ตามอ่านมาตลอดเลย ไม่คิดว่าจะมีวันนี้วันที่ได้เล่าเรื่องราวของ
ตัวเองออกสู่โลกออนไลน์
เราอกหักจากผู้ชายคนหนึ่ง เพิ่งผ่านมาหมาดๆเลยละ
ฝายชายเป็นคนดีมากกกกกกก เราจึงค่อนข้างตัดใจยาก
อยากจะเตือนสติสาวๆที่มีคนดีๆอยู่ในมือ ดูแลเขาให้ดีๆ
จะได้ไม่รู้สึกตัวในวันที่สายแบบเรา
วิธีการคิดของเรานะ เอาตั้งแต่วันแรกที่จบกันเลย
Day1: เป็นวันแรกที่ความฝันพังทลาย วันนั้นยังไม่รู้สึกรู้สาอะไร
ยังคิดเข้าข้างตัวเองว่าเรายังรักกัน ง้อให้หนักรักจะกลับมา.
Day2:เริ่มเข้าสู่วันที่สอง นอนไม่ได้ กินข้าวไม่อร่อย หลับตาคราใดนึกถึงแต่ตอนรักกันหวานชื่น
คิดต่างๆนาๆ พยายามทุกทางที่จะลืม โดยระยะแรกใช้วิธีคิดถึงแต่อะไรลบๆ
ของอีกฝ่าย
เพื่อให้เกลียดจนลืมและตัดใจได้ แท้สุดค้นพบว่าไม่ใช่วิธีที่ดีนัก
และเขาก็ไม่ได้มีข้อเสียอะไรที่รุนแรง
พอจะมาสนับสนุนการตัดใจของเรา
Day3 :สติไม่อยู่กับร่องกับรอย ทำงานไม่ได้ หายใจไม่ออก อยู่คนเดียวอ่อนแอใจจะขาด ง้อเขาทุกทาง สารพัดรูปแบบที่พอใจทำ ___
ได้คำตอบกลับมาชัดเจนว่า เขาไม่รัก ไม่เอา ไม่เหมือนเดิม และไม่มีวันจะกลับมา
ความชัดเจนของเขา นำพาให้นำไปสู่วิธีตัดใจอีกแบบ นั้นคือ
วิธี"ขีดเส้นใต้เอาไว้ว่าเธอไม่รัก" เป็นวิธีหักดิบแบบเจ็บปวดแต่ใช้ได้ผลแค่ระยะเวลาสั้นๆ
ภายในหัวยังคิดวนเวียนแต่เขา
รักเขา อยากขอโอกาสจากเขา
Day4 :เจอใครก็เล่าความคับข้องใจให้ฟัง เพื่อได้ระบายให้โล่ง ระบายไปเสียน้ำตาไป
ในใจเฝ้าแต่โทษตัวเอง ทำไมฉันไม่ทำอะไรให้ดีกว่านี้ ฉันทำพลาดครั้งยิ่งใหญ่
สูญเสียคนดีๆคนนึงไป ...
พูดถึงแต่ความดีเขา
จนได้คำตอบอีกว่า วิธีระบายแล้วเล่ารายละเอียดทุกอย่าง
เป็นการยิ่งตอกย้ำความผิดพลาดของตัวเอง มันจะทำให้เรายิ่งเสียใจ และเสียดาย
จนยึดติดกับเรื่องวันวาน
อยากแต่จะย้อนกลับไปแก้ไข ทำใจได้ยากขึ้น
#วันนี้ข้าวปลาไม่กิน นอนไม่หลับ คิดแต่จะแก้ไขวันวาน ฝันถึงแต่อนาคตที่อยากสานต่อกับเขา
#ติดอยู่ในห้วงของการรู้สึกผิด และเสียดายของมีค่าที่ทำหลุดมือ
ในกรณีของเรา วิธีนี้จึงจัดว่าทรมารนะ หากระบายก็ไม่ควรเล่าซ้ำเหตุการณ์
ให้ตอกย้ำทุกความผิดพลาดที่เราเคยทำ
Day5 : จากที่พยายามทำทุกวิธีรวมกัน มันก็ดีขึ้นแค่ระยะสั้นๆ
คล้ายพยายามหลอกตัวเองว่าฉันโอเค ฉันไหว ฉันสบายมาก
แท้สุดแล้วอ่อนแอเวลาอยู่คนเดียว น้ำตาไม่ไหลนะ แต่ลึกๆแล้วทรมาร
คิดเสียใจตลอดที่เรื่องมาจบแบบนี้ นึกถึงแต่ว่าถ้ายังไปต่อป่านนี้คงกำลัง
โทรคุยกัน มาหากัน มีความสุขกัน มุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งตามประสาคนรัก
ณ จุดๆนี้ต้องคอยบอกตัวเองว่า
ให้ยอมรับความจริง เขาชัดเจนในจุดยืนมาสะขนาดนี้
ตัดขาดทุกช่องทางติดต่อขนาดนี้แล้ว มันไม่มีประโยชน์จะนึกถึงคนที่หมดรัก
หมดเยื้อใยกับเรา
;เราอ่านประโยคที่เขาพิมก่อนจบกันซ้ำๆ อ่านซ้ำๆมันทุกครั้งที่คิดถึงเขา
เพื่อตอกย้ำว่าเขาไม่ได้รัก ไม่เหมือนเดิมแล้ว ไม่มีทางจะกลับมาแล้ว เขาไปไกลแล้ว
อ่านจนซึมซับว่า เขาที่เคยรักเรามากๆนั้น ได้จากไปแล้วจริงๆ R.I.P
วันนี้ตัดสินใจไปนอนกับเพื่อน เพื่อละทิ้งความเหงา
จุดเปลี่ยนอยู่ที่......วันนี้
เป็นวันแรกที่เริ่มท่องบทแผ่เมตตาสั้นๆในใจ แผ่เมตตาให้เขา ให้ตัวเราเอง
พอเริ่มจับจุดได้ว่าตัวเองเริ่มเข้าสู่โหมดดราม่า
ก็จะรีบชักสติมาเป็นสวดบทแผ่เมตตาทันที #ทำแบบนี้อยู่ตลอดเวลาที่นึกถึงเขา เป็นวันแรกที่กินได้หลับได้ แขนขาเริ่มมีแรง
Day6: ตื่นเช้ามา ทำท่าจะหน่วงๆนึกถึงเขา จับอาการออกว่าเดี๋ยวต้องฟุ้งซ่าน พร่ำเพ้อ
เราชิงแผ่เมตตาก่อนเลย รู้สึกว่าวันนี้เป็นการคิดถึงที่ทรมารน้อยลง
เริ่มหยิบหนังสือสวดมนต์ที่ไม่เคยเปิดขึ้นมา มีเวลาไม่มากเพราะต้องไปทำงาน
หยิบยกบทสวดขออโหสิกรรม และบทแผ่เมตตามาสวด นำร่องก่อน
รู้สึกเบิกบานแจ่มใส เข้าใจอะไรมากขึ้นเยอะ
แต่ที่มหัศจรรย์ใจคือ
วันนี้รับรู้เลยว่าเราทำงานแบบมีความสุขขึ้น
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ทำแบบเบื่อๆ ขอไปที
รู้สึกมีความสุขที่จะเป็นฝ่ายให้คนอื่น
และมีพลังที่อยากจะทำสิ่งดีๆด้วยใจ
นี่อาจเป็นจุดเปลี่ยนก้าวแรกก็เป็นได้??
Day7:
***** คอยบอกกับตัวเองว่า
เราต้องอยู่กับความจริงในวันนี้ และยอมรับกับสิ่งที่เกิดให้ได้
วิเคราะห์เหตุการณ์ความรักในภาพรวมแล้ว
พบว่า...เรากับเขาศีลไม่เสมอกันจริงๆ จึงไม่สามารถเดินร่วมทางกันต่อได้
เราทั้งสองไม่ใช่คู่แท้ของกันและกัน บุญกรรมที่ทำร่วมกันมามีเพียงแค่นี้
เขานั้นศีลตั้งมั่นมานานแล้ว ร่วมกับสร้างทานบารมีขึ้นยิ่งๆจากการบวช
เขากับเราจึงศีลไม่เสมอกันแบบสุดโต่ง *
การมัวมานั่งเสียดายอดีตจึงไม่ใช่ทางออก
อดีตเป็นบทเรียนสำหรับปัจจุบันและอนาคต
คิดให้เป็นกุศลกรรม __เขาเข้ามาให้สติ
ต้องขอบคุณบทเรียนล้ำค่าบทนี้
ไม่จำเป็นต้องลืม แต่ให้รู้วิธีจะจำ
"หมั่นบำรุงสติ ด้วยศีล สมาธิ และปัญญา"
;) ปล่อยวาง จิตแจ่มใส เข้าใจโลก ไม่ยึดติด
ตอนนี้มีแรงใจที่จะทำสิ่งดีๆ
มีแรงผลักดันที่จะตั้งมั่นในศีล
ขอยกคุณความดีทั้งหมดนี้ให้กับเขา
ผู้จุดประกายธรรมะในตัวเรา
แรงแห่งศรัทธาช่างมีค่าจริงๆ
จึงเป็นที่มาของ คนดีอยู่ที่ไหนก็เป็นคนดี
และสามารถนำพาคนรอบข้างให้เป็นคนดี
อนุโมทนาบุญ...ดีใจที่ครั้งนึงเคยมีบุญได้รู้จักกัน*
ขอบคุณทุกช่วงเวลาดีๆที่เคยมี
ขอบคุณแม้กระทั่งตอนนี้
ที่สอนให้รู้คุณค่าของความดี *
เลิกสงสัยแล้วว่าคนที่เคยรักเรามากๆเช่นเขา
เหตุใด? บทจะตัดบทจบก็ไปไว ชนิดไม่ทิ้งฝุ่น
เมื่อเอาธรรมมะ เอาเรื่องบุญกรรมมาจับ
ก็พอเข้าใจและยอมรับความจริงมากขึ้น...
เขาไม่รักเราไม่ได้หมายถึงเขาเป็นคนไม่ดี*
และการที่เขาตัดใจ หมดเยื่อใยจากเราได้สนิทนั้นก็เป็นเพราะ
ผลบุญที่เขาเคยทำส่งผลให้เขา
หลุดพ้นบ่วงความทุกข์จากเราได้ไว
จึงเป็นตัวอย่างให้เห็นว่าผู้ปฎิบัติดี
ย่อมปล่อยวางและไม่ยึดติดนาน
คิดได้เช่นนี้ ก็ทุกข์น้อยลง
"คนดีผลบุญจะช่วยเหวี่ยงคนไม่ดี
ออกไปจากชีวิต -ส่วนคนไม่ดีผลกรรมจะเหวี่ยงคนดี
หายออกไปจากชีวิตเอง"
*กฎแห่งกรรมจึงยุติธรรมเสมอ*
Day8 & After that :
ถ้าถามว่าตอนนี้ยังคิดถึงเขาไหม
ตอบเลยว่าคิดถึงอยู่
แต่สัมผัสได้เลยว่าเป็นความคิดถึงที่
ทรมารน้อยกว่าช่วงแรกๆ
อาจจะยังเหงาและรู้สึกว่าขาดๆ
เพราะยังชินกับภาพวันวานอันหวานซึ้ง
การดึงสติมากำหนดอยู่กับปัจจุบันจึงช่วยได้
ปัจจุบันจะช่วยเตือนว่า
อดีตที่ผ่านมาเราย้อนกลับไปแก้ไม่ได้
เช่นเดียวกับอนาตตที่ยังมาไม่ถึง
เราเพียงแต่ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด
ตอนนี้รู้สึกว่าใจสงบลงมาก เข้าใจอะไรขึ้นเยอะ
เราเปลี่ยนความคิดถึงที่แต่เดิมโหยหา ทรมาร
เป็นการคิดถึงเขาแล้วสวดมนต์ อธิษฐานจิต
แผ่เมตตาให้เขา อโหสิกรรม และขอบคุณเขา
เจริญภาวนาให้เขาพบเจอสิ่งดีๆในชีวิต
อย่างที่บอกไป ไม่จำเป็นต้องลืม
แต่ให้รู้วิธีจะจำ* สุขทุกข์จึงอยู่ที่ใจ
***เราขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังอกหัก
จงมองหาวิธีที่เหมาะสมตามแต่สถานการณ์ความรักของคุณ
สู้ๆ และผ่านมันไปด้วยกันค่ะ
ปล.ทำดีย่อมได้ดีไม่วันนี้ก็วันหน้า
อดีตที่เคยไม่ดี ให้ถือเป็นบทเรียน
ไม่มีคำว่าสายสำหรับการเริ่มใหม่
พ่อพระตัวร้ายกับยัยห่างศาสนา#ขอแชร์ประสบการณ์การทำใจเมื่ออกหักจากผู้ชายครั้งแรกของเราค่ะ
ตัวเองออกสู่โลกออนไลน์
เราอกหักจากผู้ชายคนหนึ่ง เพิ่งผ่านมาหมาดๆเลยละ
ฝายชายเป็นคนดีมากกกกกกก เราจึงค่อนข้างตัดใจยาก
อยากจะเตือนสติสาวๆที่มีคนดีๆอยู่ในมือ ดูแลเขาให้ดีๆ
จะได้ไม่รู้สึกตัวในวันที่สายแบบเรา
วิธีการคิดของเรานะ เอาตั้งแต่วันแรกที่จบกันเลย
Day1: เป็นวันแรกที่ความฝันพังทลาย วันนั้นยังไม่รู้สึกรู้สาอะไร
ยังคิดเข้าข้างตัวเองว่าเรายังรักกัน ง้อให้หนักรักจะกลับมา.
Day2:เริ่มเข้าสู่วันที่สอง นอนไม่ได้ กินข้าวไม่อร่อย หลับตาคราใดนึกถึงแต่ตอนรักกันหวานชื่น
คิดต่างๆนาๆ พยายามทุกทางที่จะลืม โดยระยะแรกใช้วิธีคิดถึงแต่อะไรลบๆ
ของอีกฝ่าย
เพื่อให้เกลียดจนลืมและตัดใจได้ แท้สุดค้นพบว่าไม่ใช่วิธีที่ดีนัก
และเขาก็ไม่ได้มีข้อเสียอะไรที่รุนแรง
พอจะมาสนับสนุนการตัดใจของเรา
Day3 :สติไม่อยู่กับร่องกับรอย ทำงานไม่ได้ หายใจไม่ออก อยู่คนเดียวอ่อนแอใจจะขาด ง้อเขาทุกทาง สารพัดรูปแบบที่พอใจทำ ___
ได้คำตอบกลับมาชัดเจนว่า เขาไม่รัก ไม่เอา ไม่เหมือนเดิม และไม่มีวันจะกลับมา
ความชัดเจนของเขา นำพาให้นำไปสู่วิธีตัดใจอีกแบบ นั้นคือ
วิธี"ขีดเส้นใต้เอาไว้ว่าเธอไม่รัก" เป็นวิธีหักดิบแบบเจ็บปวดแต่ใช้ได้ผลแค่ระยะเวลาสั้นๆ
ภายในหัวยังคิดวนเวียนแต่เขา
รักเขา อยากขอโอกาสจากเขา
Day4 :เจอใครก็เล่าความคับข้องใจให้ฟัง เพื่อได้ระบายให้โล่ง ระบายไปเสียน้ำตาไป
ในใจเฝ้าแต่โทษตัวเอง ทำไมฉันไม่ทำอะไรให้ดีกว่านี้ ฉันทำพลาดครั้งยิ่งใหญ่
สูญเสียคนดีๆคนนึงไป ...
พูดถึงแต่ความดีเขา
จนได้คำตอบอีกว่า วิธีระบายแล้วเล่ารายละเอียดทุกอย่าง
เป็นการยิ่งตอกย้ำความผิดพลาดของตัวเอง มันจะทำให้เรายิ่งเสียใจ และเสียดาย
จนยึดติดกับเรื่องวันวาน
อยากแต่จะย้อนกลับไปแก้ไข ทำใจได้ยากขึ้น
#วันนี้ข้าวปลาไม่กิน นอนไม่หลับ คิดแต่จะแก้ไขวันวาน ฝันถึงแต่อนาคตที่อยากสานต่อกับเขา
#ติดอยู่ในห้วงของการรู้สึกผิด และเสียดายของมีค่าที่ทำหลุดมือ
ในกรณีของเรา วิธีนี้จึงจัดว่าทรมารนะ หากระบายก็ไม่ควรเล่าซ้ำเหตุการณ์
ให้ตอกย้ำทุกความผิดพลาดที่เราเคยทำ
Day5 : จากที่พยายามทำทุกวิธีรวมกัน มันก็ดีขึ้นแค่ระยะสั้นๆ
คล้ายพยายามหลอกตัวเองว่าฉันโอเค ฉันไหว ฉันสบายมาก
แท้สุดแล้วอ่อนแอเวลาอยู่คนเดียว น้ำตาไม่ไหลนะ แต่ลึกๆแล้วทรมาร
คิดเสียใจตลอดที่เรื่องมาจบแบบนี้ นึกถึงแต่ว่าถ้ายังไปต่อป่านนี้คงกำลัง
โทรคุยกัน มาหากัน มีความสุขกัน มุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งตามประสาคนรัก
ณ จุดๆนี้ต้องคอยบอกตัวเองว่า
ให้ยอมรับความจริง เขาชัดเจนในจุดยืนมาสะขนาดนี้
ตัดขาดทุกช่องทางติดต่อขนาดนี้แล้ว มันไม่มีประโยชน์จะนึกถึงคนที่หมดรัก
หมดเยื้อใยกับเรา
;เราอ่านประโยคที่เขาพิมก่อนจบกันซ้ำๆ อ่านซ้ำๆมันทุกครั้งที่คิดถึงเขา
เพื่อตอกย้ำว่าเขาไม่ได้รัก ไม่เหมือนเดิมแล้ว ไม่มีทางจะกลับมาแล้ว เขาไปไกลแล้ว
อ่านจนซึมซับว่า เขาที่เคยรักเรามากๆนั้น ได้จากไปแล้วจริงๆ R.I.P
วันนี้ตัดสินใจไปนอนกับเพื่อน เพื่อละทิ้งความเหงา
จุดเปลี่ยนอยู่ที่......วันนี้
เป็นวันแรกที่เริ่มท่องบทแผ่เมตตาสั้นๆในใจ แผ่เมตตาให้เขา ให้ตัวเราเอง
พอเริ่มจับจุดได้ว่าตัวเองเริ่มเข้าสู่โหมดดราม่า
ก็จะรีบชักสติมาเป็นสวดบทแผ่เมตตาทันที #ทำแบบนี้อยู่ตลอดเวลาที่นึกถึงเขา เป็นวันแรกที่กินได้หลับได้ แขนขาเริ่มมีแรง
Day6: ตื่นเช้ามา ทำท่าจะหน่วงๆนึกถึงเขา จับอาการออกว่าเดี๋ยวต้องฟุ้งซ่าน พร่ำเพ้อ
เราชิงแผ่เมตตาก่อนเลย รู้สึกว่าวันนี้เป็นการคิดถึงที่ทรมารน้อยลง
เริ่มหยิบหนังสือสวดมนต์ที่ไม่เคยเปิดขึ้นมา มีเวลาไม่มากเพราะต้องไปทำงาน
หยิบยกบทสวดขออโหสิกรรม และบทแผ่เมตตามาสวด นำร่องก่อน
รู้สึกเบิกบานแจ่มใส เข้าใจอะไรมากขึ้นเยอะ
แต่ที่มหัศจรรย์ใจคือ
วันนี้รับรู้เลยว่าเราทำงานแบบมีความสุขขึ้น
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ทำแบบเบื่อๆ ขอไปที
รู้สึกมีความสุขที่จะเป็นฝ่ายให้คนอื่น
และมีพลังที่อยากจะทำสิ่งดีๆด้วยใจ
นี่อาจเป็นจุดเปลี่ยนก้าวแรกก็เป็นได้??
Day7:
***** คอยบอกกับตัวเองว่า
เราต้องอยู่กับความจริงในวันนี้ และยอมรับกับสิ่งที่เกิดให้ได้
วิเคราะห์เหตุการณ์ความรักในภาพรวมแล้ว
พบว่า...เรากับเขาศีลไม่เสมอกันจริงๆ จึงไม่สามารถเดินร่วมทางกันต่อได้
เราทั้งสองไม่ใช่คู่แท้ของกันและกัน บุญกรรมที่ทำร่วมกันมามีเพียงแค่นี้
เขานั้นศีลตั้งมั่นมานานแล้ว ร่วมกับสร้างทานบารมีขึ้นยิ่งๆจากการบวช
เขากับเราจึงศีลไม่เสมอกันแบบสุดโต่ง *
การมัวมานั่งเสียดายอดีตจึงไม่ใช่ทางออก
อดีตเป็นบทเรียนสำหรับปัจจุบันและอนาคต
คิดให้เป็นกุศลกรรม __เขาเข้ามาให้สติ
ต้องขอบคุณบทเรียนล้ำค่าบทนี้
ไม่จำเป็นต้องลืม แต่ให้รู้วิธีจะจำ
"หมั่นบำรุงสติ ด้วยศีล สมาธิ และปัญญา"
;) ปล่อยวาง จิตแจ่มใส เข้าใจโลก ไม่ยึดติด
ตอนนี้มีแรงใจที่จะทำสิ่งดีๆ
มีแรงผลักดันที่จะตั้งมั่นในศีล
ขอยกคุณความดีทั้งหมดนี้ให้กับเขา
ผู้จุดประกายธรรมะในตัวเรา
แรงแห่งศรัทธาช่างมีค่าจริงๆ
จึงเป็นที่มาของ คนดีอยู่ที่ไหนก็เป็นคนดี
และสามารถนำพาคนรอบข้างให้เป็นคนดี
อนุโมทนาบุญ...ดีใจที่ครั้งนึงเคยมีบุญได้รู้จักกัน*
ขอบคุณทุกช่วงเวลาดีๆที่เคยมี
ขอบคุณแม้กระทั่งตอนนี้
ที่สอนให้รู้คุณค่าของความดี *
เลิกสงสัยแล้วว่าคนที่เคยรักเรามากๆเช่นเขา
เหตุใด? บทจะตัดบทจบก็ไปไว ชนิดไม่ทิ้งฝุ่น
เมื่อเอาธรรมมะ เอาเรื่องบุญกรรมมาจับ
ก็พอเข้าใจและยอมรับความจริงมากขึ้น...
เขาไม่รักเราไม่ได้หมายถึงเขาเป็นคนไม่ดี*
และการที่เขาตัดใจ หมดเยื่อใยจากเราได้สนิทนั้นก็เป็นเพราะ
ผลบุญที่เขาเคยทำส่งผลให้เขา
หลุดพ้นบ่วงความทุกข์จากเราได้ไว
จึงเป็นตัวอย่างให้เห็นว่าผู้ปฎิบัติดี
ย่อมปล่อยวางและไม่ยึดติดนาน
คิดได้เช่นนี้ ก็ทุกข์น้อยลง
"คนดีผลบุญจะช่วยเหวี่ยงคนไม่ดี
ออกไปจากชีวิต -ส่วนคนไม่ดีผลกรรมจะเหวี่ยงคนดี
หายออกไปจากชีวิตเอง"
*กฎแห่งกรรมจึงยุติธรรมเสมอ*
Day8 & After that :
ถ้าถามว่าตอนนี้ยังคิดถึงเขาไหม
ตอบเลยว่าคิดถึงอยู่
แต่สัมผัสได้เลยว่าเป็นความคิดถึงที่
ทรมารน้อยกว่าช่วงแรกๆ
อาจจะยังเหงาและรู้สึกว่าขาดๆ
เพราะยังชินกับภาพวันวานอันหวานซึ้ง
การดึงสติมากำหนดอยู่กับปัจจุบันจึงช่วยได้
ปัจจุบันจะช่วยเตือนว่า
อดีตที่ผ่านมาเราย้อนกลับไปแก้ไม่ได้
เช่นเดียวกับอนาตตที่ยังมาไม่ถึง
เราเพียงแต่ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด
ตอนนี้รู้สึกว่าใจสงบลงมาก เข้าใจอะไรขึ้นเยอะ
เราเปลี่ยนความคิดถึงที่แต่เดิมโหยหา ทรมาร
เป็นการคิดถึงเขาแล้วสวดมนต์ อธิษฐานจิต
แผ่เมตตาให้เขา อโหสิกรรม และขอบคุณเขา
เจริญภาวนาให้เขาพบเจอสิ่งดีๆในชีวิต
อย่างที่บอกไป ไม่จำเป็นต้องลืม
แต่ให้รู้วิธีจะจำ* สุขทุกข์จึงอยู่ที่ใจ
***เราขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังอกหัก
จงมองหาวิธีที่เหมาะสมตามแต่สถานการณ์ความรักของคุณ
สู้ๆ และผ่านมันไปด้วยกันค่ะ
ปล.ทำดีย่อมได้ดีไม่วันนี้ก็วันหน้า
อดีตที่เคยไม่ดี ให้ถือเป็นบทเรียน
ไม่มีคำว่าสายสำหรับการเริ่มใหม่