สวัสดีค่ะ เรามีเรื่องกลุ้มใจค่ะ รู้สึกว่ารับไม่ได้กับเรื่องราวที่เกิดขึ้น อยากขอคำแนะนำจากเพื่อนๆในนี้ค่ะ
ลูกเราเรียนอยู่ที่คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ
สองเดือนก่อนลูกเราบอกว่าต้องสร้างไอดีไลน์ อาจารย์จะสั่งงานทางโปรแกรมไลน์ ให้สร้างไลน์กลุ่ม
เราโทรศัพท์ไปปรึกษาอาจารย์คนนั้นค่ะ บอกว่าครอบครัวเรายากจน ลูกเราไม่มีสมาร์ทโฟน
เราแก้ปัญหาหาทางลงไลน์ในคอมพ์ ซึ่งต้องแบ่งกันใช้ค่ะ คนสี่คนมีคอมพ์เก่าๆ สองตัว
อาจารย์คนนั้นบอกว่าใช้ไลน์เพื่อให้ลูกเราสื่อสารกับเพื่อนๆได้ ถ้ามีการเปลี่ยนแปลง มีข่าวสาร มีกิจกรรมต่างๆ
ก็จะแจ้งทางไลน์ และผมก็เข้าคลาสทุกครั้ง บอกเราว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะต้องถึงผู้ปกครอง ต้องมาขอสมาร์ทโฟนกับแม่
เราบอกว่าลูกเราไม่เคยมาขอ ลูกเรายังต้องขอทุนมหาวิทยาลัยเรียน ความเป็นอยู่ลำบาก
แค่เงินจะไปมหาวิทยาลัยก็ลำบากแล้ว ลูกมาขอให้ช่วยหาวิธีลงไลน์ในคอมพ์ให้
เราอธิบาย อาจารย์คนนั้นบอกว่า ผมเป็นอาจารย์ แม่ต้องพูดดีดีกับผมผมเป็นอาจารย์
เรื่องสมาร์ทโฟน ถ้าเด็กมาคุยผม ก็ซื้อให้ได้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ผมให้ทุนช่วยเด็กเยอะแยะ
เราเรียนอาจารย์คนนั้นว่า ลูกเราไม่ได้มาขอซื้อ เรารู้ก็โทรมาปรึกษากับอาจารย์ ไม่ใช่ต้องการสมาร์ทโฟน
แต่ถ้าลูกเราเข้าถึงการเรียนไม่ได้เพราะต้องมีไลน์ จะทำยังไง อาจารย์คนนั้นก็ยังยืนยันแบบเดิม
เราจึงบอกว่าเราจะไปขอพบเพื่อปรึกษาว่าถ้ามีเหตุการณ์แบบนี้ และลูกเรามีข้อจำกัด จะทำอย่างไร
อาจารย์คนนั้นบอกไม่ต้องมาพบ
ระหว่างนั้นเราได้ยินเสียงเหมือนมีคนเปิดประตูเข้ามาในโทรศัพท์
อาจารย์คนนั้น พูดกับคนอื่นทางโน้น แต่เสียงเข้ามา
เราได้ยินชัดเจนว่า อีเ_ี้ย มาถึงก็ฉอดๆด่า เด็กมันไปฟ้องแม่มันว่าอาจารย์บังคับให้ซื้อ
แล้วแม่มันก็มาฉอดๆ แล้วสายโทรศัพท์ก็ตัดไป
เราอึ้งค่ะ ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้ จากปากอาจารย์ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เราโทรกลับไปก็ไม่รับ
อีกพักนึงอาจารย์คนนั้นโทรกลับมาบอกว่าจะให้ยกเลิกเรื่องไลน์กลุ่ม แล้ววางหูไปเลย
หลังจากนั้นเราไปขอพบคณบดี คณะจิตรกรรมฯ มหาวิทยาลัยศิลปากร เจอรองคณบดีฝ่ายบริหาร
รองคณบดีฝ่ายบริหารฯบอกว่าเป็นผมก็รับไม่ได้ แนะนำให้เราทำจดหมายร้องเรียนคณบดี
เราทำจดหมายร้องเรียนไปที่คณบดี ผ่านไปเดือนกว่า เราโทรไปหารองคณบดีฯคนนั้น
เขาบอกว่าเรื่องถึงอธิการบดีแล้ว ถ้าอยากรู้ความคืบหน้าให้ไปถามอธิการบดีเอาเอง
เราไปพบอธิการบดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ตอนแรกทางเจ้าหน้าที่จะไม่ยอมให้เราพบ อ้างว่าติดประชุม เรารอจนเจอ
อธิการบดี และฝ่ายนิติการ คุยกับเรา อธิการบดี บอกว่า เรื่องนี้ผิดวินัย
แต่อาจารย์ก็หายาก จะลงโทษหรือทำอะไรก็ลำบากใจ เราบอกว่าได้ยินแบบนี้ก็ถอดใจแล้ว
อธิการบดีขอว่าจะทำหนังสือตักเตือนไปที่อาจารย์คนนั้น และมีสำเนาถึงเราหนึ่งฉบับ ขอให้เรากลับไปก่อน
หนังสือจะออกจากอธิการบดีโดยตรง
หลังจากนั้นอีกราวสามอาทิตย์
เราได้รับจดหมายจากคณบดี คณะจิตรกรรมฯ แจ้งว่าวันนั้นอาจารย์คนนั้นกำลังประชุมกับผู้ใต้บังคับบัญชา
และได้รับโทรศัพท์ คำพูดบางคำที่บังเอิญไม่เหมาะสม ไม่สุภาพ เป็นการพูดคุยกับผู้ใต้บังคับบัญชา
และอาจารย์คนนั้นประสงค์จะขอโทษที่เราที่ได้ยินคำนั้น จะโทรศัพท์มาขอโทษเราด้วยตัวเอง
อาทิตย์ต่อมา เราส่งEMSถึงอธิการบดี ทวงถามข้อตกลงที่บอกเราไว้
อีกสามวัน อาจารย์คนนั้นโทรมาบอกว่าไม่สบายใจ อยากให้เรารับคำขอโทษ เราจะรับคำขอโทษมั๊ย เราไม่ได้พูดอะไร
อีกสี่วัน มีจดหมายจากอธิการบดี ว่าได้ส่งเรื่องร้องเรียนเราไปกองนิติการฯ
กองนิติการฯเสนอให้ส่งกลับไปคณะจิตรกรรมฯ ว่าเป็นเรื่องการจัดการการเรียนการสอน ภายในคณะ คณบดีต้องเป็นผู้ชี้แจง
ถ้าไม่ดำเนินการ อธิการบดีจะต้องดำเนินการ คณบดีติดภารกิจไปราชการต่างประเทศบ่อย เจรจาจึงล่าช้า
อธิการบดีได้ทวงถามหลายครั้งแล้ว และได้เชิญอาจารย์คนนั้นมาสอบถาม หารือ
อาจารย์คนนั้นบอกว่าได้โทรศัพท์ขอโทษแล้ว ขอให้เรื่องยุติ
เราทำจดหมายไปถึงอธิการบดีอีกครั้ง ขอให้ทำหนังสือตักเตือน ตามที่ขอและรับปากกับเราไว้
อธิการบดีจดหมายแจ้งว่า ภารกิจมหาวิทยาลัยมีหลายด้าน การบริหารจัดการเป็นหน้าที่ของคณบดี
อธิการบดีมีหน้าที่กำกับ ติดตาม เห็นว่า คณบดีคณะจิตรกรรมฯ ได้เชิญอาจารย์คนนั้น มาสอบถามและทำความเข้าใจแล้ว
ทำหนังสือชี้แจงเราแล้ว ขอโทษทางโทรศัพท์แล้วในความเข้าใจผิดของเรา
และอธิการบดี คณบดี อาจารย์คนนั้น ได้จัดการความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน และทำให้เกิดความเข้าใจผิดแล้ว
มหาวิทยาลัยศิลปากรและคณบดีคณะจิตรกรรมฯ ดำเนินตามอำนาจหน้าที่แล้ว
เราคิดว่าอธิการบดีรับปากแล้วไม่ทำ ไม่รักษาคำพูด เราควรจะทำอย่างไรต่อไปคะ เรารู้สึกว่าเราไม่ได้รับความเป็นธรรมค่ะ
เราเลยอยากถามเพื่อนๆ หรือผู้ที่รู้ว่าคิดยังไงกับเรื่องนี้ค่ะ เพื่อนๆคิดว่าเราทำผิดหรือปล่าวคะ ช่วยบอกเราด้วยเถอะค่ะ
ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนค่ะ
อาจารย์ในมหาวิทยาลัยเดี๋ยวนี้ เป็นแบบนี้กันหรือ!!!!!!!!
ลูกเราเรียนอยู่ที่คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ
สองเดือนก่อนลูกเราบอกว่าต้องสร้างไอดีไลน์ อาจารย์จะสั่งงานทางโปรแกรมไลน์ ให้สร้างไลน์กลุ่ม
เราโทรศัพท์ไปปรึกษาอาจารย์คนนั้นค่ะ บอกว่าครอบครัวเรายากจน ลูกเราไม่มีสมาร์ทโฟน
เราแก้ปัญหาหาทางลงไลน์ในคอมพ์ ซึ่งต้องแบ่งกันใช้ค่ะ คนสี่คนมีคอมพ์เก่าๆ สองตัว
อาจารย์คนนั้นบอกว่าใช้ไลน์เพื่อให้ลูกเราสื่อสารกับเพื่อนๆได้ ถ้ามีการเปลี่ยนแปลง มีข่าวสาร มีกิจกรรมต่างๆ
ก็จะแจ้งทางไลน์ และผมก็เข้าคลาสทุกครั้ง บอกเราว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะต้องถึงผู้ปกครอง ต้องมาขอสมาร์ทโฟนกับแม่
เราบอกว่าลูกเราไม่เคยมาขอ ลูกเรายังต้องขอทุนมหาวิทยาลัยเรียน ความเป็นอยู่ลำบาก
แค่เงินจะไปมหาวิทยาลัยก็ลำบากแล้ว ลูกมาขอให้ช่วยหาวิธีลงไลน์ในคอมพ์ให้
เราอธิบาย อาจารย์คนนั้นบอกว่า ผมเป็นอาจารย์ แม่ต้องพูดดีดีกับผมผมเป็นอาจารย์
เรื่องสมาร์ทโฟน ถ้าเด็กมาคุยผม ก็ซื้อให้ได้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ผมให้ทุนช่วยเด็กเยอะแยะ
เราเรียนอาจารย์คนนั้นว่า ลูกเราไม่ได้มาขอซื้อ เรารู้ก็โทรมาปรึกษากับอาจารย์ ไม่ใช่ต้องการสมาร์ทโฟน
แต่ถ้าลูกเราเข้าถึงการเรียนไม่ได้เพราะต้องมีไลน์ จะทำยังไง อาจารย์คนนั้นก็ยังยืนยันแบบเดิม
เราจึงบอกว่าเราจะไปขอพบเพื่อปรึกษาว่าถ้ามีเหตุการณ์แบบนี้ และลูกเรามีข้อจำกัด จะทำอย่างไร
อาจารย์คนนั้นบอกไม่ต้องมาพบ
ระหว่างนั้นเราได้ยินเสียงเหมือนมีคนเปิดประตูเข้ามาในโทรศัพท์
อาจารย์คนนั้น พูดกับคนอื่นทางโน้น แต่เสียงเข้ามา
เราได้ยินชัดเจนว่า อีเ_ี้ย มาถึงก็ฉอดๆด่า เด็กมันไปฟ้องแม่มันว่าอาจารย์บังคับให้ซื้อ
แล้วแม่มันก็มาฉอดๆ แล้วสายโทรศัพท์ก็ตัดไป
เราอึ้งค่ะ ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้ จากปากอาจารย์ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เราโทรกลับไปก็ไม่รับ
อีกพักนึงอาจารย์คนนั้นโทรกลับมาบอกว่าจะให้ยกเลิกเรื่องไลน์กลุ่ม แล้ววางหูไปเลย
หลังจากนั้นเราไปขอพบคณบดี คณะจิตรกรรมฯ มหาวิทยาลัยศิลปากร เจอรองคณบดีฝ่ายบริหาร
รองคณบดีฝ่ายบริหารฯบอกว่าเป็นผมก็รับไม่ได้ แนะนำให้เราทำจดหมายร้องเรียนคณบดี
เราทำจดหมายร้องเรียนไปที่คณบดี ผ่านไปเดือนกว่า เราโทรไปหารองคณบดีฯคนนั้น
เขาบอกว่าเรื่องถึงอธิการบดีแล้ว ถ้าอยากรู้ความคืบหน้าให้ไปถามอธิการบดีเอาเอง
เราไปพบอธิการบดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ตอนแรกทางเจ้าหน้าที่จะไม่ยอมให้เราพบ อ้างว่าติดประชุม เรารอจนเจอ
อธิการบดี และฝ่ายนิติการ คุยกับเรา อธิการบดี บอกว่า เรื่องนี้ผิดวินัย
แต่อาจารย์ก็หายาก จะลงโทษหรือทำอะไรก็ลำบากใจ เราบอกว่าได้ยินแบบนี้ก็ถอดใจแล้ว
อธิการบดีขอว่าจะทำหนังสือตักเตือนไปที่อาจารย์คนนั้น และมีสำเนาถึงเราหนึ่งฉบับ ขอให้เรากลับไปก่อน
หนังสือจะออกจากอธิการบดีโดยตรง
หลังจากนั้นอีกราวสามอาทิตย์
เราได้รับจดหมายจากคณบดี คณะจิตรกรรมฯ แจ้งว่าวันนั้นอาจารย์คนนั้นกำลังประชุมกับผู้ใต้บังคับบัญชา
และได้รับโทรศัพท์ คำพูดบางคำที่บังเอิญไม่เหมาะสม ไม่สุภาพ เป็นการพูดคุยกับผู้ใต้บังคับบัญชา
และอาจารย์คนนั้นประสงค์จะขอโทษที่เราที่ได้ยินคำนั้น จะโทรศัพท์มาขอโทษเราด้วยตัวเอง
อาทิตย์ต่อมา เราส่งEMSถึงอธิการบดี ทวงถามข้อตกลงที่บอกเราไว้
อีกสามวัน อาจารย์คนนั้นโทรมาบอกว่าไม่สบายใจ อยากให้เรารับคำขอโทษ เราจะรับคำขอโทษมั๊ย เราไม่ได้พูดอะไร
อีกสี่วัน มีจดหมายจากอธิการบดี ว่าได้ส่งเรื่องร้องเรียนเราไปกองนิติการฯ
กองนิติการฯเสนอให้ส่งกลับไปคณะจิตรกรรมฯ ว่าเป็นเรื่องการจัดการการเรียนการสอน ภายในคณะ คณบดีต้องเป็นผู้ชี้แจง
ถ้าไม่ดำเนินการ อธิการบดีจะต้องดำเนินการ คณบดีติดภารกิจไปราชการต่างประเทศบ่อย เจรจาจึงล่าช้า
อธิการบดีได้ทวงถามหลายครั้งแล้ว และได้เชิญอาจารย์คนนั้นมาสอบถาม หารือ
อาจารย์คนนั้นบอกว่าได้โทรศัพท์ขอโทษแล้ว ขอให้เรื่องยุติ
เราทำจดหมายไปถึงอธิการบดีอีกครั้ง ขอให้ทำหนังสือตักเตือน ตามที่ขอและรับปากกับเราไว้
อธิการบดีจดหมายแจ้งว่า ภารกิจมหาวิทยาลัยมีหลายด้าน การบริหารจัดการเป็นหน้าที่ของคณบดี
อธิการบดีมีหน้าที่กำกับ ติดตาม เห็นว่า คณบดีคณะจิตรกรรมฯ ได้เชิญอาจารย์คนนั้น มาสอบถามและทำความเข้าใจแล้ว
ทำหนังสือชี้แจงเราแล้ว ขอโทษทางโทรศัพท์แล้วในความเข้าใจผิดของเรา
และอธิการบดี คณบดี อาจารย์คนนั้น ได้จัดการความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน และทำให้เกิดความเข้าใจผิดแล้ว
มหาวิทยาลัยศิลปากรและคณบดีคณะจิตรกรรมฯ ดำเนินตามอำนาจหน้าที่แล้ว
เราคิดว่าอธิการบดีรับปากแล้วไม่ทำ ไม่รักษาคำพูด เราควรจะทำอย่างไรต่อไปคะ เรารู้สึกว่าเราไม่ได้รับความเป็นธรรมค่ะ
เราเลยอยากถามเพื่อนๆ หรือผู้ที่รู้ว่าคิดยังไงกับเรื่องนี้ค่ะ เพื่อนๆคิดว่าเราทำผิดหรือปล่าวคะ ช่วยบอกเราด้วยเถอะค่ะ
ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนค่ะ