ชีวิตชายแดนปาดังเบซาร์-เปี๊ยกคนขับรถยนต์ ตอนแรก
ชีวิตชายแดนปาดังเบซาร์-เปี๊ยกคนขับรถยนต์ ตอนที่ 2
วงจรชีวิตมนุษย์เงินเดือนมักจะซ้ำ ๆ ซาก ๆ
ถ้าทำเป็นประจำก็จะเกิดอาการเบื่อหน่าย
หรือกลายเป็นมนุษย์เครื่องจักรกล
ดังนั้น หน่วยงานต่าง ๆ จึงต้องหาเครื่องมือมากระตุ้น
เช่น เป้าเงินฝาก เป้าสินเชื่อ เป้าประกันภัย เป็นต้น
แต่ยากระตุ้นประเภทนี้มักจะเป็นยาฉีดใส่เฉพาะคน
ไม่ค่อยมีผลต่อการทำงานเป็นทีมงานมากนัก
ดังนั้น จะเห็นว่าทั้งเมืองนอกหรือเมืองไทย
แต่ละปีมักจะพยายามจะหายากระตุ้น
เพื่อทำให้องค์การมีการตื่นตัวหรือเรียกว่าเขย่ากัน
ปลุกเร้าให้คนงานในองค์การมีการตื่นตัวมีความคึกคักมากขึ้น
เช่น กิจกรรมคุณภาพงาน QC Reengineering KPi BSC Lean เป็นต้น
หน่วยราชการไทย/รัฐวิสาหกิจบางแห่งก็เลียนแบบมาใช้บ้าง
จะได้รับเงิน/รับงบประมาณหมวดพัฒนาบุคลากร
ตามที่เสนอของบประมาณหรือโครงการ
เรียกว่า ใช้ไปหมดไป งุบงิบไป พัฒนาจริงหรือไม่ ตรวจสอบกันยาก
เพราะการจัดโครงการอบรมสัมนาจะจ่ายวันเท่าไรก็ได้
อยู่ที่การตั้งงบค่าใช้จ่ายต่อหัว ค่าวิทยากร ค่าเดินทาง ฯลฯ
เป็นประเภทใช้ไปหมดไป ตรวจสอบยากว่าได้ผลหรือไม่ได้ผล
เคยเจอประเภทเซ็นชื่อเช้าบ่ายแล้วขอรับเอกสารงานสัมนา
เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่ามาเข้ารับการอบรม
พอช่วงเบรคก็หายหัวไปแล้ว หรือกินอาหารกลางวันเสร็จก็หายหัวไปเช่นกัน
กลับหน่วยงานแล้วมักจะยกเมฆเขียนรายงานส่ง ๆ ไป
หรือหน้าด้านขอเบิกเงินว่ามาร่วมโครงการแล้ว
ส่วนที่ธนาคารไทยแห่งแรกในสมัยนั้น
มีกิจกรรมคุณภาพงาน QC ที่นำเข้ามา
เพื่อใช้กระตุ้นมนุษย์เงินเดือน
หนังสือบอกว่าเชิญชวนให้ช่วยกันทำ
แต่เอาเข้าจริงเหมือนมวยไฟล์บังคับ
ที่ทุกสาขาต้องทำอย่างน้อย 1 กลุ่ม
สาขาขนาดใหญ่ต้องมี 2-3 กลุ่ม
ทำเสร็จแล้วต้องส่งเรื่องที่ทำเข้าเพื่อประกวดแข่งขันกัน
เรียกว่าเกณฑ์กันทำกับสั่งให้ทำทั้งสาขาทีเดียว
งานนี้เปี๊ยกไม่มีบทบาทหน้าที่อย่างใด
ส่วนของสาขาจำไม่ได้แล้วว่าทำเรื่องอะไร
จำได้กิจกรรม QC มีความคึกคักอยู่ประมาณ 4-5 ปี
แล้วก็เฉาตายไปในที่สุดเหมือนกับที่ชอบแซวกันว่า
เกิดในญี่ปุ่น โตในสหรัฐ มาตายที่เมืองไทย
สหรัฐมีการพัฒนา QC จนเป็น TQM
เป็นงานใหญ่มีการแจกรางวัลระดับชาติกันทุกปี
การประกวดแข่งขันให้คะแนนตามโพยที่กำหนดไว้
ไม่มีการคิดวิเคราะห์หรือไม่มองถึงประโยชน์สุดท้ายว่า
ธนาคารได้ประโยชน์/เสียประโยชน์แต่อย่างใด
เช่น ทำให้พนักงานลดเวลาทำงาน บริการลูกค้าได้ดีขึ้น
ทำให้งานบริการรวดเร็วมีคุณภาพมากขึ้น
หรือเรียกว่าจบงานประกวด QC ทุกอย่างที่ทำมาก็จบลงด้วย
ไม่มีการนำผลงานไปขยายผลหรือใช้ต่อเนื่องอย่างจริงจัง
ไม่มีการติดตามประเมินผลหรือชี้วัดผลตามหลังแต่อย่างใด
จบกันที่วาทกรรมและพิธีกรรมประกวดกิจกรรมคุณภาพงาน
แต่ที่ธนาคารได้คือ การกระตุ้นเขย่ามนุษย์เงินเดือน
ให้ตื่นตัวตื่นใจไม่มีอาการเฉื่อยชาไปช่วงหนึ่งแล้ว
มีเรื่องตลกเรื่องหนึ่งของสาขาแห่งหนึ่ง
คือทำ QC เรื่องลดจำนวนบัญชีเงินฝากทอดทิ้งของลูกค้า
ด้วยการติดตามไปที่บ้านลูกค้าหรือส่งจดหมายหาลูกค้า
ทำให้ลดบัญชีเงินฝากทอดทิ้งได้ 2 ล้านกว่าบาท
พอส่งเข้าประกวดกิจกรรม QC
ขั้นตอนกระบวนการทำกิจกรรม
ตามใบคะแนนการให้รางวัลกิจกรรมถูกต้องเลยได้รางวัลไป
แต่เพราะสุดท้ายธนาคารเสียประโยชน์
คือขาดรายได้จากเงินฝากก้อนนี้ที่ควรจะได้ในที่สุด
จึงไม่มีการเผยแพร่หรือสรุปกิจกรรมดังกล่าว
ในหนังสือวารสารประจำเดือนของธนาคารแต่อย่างใด
กลัวการเลียนแบบหรือทำให้ธนาคารขาดทุนกำไร
ในสมัยก่อนที่ยังไม่มีระบบ Computer
ใช้งานกันอย่างแพร่หลายเหมือนทุกวันนี้
บัญชีทอดทิ้งคือ บัญชีเงินฝากลูกค้า
ที่มียอดเงินจำนวนหลักร้อยถึงหลักแสนบาท
ไม่มีการติดต่อกับธนาคารมากกว่า 2 ปีแล้ว
คือไม่มียอดเคลื่อนไหว ฝาก ถอน ปรับยอดสมุดบัญชีเงินฝาก
เงินฝากประเภทนี้ คือ รายได้หลักของสาขา/ธนาคาร
เพราะเงินจำนวนดังกล่าวยิ่งไม่มีการเบิกถอน
การสำรองสภาพคล่องของธนาคารก็ยิ่งง่ายขึ้น
ปกติการประมาณการสภาพคล่องของธนาคารสมัยก่อน
สมมุติสิ้นวันนี้มีเงินฝากทุกบัญชียอดรวม 100 ล้านบาท
สภาพคล่องวันรุ่งขึ้นจะประมาณ 20% หรือ 20 ล้านบาท
กล่าวคือ พรุ่งนี้จะมีคนมาถอนเงินฝากไม่เกิน 20 ล้านบาท
โดยจะถอนเป็นเงินสดหรือเช็คหักบัญชีหรือรายการบัญชีระหว่างกัน
แต่ในสภาพความจริงแล้วเงินสดจะมีการถอนไม่มากนัก
แต่สาขาจะสำรองเงินสดไว้ไม่เกิน 2-5 ล้านบาท
เพราะคนส่วนมากจะมาถอนเงินสดไม่มากนัก
ยกเว้นแต่ช่วงเทศกาลหรือวันหยุดยาว
จึงจะต้องมีสำรองเงินสดกับสภาพคล่องมากกว่าปกติ
เงินส่วนที่เกินจากสภาพคล่องที่ตัวเลข 80 ล้านบาท
สาขาจะแจ้งยอดเงินฝากไปที่สำนักงานใหญ่
เพื่อปล่อยกู้รายวันประเภท Call Loan/Inter Bank
อัตราดอกเบี้ยค่อนข้างต่ำถ้ามีสภาพคล่องในตลาดเงินมาก
หรือเรียกกันว่ามีเงินฝากล้นตลาดจนต้องให้ดอกเบี้ยต่ำ ๆ
เป็นการผลักไสไล่ส่งทางอ้อมอย่าให้คนมาฝากเงินมาก
หรือแนะใหไปซื้อกองทุน ประกันชีวิตแทนเป็นต้น
ถ้าเงินฝากขาดตลาดหรือสภาพคล่องในตลาดลดลง
ธนาคารต้องรีบให้ดอกเบี้ยสูง ๆ จูงใจคนมาฝาก
ปกติธนาคารปล่อยกู้กันประมาณ 1.50% ต่อปี
ดูตัวเลขค่อนข้างน้อย แต่ต้องไม่ลืมยอดเงินกู้กัน
สถาบันการเงินกู้ยืมกันครั้งละไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
ระยะเวลา 1-7 วัน 1 เดือนหรือ 3 เดือนเป็นต้น
รายได้แบบนี้จะมหาศาล/มีหนี้เสียหนี้สูญค่อนข้างต่ำอยู่แล้ว
อัตราดอกเบี้ยแบบนี้บริษัทขนาดใหญ่ในเมืองไทยก็ได้เช่นกัน
ดังนั้นธนาคารที่มีเงินฝากทอดทิ้งมาก
ยิ่งรวบรวมยอดไว้ได้มากยิ่งมีโอกาสหากำไรจากเงินส่วนนี้มาก
เพราะพอครบ 10 ปีก็โอนเป็นรายรับของธนาคาร
แต่ในปัจจุบันถ้ายอดเงินฝากต่ำกว่าที่กำหนด
จะทะยอยตัดบัญชีอัตโนมัติจนเงินฝากในบัญชีหมด
แล้วธนาคารจะปิดบัญชีไปโดยอัตโนมัติ
บางธนาคารกำหนดยอดเงินฝากต่ำกว่า 2,000 บาท
แต่ถ้าเป็นเงินฝากประจำจะตัดแบบนี้ไม่ได้
ต้องคงต้างยอดไว้อีกนานแสนนานเช่นกัน
เงินฝากทอดทิ้งจะมีมากในบางสาขา
โดยเฉพาะสาขาที่มหาวิทยาลัยต่าง ๆ
จากจำนวนนักศึกษาที่เปิดบัญชีไว้หักค่าเล่าเรียน
หรือค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในเวลาเรียน
แม้จะมียอดเงินฝากจะไม่มากนักแต่มีจำนวนคนมาก
ยิ่งนักศึกษาเรียนจบแล้วถ้ายอดเงินฝากน้อย ๆ
มักจะลืมหรือไม่มาถอนเพราะไม่สะดวกในการเดินทางแล้ว
หรืออายที่จะมาถอนปิดบัญชี สมุดหายต้องแจ้งความ
ยุ่งยากมากความเลยไม่ไปถอนเงินปิดบัญชี
สะสมไว้หลาย ๆ ปี หลาย ๆ คน
จะมียอดเงินฝากสะสมจำนวนหลักแสนขึ้นไป
ยิ่งช่วงเปลี่ยนผ่านจากระบบเงินฝากที่ใช้เครื่องจักรกล Nec,Adler, Kiienzle
มาเป็นระบบ Computer ATM ฝากถอนเงิน
ยังไม่มีการหักบัญชีเงินฝากยอดต่ำกว่า 2,000 บาท
มีสาขาแห่งหนึ่งมียอดเงินฝากบัญชีทอดทิ้งมากกว่า 4 แสนบาท
สาขาแห่งนั้นเจอพนักงานบัญชีหรือเงินฝาก
ทำรายการถอนเงินฝากจากบัญชีทอดทิ้งเข้ากระเป๋าตนเอง
โดยทะยอยแอบถอนเงินฝากดังกล่าวทีละเล็กทีละน้อย
โดยการทำใบรายการ Slip ขึ้นมาถอนเงินฝากดังกล่าว
บางครั้งลงทุนถ่ายสำเนาบัตรประชาชน/นักศึกษา
ที่เปิดบัญชีไว้นานแล้วทำการปิดบัญชีเงินฝาก
แล้วถอนเงินสดเข้ากระเป๋าตนเอง
แต่คราวหลังโลภมากขึ้นจนมีรายการสะสมผิดสังเกต
ธนาคารจึงส่งคนเข้าไปตรวจสอบหาสาเหตุว่า
ทำไม่จู่ ๆ รายการบัญชีทอดทิ้งมีการถอนเงินมากผิดปกติ
เพราะปัจจุบันมีการสุ่มตรวจจากรายงาน Computer
ด้วยการตั้งเงื่อนไข querry ต่าง ๆ เช่น
รายการใดที่ diff จากปกติหรือผิดปกติ
จากฐานข้อมูลเดิมหรือข้อมูลเฉลี่ย
เช่น มีช่วงหนึ่งมีพนักงานเล่นพนันบอลล์กันมาก
บางคนทำหน้าที่เป็นปั้วบอลล์หรือรับฝากแทงบอลล์ให้คนอื่น
ธนาคารจะใส่ message พนักงานไว้ในบัญชีเงินฝากในระบบ Computer
แล้วให้พิมพ์รายงานเฉพาะพนักงานที่มีเงินฝากเกินกว่าหลักแสน
มียอดเงินฝากเคลื่อนไหวสูงผิดปกติ
ต่างกับเงินฝากพนักงานในสาขาหรือเฉลี่ยของธนาคาร
นำมาเรียงลำดับรายการแล้วสอบถามไปที่สาขา
หรือดูรายการ Transaction ย้อนหลังจากระบบ
ถ้ามียอดเงินฝากเข้าออกจำนวนมากผิดปกติ
สันนิษฐานได้เลยว่ามีอะไรผิดปกติแล้ว
จะต้องรีบดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด
เช่น ย้ายหน้าที่ทำงาน หรือ ตั้งคณะกรรมการสอบสวน เป็นต้น
เพราะโอกาสทุจริตมีมากจากการเสียการพนัน
นี่คือสมมุติฐานและข้อสันนิษฐานหลักของธนาคาร
เลยมีคำถามที่คาใจพนักงานกันเองว่า
แล้วสมัยก่อนที่ยังไม่มีรายงาน Computer
มีการฉ้อโกงเงินจากบัญชีเงินฝากทอดทิ้งหรือไม่
มีหลักฐานว่าเคยมีแต่จับได้ในที่สุด
แต่ที่จับไม่ได้น่าจะมีเช่นกันในบางสาขาบางธนาคาร
บัญชีทอดทิ้งคือ รายได้เสริมของธนาคาร
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ที่ตลาดย่านยาว พังงา
มีการเงินคึกคักเดินสะพัดมากมายยิ่งนัก
ธนาคารต่าง ๆ ต่างแห่กันไปเปิดสาขาที่นั่น
เพราะมีการขุดแร่ดีบุกจากใต้ท้องทะเลขึ้นมาขาย
มีรายได้และเงินหมุนเวียนมากมายมหาศาลในแต่ละวัน
ในยุคนั้นที่แร่ดีบุกราคาดีมาก
การขุดแร่ดีบุกจากทรายใต้ท้องทะเล
จะใช้วิธีการดำน้ำลงไปขุด
ไม่มีชุดประดาน้ำแบบปัจจุบัน
แต่มีการขายหมวกเหล็กกลมมีหน้าต่างกระจก
ปิดกันไม่ให้น้ำเข้าไปในหน้าของคนดำน้ำ
แล้วต่อท่อสายอากาศติดกับหมวกดำน้ำ
ให้คนงานหรือเพื่อนร่วมงานลงไปในน้ำหาแร่ดีบุก
โดยการให้ลมด้วยการใช้ปั้มลมแบบที่ใช้ในร้านซ่อมจักรยานยนต์
ฉุดเครื่องยนต์ด้วยเครื่องเรือยนต์หรือเครื่องปั่นไฟฟ้า
อัดอากาศลงไปตามท่ออากาศในหมวกดังกล่าว
เรียกว่าทำกันแบบไทย ๆ ไม่ต้องมีงานวิจัย
เกิดปั้มเสียหรือปั้มชำรุดคนอยู่ใต้น้ำไม่ตายก็พิการ
บางรายตาถลนเลือดออกตามหูตามตา
เจอลูกค้าปาดังเบซาร์รายหนึ่งเคยไปทำงานแบบนี้
ปรากฎว่าหูตึงกว่าปกติเพราะแกเคยดำน้ำขุดแร่
ในบริเวณตลาดย่านยาวเขตนี้มาก่อน
แกเล่าว่าเพื่อนแกตายไปหลายคนเหมือนกัน
เพราะปั้มอากาศไม่ทำงานกับเพราะความดันในน้ำ
จากการต้องรีบดำน้ำขึ้นบนเรืออย่างรวดเร็ว
เวลาขุดได้แร่ดีบุกหรือหลบหนีพายุ/คนมารีดไถ
หรือเวลาไม่มีอากาศอัดลงในหน้ากากดำน้ำ
เพราะบางครั้งเครื่องยนต์ดับหรือวาว์ลเสีย
เรียกว่าคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์หรือเรียนรู้
แบบนักประดาน้ำที่ต้องเรียนต้องฝึกฝนกันนาน
ไม่ตายก็พิการมามากมายหลายคนแล้ว
การที่มีคนตายจำนวนมากในตลาดย่านยาว
เพราะยุคนั้นมีคนแห่มาจากหลายภาคหลายแห่ง
ต่างแห่แหนกันมาหากินจากการดำน้ำขุดแร่ดีบุก
หรือค้าขายบนบกให้คนที่ทำมาหากินในท้องทะเล
มีการยิงกันฆ่ากันแย่งชิงกันเหมือนบ้านป่าเมืองเถื่อน
เพราะเงินสดสะพัดกันมากในช่วงนั้น
ทำให้มีตำนานเล่าขานกันมานานแล้วว่า
มีเงินฝากทอดทิ้งในธนาคารที่ตลาดย่านยาว
รวมทุกธนาคารหลังจากที่ตลาดย่านยาววายไปแล้ว
มียอดเงินฝากทอดทิ้งไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
ในสมัยเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน
พอพูดไปพูดมาบางคนว่า 100 กว่าล้านบาท
เพราะคนที่มาฝากเงินธนาคารไม่ตายในท้องทะเลก็บนบก
ส่วนมากมาจากต่างจังหวัด
หรือดินแดนที่ห่างไกลในประเทศไทย
โดยบรรดาญาติพี่น้องครอบครัวไม่รู้ว่าฝากเงินไว้
หรือถ้ารู้ก็ไม่รู้ว่าจะติดต่อถอนเงินอย่างไร
ไปถามธนาคารก็ไม่บอกอ้างว่าความลับลูกค้า
รวมทั้งไม่ใช่หน้าที่ธนาคารที่จะแจ้งเรื่อง
การมีบัญชีเงินฝากไปยังบ้านลูกค้า
ถ้ายังมีหลักฐานเช่น สมุดเงินฝากหลงเหลือไว้
ธนาคารมักจะบอกให้ไปแต่งตั้งผู้จัดการมรดก
ยุ่งยากมาก ๆ เงินฝากไม่มากก็เลยปล่อยเลยตามเลย
แบบชาวบ้านบางคนก็ไม่กล้าติดต่อธนาคาร
หลาย ๆ คนหลาย ๆ บัญชีนาน ๆ เข้า
ธนาคารก็งาบเป็นรายได้ธนาคารไปในที่สุด
ในยุคนั้นแม้ว่าจะมีคำสั่งศาลหรือหนังสือจากทายาท
ขอให้ธนาคารตรวจสอบเงินฝากผู้ตาย
แต่ระบบการเก็บข้อมูลยังเป็นสมุดเล่มใหญ่ ๆ เขียนด้วยปากกา
ถ้าพนักงานจำชื่อลูกค้าได้ก็แล้วไป
เกิดจำไม่ได้ขี้เกียจไปค้นหารายชื่อ
มักจะบอกปัดไปว่าไม่มี หมดเรื่องไป ไม่ต้องทำงาน
หรือเรียก/ด่ากันภายในว่า โง่แล้วสบาย ฉลาดแสนวุ่นวาย
แม้ว่าจะเปลี่ยนเป็นระบบ Computer
แต่ในยุคแรก ๆ ยังเป็นภาษาอังกฤษ
ค้นหาก็ยาก บรรทัดก็ไม่ครบ ขาด ๆ แหว่ง ๆ
สะกดเป็นไทยก็ตลกชะมัดบางรายชื่อ
กว่าจะเป็นระบบภาษาไทยเหมือนทุกวันนี้
ต้องใช้เวลานานมากเพราะยุคนั้น
การประมวลผลคอมพิวเตอร์ช้าส่วนหนึ่ง
ระบบเครือข่ายสื่อสารยังติด ๆ ดับ ๆ
รวมทั้งภาษาไทยมี 4 บรรทัด
สระล่าง(อุ อู) พยัญชนะ สระด้านบน วรรณยุกต์
ประมวลผลยาก/ช้ากว่าภาษาอังกฤษบรรทัดเดียว
ชีวิตชายแดนปาดังเบซาร์-เปี๊ยกคนขับรถยนต์ (ตอนที่ 3)
ชีวิตชายแดนปาดังเบซาร์-เปี๊ยกคนขับรถยนต์ ตอนที่ 2
วงจรชีวิตมนุษย์เงินเดือนมักจะซ้ำ ๆ ซาก ๆ
ถ้าทำเป็นประจำก็จะเกิดอาการเบื่อหน่าย
หรือกลายเป็นมนุษย์เครื่องจักรกล
ดังนั้น หน่วยงานต่าง ๆ จึงต้องหาเครื่องมือมากระตุ้น
เช่น เป้าเงินฝาก เป้าสินเชื่อ เป้าประกันภัย เป็นต้น
แต่ยากระตุ้นประเภทนี้มักจะเป็นยาฉีดใส่เฉพาะคน
ไม่ค่อยมีผลต่อการทำงานเป็นทีมงานมากนัก
ดังนั้น จะเห็นว่าทั้งเมืองนอกหรือเมืองไทย
แต่ละปีมักจะพยายามจะหายากระตุ้น
เพื่อทำให้องค์การมีการตื่นตัวหรือเรียกว่าเขย่ากัน
ปลุกเร้าให้คนงานในองค์การมีการตื่นตัวมีความคึกคักมากขึ้น
เช่น กิจกรรมคุณภาพงาน QC Reengineering KPi BSC Lean เป็นต้น
หน่วยราชการไทย/รัฐวิสาหกิจบางแห่งก็เลียนแบบมาใช้บ้าง
จะได้รับเงิน/รับงบประมาณหมวดพัฒนาบุคลากร
ตามที่เสนอของบประมาณหรือโครงการ
เรียกว่า ใช้ไปหมดไป งุบงิบไป พัฒนาจริงหรือไม่ ตรวจสอบกันยาก
เพราะการจัดโครงการอบรมสัมนาจะจ่ายวันเท่าไรก็ได้
อยู่ที่การตั้งงบค่าใช้จ่ายต่อหัว ค่าวิทยากร ค่าเดินทาง ฯลฯ
เป็นประเภทใช้ไปหมดไป ตรวจสอบยากว่าได้ผลหรือไม่ได้ผล
เคยเจอประเภทเซ็นชื่อเช้าบ่ายแล้วขอรับเอกสารงานสัมนา
เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่ามาเข้ารับการอบรม
พอช่วงเบรคก็หายหัวไปแล้ว หรือกินอาหารกลางวันเสร็จก็หายหัวไปเช่นกัน
กลับหน่วยงานแล้วมักจะยกเมฆเขียนรายงานส่ง ๆ ไป
หรือหน้าด้านขอเบิกเงินว่ามาร่วมโครงการแล้ว
ส่วนที่ธนาคารไทยแห่งแรกในสมัยนั้น
มีกิจกรรมคุณภาพงาน QC ที่นำเข้ามา
เพื่อใช้กระตุ้นมนุษย์เงินเดือน
หนังสือบอกว่าเชิญชวนให้ช่วยกันทำ
แต่เอาเข้าจริงเหมือนมวยไฟล์บังคับ
ที่ทุกสาขาต้องทำอย่างน้อย 1 กลุ่ม
สาขาขนาดใหญ่ต้องมี 2-3 กลุ่ม
ทำเสร็จแล้วต้องส่งเรื่องที่ทำเข้าเพื่อประกวดแข่งขันกัน
เรียกว่าเกณฑ์กันทำกับสั่งให้ทำทั้งสาขาทีเดียว
งานนี้เปี๊ยกไม่มีบทบาทหน้าที่อย่างใด
ส่วนของสาขาจำไม่ได้แล้วว่าทำเรื่องอะไร
จำได้กิจกรรม QC มีความคึกคักอยู่ประมาณ 4-5 ปี
แล้วก็เฉาตายไปในที่สุดเหมือนกับที่ชอบแซวกันว่า
เกิดในญี่ปุ่น โตในสหรัฐ มาตายที่เมืองไทย
สหรัฐมีการพัฒนา QC จนเป็น TQM
เป็นงานใหญ่มีการแจกรางวัลระดับชาติกันทุกปี
การประกวดแข่งขันให้คะแนนตามโพยที่กำหนดไว้
ไม่มีการคิดวิเคราะห์หรือไม่มองถึงประโยชน์สุดท้ายว่า
ธนาคารได้ประโยชน์/เสียประโยชน์แต่อย่างใด
เช่น ทำให้พนักงานลดเวลาทำงาน บริการลูกค้าได้ดีขึ้น
ทำให้งานบริการรวดเร็วมีคุณภาพมากขึ้น
หรือเรียกว่าจบงานประกวด QC ทุกอย่างที่ทำมาก็จบลงด้วย
ไม่มีการนำผลงานไปขยายผลหรือใช้ต่อเนื่องอย่างจริงจัง
ไม่มีการติดตามประเมินผลหรือชี้วัดผลตามหลังแต่อย่างใด
จบกันที่วาทกรรมและพิธีกรรมประกวดกิจกรรมคุณภาพงาน
แต่ที่ธนาคารได้คือ การกระตุ้นเขย่ามนุษย์เงินเดือน
ให้ตื่นตัวตื่นใจไม่มีอาการเฉื่อยชาไปช่วงหนึ่งแล้ว
มีเรื่องตลกเรื่องหนึ่งของสาขาแห่งหนึ่ง
คือทำ QC เรื่องลดจำนวนบัญชีเงินฝากทอดทิ้งของลูกค้า
ด้วยการติดตามไปที่บ้านลูกค้าหรือส่งจดหมายหาลูกค้า
ทำให้ลดบัญชีเงินฝากทอดทิ้งได้ 2 ล้านกว่าบาท
พอส่งเข้าประกวดกิจกรรม QC
ขั้นตอนกระบวนการทำกิจกรรม
ตามใบคะแนนการให้รางวัลกิจกรรมถูกต้องเลยได้รางวัลไป
แต่เพราะสุดท้ายธนาคารเสียประโยชน์
คือขาดรายได้จากเงินฝากก้อนนี้ที่ควรจะได้ในที่สุด
จึงไม่มีการเผยแพร่หรือสรุปกิจกรรมดังกล่าว
ในหนังสือวารสารประจำเดือนของธนาคารแต่อย่างใด
กลัวการเลียนแบบหรือทำให้ธนาคารขาดทุนกำไร
ในสมัยก่อนที่ยังไม่มีระบบ Computer
ใช้งานกันอย่างแพร่หลายเหมือนทุกวันนี้
บัญชีทอดทิ้งคือ บัญชีเงินฝากลูกค้า
ที่มียอดเงินจำนวนหลักร้อยถึงหลักแสนบาท
ไม่มีการติดต่อกับธนาคารมากกว่า 2 ปีแล้ว
คือไม่มียอดเคลื่อนไหว ฝาก ถอน ปรับยอดสมุดบัญชีเงินฝาก
เงินฝากประเภทนี้ คือ รายได้หลักของสาขา/ธนาคาร
เพราะเงินจำนวนดังกล่าวยิ่งไม่มีการเบิกถอน
การสำรองสภาพคล่องของธนาคารก็ยิ่งง่ายขึ้น
ปกติการประมาณการสภาพคล่องของธนาคารสมัยก่อน
สมมุติสิ้นวันนี้มีเงินฝากทุกบัญชียอดรวม 100 ล้านบาท
สภาพคล่องวันรุ่งขึ้นจะประมาณ 20% หรือ 20 ล้านบาท
กล่าวคือ พรุ่งนี้จะมีคนมาถอนเงินฝากไม่เกิน 20 ล้านบาท
โดยจะถอนเป็นเงินสดหรือเช็คหักบัญชีหรือรายการบัญชีระหว่างกัน
แต่ในสภาพความจริงแล้วเงินสดจะมีการถอนไม่มากนัก
แต่สาขาจะสำรองเงินสดไว้ไม่เกิน 2-5 ล้านบาท
เพราะคนส่วนมากจะมาถอนเงินสดไม่มากนัก
ยกเว้นแต่ช่วงเทศกาลหรือวันหยุดยาว
จึงจะต้องมีสำรองเงินสดกับสภาพคล่องมากกว่าปกติ
เงินส่วนที่เกินจากสภาพคล่องที่ตัวเลข 80 ล้านบาท
สาขาจะแจ้งยอดเงินฝากไปที่สำนักงานใหญ่
เพื่อปล่อยกู้รายวันประเภท Call Loan/Inter Bank
อัตราดอกเบี้ยค่อนข้างต่ำถ้ามีสภาพคล่องในตลาดเงินมาก
หรือเรียกกันว่ามีเงินฝากล้นตลาดจนต้องให้ดอกเบี้ยต่ำ ๆ
เป็นการผลักไสไล่ส่งทางอ้อมอย่าให้คนมาฝากเงินมาก
หรือแนะใหไปซื้อกองทุน ประกันชีวิตแทนเป็นต้น
ถ้าเงินฝากขาดตลาดหรือสภาพคล่องในตลาดลดลง
ธนาคารต้องรีบให้ดอกเบี้ยสูง ๆ จูงใจคนมาฝาก
ปกติธนาคารปล่อยกู้กันประมาณ 1.50% ต่อปี
ดูตัวเลขค่อนข้างน้อย แต่ต้องไม่ลืมยอดเงินกู้กัน
สถาบันการเงินกู้ยืมกันครั้งละไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
ระยะเวลา 1-7 วัน 1 เดือนหรือ 3 เดือนเป็นต้น
รายได้แบบนี้จะมหาศาล/มีหนี้เสียหนี้สูญค่อนข้างต่ำอยู่แล้ว
อัตราดอกเบี้ยแบบนี้บริษัทขนาดใหญ่ในเมืองไทยก็ได้เช่นกัน
ดังนั้นธนาคารที่มีเงินฝากทอดทิ้งมาก
ยิ่งรวบรวมยอดไว้ได้มากยิ่งมีโอกาสหากำไรจากเงินส่วนนี้มาก
เพราะพอครบ 10 ปีก็โอนเป็นรายรับของธนาคาร
แต่ในปัจจุบันถ้ายอดเงินฝากต่ำกว่าที่กำหนด
จะทะยอยตัดบัญชีอัตโนมัติจนเงินฝากในบัญชีหมด
แล้วธนาคารจะปิดบัญชีไปโดยอัตโนมัติ
บางธนาคารกำหนดยอดเงินฝากต่ำกว่า 2,000 บาท
แต่ถ้าเป็นเงินฝากประจำจะตัดแบบนี้ไม่ได้
ต้องคงต้างยอดไว้อีกนานแสนนานเช่นกัน
เงินฝากทอดทิ้งจะมีมากในบางสาขา
โดยเฉพาะสาขาที่มหาวิทยาลัยต่าง ๆ
จากจำนวนนักศึกษาที่เปิดบัญชีไว้หักค่าเล่าเรียน
หรือค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในเวลาเรียน
แม้จะมียอดเงินฝากจะไม่มากนักแต่มีจำนวนคนมาก
ยิ่งนักศึกษาเรียนจบแล้วถ้ายอดเงินฝากน้อย ๆ
มักจะลืมหรือไม่มาถอนเพราะไม่สะดวกในการเดินทางแล้ว
หรืออายที่จะมาถอนปิดบัญชี สมุดหายต้องแจ้งความ
ยุ่งยากมากความเลยไม่ไปถอนเงินปิดบัญชี
สะสมไว้หลาย ๆ ปี หลาย ๆ คน
จะมียอดเงินฝากสะสมจำนวนหลักแสนขึ้นไป
ยิ่งช่วงเปลี่ยนผ่านจากระบบเงินฝากที่ใช้เครื่องจักรกล Nec,Adler, Kiienzle
มาเป็นระบบ Computer ATM ฝากถอนเงิน
ยังไม่มีการหักบัญชีเงินฝากยอดต่ำกว่า 2,000 บาท
มีสาขาแห่งหนึ่งมียอดเงินฝากบัญชีทอดทิ้งมากกว่า 4 แสนบาท
สาขาแห่งนั้นเจอพนักงานบัญชีหรือเงินฝาก
ทำรายการถอนเงินฝากจากบัญชีทอดทิ้งเข้ากระเป๋าตนเอง
โดยทะยอยแอบถอนเงินฝากดังกล่าวทีละเล็กทีละน้อย
โดยการทำใบรายการ Slip ขึ้นมาถอนเงินฝากดังกล่าว
บางครั้งลงทุนถ่ายสำเนาบัตรประชาชน/นักศึกษา
ที่เปิดบัญชีไว้นานแล้วทำการปิดบัญชีเงินฝาก
แล้วถอนเงินสดเข้ากระเป๋าตนเอง
แต่คราวหลังโลภมากขึ้นจนมีรายการสะสมผิดสังเกต
ธนาคารจึงส่งคนเข้าไปตรวจสอบหาสาเหตุว่า
ทำไม่จู่ ๆ รายการบัญชีทอดทิ้งมีการถอนเงินมากผิดปกติ
เพราะปัจจุบันมีการสุ่มตรวจจากรายงาน Computer
ด้วยการตั้งเงื่อนไข querry ต่าง ๆ เช่น
รายการใดที่ diff จากปกติหรือผิดปกติ
จากฐานข้อมูลเดิมหรือข้อมูลเฉลี่ย
เช่น มีช่วงหนึ่งมีพนักงานเล่นพนันบอลล์กันมาก
บางคนทำหน้าที่เป็นปั้วบอลล์หรือรับฝากแทงบอลล์ให้คนอื่น
ธนาคารจะใส่ message พนักงานไว้ในบัญชีเงินฝากในระบบ Computer
แล้วให้พิมพ์รายงานเฉพาะพนักงานที่มีเงินฝากเกินกว่าหลักแสน
มียอดเงินฝากเคลื่อนไหวสูงผิดปกติ
ต่างกับเงินฝากพนักงานในสาขาหรือเฉลี่ยของธนาคาร
นำมาเรียงลำดับรายการแล้วสอบถามไปที่สาขา
หรือดูรายการ Transaction ย้อนหลังจากระบบ
ถ้ามียอดเงินฝากเข้าออกจำนวนมากผิดปกติ
สันนิษฐานได้เลยว่ามีอะไรผิดปกติแล้ว
จะต้องรีบดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด
เช่น ย้ายหน้าที่ทำงาน หรือ ตั้งคณะกรรมการสอบสวน เป็นต้น
เพราะโอกาสทุจริตมีมากจากการเสียการพนัน
นี่คือสมมุติฐานและข้อสันนิษฐานหลักของธนาคาร
เลยมีคำถามที่คาใจพนักงานกันเองว่า
แล้วสมัยก่อนที่ยังไม่มีรายงาน Computer
มีการฉ้อโกงเงินจากบัญชีเงินฝากทอดทิ้งหรือไม่
มีหลักฐานว่าเคยมีแต่จับได้ในที่สุด
แต่ที่จับไม่ได้น่าจะมีเช่นกันในบางสาขาบางธนาคาร
บัญชีทอดทิ้งคือ รายได้เสริมของธนาคาร
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ที่ตลาดย่านยาว พังงา
มีการเงินคึกคักเดินสะพัดมากมายยิ่งนัก
ธนาคารต่าง ๆ ต่างแห่กันไปเปิดสาขาที่นั่น
เพราะมีการขุดแร่ดีบุกจากใต้ท้องทะเลขึ้นมาขาย
มีรายได้และเงินหมุนเวียนมากมายมหาศาลในแต่ละวัน
ในยุคนั้นที่แร่ดีบุกราคาดีมาก
การขุดแร่ดีบุกจากทรายใต้ท้องทะเล
จะใช้วิธีการดำน้ำลงไปขุด
ไม่มีชุดประดาน้ำแบบปัจจุบัน
แต่มีการขายหมวกเหล็กกลมมีหน้าต่างกระจก
ปิดกันไม่ให้น้ำเข้าไปในหน้าของคนดำน้ำ
แล้วต่อท่อสายอากาศติดกับหมวกดำน้ำ
ให้คนงานหรือเพื่อนร่วมงานลงไปในน้ำหาแร่ดีบุก
โดยการให้ลมด้วยการใช้ปั้มลมแบบที่ใช้ในร้านซ่อมจักรยานยนต์
ฉุดเครื่องยนต์ด้วยเครื่องเรือยนต์หรือเครื่องปั่นไฟฟ้า
อัดอากาศลงไปตามท่ออากาศในหมวกดังกล่าว
เรียกว่าทำกันแบบไทย ๆ ไม่ต้องมีงานวิจัย
เกิดปั้มเสียหรือปั้มชำรุดคนอยู่ใต้น้ำไม่ตายก็พิการ
บางรายตาถลนเลือดออกตามหูตามตา
เจอลูกค้าปาดังเบซาร์รายหนึ่งเคยไปทำงานแบบนี้
ปรากฎว่าหูตึงกว่าปกติเพราะแกเคยดำน้ำขุดแร่
ในบริเวณตลาดย่านยาวเขตนี้มาก่อน
แกเล่าว่าเพื่อนแกตายไปหลายคนเหมือนกัน
เพราะปั้มอากาศไม่ทำงานกับเพราะความดันในน้ำ
จากการต้องรีบดำน้ำขึ้นบนเรืออย่างรวดเร็ว
เวลาขุดได้แร่ดีบุกหรือหลบหนีพายุ/คนมารีดไถ
หรือเวลาไม่มีอากาศอัดลงในหน้ากากดำน้ำ
เพราะบางครั้งเครื่องยนต์ดับหรือวาว์ลเสีย
เรียกว่าคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์หรือเรียนรู้
แบบนักประดาน้ำที่ต้องเรียนต้องฝึกฝนกันนาน
ไม่ตายก็พิการมามากมายหลายคนแล้ว
การที่มีคนตายจำนวนมากในตลาดย่านยาว
เพราะยุคนั้นมีคนแห่มาจากหลายภาคหลายแห่ง
ต่างแห่แหนกันมาหากินจากการดำน้ำขุดแร่ดีบุก
หรือค้าขายบนบกให้คนที่ทำมาหากินในท้องทะเล
มีการยิงกันฆ่ากันแย่งชิงกันเหมือนบ้านป่าเมืองเถื่อน
เพราะเงินสดสะพัดกันมากในช่วงนั้น
ทำให้มีตำนานเล่าขานกันมานานแล้วว่า
มีเงินฝากทอดทิ้งในธนาคารที่ตลาดย่านยาว
รวมทุกธนาคารหลังจากที่ตลาดย่านยาววายไปแล้ว
มียอดเงินฝากทอดทิ้งไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
ในสมัยเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน
พอพูดไปพูดมาบางคนว่า 100 กว่าล้านบาท
เพราะคนที่มาฝากเงินธนาคารไม่ตายในท้องทะเลก็บนบก
ส่วนมากมาจากต่างจังหวัด
หรือดินแดนที่ห่างไกลในประเทศไทย
โดยบรรดาญาติพี่น้องครอบครัวไม่รู้ว่าฝากเงินไว้
หรือถ้ารู้ก็ไม่รู้ว่าจะติดต่อถอนเงินอย่างไร
ไปถามธนาคารก็ไม่บอกอ้างว่าความลับลูกค้า
รวมทั้งไม่ใช่หน้าที่ธนาคารที่จะแจ้งเรื่อง
การมีบัญชีเงินฝากไปยังบ้านลูกค้า
ถ้ายังมีหลักฐานเช่น สมุดเงินฝากหลงเหลือไว้
ธนาคารมักจะบอกให้ไปแต่งตั้งผู้จัดการมรดก
ยุ่งยากมาก ๆ เงินฝากไม่มากก็เลยปล่อยเลยตามเลย
แบบชาวบ้านบางคนก็ไม่กล้าติดต่อธนาคาร
หลาย ๆ คนหลาย ๆ บัญชีนาน ๆ เข้า
ธนาคารก็งาบเป็นรายได้ธนาคารไปในที่สุด
ในยุคนั้นแม้ว่าจะมีคำสั่งศาลหรือหนังสือจากทายาท
ขอให้ธนาคารตรวจสอบเงินฝากผู้ตาย
แต่ระบบการเก็บข้อมูลยังเป็นสมุดเล่มใหญ่ ๆ เขียนด้วยปากกา
ถ้าพนักงานจำชื่อลูกค้าได้ก็แล้วไป
เกิดจำไม่ได้ขี้เกียจไปค้นหารายชื่อ
มักจะบอกปัดไปว่าไม่มี หมดเรื่องไป ไม่ต้องทำงาน
หรือเรียก/ด่ากันภายในว่า โง่แล้วสบาย ฉลาดแสนวุ่นวาย
แม้ว่าจะเปลี่ยนเป็นระบบ Computer
แต่ในยุคแรก ๆ ยังเป็นภาษาอังกฤษ
ค้นหาก็ยาก บรรทัดก็ไม่ครบ ขาด ๆ แหว่ง ๆ
สะกดเป็นไทยก็ตลกชะมัดบางรายชื่อ
กว่าจะเป็นระบบภาษาไทยเหมือนทุกวันนี้
ต้องใช้เวลานานมากเพราะยุคนั้น
การประมวลผลคอมพิวเตอร์ช้าส่วนหนึ่ง
ระบบเครือข่ายสื่อสารยังติด ๆ ดับ ๆ
รวมทั้งภาษาไทยมี 4 บรรทัด
สระล่าง(อุ อู) พยัญชนะ สระด้านบน วรรณยุกต์
ประมวลผลยาก/ช้ากว่าภาษาอังกฤษบรรทัดเดียว