ในชีวิต เจอจังๆ 2 คนที่อาการหนักมากๆ คนแรกเป็นทอม คนสองเป็นเกย์
ทั้งสองมีบุคลิคเหมือนกันคือ รู้มาก พูดมาก รู้ไม่รู้ พูดไว้ก่อน ทำตัวเหมือนรู้ทุกเรื่อง ไม่เคยพูดคำว่าไม่รู้
ส่วนมากมักจะรู้ไม่จริง ถูกเพื่อนๆ เปิด Google ซัดกลับหน้าหงายตลอด แต่ก็ไม่เลิกโม้
ต่างกันตรงที่คนแรก ใจร้อน ขี้โมโห โมโหร้าย ทำอะไรเร็ว
คนสองใจเย็น อารมณ์ดี เรื่อยๆ ทำอะไรช้า
นอกจากเรื่องที่ชอบทำรู้มาก ทั้งคู่ยังชอบอวดรวยสุดๆ แม้ว่าจะมีคนรู้ว่าจริงๆแล้ว"กำพืด"ไม่ได้รวย
ไม่ได้มีความเป็นอยู่หรูหราอย่างที่ได้โม้ให้คนอื่นฟัง ก็ยังคงกล้าโม้ต่อ.. คนรอบข้างก็ได้แต่นั่งยิ้มพยักหน้า เวทนา
ในสิ่งที่พูดออกมาเรื่อยๆ ในบางครั้งรำคาญก็เดินหนี แต่ถ้ามีโอกาส ก็จะโม้เรื่อยๆ อีก
คนแรก
"บ้านชั้นติดถนนใหญ่หลังใหญ่เป็นคฤหาสถ์ ในจังหวัดxxxx มีเบนซ์สปอร์ตหลายคัน เลี้ยงปลาปิรันย่ากระโดดสูง 2 เมตร "
>>> ความเป็นจริงแล้วนั้น จากผู้ที่ไปพิสูจน์มาแล้ว เป็นเพียงบ้านเดี่ยวธรรมดาโทรมๆ อยู่ในซอย ไม่มีบ่อปลาซักบ่อ
และรถที่บ้านก็มีเพียงฟอร์จูนเนอร์ กับ เบนซ์เก่า30ปี 2คันแค่นั้น
โดยอ้างว่า รถหรูที่เคยเล่า นำไปเข้าศูนย์ตรวจสภาพทั้งหมดในวันนั้นพอดี!
"ขับเบนซ์ E-class 280 ไปกับแฟน เจอรถตัดหน้า รีบปล่อยพวงมาลัยเอามือ ขวางแฟน เอาไว้ไม่ให้กระเดนออกไป
เพราะแฟนไม่ได้คาดเข็มขัด แฟนไม่เป็นไรเลย ตัวเองเจ็บสาหัส"
>>> เรืองนี้ถ้าไม่ใช่ เด็ก 10 กว่าขวบ คงไม่มีใครเชื่อ = ='
*คนรู้ความจริงหลายคน แต่ถ้าเจอคนไม่รู้จักหรือเพิ่งรู้จักใหม่ๆ คุยไปซักพัก นางก็จะโม้แบบเดิมๆ ทุกครั้ง
คนที่สอง
"บ้านชั้นทำรีสอร์ท มีบ้านเช่าหลายหลัง กะลังสร้างบ้านกลางน้ำ ขายxxx ไปได้หลายสิบล้าน บ้านมี Accord กับ Fortuner ใช้
แม่ซื้อ Civic ไว้ให้ รอเรียนจบ แม่จบ ดร. เป็นทายาทขุนนางเก่า ของจังหวัด xxxxx " บลาๆๆๆ สุดแล้วแต่นางจะรังสรรค์ ประพันธ์ขึ้น
-พอถึงทางตันเพื่อนจะไปบ้านเข้าจริง ๆ นางบอกพูดผิด ไม่ใช่ Fortuner เป็น Sport Rider ตะหาก
ส่วน Accord ขายไปพอดีเลย แม่ขายให้อาเงินผ่อน ถามขายไปเท่าไร นางบอกอาผ่อนเดือนละ 3 แสน 3 เดือน <<< เอิ่ม...
ส่วนCivic ที่ว่า บอกญาติยืมไปใช้ ต่างจังหวัด...
>>>> สรุปทั้งบ้านมี Sport Rider อยู่คันเดียว และ บ้านกลางน้ำ >> ไม่ปรากฏ....
-นางมีลักษณะ ขี้อิจฉา เพื่อนๆ ที่มีความเป็นอยู่ดีกว่านาง และต้องพยายามคุยทับทุกครั้งที่มีโอกาส
>>>> ผมขับรถยนต์เก่าของแม่ นางจะพยายามเล่าถึง"รถในมโนภาพ"ทุกครั้งที่ได้ขึ้นมานั่งโดยสารกับผม บรรยายสรรพคุณความดีงาม
ของรถในฝันกลางวันของนาง จนเหนื่อยกันไปข้างถึงเงียบลงได้ โดยที่ในความเป็นจริงนั้น นางไม่มีรถยนต์ใช้เป็นของตัวเอง....
>>>> คนนี้ในตอนแรก ปิดเงียบมาก จนความจริงบางส่วนเปิดเผยโดยบังเอิญ เนื่องจาก มีเหตุให้ได้ยินนางคุยโทรศัพท์กับแม่
แบบไม่ต้องแอบฟัง เพราะเสียงดังมากเหมือนเปิดลำโพง สรุปใจความได้ว่า
เนื้อแท้แล้ว สถานการณ์การเงินที่บ้านย่ำแย่กว่าที่โม้ไว้มาก เหมือนหนังคนละม้วน ถึงขนาดไล่ให้ไปซื้อมือถือมือสองเครื่องละ 500 ใช้เอา
และสุดท้ายไปได้เครื่องละ 5-6 พันมาใช้อย่างเงียบๆ โดยที่ความจริงอีกส่วนมาเผยโดยเพื่อนสนิทของนางที่ทนกับการขี้โม้ไม่ไหว
ว่าแท้จริงแล้วนางมาขอร้องเพื่อนคนนี้ รูดบัตรเครดิตซื้อมือถือเครื่องละ 16000 ให้ นางจะผ่อนให้เพื่อนรายเดือน
(ไม่ใช่การเล่าลอยๆ มีหลักฐานเป็นการ Chat กัน) เพื่อนกลัวโดนหลอก เลยอ้างว่าบัตรวงเงินเต็มไป
สรุป คนพวกนี้มีปมด้อยมาก เลยเกิดภาวะทางจิต พยายามสร้างปมเด่น จนเกินกว่าเหตุหรือเปล่าครับ?
ผมอยากรู้ว่า ในความเป็นจริงเค้าตระหนักรู้ได้ไหม ว่าสิ่งที่ เค้าพูด เค้าเป็นนั้น คือ มโนภาพล้วนๆ ผมว่าใช้ชีวิตในสังคมลำบากนะครับ
ปล.นี่แต่ตัวอย่างนะครับ คือจริงๆ แล้ว ทุกคำพูด หลุดจากปาก 2 คนนี้ออกมา ให้หารล้านก่อนเลย
คนขี้โม้ ขี้คุย ขี้โอ่ เกินความเป็นจริง ทางการแพทย์ถือว่ามีปัญหาทางจิตหรือเปล่าครับ
ทั้งสองมีบุคลิคเหมือนกันคือ รู้มาก พูดมาก รู้ไม่รู้ พูดไว้ก่อน ทำตัวเหมือนรู้ทุกเรื่อง ไม่เคยพูดคำว่าไม่รู้
ส่วนมากมักจะรู้ไม่จริง ถูกเพื่อนๆ เปิด Google ซัดกลับหน้าหงายตลอด แต่ก็ไม่เลิกโม้
ต่างกันตรงที่คนแรก ใจร้อน ขี้โมโห โมโหร้าย ทำอะไรเร็ว
คนสองใจเย็น อารมณ์ดี เรื่อยๆ ทำอะไรช้า
นอกจากเรื่องที่ชอบทำรู้มาก ทั้งคู่ยังชอบอวดรวยสุดๆ แม้ว่าจะมีคนรู้ว่าจริงๆแล้ว"กำพืด"ไม่ได้รวย
ไม่ได้มีความเป็นอยู่หรูหราอย่างที่ได้โม้ให้คนอื่นฟัง ก็ยังคงกล้าโม้ต่อ.. คนรอบข้างก็ได้แต่นั่งยิ้มพยักหน้า เวทนา
ในสิ่งที่พูดออกมาเรื่อยๆ ในบางครั้งรำคาญก็เดินหนี แต่ถ้ามีโอกาส ก็จะโม้เรื่อยๆ อีก
คนแรก
"บ้านชั้นติดถนนใหญ่หลังใหญ่เป็นคฤหาสถ์ ในจังหวัดxxxx มีเบนซ์สปอร์ตหลายคัน เลี้ยงปลาปิรันย่ากระโดดสูง 2 เมตร "
>>> ความเป็นจริงแล้วนั้น จากผู้ที่ไปพิสูจน์มาแล้ว เป็นเพียงบ้านเดี่ยวธรรมดาโทรมๆ อยู่ในซอย ไม่มีบ่อปลาซักบ่อ
และรถที่บ้านก็มีเพียงฟอร์จูนเนอร์ กับ เบนซ์เก่า30ปี 2คันแค่นั้น
โดยอ้างว่า รถหรูที่เคยเล่า นำไปเข้าศูนย์ตรวจสภาพทั้งหมดในวันนั้นพอดี!
"ขับเบนซ์ E-class 280 ไปกับแฟน เจอรถตัดหน้า รีบปล่อยพวงมาลัยเอามือ ขวางแฟน เอาไว้ไม่ให้กระเดนออกไป
เพราะแฟนไม่ได้คาดเข็มขัด แฟนไม่เป็นไรเลย ตัวเองเจ็บสาหัส"
>>> เรืองนี้ถ้าไม่ใช่ เด็ก 10 กว่าขวบ คงไม่มีใครเชื่อ = ='
*คนรู้ความจริงหลายคน แต่ถ้าเจอคนไม่รู้จักหรือเพิ่งรู้จักใหม่ๆ คุยไปซักพัก นางก็จะโม้แบบเดิมๆ ทุกครั้ง
คนที่สอง
"บ้านชั้นทำรีสอร์ท มีบ้านเช่าหลายหลัง กะลังสร้างบ้านกลางน้ำ ขายxxx ไปได้หลายสิบล้าน บ้านมี Accord กับ Fortuner ใช้
แม่ซื้อ Civic ไว้ให้ รอเรียนจบ แม่จบ ดร. เป็นทายาทขุนนางเก่า ของจังหวัด xxxxx " บลาๆๆๆ สุดแล้วแต่นางจะรังสรรค์ ประพันธ์ขึ้น
-พอถึงทางตันเพื่อนจะไปบ้านเข้าจริง ๆ นางบอกพูดผิด ไม่ใช่ Fortuner เป็น Sport Rider ตะหาก
ส่วน Accord ขายไปพอดีเลย แม่ขายให้อาเงินผ่อน ถามขายไปเท่าไร นางบอกอาผ่อนเดือนละ 3 แสน 3 เดือน <<< เอิ่ม...
ส่วนCivic ที่ว่า บอกญาติยืมไปใช้ ต่างจังหวัด...
>>>> สรุปทั้งบ้านมี Sport Rider อยู่คันเดียว และ บ้านกลางน้ำ >> ไม่ปรากฏ....
-นางมีลักษณะ ขี้อิจฉา เพื่อนๆ ที่มีความเป็นอยู่ดีกว่านาง และต้องพยายามคุยทับทุกครั้งที่มีโอกาส
>>>> ผมขับรถยนต์เก่าของแม่ นางจะพยายามเล่าถึง"รถในมโนภาพ"ทุกครั้งที่ได้ขึ้นมานั่งโดยสารกับผม บรรยายสรรพคุณความดีงาม
ของรถในฝันกลางวันของนาง จนเหนื่อยกันไปข้างถึงเงียบลงได้ โดยที่ในความเป็นจริงนั้น นางไม่มีรถยนต์ใช้เป็นของตัวเอง....
>>>> คนนี้ในตอนแรก ปิดเงียบมาก จนความจริงบางส่วนเปิดเผยโดยบังเอิญ เนื่องจาก มีเหตุให้ได้ยินนางคุยโทรศัพท์กับแม่
แบบไม่ต้องแอบฟัง เพราะเสียงดังมากเหมือนเปิดลำโพง สรุปใจความได้ว่า
เนื้อแท้แล้ว สถานการณ์การเงินที่บ้านย่ำแย่กว่าที่โม้ไว้มาก เหมือนหนังคนละม้วน ถึงขนาดไล่ให้ไปซื้อมือถือมือสองเครื่องละ 500 ใช้เอา
และสุดท้ายไปได้เครื่องละ 5-6 พันมาใช้อย่างเงียบๆ โดยที่ความจริงอีกส่วนมาเผยโดยเพื่อนสนิทของนางที่ทนกับการขี้โม้ไม่ไหว
ว่าแท้จริงแล้วนางมาขอร้องเพื่อนคนนี้ รูดบัตรเครดิตซื้อมือถือเครื่องละ 16000 ให้ นางจะผ่อนให้เพื่อนรายเดือน
(ไม่ใช่การเล่าลอยๆ มีหลักฐานเป็นการ Chat กัน) เพื่อนกลัวโดนหลอก เลยอ้างว่าบัตรวงเงินเต็มไป
สรุป คนพวกนี้มีปมด้อยมาก เลยเกิดภาวะทางจิต พยายามสร้างปมเด่น จนเกินกว่าเหตุหรือเปล่าครับ?
ผมอยากรู้ว่า ในความเป็นจริงเค้าตระหนักรู้ได้ไหม ว่าสิ่งที่ เค้าพูด เค้าเป็นนั้น คือ มโนภาพล้วนๆ ผมว่าใช้ชีวิตในสังคมลำบากนะครับ
ปล.นี่แต่ตัวอย่างนะครับ คือจริงๆ แล้ว ทุกคำพูด หลุดจากปาก 2 คนนี้ออกมา ให้หารล้านก่อนเลย