สวัสดีคะ ก่อนอื่นต้องขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านมาตอบมากเลยคะ และนี้เป็นการตั้งกระทู้ครั้งแรกถ้าผิดพลาดประการใดก็ ขออภัยไว้ ณ ที่นี้เลยนะคะ หวังว่าคำถามนี้จะได้ข้อมูลที่ประโยชน์กับทุกคนนะคะ ^^ จริงๆมีข้อสงสัยอยู่สองเรื่องคะ ขออนุญาติถามเป็นข้อๆไปนะคะ

1.Working Holiday Visa Canada โครงการนี้มีจริงมั้ยคะ(ถ้ามีขอรายละเอียดด้วยนะคะ) เนื่องจากไปเห็นเอเจนซี่หนึ่งมีโครงการนี้คะเลยสนใจ เพราะที่จริงตั้งใจว่าจะไป Work and Holiday Visa Australia & New Zealand ที่สังกัดของ สท  และเท่าที่หาข้อมูลได้ลักษณะวีซ่าและการขอจะคล้ายๆกัน เพียงแต่โครงการนี้ต้องทำผ่านเอเจนซี่ และมีจำกัดอายุ ก็เลยสงสัยคะ และอีกอย่างแลไม่ค่อยมีคนไทยไปกันเลย ข้อมูลน้อยมากหรือเพราะว่าคนที่ขอได้จะต้องกำลังเรียนอยู่ชั้นปีสุดท้ายหรือจบการศึกษามาแล้วไม่เกินหนึ่งปีก็เลยไม่มีคนไปเท่าไหร่ ใครมีรายละเอียดมากกว่านี้รบกวนด้วยคะ

2. นอกจากโครงการนี้ก็สนใจไปเป็น Au pair คะ มีข้อมูลอยู่พอสมควรแล้ว เลยอยากถามเพื่อๆพี่ๆในพันทิปว่าระหว่าง au pair กับ Work and Holiday  จะเลือกอันไหนกันคะ แล้วทำไมถึงเลือก    
>>> อาจมีคนสงสัยว่าทำไมถึงสนใจแค่สองโครงการนี้ ก็เพราะว่าเรามีงบจำกัดคะ มันเป็นโครงการที่มีค่าใช้จ่ายไม่สูงมาก  อย่าง Working Holiday เนี้ย รวมค่าตั๋วเครื่องบินแล้ว ทั้งของแคนนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จะอยู่ที่ประมาณ 70,000 ถึงหนึ่งแสน (ไม่รวมสเตจเม้นนะคะ) อาจเกินกว่านี้นิดหน่อยแต่คงไม่มาก ส่วนในของAu pair ถ้าเต็มที่เลยก็ไม่เกินเจ็ดหมื่นอยู่ดี จึงเหมาะกับคนงบน้อยๆคะ ใจอยากไปเรียนชิวๆแล้วก็ทำงานพิเศษเหมือนกัน แต่...สู้ค่าใช้จ่ายตั้งต้นไม่ไหวจริงๆคะ นี้เลยเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับเราและคนงบน้อยๆที่ฝันอยากไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในต่างประเทศเน่อะๆๆๆ

*** หมดคำถามแล้วคะ  ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาตอบนะคะ***

ขอเพิ่มเติมรายละเอียดตรงนี้นะคะ ถ้าผิดกติกาช่วยเตือนด้วยคะ จะได้เอาออกคะ    
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ลักษณะโครงการฯ
International Experience Canada  (เดิมรู้จักในชื่อ International Youth Programs) หรือ IEC
เป็นโครงการที่อยู่ในการกำกับดูแลของ กระทรวงการต่างประเทศและการค้าระหว่างประเทศแคนาดา (Department
of Foreign Affairs and International Trade Canada – DFAIT) โดยประสานงานกับสถานทูตแคนาดา
ประจำประเทศไทย และองค์กรแลกเปลี่ยนประเทศแคนาดา ซึ่งเป็นผู้ดำเนินโครงการฯ

โครงการ IEC จึงถือว่าเป็นโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่รัฐบาลแคนาดามีวัตถุประสงค์เพื่อ เปิดโอกาสให้ผู้ที่ไม่ได้
พำนักอยู่ในประเทศแคนาดา สามารถเดินทางไปหาประสบการณ์ ผ่านการท่องเที่ยวและทำงานภายในประเทศแคนาดา
ได้อย่างถูกต้องตามกฏหมาย โดยถือวีซ่าประเภท Working Holiday Visa และผู้เข้าร่วมโครงการฯ มีอิสระในการเลือก
ทำงานตามความสนใจ เลือกทำงานได้ตามช่วงเวลาที่ต้องการ รวมทั้งไม่มีข้อกำหนดของระยะเวลาในการทำงาน หรือ
เมืองที่ทำงานอีกด้วย

ดังนั้นนอกเหนือจากทักษะการใช้ภาษาอังกฤษที่ดีที่ผู้เข้าร่วมโครงการฯ ควรมีแล้ว โครงการ IEC ยังเหมาะ
สำหรับผู้ที่มีความเชื่อมั่นในตัวเอง มีความรับผิดชอบ สนใจเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ ในการทำงาน และ
ปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมที่แตกต่างขณะดำรงชีวิตอยู่ในประเทศแคนาดาได้เป็นอย่างดี

ข้อมูลที่ควรทราบเกี่ยวกับโครงการ IEC

    เมื่อผู้เข้าร่วมโครงการฯ ยื่นเอกสาร และ สัมภาษณ์วีซ่ากับทางสถานทูตแคนาดาแล้ว จะได้รับวีซ่าประเภท
    Working Holiday Visa และ Work authorization letter จากสถานทูตแคนาดาประจำประเทศไทย

    เมื่อเดินทางถึงประเทศแคนาดา และผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ผู้เข้าร่วมโครงการฯ ต้องแสดงหนังสือเดินทาง
    ที่มีวีซ่าประเภท Working Holiday Visa และ Work authorization letter ให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง
    (Citizenship and Immigration Canada) โดยเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจะออกเอกสารอนุญาตใน
    การทำงานที่มีชื่อว่า Canadian Open Employment Authorization  ซึ่งเป็นเอกสารที่อนุญาตให้
    ผู้เข้าร่วมโครงการฯ สามารถทำงานในประเทศแคนาดาได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

    องค์กรแลกเปลี่ยนฯ ซึ่งมีสำนักงานตั้งอยู่ใน 3 เมืองหลักในประเทศแคนาดาคือ Vancouver, Toronto
    และ Montreal ซึ่งแต่ละแห่ง ถือเป็นแหล่งข้อมูลที่ผู้เข้าร่วมโครงการฯ สามารถหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่างๆ
    ได้ เช่น ข้อมูลที่พักชั่วคราวและที่พักถาวร สถานที่ท่องเที่ยว งานที่เปิดรับสมัครในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น หรือใน
    บอร์ดต่าง ๆ และข้อมูลนายจ้างที่อยู่ในฐานข้อมูลการจ้างงานของโครงการ IEC นอกจากนี้ ยังเป็นสถานที่ที่ให้
    บริการคอมพิวเตอร์ และอินเตอร์เนตอีกด้วย

    เจ้าหน้าที่องค์กรแลกเปลี่ยนฯ จะจัดปฐมนิเทศให้กับผู้เข้าร่วมโครงการฯ เมื่อเดินทางถึงประเทศแคนาดา โดยผู้เข้า
    ร่วมโครงการฯ จะได้รับทราบข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับประเทศแคนาดา รวมไปถึงข้อมูลเกี่ยวกับการทำงาน คำแนะนำ
    ในการเขียนประวัติส่วนตัว (Resume) จดหมายสมัครงาน (Cover letter) และจะมีการเข้าอบรมการวิธี
    สัมภาษณ์งาน กับ Employer specialist อีกด้วย

    องค์กรแลกเปลี่ยนฯ จะช่วยประสานการนัดสัมภาษณ์งานให้มากที่สุด 5 สถานที่ทำงาน โดยลักษณะงานส่วนใหญ่
    เป็น ร้านอาหาร / ร้านค้า / ร้านสะดวกซื้อ ซึ่งการที่ผู้เข้าร่วมโครงการฯ จะได้รับการตอบรับ หรือปฏิเสธนั้น ขึ้นอยู่
    กับทักษะ  ความสามารถ และความยืดหยุ่นของผู้เข้าร่วมโครงการฯ ดังนั้นการมีข้อจำกัดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นประเภท
    งาน สถานที่ หรือเมืองที่สนใจ อาจมีผลให้ตัวเลือกที่ทำงานมีน้อยลง หรืออาจหางานได้ยากมากขึ้น

    จากข้อมูลในปีที่ผ่านๆมา  85 % ของผู้เข้าร่วมโครงการฯ ที่มีความกระตือรือร้น และตั้งใจศึกษาหาข้อมูลให้มากพอ
    สามารถหางานได้ภายใน 2 - 4 สัปดาห์หลังจากเดินทางไปถึง ซึ่งส่วนมากจะพักอาศัยและทำงานในเมืองที่มี
    ความเจริญทางเศรษฐกิจ เช่น Ontario (Toronto), Alberta (รีสอร์ท ที่ Canadian Rockies และ Calgary),
    British Columbia (Vancouver, Whistler และ Victoria), และ Montreal

ระยะเวลาในการเข้าร่วมโครงการฯ

    ผู้เข้าร่วมโครงการฯ จะได้รับอนุญาตให้พำนักอยูในประเทศแคนาดาเป็นระยะเวลาสูงสุด 12 เดือนอย่างถูกต้อง
    ตามกฏหมาย

    ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเข้าร่วมโครงการฯ คือระหว่างเดือนมีนาคม – สิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิคาบ
    เกี่ยวกับฤดูร้อน ซึ่งเป็น ช่วงที่มีร้านค้าเปิดให้บริการเป็นจำนวนมาก และเป็นช่วงที่มีการจ้างงานมากที่สุด

    การจ้างงานจะลดน้อยลงในช่วงฤดูหนาว คือระหว่างเดือนพฤษจิกายน – มกราคม แต่ก็ยังมี Ski Resort
    หลายแห่งที่เปิดให้บริการ เช่น ทางแถบมลรัฐ British Columbia, Alberta และ Quebec (ผู้เข้าร่วม
    โครงการฯ ที่สนใจทำงานในมลรัฐ Quebec ควรมีทักษะการใช้ภาษาฝรั่งเศสได้ดี)
    ผู้เข้าร่วมโครงการฯ จากประเทศไทย สามารถสมัครเข้าร่วมโครงการฯ ได้ตั้งแต่เดือนธันวาคมของทุก ๆ ปี

คุณสมบัติผู้สมัคร
  
   โสด อายุ 18 – 28 ปี มีสัญชาติไทย

    มีสถานภาพเป็นนักศึกษาปริญญาตรี หรือปริญญาโทชั้นปีสุดท้าย หรือจบการศึกษาแล้วไม่เกิน 1 ปี
    นับถึงวันที่ยื่นขอวีซ่า

    มีคะแนนเฉลี่ยสะสมไม่ต่ำกว่า 2.00 สำหรับปริญญาตรี และ 3.00 สำหรับปริญญาโท

    สื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี มีทักษะการพูดภาษาอังกฤษดี – ดีมาก

    มีมนุษยสัมพันธ์และทัศนคติที่ดี มีความยืดหยุ่นในการปรับตัวเพื่ออยู่ร่วมกับวัฒนธรรมที่แตกต่างได้ดี

    มีสุขภาพแข็งแรง และไม่เป็นโรคติดต่อเรื้อรัง