ลมหนาวพัดแรงจนชักจะรู้สึกหนาวจริงหนาวจังมากขึ้นทุกที ขนาดกรุงเทพยังบอกได้ว่าหนาว...ว...ว...ว
ช่วงนี้เชื่อว่านักเดินทาง นักท่องเที่ยว นักอยากเที่ยว หรือไม่ใช่นักเที่ยวแต่ก็พยายามหาโอกาสไปเที่ยวเป็นบางเวลา คงกำลังชะเง้อแง้แลหาที่เที่ยวตามเขาตามดอยกันยกใหญ่ เพราะแหมบรรยากาศแบบนี้มันช่างน่าขึ้นดอยเสียจริงเชียว
นอกจากสถานที่นอนอาบไอเย็นบนดงดอย อีกสิ่งที่หลายคนกำลังจับตามองและลุ้นตัวโก่งน่าจะเป็นช่วงเวลาการผลิบานของดอกไม้สีชมพู “นางพญาเสือโคร่ง” ซากุระแห่งเมืองไทยนี่แหละ ที่โน่นที่นั่นที่นี่จะบานช่วงไหน ตรงกับวันหยุดหรือโปรแกรมเที่ยวของเราหรือเปล่า เพราะต้องยอมรับครับว่าการเที่ยวชมนางพญาเสือโคร่งเป็นอะไรที่พิเศษมากจริงๆ มีช่วงเวลาบานเพียงนิดเดียวเท่านั้น
ที่บอกได้เต็มปากเต็มคำเพราะผมเคยมาแล้ว... ขออวดสักหน่อยเถอะ!
ทริปของผมคือการล่านางพญาเสือโคร่งที่ขุนช่างเคี่ยนและขุนวาง เชียงใหม่ กลางเดือนมกราคมต้นปี 2557 ที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จน่าประทับใจยิ่งนัก ซึ่งในโอกาสหลายคนที่กำลังใจจดใจจ่อรอพวกมันบานสะพรั่งป่ากันอีกครั้งเลยขอย้อนความเอาประสบการณ์การเดินทางมาเล่าสู่กันฟัง เผื่อใครยังไม่เคยไปจะได้ใช้เป็นแนวทางเที่ยวชื่นชมป่าสีชมพูสวยหวานนี้บ้าง รับประกันว่าเป็นทริปค่าใช้จ่ายไม่แพง เหมาะกับขาแบ็กแพ็ก เพราะผมก็คนแบกเป้เหมือนกัน
การเดินทาง ผมเลือกใช้ยานพาหนะเป็นมอเตอร์ไซค์ครับ ไม่ใช่มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์เครื่องใหญ่โตอะไรเลย มอเตอร์ไซค์แม่บ้านคันกระเปี๊ยกนี่แหละ และไม่ได้ขี่จากเมืองกรุงไปหรอก เช่าเขาเอาที่เชียงใหม่ ผมเคยขี่เที่ยวตะลอนมาแล้วหลายรอบ ขึ้นดอยสบายใจหายห่วง ขอแค่มีความชำนาญสักหน่อยก็พอ
ทริคการเช่ามอเตอร์ไซค์ขี่เที่ยวเชียงใหม่มีง่ายๆ และผมทำแบบนี้ทุกครั้งคือ เดินทางจากเมืองกรุงด้วยรถทัวร์ของนครชัยแอร์ ตีตั๋วรอบสุดท้ายห้าทุ่มครึ่ง เน้นเลยว่าต้องรอบนี้ รถจะถึงสถานีขนส่งเชียงใหม่หรืออาเขตประมาณเก้าโมงเช้า ลงรถแล้วมองหาโรงแรมแกรนด์ ไดมอนด์ ทันที ข้างโรงแรมมีร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ Bikkey เกียร์ธรรมดา 200 บาท เกียร์ออโต้ 250 บาท เหตุผลที่ต้องขึ้นรถทัวร์รอบสุดท้ายเพราะร้านเปิดแปดโมง หากเรามาถึงเร็วก่อนร้านเปิดก็ต้องเสียเวลารอ ผมเช่าร้านนี้มาตลอด ไม่เคยมีปัญหา แต่สภาพรถต้องคัดกันสักหน่อย เน้นที่เบรกแน่นๆ เป็นหลัก ส่วนขากลับเตรียมตั๋วรถรอบทุ่มหรือทุ่มครึ่งเพราะร้านปิดหกโมงเย็น พอเอามอเตอร์ไซค์มาคืนอีกสักพักก็ได้ขึ้นรถกลับบ้านแล้ว วางโปรแกรมแบบนี้ลงล็อกสุดๆ
เอาล่ะที่นี้มาว่าถึงเป้าหมายคือขุนช่างเคี่ยนกับขุนวางดีกว่า ขุนช่างเคี่ยน หรือชื่อเต็มๆ คือสถานีวิจัยและศูนย์ฝึกอบรมเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน เป็นเบอร์หนึ่งของการชมนางพญาเสือโคร่งในเชียงใหม่ เพราะอยู่ใกล้ตัวเมืองที่สุด อยู่บนดอยปุยในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย พูดให้ง่ายนึกภาพออกคือเลยจากวัดพระธาตุดอยสุเทพไปสัก 10 กิโลเมตร ถนนเส้นนี้หลังจากพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์เป็นต้นไปคับแคบ ยิ่งถึงดอยปุยแล้วมีแค่เลนเดียวกับไหล่ทาง รถยนต์สวนกันลำบาก คนมาชมนางพญาเสือโคร่งประสบอุบัติเหตุกันบ่อยครั้ง ดังนั้นมอเตอร์ไซค์จึงเป็นพาหานะที่เวิร์คสุด
สำหรับขุนวางหรือศูนย์วิจัยเกษตรหลวง (ขุนวาง) อยู่ในอำเภอแม่วาง ใกล้ตีนดอยอินทนนท์ฝั่งทิศเหนือ ถามอากู๋บอกว่าห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 80 กิโลเมตร มีถนนเข้าถึงสบายพอสมควร ไม่ต้องลุยทางลูกรังอันใดทั้งสิ้น
เอาล่ะ นั่นคือการเตรียมตัวครับ หาข้อมูลพร้อมก็แพ็กกระเป๋าแล้วกระเตงคุณนายหวานใจไปลุยโลดกลายร่างเป็น แว้นบอย & สก๊อยเกิร์ล ที่เชียงใหม่กัน
[CR] ซิ่งสองล้อท่องตามฝัน ป่าสีชมพูผลิบาน ณ ขุนวาง – ขุนช่างเคี่ยน
ลมหนาวพัดแรงจนชักจะรู้สึกหนาวจริงหนาวจังมากขึ้นทุกที ขนาดกรุงเทพยังบอกได้ว่าหนาว...ว...ว...ว
ช่วงนี้เชื่อว่านักเดินทาง นักท่องเที่ยว นักอยากเที่ยว หรือไม่ใช่นักเที่ยวแต่ก็พยายามหาโอกาสไปเที่ยวเป็นบางเวลา คงกำลังชะเง้อแง้แลหาที่เที่ยวตามเขาตามดอยกันยกใหญ่ เพราะแหมบรรยากาศแบบนี้มันช่างน่าขึ้นดอยเสียจริงเชียว
นอกจากสถานที่นอนอาบไอเย็นบนดงดอย อีกสิ่งที่หลายคนกำลังจับตามองและลุ้นตัวโก่งน่าจะเป็นช่วงเวลาการผลิบานของดอกไม้สีชมพู “นางพญาเสือโคร่ง” ซากุระแห่งเมืองไทยนี่แหละ ที่โน่นที่นั่นที่นี่จะบานช่วงไหน ตรงกับวันหยุดหรือโปรแกรมเที่ยวของเราหรือเปล่า เพราะต้องยอมรับครับว่าการเที่ยวชมนางพญาเสือโคร่งเป็นอะไรที่พิเศษมากจริงๆ มีช่วงเวลาบานเพียงนิดเดียวเท่านั้น
ที่บอกได้เต็มปากเต็มคำเพราะผมเคยมาแล้ว... ขออวดสักหน่อยเถอะ!
ทริปของผมคือการล่านางพญาเสือโคร่งที่ขุนช่างเคี่ยนและขุนวาง เชียงใหม่ กลางเดือนมกราคมต้นปี 2557 ที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จน่าประทับใจยิ่งนัก ซึ่งในโอกาสหลายคนที่กำลังใจจดใจจ่อรอพวกมันบานสะพรั่งป่ากันอีกครั้งเลยขอย้อนความเอาประสบการณ์การเดินทางมาเล่าสู่กันฟัง เผื่อใครยังไม่เคยไปจะได้ใช้เป็นแนวทางเที่ยวชื่นชมป่าสีชมพูสวยหวานนี้บ้าง รับประกันว่าเป็นทริปค่าใช้จ่ายไม่แพง เหมาะกับขาแบ็กแพ็ก เพราะผมก็คนแบกเป้เหมือนกัน
การเดินทาง ผมเลือกใช้ยานพาหนะเป็นมอเตอร์ไซค์ครับ ไม่ใช่มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์เครื่องใหญ่โตอะไรเลย มอเตอร์ไซค์แม่บ้านคันกระเปี๊ยกนี่แหละ และไม่ได้ขี่จากเมืองกรุงไปหรอก เช่าเขาเอาที่เชียงใหม่ ผมเคยขี่เที่ยวตะลอนมาแล้วหลายรอบ ขึ้นดอยสบายใจหายห่วง ขอแค่มีความชำนาญสักหน่อยก็พอ
ทริคการเช่ามอเตอร์ไซค์ขี่เที่ยวเชียงใหม่มีง่ายๆ และผมทำแบบนี้ทุกครั้งคือ เดินทางจากเมืองกรุงด้วยรถทัวร์ของนครชัยแอร์ ตีตั๋วรอบสุดท้ายห้าทุ่มครึ่ง เน้นเลยว่าต้องรอบนี้ รถจะถึงสถานีขนส่งเชียงใหม่หรืออาเขตประมาณเก้าโมงเช้า ลงรถแล้วมองหาโรงแรมแกรนด์ ไดมอนด์ ทันที ข้างโรงแรมมีร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ Bikkey เกียร์ธรรมดา 200 บาท เกียร์ออโต้ 250 บาท เหตุผลที่ต้องขึ้นรถทัวร์รอบสุดท้ายเพราะร้านเปิดแปดโมง หากเรามาถึงเร็วก่อนร้านเปิดก็ต้องเสียเวลารอ ผมเช่าร้านนี้มาตลอด ไม่เคยมีปัญหา แต่สภาพรถต้องคัดกันสักหน่อย เน้นที่เบรกแน่นๆ เป็นหลัก ส่วนขากลับเตรียมตั๋วรถรอบทุ่มหรือทุ่มครึ่งเพราะร้านปิดหกโมงเย็น พอเอามอเตอร์ไซค์มาคืนอีกสักพักก็ได้ขึ้นรถกลับบ้านแล้ว วางโปรแกรมแบบนี้ลงล็อกสุดๆ
เอาล่ะที่นี้มาว่าถึงเป้าหมายคือขุนช่างเคี่ยนกับขุนวางดีกว่า ขุนช่างเคี่ยน หรือชื่อเต็มๆ คือสถานีวิจัยและศูนย์ฝึกอบรมเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน เป็นเบอร์หนึ่งของการชมนางพญาเสือโคร่งในเชียงใหม่ เพราะอยู่ใกล้ตัวเมืองที่สุด อยู่บนดอยปุยในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย พูดให้ง่ายนึกภาพออกคือเลยจากวัดพระธาตุดอยสุเทพไปสัก 10 กิโลเมตร ถนนเส้นนี้หลังจากพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์เป็นต้นไปคับแคบ ยิ่งถึงดอยปุยแล้วมีแค่เลนเดียวกับไหล่ทาง รถยนต์สวนกันลำบาก คนมาชมนางพญาเสือโคร่งประสบอุบัติเหตุกันบ่อยครั้ง ดังนั้นมอเตอร์ไซค์จึงเป็นพาหานะที่เวิร์คสุด
สำหรับขุนวางหรือศูนย์วิจัยเกษตรหลวง (ขุนวาง) อยู่ในอำเภอแม่วาง ใกล้ตีนดอยอินทนนท์ฝั่งทิศเหนือ ถามอากู๋บอกว่าห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 80 กิโลเมตร มีถนนเข้าถึงสบายพอสมควร ไม่ต้องลุยทางลูกรังอันใดทั้งสิ้น
เอาล่ะ นั่นคือการเตรียมตัวครับ หาข้อมูลพร้อมก็แพ็กกระเป๋าแล้วกระเตงคุณนายหวานใจไปลุยโลดกลายร่างเป็น แว้นบอย & สก๊อยเกิร์ล ที่เชียงใหม่กัน