนอยู่นะ  เพื่อนๆฉันหลายคนต่างก็อดถามฉันไม่ได้ว่าทำไมถึงได้มั่นใจขนาดนั้น?  เชื่อมั่นว่าทีมจะสามารถเข้าถึงรอบ 4 ทีมสุดท้าย  และเชื่ออีกว่าจะได้ติด 3 อันดับแรก ยืนบนแท่นรับเหรียญรางวัล


พวกเราเชื่อว่า ทีมบราซิลถ้าเล่นได้ตามฟอร์มปกติของตัวเอง  คงผ่านโดมินิกันไปได้  ยังไงเขาก็เป็นถึงแชมป์โอลิมปิก  และก็หวังมาคว้าแชมป์โลกคราวนี้ด้วย  พวกเขาคงไม่ประมาท

และก็เป็นจริงตามนั้น  แม้ว่าในรอบรองเราจะต้องเจอกับอิตาลีอีกครั้ง  แต่ฉันก็ยังเชื่อมั่นว่าเราจะชนะอิตาลีล้างตาได้สำเร็จ  ในรอบแบ่งกลุ่มแม้เราจะแพ้อิตาลีมา แต่หลังจากนั้นเราก็ตั้งใจค้นหาข้อบกพร่องของเรา  ทุกคนเห็นตรงกันว่า ไม่ใช่เป็นเพราะเทคนิคฝีมือสู้เขาไม่ได้  แต่เป็นเราที่กดดันตัวเองมากไป  ทำให้เล่นกันได้ไม่ละเอียดพอ  ขอเพียงเราเตรียมตัวดีๆ  เล่นให้ได้ตามมาตรฐานของตัวเอง  ความกดดันก็จะย้ายไปอยู่กับอิคาลี  และที่สุดชัยชนะก็จะตกเป็นของเรา

ตอนที่เตรียมตัวเล่นรอบรองกับอิตาลี  ฉันยิ่งเชื่อมั่นว่า  เราจะผ่านเจ้าภาพไปได้ เพราะทุกคนมุ่งมั่นเป็นหนึ่งเดียวกัน  สำหรับตัวฉันที่ได้รับบาดเจ็บไม่สามารถลงสนามได้  ที่ทำได้คือให้กำลังใจเพื่อนร่วมทีม  โดยเฉพาะหยวนซินเย่วที่ลงเล่นแทนฉัน  



*** ยังมีต่อ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่