บทความ ก๋วยเตี๋ยวภูกระดึง

กระทู้คำถาม
บทความ ก๋วยเตี๋ยวภูกระดึง



อยากจะฝากถึง อพท.และหอการค้า ที่จะเสนอให้ ครม. พิจารณาโครงการสร้างกระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึง
ขอถามหน่อยเถอะครับ ไม่รู้จริงๆ เหรอว่า ภูกระดึงเป็นภูเขาที่มีชื่อเสียงที่สุดเพราะเหตุใด
คิดว่าเพราะความสวยงามเหรอ คุณคิดว่าภูกระดึงมีวิวทิวทัศน์งดงามที่สุดในประเทศเหรอ
หรือคุณคิดว่า เป็นเพราะทะเลหมอก ทะเลหมอกที่อื่นไม่มีเหรอ พระอาทิตย์ตอนเช้าที่อื่นมันไม่ขึ้นเหรอ อากาศที่อื่นไม่หนาวเหมือนภูกระดึงเหรอ ต้นสนและใบเมเปิ้ล(ต้นก่วม)ที่อื่นมันไม่มีหรืออย่างไร
อยากดูใบเมเปิ้ลไปดูที่อื่นก็ได้ ภูเรือก็มี ภูทับเบิกก็มี ภูหินร่องกล้าก็มี หรือถ้าจะเอาป่าสนเขาแบบเดียวกันกับภูกระดึง ก็ภูเรือไง รถขึ้นถึง ไม่ต้องเดินให้เหนื่อย

ถามว่าสถานที่เหล่านี้ และที่อื่นๆ ทำไมไม่โด่งดังและเป็นที่กล่าวขานเท่าภูกระดึง ทำไมคนไปเที่ยวที่อื่นไม่ตราตรึงและฝังลึกในความทรงจำเท่าภูกระดึง

ลองคิดสักนิดให้ดีๆ สิว่าอะไรกันแน่ที่เป็นเอกลักษณ์และมนต์เสน่ห์ของภูกระดึงที่ที่อื่นไม่มี ไม่ใช่จุดชมวิว ไม่ใช่สภาพป่า หรือพันธุ์ไม้ใดๆ แต่มันคือกระแสผู้พิชิตความเข้าถึงยากต่างหาก ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของภูกระดึง ที่ดึงดูดเอาผู้คนมากมายในแต่ละปีให้มาพิสูจน์ตัวเอง เพื่อให้ได้มาซึ่งคำว่า "ผู้พิชิตภูกระดึง" จนกลายเป็นกระแสสังคมทำตามๆ กัน

แน่นอนว่าการพิชิตภูกระดึงไม่ใช่เรื่องยิ่งใหญ่อะไรมากมาย แต่มันเป็นสีสันที่เกิดขึ้นในสังคม เป็นความสุขของคนในสังคม
บางคนพิชิตได้สามครั้งสี่ครั้ง บางคนกว่าจะพิชิตได้น้ำตาแทบไหล บางคนไปไม่ถึงถอดใจเดินกลับบ้าง ไม่ใช่เรื่องซีเรียสอะไรมากมาย มันเป็นสีสัน
แล้วถ้ามีกระเช้าที่จ่ายเงินแล้วมีเครื่องจักรพาไปส่งถึงข้างบน แล้วมนต์เสน่ห์ของภูกระดึงจะเหลืออะไร   เหลือแค่ความสวยงามที่มีเหมือนๆ กันกับที่อื่นๆ
เหมือนภูเรือ เหมือนภูทับเบิก เหมือนภูชี้ฟ้า ที่คนขึ้นไปนอนพักผ่อน ถ่ายรูป แล้วกลับลงมา แต่ความตราตรึงฝังใจเหมือนดังเก่ามันไม่มีอีกแล้ว

มีกระช้าขึ้นถึงแล้วใครจะไปพิชิต เหมือนคนจะเอาปีกซีล หรือรีคอล แต่อยู่ดีๆ ปีกนี้ซื้อได้แค่จ่ายเงิน แล้วเขาจะไปพิชิตมาเพื่อคุณค่าอะไร
คนที่มาครั้งแรกย่อมไม่รู้ถึงมนต์เสน่ห์ของภูกระดึง คนมาครั้งแรกเขาก็จะไปขึ้นกระเช้าไฟฟ้ากันหมด แล้วคนรุ่นใหม่จะไม่รู้มนต์เสน่ห์และไม่มีวันเข้าใจตรงนี้เหมือนคนรุ่นเก่า ภูกระดึงที่ใครมาแล้วกล่าวขานล่ำลือถึงว่ามันไปยาก มันลำบาก มันเข้าถึงยากก็ไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว ก็จะเหมือนภูเขาอื่นๆ ทั่วๆ ไป

ภาพบรรยากาศที่คนเป็นร้อยร่วมทางเดินลำบากด้วยกัน แบ่งน้ำกันกิน ช่วยเหลือเกิ้อกูลกัน นั่งพักเหนื่อยหอบพูดคุยกัน แซวกันเล่น ทักทายกัน เรื่องราวเหล่านี้กำลังจะหายไป

คำให้กำลังใจของคนที่เดินลงที่มักจะหลอกคนเดินขึ้นว่า "อีกนิดเดียว ใกล้จะถึงแล้ว" แต่คนเดินขึ้นซำแล้วซำเล่าก็ไม่ถึงซักที เรื่องราวเหล่านี้กำลังจะกลายเป็นแค่เรื่องเล่า

ความรู้สึกของคนที่อัดอั้นตันใจเพราะเหนื่อยสุดๆ ในชีวิต แต่พอเห็นป้าย "ครั้งหนึ่งในชีวิต เราคือผู้พิชิตภูกระดึง" แล้วน้ำตาแทบร่วง ปล่อยโฮออกมา วิ่งไปถ่ายรูปกับป้ายผู้พิชิตภูกระดึง พร้อมกับบอกในใจว่า "ในที่สุดเราก็ทำได้" ความรู้สึกเหล่านี้มันไม่มีอีกแล้ว  ผู้พิชิตภูกระดึงจะกลายเป็นแค่ตำนาน

การสร้างกระเช้าไฟฟ้าขึ้นยอดเขา อาจจะไม่ใช่เรื่องผิด ถ้าไม่ส่งผลกระทบต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมาก แต่มันผิดที่ดันทุรังจะไปสร้างขึ้นยอดเขาที่มีเอกลักษณ์คือความเข้าถึงยาก

สถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งมันมีโซนเฉพาะเหมาะสมกับกลุ่มคนแต่ละแบบ แตกต่างกันไป มีทั้งแนวสบาย เดินทางไปง่ายๆ พักผ่อนชิวๆ กับแนวลำบาก ท้าทาย ผจญภัย  เรามีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมายไว้รองรับสำหรับผู้ที่ไม่พร้อมที่จะเดิน ไม่ว่าผู้สูงอายุ เด็ก และคนพิการ หรือแม้แต่ถ้าประสงค์จะท่องเที่ยวป่าสนเขาแบบเดียวกันกับภูกระดึง เราก็ยังมีภูเรือไว้รองรับ  ภูเรือก็เปรียบเสมือนตัวแทนของภูกระดึงที่มีไว้รองรับคนที่ไม่พร้อมจะเดิน ดังนั้น จึงไม่ใช่การไปจำกัดสิทธิ์ผู้สูงอายุ เด็ก และคนพิการแต่อย่างใด

ความจริงปีนเขา ปีนที่ไหนก็ได้ แต่ที่นี่มันมีกระแสสังคมเกิดขึ้นมาแล้ว กระแสที่คนอยากไปทำตามๆ กัน ไม่ใช่ไปปีนอยู่คนเดียว แน่นอนว่าคนที่ชอบสันโดษไม่ชอบที่ที่มีผู้คนมาก ชอบไปผจญภัยที่ที่ไม่ค่อยมีคน ไปกันป็นกลุ่มเล็กๆ มันก็มี แต่นั่นคือคนกลุ่มน้อย เรากำลังพูดถึงคนกลุ่มใหญ่ ธรรมชาติของมนุษย์เป็นสัตว์สังคม คนส่วนใหญ่ชอบที่จะมีมิตรภาพและสานสัมพันธ์ร่วมประสบเหตุการณ์เดียวกันไปกับผู้คนจำนวนมาก ไม่ใช่ประสบอยู่คนเดียว

การที่คนเราทำตามกระแสขึ้นไปถ่ายรูปบนภูกระดึง เพื่อจะเอามาประกาศให้เพื่อนในสังคมของตนเองรับรู้ว่า เราก็ไปมาแล้วเหมือนกัน เราก็พิชิตภูกระดึงได้เหมือนกัน มันเป็นเรื่องธรรมดาของคนเรา

กระเช้าไฟฟ้าถ้าขึ้นเขาอื่นที่ไม่ใช่ภูกระดึง ก็ว่ากันไป ใครอยากนั่งกระเช้าก็ไปเขา A ใครอยากเดินพิชิตก็ไปเขา B มันควรจะเป็นอย่างนั้นมากกว่าหรือเปล่า แยกโซนกัน

แล้วในประเทศไทยตอนนี้ก็มีอยู่แค่ที่เดียวด้วย ที่มีกระแสสังคมผู้พิชิตที่ดึงดูดคนจำนวนมาก ไปลำบากด้วยกัน สนุกสนานด้วยกันแบบนี้ มันหาไม่ได้ที่ไหนอีกแล้ว เก็บรักษาเอาไว้เป็นอันซีนไทยแลนด์สักที่ไม่ได้หรืออย่างไร

สถานที่บางแห่งก็เหมาะสำหรับอนุรักษ์ไว้ให้เป็นโซนเฉพาะสำหรับลำบากท้าทาย คนที่เลือกมาแนวนี้ก็ต้องยอมรับสภาพไปตามนั้น
มาเที่ยวโซนผจญภัยแต่เรียกร้องความสะดวกสบายมันก็คงจะไม่ใช่
เพราะโซนสะดวกสบายก็มีแยกไว้ต่างหากอยู่แล้ว เพียงแต่คุณต้องเลือกว่าที่ไหนเหมาะสมกับตัวคุณ

หากคุณยังไม่เข้าใจถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของภูกระดึง คุณอาจกำลังทำลายมนต์เสน่ห์ของภูกระดึงโดยไม่รู้ตัว
กระเช้าไฟฟ้าของพวกคุณจะทำให้ภูกระดึงกลายเป็นแค่ภูเขาธรรมดาทั่วๆ ไป
ถ้ามีกระเช้าไฟฟ้า คนก็จะมาเที่ยวภูกระดึงเยอะขึ้น เพราะมาง่ายขึ้น คนที่อยากเห็นบนภูแต่เดินขึ้นไม่ไหวก็จะแห่แหนพากันมาจากทั่วทุกสารทิศ  
สิ่งที่จะได้คือเงิน เงิน และเงินจากลูกค้าขาจร เหมือนร้านก๋วยเตี๋ยวที่อาศัยว่าอยู่ติดถนนใหญ่ ลูกค้าขาจรผ่านไปผ่านมาเยอะ คนเข้าถึงง่าย

ร้านก๋วยเตี๋ยวขึ้นชื่อลือชาที่เคยมีลูกค้าขาประจำจำนวนมาก ที่พร้อมจะตามไปกิน ไม่ว่าจะอยู่ในซอยลึกแค่ไหน กลับยอมทิ้งสูตรเด็ดของตัวเอง ไปเปิดร้านอยู่ติดถนนใหญ่ แต่กลายเป็นก๋วยเตี๋ยวน้ำใสธรรมดา

เงินน่ะมันได้ แต่ความประทับใจ ความตราตรึงใจในรสชาติของก๋วยเตี๋ยวร้านนี้ ที่เคยมีไม่เหมือนร้านอื่นๆ มันจะไม่มีอีกต่อไปแล้ว

เรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อมเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ต้องศึกษา แต่ประเด็นนี้ผู้ขียนแค่จะบอกถึงเรื่องเอกลักษณ์และมนต์เสน่ห์ของสถานที่
บางคนอาจมองว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องอนุรักษ์ทรัพยากร แต่ผู้เขียนมองว่าเกี่ยวตรงที่เป็นการพูดถึงการใช้ประโยชน์ทรัพยากรในด้านการเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ว่านักท่องเที่ยวจะประทับใจหรือเปล่า

แน่นอนว่าการอนุรักษ์ไม่ใช่การไม่แตะต้องเลย เก็บไว้เฉยๆ ไม่ใช้เลย ไม่ใช่อย่างนั้น การอนุรักษ์ มันคือการบริหารจัดการทรัพยากร หรือการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า ให้เกิดประโยชน์สูงสุด สูญเสียโดยเปล่าประโยชน์น้อยที่สุด และทำให้มีใช้อย่างยั่งยืน ไม่ว่าใช้ประโยชน์ทางตรง ทางอ้อม ด้านการใช้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจก็เป็นหนึ่งในการใช้ประโยชน์ทางอ้อม

เชื่อว่าถ้าภูกระดึงขึ้นง่าย ความประทับใจลดลงแน่นอน เพราะภูกระดึงไม่ได้สวยงามเลิศเลอมากมายอย่างที่คนไม่เคยขึ้นคิด แต่มันมีดีที่ที่อื่นไม่มี คือ การไปลำบากร่วมกันกับหลายๆ คน ทำให้การไปภูกระดึงสนุกและมีเรื่องราวมีสีสันมากกว่าการไปเที่ยวที่อื่น
ถ้าขาดความเข้าถึงยาก ภูกระดึงก็จะเป็นแค่ภูธรรมดาๆ ไม่ได้สวยไปกว่าภูอื่นๆ มากมายนัก คนเคยเที่ยวป่าเขามาเยอะบางคนอาจจะแอบกระซิบกันว่า "ก็งั้นๆ แหละ ธรรมดา" ด้วยซ้ำ ถ้ามันขึ้นถึงง่าย

ภูกระดึงอาจจะไม่ใช่ภูเขาที่สวยที่สุด อาจจะไม่ใช่ภูเขาที่สูงที่สุด แต่เป็นภูเขาคนที่ไปเที่ยวแล้วสนุกที่สุดต่างหาก เพราะมันมีสีสัน มีเรื่องราว มีเรื่องเล่าหลังจากที่เรากลับมาจากการเดินทาง เพราะฉนั้น อย่าหลงทางผิด ทำลายนต์เสนห์ของภูกระดึง

ถ้ามองว่าประเด็นนี้ไม่เกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากร ก็อาจจะไม่ขอพูดในนามนักอนุรักษ์ แต่จะขอพูดในนามนักท่องเที่ยวแทน

เขียนโดย ว่าที่ร้อยโทสราวุฒิ  สารคำ
อาสาสมัครพิทักษ์สิ่งแวดล้อม  https://www.facebook.com/EPV.or.th
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่