เหตุการณ์ขณะชาวบ้านวัดทะเล บุกล้อมกุฏิ รก.เจ้าอาวาสวัดภูเขาทอง ต.แม่น้ำ อ.เกาะสมุย สุราษฎร์ธานี วันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๗

สืบเนื่องจากข่าวนี้ แต่ในข่าวยังไม่ได้เจาะรายละเอียดว่าเรื่องเป็นไปเป็นมาอย่างไร
http://www.dailynews.co.th/Content/regional/287335/ฉุนให้นายทุนเช่าที่วัดล้อมกุฏิเจ้าอาวาส

นี่เป็นภาพและเหตุการณ์จริง ที่มีคนบันทึกไว้ได้
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
เหตุการณ์มีอยู่ว่า วัดภูเขาทอง ต.แม่น้ำ อ.เกาะสมุย ได้ทำสัญญาเช่าที่ดินทั้งหมดของวัดทะเล ซึ่งเป็นวัดร้าง (ที่ธรณีสงฆ์) ซึ่งอยู่ในความดูแลของวัดภูเขาทอง กับนาย ส ซึ่งเป็นผู้กว้างขวางในที่ ต.แม่น้ำ สัญญาเช่าปีต่อปี นาย ส ได้นำที่ดินดังกล่าวไปปลูกบ้านเช่า และให้ชาวบ้านเช่าต่อ ทางวัดก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับธุรกิจของนาย ส แต่มาระยะหลังๆ นาย ส ไม่ส่งเงินค่าเช่าที่ดินให้วัดตามกำหนดสัญญา จ่ายแบบผลัดปี คือเอาเงินค่าเช่าของนี้ไปจ่ายในปีหน้า เอาของปีหน้าไปจ่ายในปีถัดไป ทำให้ทางวัดลำบากใจ แต่ก็ไม่กล้าทำอะไรมาก เพราะเกรงกลัวอิทธิพลและความกว้างขวางของนาย ส นาย ส ทำแบบนี้มาตลอดหลายปี การดำเนินธุรกิจบ้านเช่าของนาย ส ก็เป็นไปอย่างเข้มข้น เพราะนาย ส เก็บค่าน้ำค่าไฟของผู้มาเช่าแพงกว่าที่อื่นถึง ๓ เท่า ในแต่ละปีทำให้นาย ส มีเงินเข้ากระเป๋าตนเองเป็นแสนบาท เรื่องนี้ก็สร้างความกดดันให้กับชาวบ้านที่เช่าที่เป็นอย่างมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะแต่ละคนก็ไม่มีที่ทำกิน จึงทนจ่ายค่าเช่าราคาแพงต่อไป ระยะเวลานานเข้าสถานที่ดังกว่าชักจะกลายเป็นชุมชนแออัดหรือสลัม เป็นแหลงมั่วสุมต่างๆ ทางวัดจึงพิจารณาที่จะตัดไฟแต่ต้นลม และพิจารณาจากการผิดสัญญาของผู้เช่าด้วย จึงไม่คิดจะต่อสัญญาในปี 2558 ต่อไป ประจวบกับมีทหารยศนายพลท่านหนึ่ง ได้ติดต่อผ่านสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลที่จัดสรรศาสนสมบัติทั่วราชอาณาจักรมาติดต่อขอเช่าพื้นที่ของวัดทะเลต่อ ทางวัดเห็นว่าประโยชน์แห่งการเช่าจะตกอยู่กับวัด จึงทำหนังสือแจ้งไปที่ สนง.พระพุทธศาสนาแห่งชาติ ว่าวัดตกลงจะให้นายพลคนดังกล่าวเช่า ทางสำนักงานฯก็ได้ให้แบบฟอร์มการเช่ามายังวัด และทางวัดก็ได้ทำสัญญาอย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ

เมื่อนาย ส ทราบเรื่องเข้าก็ไม่พอใจอย่างหนัก กล่าวหา รก.เจ้าอาวาสว่าไม่แจ้งให้เขาและชาวบ้านทราบล่วงหน้าก่อน เป็นการแอบทำสัญญากันอย่างลับๆ เขาจึงเข้าไปปลุกปั่นชาวบ้านที่เช่าที่อยู่ในวัดทะเลต่างๆนาๆ จึงทำให้ชาวบ้านเกิดความไม่พอใจ รก.เจ้าอาวาสอย่างหนัก จึงรวมตัวกันมาที่วัดภูเขาทอง ในเช้าวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๗ ประมาณ ๒๐ คน เรื่องนี้ทราบไปถึงชาวบ้านในพื้นที่ ต.แม่น้ำ ชาวบ้านที่ทราบเรื่องการไม่จ่ายค่าเช่าหรือการผลัดวันการจ่ายค่าเช่าของนาย ส ก็เดินทางมาที่วัดภูเขาทองในวันเดียวกัน ประมาณ ๑๐๐ คน เพื่อมาปกป้องและล้อมตัว รก.เจ้าอาวาสไว้ ไม่ให้กลุ่มชาวบ้านวัดทะเลเข้าถึงตัว ดังปรากฎในวีดีโอนี้

ปัญหาทั้งหมดนี้เกิดจากนาย ส เพียงคนเดียว เพราะนาย ส เป็นผู้ถือสัญญาเช่าที่ทั้งหมด แต่นาย ส เอาที่ไปให้คนอื่นเช่าต่อเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ พอนาย ส ผิดสัญญาการจ่ายเงินแก่วัด วัดก็เลยไม่ต่อสัญญาอีกต่อไปและไปต่อกับคนอื่นแทน ทำให้นาย ส เดือร้อน ส่วนคนที่มาเช่าที่ต่อจากนาย ส ก็เดือดร้อนเช่นกัน นาย ส จึงเอาความเดือดร้อนนี้ไปปลุกปั่นชาวบ้านที่เช่าที่ต่อจากเขาให้มากดดัน รก.เจ้าอาวาส สรุปคือ นาย ส หลอกยืมมือชาวบ้านเพื่อมากดดัน รก.เจ้าอาวาส แทนตนนั่นเอง ทั้งๆที่ความเดือดร้อนของชาวบ้านทั้งหมดเกิดจากตัวนาย ส เป็นผู้กระทำเองทั้งสิ้น แต่นาย ส จะโยนความผิดทั้งหมดของตนให้กับพระคือ รก.เจ้าอาวาสวัดภูเขาทอง

นี่คือความเลวร้ายของสังคมไทยที่ผู้มีอิทธิพลควบคุมทุกอย่าง ทำถูกให้เป็นผิด ทำผิดให้เป็นถูก

ล่าสุด เช้าวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ นาย ส ไม่พอใจ รก.เจ้าอาวาส และพระหลานของ รก.เจ้าอาวาสอย่างหนัก ที่นำเรื่องดังกล่าวไปเผยแพร่ในสื่อออนไลน์ ทำให้นาย ส เสียหน้าเป็นอย่างมาก จึงบุกเข้าไปในวัดภูเขาทอง ใช้วาจาหยาบคาย ใช้คำสบถด่า รก.เจ้าอาวาส แต่ท่านมิได้ลงมาแต่อย่างใด เมื่อนาย ส ไม่เห็น รก.เจ้าอาวาสและพระหลานของท่าน จึงขู่จะบุกเข้าไปรื้อกุฏิเพือตามตัวให้เจอ และได้พูดจาขมขู่ว่า "แบบนี้จะยิงก็ต้องยิง" สร้างความตกใจให้กับชาวบ้านที่นั่งอยู่บริเวณกุฏิเจ้าอาวาสเป็นอย่างมาก เมื่อนาย ส ไม่สามารถทำอะไรได้ก็กลับออกไปจากวัด

เรื่องนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง อยากให้หน่วงงานราชการไม่ว่า ทหารหรือตำรวจ ลงพื้นที่ไปคุ้มครองพระที่วัดภูเขาทอง ต.แม่น้ำด้วย เพราะนาย ส ได้เข้ามาป้วนเปี้ยนในวัดอยู่ทุกวัน ทำให้พระและชาวบ้านไม่สบายใจ

ต่อมามีการไปปล่อยข่าวในโลกออนไลน์ว่าเจ้าอาวาสจะขายที่วัดอีก ซึ่งเป็นการบิดเบือนข้อมูลของชาวบ้านในพื้นที่วัดทะเลที่เสียผลประโยชน์ ทำให้สังคมเข้าใจผิด ตามนี้
https://www.facebook.com/video.php?v=1134210813366254&pnref=story
ทั้งๆที่การทำสัญญาดังกล่าว เป็นการกระทำอย่างถูกต้องตามกฏหมาย ผ่านมติของ สนง.พระพุทธศาสนาแห่งชาติซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลแล้ว ตามหนังสือนี้


แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่