สวัสดีค่ะเพื่อนๆที่ชอบเลี้ยงปลา วันนี้ อยากเอาประสบการณ์การทำบ่อปลาคาฟด้วยบล๊อคอิฐประสานมาแบ่งปัน ผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ก่อนอื่นเลย เราต้องหาทำเลว่าอยากให้บ่ออยู่ส่วนไหนของบ้าน ของเราเอาไว้ช่วงหน้าบ้าน เพราะหญ้าไม่ค่อยโตแล้ว และยิ่งช่วงนี้แดดส่องไม่ถึง หญ้าไม่สวย เอาหล่ะตรงนี้แหละเหมาะแล้ว เริ่มกันเลย
1. เกลี่ยพื้นที่ให้เรียบเท่าที่จะทำได้ วัดขนาดว่าจะเอาบ่อใหญ่ขนาดไหน ของเรา ประมาณ 2.4 x 0.80 x 0.30 เมตร (พื้นที่ด้านในบ่อทั้งหมด) ไม่ลึกมาก จากนั้นก็เอาหญ้าที่เหลือจากการตัดบริเวณรอบบ้านมาโรยๆ ให้พื้นบ่อนิ่มๆ (อันนี้สามีคิดเอาว่าถ้าพื้นล่างนิ่ม ก็จะช่วยไม่ให้ผ้ายางขาดง่าย) จากนั้นก็เอาอิฐประสานมาเรียงชั้นแรก เอาระดับน้ำ ( ที่ช่างก่อสร้างเขาใช้นั่นแหละ ) มาวัดให้พื้นที่ทุกตารางเมตรเสมอกัน ใช้อิฐ 26 ก้อนต่อ 1 แถว ราคาก้อนละ 15 บาท เมื่อเรียงชั้นแรกจนครบแล้ว ก็เรียงชั้นต่อไปโดยให้อิฐวางสลับล็อคกัน เพื่อให้กำแพงแข็งแรงขึ้น วางเรียงไปเรื่อยๆจนครบ 3 ชั้น อิฐชั้นละ 26 ก้อน 4 แถว รวมแถวบน 26 x 4 = 104 ตกราคาอิฐ 104 x 15 = 1,560 บาท ตามรูป
เจ้านายน้อยมาคุมงานก่อสร้างด้วยตัวเองเลย
2. หลังจากเรียงอิฐไปแล้ว 3 ชั้น ก็เอาผ้ายางมาปูให้ทั่วบริเวณ ค่อยๆไล่ไปจนเต็มพื้นที่ เบามือหน่อย เพราะไม่งั้นเดี๋ยวเผื่อข้างใต้มีเศษหินที่ลอดสายตาเราไปโดนเข้า จะขาด งานงอกเลยทีนี้ ผ้ายางซื้อมาจากตลาดนัดต้นไม้ เมืองจำลอง 3 x 2 เมตร เขาขายเป็นชิ้น เราไม่ได้ไปตามร้านผ้าใบ พอดีวันนั้นเป็นวันอาทิตย์ ร้านผ้าใบปิดหมด เอาที่นี่แหละ ราคา 450 บาท ไล่ปูจนเต็มพื้นที่ แล้วเอาอิฐมาวางทับให้รอบบ่อ เป็นแถวสุดท้าย แถวที่ 4
3. จากนั้นก็เอาน้ำใส่ น้ำที่เราใส่ เป็นน้ำที่อยู่ในแทงค์ซึ่งก็คือน้ำที่พักไว้หลายวันแล้ว คิดว่าโอเค ไม่มีคลอรีน ใส่ให้เต็ม แล้วเติมเกลือทะเลลงไป ไม่ต้องผสมน้ำก่อน โรยลงไปโลดให้ทั่วๆบ่อ ( เกลือซื้อมาจากร้านขายปลา ถุงละ 20 บาท ) เจ้าของร้านเขาบอกว่า บ่อเราน่าจะใช้สัก 3 ถุง หรือ 3 กิโล ใส่วันละ 1 ถุง ติดต่อกัน 3 วัน ( เราถามว่าทำไมไม่ใส่ไปเลยทีเดียว 3 ถุง เขาบอกว่าก็ได้ แต่กลัวเราจะตกใจว่าทำไมใส่เยอะจัง แฮ่ๆ )
4. เตรียมบ่อเสร็จ ทีนี้มาดูเรื่องถังกรองกันบ้าง เพราะเขาว่ามาว่า จะเลี้ยงปลาคาฟต้องมีระบบกรองดีๆ น้ำใสๆ ปลาจะชอบ เราเลยไปซื้อถังมาจากโฮมเวิค ถังละ 299 บาท ถังขยะแบบมีฝาปิด 3 ใบ 299 x 3 = 897 บาท
เอามาเจาะรู ใส่ท่อ โน้น นี่ นั่น ท่อหน้า ท่อหลัง ท่อๆๆ
- ถังเราจะใช้ระบบน้ำเข้ากรองแรกช่องบน มีท่อต่อตรงลงไปก้นถัง แล้วต่อ 3 ทาง ซ้าย ขวา ต่อข้องอตรงปลายทั้งสองข้าง ให้ระบบน้ำไหลวนอยู่ก้นถัง แล้วค่อยลอยขึ้นมาบนปากถัง น้ำจะได้ไม่นิ่งอยู่ที่เดียว
ไปหาซื้อฝาชีที่ตลาด อันละ 15 บาท มา 3 อัน เพื่อเอาไว้ดักขี้ปลาหรืออะไรชิ้นใหญ่ๆในน้ำไม่ให้ลอยขึ้นมาได้ ส่วนอีกสองถังไม่ต้องต่อท่อลงไปตรงกลางก้นถัง แค่เอาข้องอมาต่อตรงที่น้ำเข้าด้านล่าง ให้หันซ้ายก็ได้ ขวาก็ได้ ใช้แค่อันเดียว เพื่อให้น้ำที่เข้ามา วนเหมือนกัน เอาฝาชีมาครอบในทุกถังนะ ตัดฝาชีส่วนที่ท่อน้ำเข้า (ท่อด้านล่าง) ออกไปบ้างเพื่อให้ฝาชีวางได้จนถึงก้นถัง ถ้าสูงไปก็ตัดออกให้เตี้ยจนถึงใกล้ๆท่อ เพราะถ้าสูงไปเราจะใส่วัสดุกรองได้น้อย เข้าใจเนอะ (คนพิมพ์ยังงงๆเลย เหอะๆๆ)
5. หลังจากทำถังกรองเสร็จ ทีนี้ก็เรื่องวัสดุที่ต้องใส่เข้าไปข้งใน ไปหาซื้อที่ร้านขายปลา และอาหารปลา มีหมดทุกอย่างที่ต้องการ
- ใยกรองสีฟ้า หยาบๆเหมือนเชือกไนลอน ราคาถุงละ 250 บาท ถ้าจำไม่ผิดเพราะซื้อมาไว้นานแล้ว
- ใยกรองสีม่วง ลักษณะเหมือนสก็อตไบท์ที่ไว้ล้างจาน ถุงละ 150 บาท
- ลูกไบโอบอลสีดำๆ ถุงละ 80 บาทซื้อมา 3 ถุง 80 x 3 = 240 บาท
- ตระกูลหิน กรวด ก็มี หินภูเขาไฟ หินปะการัง กรวดสีฟ้าเล็กๆ เรียกไม่ถูก ลืมแล้วว่าชื่ออะไร อย่างละ 4 ถุง ถุงละ 80 บาท 4 x 3 = 12 x 80 = 960 บาท เฉพาะหินกับกรวดนะเนี่ย
- ถ่านคาร์บอน ถุงละ 100 บาท ซื้อมา 2 ถุง เพราะของเก่ามีอยู่ 2 ถุง (แอบถามพ่อค้า ใช้ถ่านที่ไว้ทำหมูกะทะได้เปล่า เขาบอกว่าได้ แต่คุณสมบัติต่างกันเยอะนะ อยากใช้ก็ตามใจ แต่ถ้าไม่ได้ผลไม่รู้ด้วยนะ เราเลยคิดอยู่ 2 วินาที โอเค เอาของพี่นี่แหละ แอบแว็บ งกนิดๆ แต่ยอมเสียเงินซื้อของแพงดีกว่าไม่ได้ผล)
- ใยแก้วสีขาว ถุงละ 120 บาท
ของพร้อม คนพร้อม ถังพร้อม ลุยต่อเลย
6. เริ่มที่ถังกรองแรก เอาใยกรองสีฟ้าหยาบมาตัดให้พอดีที่จะใส่ลงไปในถังได้ ปาดช่วงกลางนิดนึง เพราะเราใส่ท่อไว้ เดี๋ยวจะยัดเข้าไปไม่ได้ ( ขอบอกตัดโค ตะ ระ ยากเลย พ่อค้าบอกให้ใช้คัตเตอร์คมๆค่อยๆตัด แต่เราใจร้อน เลื่อยเลยโลด เร็วดี แต่งานออกมาไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่ แฮ่ๆ )
- ตัดใยกรองสีม่วงด้วย เพราะเราจะใส่สลับกับสีฟ้า อย่างละ 2 แผ่น เรียงสลับกันในถัง
- จากนั้นก็เอาแผ่นมุ้งลวด ที่ใช้กันยุงมาตัดแล้วพับเข้าหากัน 2 ชั้น วางทับด้านบน ( พอดีมีอยู่แล้วในบ้าน ซื้อไว้ซ่อมมุ้งลวดที่บ้านตอนโน้นนนน แต่เอามาใช้ตอนนี้ได้ เป็นแผ่นแบบนิ่มๆ ไม่ใช่แผ่นลวดนะ) หรือบางคนใช้อวนเก่าๆ มาพับแล้ววาง หรือจะเป็นแผ่นพลาสติกที่เขาไว้ใช้บังแดดในลานจอดรถก็ได้ มีอะไรก็ใช้อย่างนั้น ตามสะบวม แล้วชั้นสุดท้ายก็ใส่ ไบโอบอลลงไปจนถึงปากถังเลย
7. มาที่ถังที่ 2 ถังนี่เล่นหนัก หินกับกรวดล้วนๆ ก่อนใส่ต้องล้างหิน กรวดให้สะอาด คือล้างให้น้ำใสเลย เพราะไม่งั้น มันจะสกปรกเวลาเราเปิดน้ำเข้ามาในถัง
- เริ่มด้วย หินภูเขาไฟ วางเรียงมันเข้าไป 4 ถุง
- ตามด้วย หินปะการังอีก 4 ถุง วางสลับกันไป
- ตบท้ายด้วยกรวดสีฟ้าๆเล็กๆอีก 4 ถุง
8. ถังกรองที่ 3 เริ่มจากใส่ ถ่านคาร์บอน ต้องล้างอยู่หลายน้ำเหมือนกัน คือคุณเธอดำเป็นถ่านจริงๆ ตามด้วยใยกรองแก้วสีขาว ตัดแผ่นให้ใหญ่หน่อยแล้วเอามาพับทบไป ทบมา แล้วจับยัดใส่ลงไปให้เต็มจนถึงปากท่อน้ำออก
9. เมื่อจัดการกับระบบกรองทั้งหมดแล้ว ก็นำมาต่อท่อ ต่อเข้าปั้มน้ำ จัดวางให้เข้าที่เข้าทาง ปั้มซื้อมาจากโฮมเวิค อันละ 575 บาท 2 อัน กำลังไฟ 5,000 อันนึงเอาไว้ดูดน้ำเข้าถังกรอง อีกอันเอาไว้ทำน้ำล้น
- น้ำล้นอันนี้ก็ทำเอาเอง ไปเดินดูตามร้านที่เขาขาย แพงโฮก หาของในบ้านทำเอาเองดีกว่า ก็ได้เจ้าไหนี่มา เจาะรูตรงก้นให้พอดีเพื่อเอาท่อสอดเข้าไปได้ ตัดท่อให้มีความยาวสักครึ่งไห เพราะเวลาน้ำพุ่งมันจะพอดี ถ้ายาวไป น้ำพุ่งแรงมาก เปียกมะล็อกมะแล็กกันไปหมดเลย ( ที่รู้เพราะเปียกมาแล้ว) ส่วนด้านล่างก็หากะถางภายในสวนมาลอง ก่อนใส่อะไรลงไปในบ่อปลาต้องล้างให้สะอาดก่อนทุกชิ้นเด้อ เดี๋ยวน้องคาฟป่วย แย่เลย
10. เมื่อต่อท่อ ต่อสายยาง โน้น นี่ นั่นเสร็จ เรามาลองเปิดน้ำดูกันว่าใช้ได้มั้ย
## อ้อลืมไปนิด ก่อนใส่ปลา เปิดปั้ม ให้น้ำไหลวนไป วนมา เข้าออก ขึ้นลง ในระบบสัก ชั่วโมงก่อนก็ดี เพื่อน้ำจะได้ใสสะอาด ก่อนเอาน้องคาฟลงไปว่าย ##
11. มัวแต่ตกแต่ง ปิดบังท่อ ถังต่างๆ ลืมเลยว่า น้ำจากคุณนายเงือกไม่มีออกมา วิ่งไปซื้อปั้มมาอีกตัว กำลังไฟ 1,600 ราคา 200 บาท 1 ตัว เพื่อให้น้องเงือกมีน้ำไหลออกจากหม้อใบเล็กๆ ปั้มก็เอาซ่อนไว้ด้านหลังก้นคุณนายนั่นแหละ
12. อ้อ อีกอย่าง เห็นหลายๆเวปบอกว่า ควรจะมีอ๊อกซิเจนให้แบคทีเรียดีๆด้วย คือในถังกรอง เวลาปั้มดูดขี้ปลาเข้าไปก็จะมีตัวกำจัดขี้ปลาอยู่ในนั้น เราควรให้มันอยู่แบบมีความสุข จะได้ทำงานให้เราได้อย่างเต็มที่ ก็ต้องวิ่งไปซื้อ ปั้มลมมาอีกตัว
ไม่ใหญ่มาก ราคา 100 บาท ต่อสายยาง 2 สายด้วยสามทาง เอาใส่ถังกรองแรกที่มีไบโอบอล กับถังที่สอง ที่มีตระกูลกวดอยู่ ถังที่สามไม่ใส่ อยากปล่อยให้น้ำนิ่งๆ ใสๆไหลขึ้น แล้วไหลออก สบายๆแบบเบิร์ดๆ
- มาดูกันว่าระบบทำงานได้ดีมั้ย
โอเคภาพรวมใช้ได้ แหล่ม
- ใกล้เสร็จและ นั่งมองน้องคาฟ ว่ายไปมา ตอนแรกนางเงือกไม่ได้อยู่ฝั่งนี้นะ อยู่อีกฝั่งนึง อยากให้เขาอยู่แบบธรรมชาติ มีสายบัวลอยให้ว่ายขึ้น ลง แบบสนามเด็กเล่น เลยไปซื้อมา 3 ต้น ต้นละ 50 บาท ใส่เป็นแถวๆดูสวยงาม
- ผ่านไปครึ่งวัน โหๆๆๆๆ สนุกกันเกินไปเปล่าจ๊ะ น้ำขุ่นยังกับโคลนถล่มลงบ่อ ไม่หวายยยยยย เอาออกด่วน
ไม่ต้องเล่นมันแล้ว ซนซะไม่มี
จัดการถ่ายน้ำ ล้างระบบกรองอย่างเร่งรีบ เอาน้ำใหม่ใส่ ( ตอนนี้ไม่ห่วงเรื่องปั้มน้ำวนสักชั่วโมงแล้ว เพราะน้ำเราที่อยู่ในแทงค์ เหมาะกับน้องคาฟอยู่แล้ว เปิดก๊อกได้ใส่โลด ล้นน้ำออกจนใส เฮ้อเหนื่อยแท้น้อ
- และแล้วก็ได้ย้ายน้องเงือกมาอยู่อีกฝั่ง เพื่อความสะดวกในการทำความสะอาดถังกรองด้วย น่าจะลงตัวแล้วนะ
- ทุกเช้าตื่นมาทำกาแฟ แล้วออกมานั่งริมบ่อ ดูน้องคาฟ น้องปลาทอง รอให้เราให้อาหาร ชื่นใจจริงๆ บางทีนั่งดูเป็นชั่วโมงๆเลยแหละ ดูไปดูมา ผ่านมา 3 วัน น้ำยังใสแจ๋ว แต่เอ รู้สึกว่าจะมีขี้ปลากับเศษอาหารที่ตกค้างอยู่ใต้กระถางน้ำล้นที่ดูดขึ้นมา เลยหาเรื่องเปลี่ยนให้ใหญ่ขึ้นดีกว่า เผื่อขี้ปลาจะได้ไม่ตกลงไปในบ่ออีกรอบ
- ว่าแล้วก็ไปได้ อ่างบัวที่อยู่ในสวนนั่นแหละ เอามาเจาะรูที่ก้นให้พอดีกับท่อ ไปซื้อหัวน้ำพุมาอีกอัน เพื่อน้ำที่พุ่งขึ้นมาไม่รุนแรงเกินไป ตกอันละ 130 บาท เอาแบบดอกชบา ต่อเข้าด้วยกัน แล้วเปิดน้ำ
ได้ผล ขี้ปลาหรือเศษอาหารที่เหลือ โดนปั้มดูดขึ้นมาก็จริง แต่มันก็ตกอยู่ในอ่างซะส่วนใหญ่ มีบางส่วนไหลล้นลงบ่อปลาไป แต่ไม่ต้องห่วง มีน้องปลาทองคอยจัดการอยู่ด้านล่าง อิ่มเลย
- บรรยากาศช่วงพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน ฟินเว่อร์
- ผ่านมาอาทิตย์กว่าๆแลว ยังไม่ได้ล้างบ่อกรอง แค่เติมน้ำในบ่อบ้างเพื่อให้ปิ่มอยู่เสมอ น้ำก็ยังใสปิ้งอยู่เลย ดีใจจัง
- ความสุขใด ไหนจะเท่า เราทำเอง ภูมิใจเอง
- อัดวีดีโอ ตอนให้กินแตงโม มาดูความน่ารัก และมีเสน่ห์ของน้องปลากัน
- สุดท้าย แต่ไม่ท้ายสุด ตอนนี้เพิ่งหัดเลี้ยงปลาคาฟ ไม่เคยเลี้ยงมาก่อนเลย หาดูตามเวปต่างๆ มาปะติดปะต่อกัน บ่ออาจจะเล็กในตอนนี้ อนาคตจะให้ใหญ่กว่านี้นะจ๊ะ จบแล้วจ้า
บ่อปลาคาฟ ทำเอง งบประมาณสบายกระเป๋า Koi Fish DIY
1. เกลี่ยพื้นที่ให้เรียบเท่าที่จะทำได้ วัดขนาดว่าจะเอาบ่อใหญ่ขนาดไหน ของเรา ประมาณ 2.4 x 0.80 x 0.30 เมตร (พื้นที่ด้านในบ่อทั้งหมด) ไม่ลึกมาก จากนั้นก็เอาหญ้าที่เหลือจากการตัดบริเวณรอบบ้านมาโรยๆ ให้พื้นบ่อนิ่มๆ (อันนี้สามีคิดเอาว่าถ้าพื้นล่างนิ่ม ก็จะช่วยไม่ให้ผ้ายางขาดง่าย) จากนั้นก็เอาอิฐประสานมาเรียงชั้นแรก เอาระดับน้ำ ( ที่ช่างก่อสร้างเขาใช้นั่นแหละ ) มาวัดให้พื้นที่ทุกตารางเมตรเสมอกัน ใช้อิฐ 26 ก้อนต่อ 1 แถว ราคาก้อนละ 15 บาท เมื่อเรียงชั้นแรกจนครบแล้ว ก็เรียงชั้นต่อไปโดยให้อิฐวางสลับล็อคกัน เพื่อให้กำแพงแข็งแรงขึ้น วางเรียงไปเรื่อยๆจนครบ 3 ชั้น อิฐชั้นละ 26 ก้อน 4 แถว รวมแถวบน 26 x 4 = 104 ตกราคาอิฐ 104 x 15 = 1,560 บาท ตามรูป
เจ้านายน้อยมาคุมงานก่อสร้างด้วยตัวเองเลย
2. หลังจากเรียงอิฐไปแล้ว 3 ชั้น ก็เอาผ้ายางมาปูให้ทั่วบริเวณ ค่อยๆไล่ไปจนเต็มพื้นที่ เบามือหน่อย เพราะไม่งั้นเดี๋ยวเผื่อข้างใต้มีเศษหินที่ลอดสายตาเราไปโดนเข้า จะขาด งานงอกเลยทีนี้ ผ้ายางซื้อมาจากตลาดนัดต้นไม้ เมืองจำลอง 3 x 2 เมตร เขาขายเป็นชิ้น เราไม่ได้ไปตามร้านผ้าใบ พอดีวันนั้นเป็นวันอาทิตย์ ร้านผ้าใบปิดหมด เอาที่นี่แหละ ราคา 450 บาท ไล่ปูจนเต็มพื้นที่ แล้วเอาอิฐมาวางทับให้รอบบ่อ เป็นแถวสุดท้าย แถวที่ 4
3. จากนั้นก็เอาน้ำใส่ น้ำที่เราใส่ เป็นน้ำที่อยู่ในแทงค์ซึ่งก็คือน้ำที่พักไว้หลายวันแล้ว คิดว่าโอเค ไม่มีคลอรีน ใส่ให้เต็ม แล้วเติมเกลือทะเลลงไป ไม่ต้องผสมน้ำก่อน โรยลงไปโลดให้ทั่วๆบ่อ ( เกลือซื้อมาจากร้านขายปลา ถุงละ 20 บาท ) เจ้าของร้านเขาบอกว่า บ่อเราน่าจะใช้สัก 3 ถุง หรือ 3 กิโล ใส่วันละ 1 ถุง ติดต่อกัน 3 วัน ( เราถามว่าทำไมไม่ใส่ไปเลยทีเดียว 3 ถุง เขาบอกว่าก็ได้ แต่กลัวเราจะตกใจว่าทำไมใส่เยอะจัง แฮ่ๆ )
4. เตรียมบ่อเสร็จ ทีนี้มาดูเรื่องถังกรองกันบ้าง เพราะเขาว่ามาว่า จะเลี้ยงปลาคาฟต้องมีระบบกรองดีๆ น้ำใสๆ ปลาจะชอบ เราเลยไปซื้อถังมาจากโฮมเวิค ถังละ 299 บาท ถังขยะแบบมีฝาปิด 3 ใบ 299 x 3 = 897 บาท เอามาเจาะรู ใส่ท่อ โน้น นี่ นั่น ท่อหน้า ท่อหลัง ท่อๆๆ
- ถังเราจะใช้ระบบน้ำเข้ากรองแรกช่องบน มีท่อต่อตรงลงไปก้นถัง แล้วต่อ 3 ทาง ซ้าย ขวา ต่อข้องอตรงปลายทั้งสองข้าง ให้ระบบน้ำไหลวนอยู่ก้นถัง แล้วค่อยลอยขึ้นมาบนปากถัง น้ำจะได้ไม่นิ่งอยู่ที่เดียว ไปหาซื้อฝาชีที่ตลาด อันละ 15 บาท มา 3 อัน เพื่อเอาไว้ดักขี้ปลาหรืออะไรชิ้นใหญ่ๆในน้ำไม่ให้ลอยขึ้นมาได้ ส่วนอีกสองถังไม่ต้องต่อท่อลงไปตรงกลางก้นถัง แค่เอาข้องอมาต่อตรงที่น้ำเข้าด้านล่าง ให้หันซ้ายก็ได้ ขวาก็ได้ ใช้แค่อันเดียว เพื่อให้น้ำที่เข้ามา วนเหมือนกัน เอาฝาชีมาครอบในทุกถังนะ ตัดฝาชีส่วนที่ท่อน้ำเข้า (ท่อด้านล่าง) ออกไปบ้างเพื่อให้ฝาชีวางได้จนถึงก้นถัง ถ้าสูงไปก็ตัดออกให้เตี้ยจนถึงใกล้ๆท่อ เพราะถ้าสูงไปเราจะใส่วัสดุกรองได้น้อย เข้าใจเนอะ (คนพิมพ์ยังงงๆเลย เหอะๆๆ)
5. หลังจากทำถังกรองเสร็จ ทีนี้ก็เรื่องวัสดุที่ต้องใส่เข้าไปข้งใน ไปหาซื้อที่ร้านขายปลา และอาหารปลา มีหมดทุกอย่างที่ต้องการ
- ใยกรองสีฟ้า หยาบๆเหมือนเชือกไนลอน ราคาถุงละ 250 บาท ถ้าจำไม่ผิดเพราะซื้อมาไว้นานแล้ว
- ใยกรองสีม่วง ลักษณะเหมือนสก็อตไบท์ที่ไว้ล้างจาน ถุงละ 150 บาท
- ลูกไบโอบอลสีดำๆ ถุงละ 80 บาทซื้อมา 3 ถุง 80 x 3 = 240 บาท
- ตระกูลหิน กรวด ก็มี หินภูเขาไฟ หินปะการัง กรวดสีฟ้าเล็กๆ เรียกไม่ถูก ลืมแล้วว่าชื่ออะไร อย่างละ 4 ถุง ถุงละ 80 บาท 4 x 3 = 12 x 80 = 960 บาท เฉพาะหินกับกรวดนะเนี่ย
- ถ่านคาร์บอน ถุงละ 100 บาท ซื้อมา 2 ถุง เพราะของเก่ามีอยู่ 2 ถุง (แอบถามพ่อค้า ใช้ถ่านที่ไว้ทำหมูกะทะได้เปล่า เขาบอกว่าได้ แต่คุณสมบัติต่างกันเยอะนะ อยากใช้ก็ตามใจ แต่ถ้าไม่ได้ผลไม่รู้ด้วยนะ เราเลยคิดอยู่ 2 วินาที โอเค เอาของพี่นี่แหละ แอบแว็บ งกนิดๆ แต่ยอมเสียเงินซื้อของแพงดีกว่าไม่ได้ผล)
- ใยแก้วสีขาว ถุงละ 120 บาท
ของพร้อม คนพร้อม ถังพร้อม ลุยต่อเลย
6. เริ่มที่ถังกรองแรก เอาใยกรองสีฟ้าหยาบมาตัดให้พอดีที่จะใส่ลงไปในถังได้ ปาดช่วงกลางนิดนึง เพราะเราใส่ท่อไว้ เดี๋ยวจะยัดเข้าไปไม่ได้ ( ขอบอกตัดโค ตะ ระ ยากเลย พ่อค้าบอกให้ใช้คัตเตอร์คมๆค่อยๆตัด แต่เราใจร้อน เลื่อยเลยโลด เร็วดี แต่งานออกมาไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่ แฮ่ๆ )
- ตัดใยกรองสีม่วงด้วย เพราะเราจะใส่สลับกับสีฟ้า อย่างละ 2 แผ่น เรียงสลับกันในถัง
- จากนั้นก็เอาแผ่นมุ้งลวด ที่ใช้กันยุงมาตัดแล้วพับเข้าหากัน 2 ชั้น วางทับด้านบน ( พอดีมีอยู่แล้วในบ้าน ซื้อไว้ซ่อมมุ้งลวดที่บ้านตอนโน้นนนน แต่เอามาใช้ตอนนี้ได้ เป็นแผ่นแบบนิ่มๆ ไม่ใช่แผ่นลวดนะ) หรือบางคนใช้อวนเก่าๆ มาพับแล้ววาง หรือจะเป็นแผ่นพลาสติกที่เขาไว้ใช้บังแดดในลานจอดรถก็ได้ มีอะไรก็ใช้อย่างนั้น ตามสะบวม แล้วชั้นสุดท้ายก็ใส่ ไบโอบอลลงไปจนถึงปากถังเลย
7. มาที่ถังที่ 2 ถังนี่เล่นหนัก หินกับกรวดล้วนๆ ก่อนใส่ต้องล้างหิน กรวดให้สะอาด คือล้างให้น้ำใสเลย เพราะไม่งั้น มันจะสกปรกเวลาเราเปิดน้ำเข้ามาในถัง
- เริ่มด้วย หินภูเขาไฟ วางเรียงมันเข้าไป 4 ถุง
- ตามด้วย หินปะการังอีก 4 ถุง วางสลับกันไป
- ตบท้ายด้วยกรวดสีฟ้าๆเล็กๆอีก 4 ถุง
8. ถังกรองที่ 3 เริ่มจากใส่ ถ่านคาร์บอน ต้องล้างอยู่หลายน้ำเหมือนกัน คือคุณเธอดำเป็นถ่านจริงๆ ตามด้วยใยกรองแก้วสีขาว ตัดแผ่นให้ใหญ่หน่อยแล้วเอามาพับทบไป ทบมา แล้วจับยัดใส่ลงไปให้เต็มจนถึงปากท่อน้ำออก
9. เมื่อจัดการกับระบบกรองทั้งหมดแล้ว ก็นำมาต่อท่อ ต่อเข้าปั้มน้ำ จัดวางให้เข้าที่เข้าทาง ปั้มซื้อมาจากโฮมเวิค อันละ 575 บาท 2 อัน กำลังไฟ 5,000 อันนึงเอาไว้ดูดน้ำเข้าถังกรอง อีกอันเอาไว้ทำน้ำล้น
- น้ำล้นอันนี้ก็ทำเอาเอง ไปเดินดูตามร้านที่เขาขาย แพงโฮก หาของในบ้านทำเอาเองดีกว่า ก็ได้เจ้าไหนี่มา เจาะรูตรงก้นให้พอดีเพื่อเอาท่อสอดเข้าไปได้ ตัดท่อให้มีความยาวสักครึ่งไห เพราะเวลาน้ำพุ่งมันจะพอดี ถ้ายาวไป น้ำพุ่งแรงมาก เปียกมะล็อกมะแล็กกันไปหมดเลย ( ที่รู้เพราะเปียกมาแล้ว) ส่วนด้านล่างก็หากะถางภายในสวนมาลอง ก่อนใส่อะไรลงไปในบ่อปลาต้องล้างให้สะอาดก่อนทุกชิ้นเด้อ เดี๋ยวน้องคาฟป่วย แย่เลย
10. เมื่อต่อท่อ ต่อสายยาง โน้น นี่ นั่นเสร็จ เรามาลองเปิดน้ำดูกันว่าใช้ได้มั้ย
## อ้อลืมไปนิด ก่อนใส่ปลา เปิดปั้ม ให้น้ำไหลวนไป วนมา เข้าออก ขึ้นลง ในระบบสัก ชั่วโมงก่อนก็ดี เพื่อน้ำจะได้ใสสะอาด ก่อนเอาน้องคาฟลงไปว่าย ##
11. มัวแต่ตกแต่ง ปิดบังท่อ ถังต่างๆ ลืมเลยว่า น้ำจากคุณนายเงือกไม่มีออกมา วิ่งไปซื้อปั้มมาอีกตัว กำลังไฟ 1,600 ราคา 200 บาท 1 ตัว เพื่อให้น้องเงือกมีน้ำไหลออกจากหม้อใบเล็กๆ ปั้มก็เอาซ่อนไว้ด้านหลังก้นคุณนายนั่นแหละ
12. อ้อ อีกอย่าง เห็นหลายๆเวปบอกว่า ควรจะมีอ๊อกซิเจนให้แบคทีเรียดีๆด้วย คือในถังกรอง เวลาปั้มดูดขี้ปลาเข้าไปก็จะมีตัวกำจัดขี้ปลาอยู่ในนั้น เราควรให้มันอยู่แบบมีความสุข จะได้ทำงานให้เราได้อย่างเต็มที่ ก็ต้องวิ่งไปซื้อ ปั้มลมมาอีกตัว ไม่ใหญ่มาก ราคา 100 บาท ต่อสายยาง 2 สายด้วยสามทาง เอาใส่ถังกรองแรกที่มีไบโอบอล กับถังที่สอง ที่มีตระกูลกวดอยู่ ถังที่สามไม่ใส่ อยากปล่อยให้น้ำนิ่งๆ ใสๆไหลขึ้น แล้วไหลออก สบายๆแบบเบิร์ดๆ
- มาดูกันว่าระบบทำงานได้ดีมั้ย
โอเคภาพรวมใช้ได้ แหล่ม
- ใกล้เสร็จและ นั่งมองน้องคาฟ ว่ายไปมา ตอนแรกนางเงือกไม่ได้อยู่ฝั่งนี้นะ อยู่อีกฝั่งนึง อยากให้เขาอยู่แบบธรรมชาติ มีสายบัวลอยให้ว่ายขึ้น ลง แบบสนามเด็กเล่น เลยไปซื้อมา 3 ต้น ต้นละ 50 บาท ใส่เป็นแถวๆดูสวยงาม
- ผ่านไปครึ่งวัน โหๆๆๆๆ สนุกกันเกินไปเปล่าจ๊ะ น้ำขุ่นยังกับโคลนถล่มลงบ่อ ไม่หวายยยยยย เอาออกด่วน ไม่ต้องเล่นมันแล้ว ซนซะไม่มี จัดการถ่ายน้ำ ล้างระบบกรองอย่างเร่งรีบ เอาน้ำใหม่ใส่ ( ตอนนี้ไม่ห่วงเรื่องปั้มน้ำวนสักชั่วโมงแล้ว เพราะน้ำเราที่อยู่ในแทงค์ เหมาะกับน้องคาฟอยู่แล้ว เปิดก๊อกได้ใส่โลด ล้นน้ำออกจนใส เฮ้อเหนื่อยแท้น้อ
- และแล้วก็ได้ย้ายน้องเงือกมาอยู่อีกฝั่ง เพื่อความสะดวกในการทำความสะอาดถังกรองด้วย น่าจะลงตัวแล้วนะ
- ทุกเช้าตื่นมาทำกาแฟ แล้วออกมานั่งริมบ่อ ดูน้องคาฟ น้องปลาทอง รอให้เราให้อาหาร ชื่นใจจริงๆ บางทีนั่งดูเป็นชั่วโมงๆเลยแหละ ดูไปดูมา ผ่านมา 3 วัน น้ำยังใสแจ๋ว แต่เอ รู้สึกว่าจะมีขี้ปลากับเศษอาหารที่ตกค้างอยู่ใต้กระถางน้ำล้นที่ดูดขึ้นมา เลยหาเรื่องเปลี่ยนให้ใหญ่ขึ้นดีกว่า เผื่อขี้ปลาจะได้ไม่ตกลงไปในบ่ออีกรอบ
- ว่าแล้วก็ไปได้ อ่างบัวที่อยู่ในสวนนั่นแหละ เอามาเจาะรูที่ก้นให้พอดีกับท่อ ไปซื้อหัวน้ำพุมาอีกอัน เพื่อน้ำที่พุ่งขึ้นมาไม่รุนแรงเกินไป ตกอันละ 130 บาท เอาแบบดอกชบา ต่อเข้าด้วยกัน แล้วเปิดน้ำ
ได้ผล ขี้ปลาหรือเศษอาหารที่เหลือ โดนปั้มดูดขึ้นมาก็จริง แต่มันก็ตกอยู่ในอ่างซะส่วนใหญ่ มีบางส่วนไหลล้นลงบ่อปลาไป แต่ไม่ต้องห่วง มีน้องปลาทองคอยจัดการอยู่ด้านล่าง อิ่มเลย
- บรรยากาศช่วงพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน ฟินเว่อร์
- ผ่านมาอาทิตย์กว่าๆแลว ยังไม่ได้ล้างบ่อกรอง แค่เติมน้ำในบ่อบ้างเพื่อให้ปิ่มอยู่เสมอ น้ำก็ยังใสปิ้งอยู่เลย ดีใจจัง
- ความสุขใด ไหนจะเท่า เราทำเอง ภูมิใจเอง
- อัดวีดีโอ ตอนให้กินแตงโม มาดูความน่ารัก และมีเสน่ห์ของน้องปลากัน
- สุดท้าย แต่ไม่ท้ายสุด ตอนนี้เพิ่งหัดเลี้ยงปลาคาฟ ไม่เคยเลี้ยงมาก่อนเลย หาดูตามเวปต่างๆ มาปะติดปะต่อกัน บ่ออาจจะเล็กในตอนนี้ อนาคตจะให้ใหญ่กว่านี้นะจ๊ะ จบแล้วจ้า