[CR] Review วันที่ 5 จากทะเลสาบคาวาคุจิสู่โตเกียว ชมมหาวิทยาลัยโทได เดินเล่นย่านชิบุย่า ชินจูกุ ปิดท้ายด้วยเนื้อย่างสุดแซ๊บ

Review วันที่ 5 จากทะเลสาบคาวาคุจิเดินทางเข้าสู่โตเกียว เที่ยวมหาวิทยาลัยโทได ชมถนนต้นแป๊ะก๊วย เดินเล่นย่านชินจูกุ ย่านชิบุย่า ปิดท้ายด้วยเนื้อย่างสุดแซ่บที่นากาโน่

กระทู้หลัก >> Link : http://ppantip.com/topic/32995388

8 ธันวาคม 2557 : กลับมาติดตามการเดินทางของผมกันต่อนะครับ เข้าสู่วันที่ 5 แล้วครับของการเดินทาง วันนี้ผมตื่นตั้งแต่ตี 5 ครึ่งเลยครับ ด้วยความหวังที่ว่าจะมาทันถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นโดยมีแบ๊กกราวเป็นภูเขาไฟฟูจิและทะเลสาบคาวาคุจิ แต่ด้วยอากาศหนาวมากๆและดูเหมือนว่าผมจะตื่นเร็วไปหน่อย พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นทำให้ได้แต่ภาพยามดึกมาครับ อาจจะมองภูเขาไฟฟูจิข้างหลังไม่เห็นนะครับเนื่องจากตอนเช้าอากาศหนาว ก้อนเมฆเยอะแถมหมอกลงอีกครับ

จากนั้นก็หลับไปอีกตื่นนึง ตื่นมาถ่ายมุมเดิม(หน้าต่างห้องนอน) ตอนช่วง 07.00 โมงเช้าครับ

อันนี้เป็นรูปตอน 9.00โมงเช้า สว่างแล้วแต่มองไม่เห็นฟูจิซังครับ T^T เมฆหนามากเลยเช้าวันนี้

ได้รูปนี้แหละครับ ชัดสุด

หลังจากนอนเล่นอยู่นานก็ได้เวลาเช็คเอ้าท์ออกตอน 10.00โมงตรง ที่พักที่นี่ตรงเวลาเป๊งๆนะครับ ถ้าช้าไป 5 นาทีนี่เค้าเดินมาเคาะห้องเลยทีเดียว ส่วนผมเก็บข้าวของเสร็จทันเวลาพอดี ว่าแล้วก็ออกเดินทางเตรียมตัวเข้าสู่เมืองหลวงครับ ถ่ายรูปที่พักตอนกลับไว้เป็นที่ระลึกจะสังเกตุเห็นชั้นสองห้องกลางที่เปิดหน้าต่างนั่นล่ะห้องพักของผมเมื่อคืนครับ

ช่วงนี้ยังมีเวลาอีกประมาณ 10นาทีก่อนรถ Retro Bus จะมาก็เลยถ่ายรูปริมทะเลสาบคาวาคุจิเป็นที่ระลึกไว้ งดงามมากครับน่าเสียดายที่มีโอกาสมาพักแค่คืนเดียวเพราะต้องรีบเดินทางต่อ ซึ่งรอบๆทะเลสาบคาวาคุจินี่จะมีสถานที่สำคัญรวมถึงกิจกรรมต่างๆให้ทำเยอะมากครับ ถ้าให้ดีควรมา 2-3 วันครับจึงจะเก็บครบ

จากนั้นนั่งรถ Retro Bus กลับมายังสถานีคาวาคุจิตอน 11 โมงเช้าเพื่อรอขึ้นรถไฟสายฟูจิคิวรอบ 11.06 น.ซึ่งสำหรับรถด่วนนั้นจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 43นาที ก็จะถึงสถานี Otsuki ครับ โดยจ่ายเพิ่ม 300เยน จากเดิม 1,140 เป็น 1,440เยน แพงเอาเรื่องเลย แต่ถ้านั่งรถธรรมดาก็จะใช้เวลาเดินทางประมาณ 1ชั่วโมงครับ สปีดเท่ากันแต่รถด่วนจะไม่จอดบางสถานี


หน้าตาของรถไฟฟูจิคิวขากลับครับ คราวนี้ได้ขึ้นขบวนนี้แล้วครับ สีสรรสดใสเลยทีเดียว

บรรยากาศภายในรถไฟฟูจิคิว

หลังจากนั้งอยู่นานก็มาถึงสถานี Otsuki ครับ เพื่อรอเปลี่ยนรถเข้าเมืองโตเกียว โดยจะใช้บริการรถไฟด่วนสาย Asusa ซึ่งรถไฟสายนี้จะคล้ายๆกับชิงคันเซ็นครับ คือเราสามารถ Reserve Seat เพื่อจองที่นั่งก่อนได้โดยใช้ตั๋ว JR แต่สำหรับคนที่ไม่ได้จองก็ต้องขึ้นตู้ Non Reserve ได้ครับ

ซึ่งวันนั้นคนเยอะมากๆ ทำให้ต้องไปอยู่ช่วงรอยต่อระหว่างตู้ครับ แต่ก็ได้บรรยากาศอีกแบบ ไม่ต้องไปเบียดกับใครดีครับ

หลังจากยืนๆนั่งๆ(กับพื้น) อยู่นานก็มาถึงเมืองโตเกียวเวลา 13.15น. เมืองที่มีผู้คนหนาแน่นที่สุดเมืองนึงของโลก ซึ่งรถไฟสาย Asusa จะมาจอดเทียบชาลชาลาอยู่ที่สถานี Jr Shinjuku ครับ ซึ่งเป็นสถานีแม่ที่ใหญ่ที่สุดฝั่งตะวันตกของเมืองโตเกียว จากรูปจะเห็นว่าชาลชาลานั้นมีหลายฝั่งมากๆเลยครับ ซึ่งมีสายรถไฟหรือ Line ตัดผ่านสถานีชินจูกุประมาณ 6-7 สายเลยทีเดียว

บรรยากาศภายในสถานีก็ค่อนข้างกว้างใหญ่เทียบเท่ากับห้างสรรพสินค้าบ้านเราได้เลย

จากนั้นเป้าหมายแรกที่โตเกียวของผมคือการได้ไปเยือนมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของญี่ปุ่น และถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆของโลกครับ ได้แก่มหาวิทยาลัยโทได หรือ มหาวิทยาลัยโตเกียวนั่นเอง ซึ่งมหาวิทยาลัยนี้ถูกนำไปเขียนในการ์ตูนดังๆหลายเรื่อง ซึ่งผมก็ไม่พลาดที่จะมาดูความสวยงามของมหาวิทยาลัยและต้นแป๊ะก๊วยด้วยตัวเอง พอเห็นแผนที่รถไฟ JR ของโตเกียวแล้วมึนเลยทีเดียวเพราะสายรถไฟเยอะมาก งานนี้ต้องอาศัยการตรวจสอบเส้นทางโดยใช้เวป Hyperdia ช่วยตัดสินใจตลอดครับ โดยผมจะนั่งรถไฟ JR ไปลงสถานี Yotsuya เพื่อเปลี่ยนไปนั่งรถไฟใต้ดินไปลงสถานีใต้ดิน Todaimae ครับ

ออกจากสถานี Todaimae มาก็จะเจอกับบ้านเรือนสไตล์ออกจากยุโรปผสมญี่ปุ่นครับ ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลท์ของสถาปัตยกรรมที่ ม.โทได อย่างหนึ่ง

จากสถานี Todaimae เดินเลี้ยวซ้ายมาประมาณ 5นาที ก็จะเจอกับประตูทางเข้า แต่ไม่ใช่ประตูหลักนะครับ ถ้าประตูใหญ่ต้องเดินต่อไปอีกหน่อยครับ

เข้าไปข้างในกว้างใหญ่มากครับ ตรงป้อมเจ้าหน้าที่จะมีแผนที่แจกสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยที่นี่เปิดให้เข้าฟรีครับ แต่สำหรับตามอาคารเรียนก็สงวนไว้เราไม่ควรขึ้นไปโดยไม่ได้รับอนุญาตครับ

ทีแรกตอนมาก็ลุ้นๆอยู่ว่าจะได้เห็นใบแป๊ะก๊วยสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยหรือไม่ เพราะมาในช่วงหน้าหนาวกลัวจะร่วงหมดต้นซะก่อน แต่ยังโชคดีครับ ส่วนใหญ่ก็ยังไม่ร่วง ยังมีให้ชมทั้งบนต้นบนพื้นสวยงามมากครับ


ได้ยินว่ามีบริการเช่าจักรยานแต่ผมไม่ได้ไปลองใช้บริการนะครับ เห็นแต่มีจอดอยู่ด้านหน้าเยอะมากๆ

เดินไปตามทางก็จะเจอกับสะพานข้ามถนนไปอีกฝั่งหนึ่งของถนนครับ ซึ่งจุดไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวชอบมาถ่ายรูปก็คือหอนาฬิกาที่มีต้นแป๊ะก๊วยเป็นฟร้อนกราวอยู่ข้างหน้าครับ


เดินเข้ามาจะพบกับต้นแป๊ะก๊วยต้นใหญ่น่าจะมีอายุหลายร้อยปี บริเวณนี้ถ้าเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วงแบบนี้จะถูกย้อมไปด้วยสีเหลืองเต็มถนนเลยครับ

จากต้นแป๊ะก๊วยยักษ์ เดินเข้ามาด้านในจะพบกับถนนแป๊ะก๊วยซึ่งเป็นถนนที่มีชื่อเสียงมาก สองข้างทางจะเต็มไปด้วยสีเหลืองอร่าม (รูปนี้เจ้าหน้าที่เพิ่งมากวาดถนนไปครับ เลยสะอาดเป็นพิเศษ) โดยมีหอนาฬิกาสัญลักษณ์ของโทไดอยู่ด้านหลังไกลๆครับ

เริ่มเห็นหอนาฬิกาชัดแล้วครับ มุมนี้สวยมาก

ตอนนั้นด้านในมหาวิทยาลัยกำลังบำรุงต่อเติมอยู่พอดีครับ แต่ก็ยังสามารถเก็บภาพความทรงจำของหอนาฬิกาได้ ปกติเห็นแต่ในการ์ตูน วันนี้ได้มาดูของจริง ปลื้มมากๆครับ

ด้านข้างครับ แดดแรงมากๆ สีเลยสว่างๆครับ

จากนั้นเวลาเกือบๆ 3โมงเย็น เริ่มหิวครับทั้งวันกินสลัดตอนอยู่บนรถไฟไปอย่างเดียว เดี๊ยวผมจะพาไปทานอาหารที่โรงอาหารของมหาวิทยาลัยครับ วิธีไปง่ายๆมากๆจากจุดที่ยืนอยู่หน้าหอนาฬิกาให้มองไปรอบๆจะเห็นคนเดินขึ้นมาจากชั้นใต้ดินครับ นั่นละครับทางเข้าโรงอาหารของที่นี่ซึ่งตั้งอยู่ชั้นใต้ดินของหอนาฬิกา

เดินลงมาที่ชั้นลอยของชั้นใต้ดินจะมีตัวอย่างอาหารให้เลือกครับ น่าทานมากๆ ส่วนใหญ่ราคาจะถูกกว่าร้านอาหารภายนอกอยู่พอสมควร หลังจากเลือกเมนูได้แล้วก็เดินไปกดรายการอาหารที่ตู้ด้านหลังครับ

บรรยากาศโต๊ะอาหารด้านล่างครับ

ตอนดูรายการอาหารจะมีหมายเลขร้านบอกครับให้จำเอาไว้ พอลงมาข้างล่างก็วางคูปองใส่ถาดให้กับร้านนั้นๆเลยครับ ตอนนี้พ่อครัวถามผมว่าเอาเส้นอะไร มีให้เลือกอุด้งกับโซบะ ครับ 2อย่าง


ได้แล้วครับ ราเมนเส้นอุด้ง น่ากินมั้ยครับ ชามนี้ถ้าตีเป็นเงินไทยก็ประมาณ 80-90 บาทครับ ถือว่าถูกมากๆแล้วถ้าเทียบกับมูลค่าเงินของเค้า

จากนั้นก็เดินทางกลับครับ จะมีประตูทางออกด้านล่างขึ้นมาที่หน้าหอนาฬิกาเหมือนเดิม ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกก่อนกลับครับ

จากนั้นก็ข้ามสะพานกลับไปอีกฝั่งของมหาวิทยาลัย เพื่อกลับสถานีใต้ดิน Todaimae ครับ เตรียมเดินทางต่อ


ทางเดินไปสถานีใต้ดิน Todaimae


ตอนนี้เวลาเกือบ 4โมงเย็นแล้วครับ ได้เวลาเข้าไปเช็คอินที่พักเพื่อวางของ โดยที่พักที่ผมจองไว้ผ่าน Agoda คืนนี้คือ Asagaya Smile Hotel ครับ ตั้งอยู่หน้าสถานีรถไฟ JR Asagaya เลยโดยต้องเดินทางไปที่สถานี Yotsuya เพื่อต่อ JR สาย Chou Line Local หรือ Rapid Service ไปลงสถานี Asagaya ใช้เวลาเดินเพียง 5นาทีจากสถานีก็ถึงโรงแรมแล้วครับ


โรงแรมอยู่ใกล้สถานี JR มาก เดินไม่ถึง 5นาที ใกล้ชนิดที่เรียกได้ว่าผมเปิดหน้าต่างไปปุ๊ปเจอรถไฟอยู่ข้างหน้าเลยครับไม่ถึง 10เมตร

นั่งพักประมาณ 15 นาทีก็เดินทางกันต่อครับเวลา 5โมงเย็น ตอนแรกตั้งเป้าว่าจะไปเที่ยวสวนอิโนะคาชิระที่สถานีคิจิโยจิ แต่ด้วยเนื่องจากว่าที่ญี่ปุ่นนั้นมืดเร็วมากๆ 5โมงเย็นเหมือน 1ทุ่มบ้านเรา ทำให้ต้องเปลี่ยนโปรแกรมไปเดินเล่นย่านดังๆของโตเกียวตอนดึกแทนครับ โดยเริ่มจากถนนคนเดินใกล้ๆกับที่พัก Asagaya ครับ
รูป Shopping Mall ที่สถานี Asagaya

ถนนคนเดิน ซึ่งเราสามารถเดินไปได้ อยู่ห่างจากสถานี Asagaya เพียงไม่ถึง 5นาทีครับ เป็นซอยเล็กๆแต่ข้างในคับคั่งด้วยผู้คน ส่วนสินค้า อาหารไม่ค่อยแพงครับถ้าเทียบกับย่านใหญ่ๆที่อื่น

มีร้านค้ามากมายตลอดสองข้างทางเลยครับ
ชื่อสินค้า:   Japan
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่