[J-rock] กระทู้เรียกแขก review DIR EN GREY's new album ARCHE (เพลง)

กลับมาพบกันอีกครั้ง กับกระทู้เรียกแขก เสริมสร้างความครึกครื้นให้แก่เหล่าแฟนเดอ และร่วมประชาสัมพันธ์วง ขยายฐานแฟนคลับ สำหรับกระทู้นี้ออกวิชาการหน่อย เป็นกระทู้รีวิวเพลงในอัลบัมล่าสุด ที่เพิ่งออกมาสดๆ ร้อนๆ เมื่อวันพุธที่ผ่านมานี้

ขอแจ้งท่านผู้อ่านดังนี้ก่อนค่ะ
1.file ที่ จขกท ใช้ฟังเพื่อรีวิว เป็นไฟล์เพลงที่ซื้อจาก itune ซึ่งไม่ได้ master for itune ดังนั้นคุณภาพเสียงจะไม่เท่า raw file จากแผ่น (แผ่น จขกท ยังมาไม่ถึง)
2.ในด้าน rock/metal จขกท ขออนุญาตออกตัวว่า ไม่มีความรู้หรือทฤษฎีเพลงอะไร เพียงเป็นแฟนเพลง ที่ฟังแล้วชอบ และอยากแบ่งปัน แชร์ประสบการณ์ ในฐานะหูบ้านๆ คนหนึ่งเท่านั้น

ดังนั้น หากมีส่วนใดที่ทำให้ท่านผู้อ่านระคายใจต้องขออภัยด้วย และหากเห็นต่าง สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แบ่งปันความรู้ได้เลยค่า

เริ่มเลยดีกว่าค่ะ

———-



ARCHE

ชื่ออัลบัมอ่านว่า อาร์เค โดยอ่านตามเว็บออฟฟิศเชียล มีความหมายถึงรากเหง้า โดยความหมายและการโปรโมทก่อนหน้า ทำให้เชื่อว่า เดอน่าจะทำเพลงที่เข้าถึงได้ง่าย ฉูดฉาด ใกล้เคียงแนวเพลงในยุคแรกๆ ของพวกเขา ในขณะเดียวกัน เดอโปรโมทอัลบัมนี้ในฐานะอัลบัมที่ชูคอนเซปต์เกี่ยวกับ “ความเจ็บปวด”

Un Deux


เป็นภาษาฝรั่งเศส แปลว่า 1 และ 2
เพลงนี้เริ่มอย่างฉูดฉาดจนน่าตกใจ ผิดคาดกับสองอัลบัมก่อนหน้า ที่เริ่มด้วยเพลงเกือบจะบรรเลง อย่างไรก็ตาม เพลงนี้แม้ฉูดฉาด แต่ไม่ให้ความรู้สึกที่จำเพาะเจาะจงชัดเจนนัก คล้ายเป็นเพลงต้อนรับ ก่อนจะเข้าสู่โลกของเดอเสียมากกว่า ในพาร์ตดนตรี ผู้เขียนชอบกีต้าร์มากเป็นพิเศษค่ะ เพราะเล่นอย่างเร่งเร้า ซึ่งเป็นสไตล์ที่ดายและคาโอรุดูจะชอบมากในช่วงหลังๆ มานี้

Soshaku


ขึ้นด้วยกีต้าร์เอื่อยๆ ฟังแล้วน่าสงสัย ซึ่งจะคลอเป็นระยะตลอดเพลง ตามด้วยท่อนฮุคที่ปรากฏในตัวอย่าง ตอนแรกผู้เขียนนึกว่าท่อนฮุคดังกล่าวนี้ จะเป็นท่อนเด่นของเพลง ผิดคาด ท่อนฮุคนี้กลับเป็นตัวบิวด์อารมณ์ ก่อนจะตามมาด้วยท่อนถัดมา ที่น่าจะเป็นแก่นของเพลงมากกว่า ลักษณะขมุกขมัว ก่อนจะเห็นแสงสลัวๆ ที่ปลายอุโมงค์ เพลงนี้ในพาร์ตดนตรี ไม่เร็ว ออกจะช้า แต่ต่อเนื่อง ไม่มีช่องหยุดหายใจ แม้เป็นผู้ฟังก็ยังรู้สึกเหนื่อย

Uroko

เพลงนี้ชวนให้นึกถึงยุคสมัยของ Visual Kei แรกฟัง รู้สึกเป็นเพลงเร็ว แต่เมื่อฟังหลายครั้งแล้ว พบว่าตัวจังหวะแรกเริ่มไม่ได้เร็วนัก แต่มีการเร่งจังหวะเป็นระยะ แล้วชะลอกะทันหัน แล้วเร่ง แล้วชะลออีก สลับไปมาหลายครั้ง ขณะที่อารมณ์เพลง ให้ลักษณะ haunted แบบ visual โดยรวมแล้ว ทำให้รู้สึกเหมือนดูหนัง thriller สยองขวัญสักเรื่อง อีกข้อที่น่าสนใจคือ เอาความเงียบมาใส่ในบางจุด เพื่อขับให้จังหวะเร่ง ดูเร่งแรงขึ้น เป็นเพลงที่เก๋และเท่มากอีกเพลงหนึ่ง

โดยรวม 3 เพลงแรกนี้ เสมือนเพลงต้อนรับ ก่อนจะเข้าสู่โลกของเดอค่ะ

Phenomenon

1 ในเพลงชวนเพ้อ หวนหาอดีตที่เจ็บปวด ซึ่งเป็นหัวข้อหลักของอัลบัมนี้ เพลงเริ่มด้วยการพาเราเดินไปทีละก้าว มีจุดวังเวงเป็นระยะ ก่อนจะถึงท่อนที่นำเราไปสัมผัสกับความรู้สึกบางอย่าง ก่อนที่ตัวเอกจะหวนหาอดีตที่เจ็บปวด ก่อนจะนึกฝันถึงอนาคตอันสวยงาม ที่ไม่มีวันเป็นจริง
เป็นเพลงแรกของอัลบัม ที่กลิ่นอายแห่งความเจ็บปวดเผยตัวขึ้น

Cause of Fickleness

เป็นเพลงเท่ๆ อีกเพลงหนึ่ง ที่กีต้าร์โคตรมันส์ ข้อสังเกตคือ เพลงนี้ ใช้กีต้าร์เป็นตัวเร่งเร้าอารมณ์เป็นหลัก บางครั้งเร็ว บางครั้งช้า บางครั้งอ้อยอิ่งแต่บีบคั้น โดยรวมประทับใจกีต้าร์คู่ของเพลงนี้มาก อย่างไรก็ตาม เพลงนี้เคียวร้องได้น่ารักมากค่ะ

Tosei

น่าจะเป็นหนึ่งในเพลง ที่แฟนเดอจะรักมากที่สุดจากนี้
เพลงนี้ขึ้นด้วยเสียงเบาๆ เหมือนได้ยินจากที่ไกล จากนั้นเครื่องดนตรีทุกชิ้นขึ้นพร้อมกัน เป็นจังหวะที่รู้สึกถึงความอลังการอย่างเรียบง่าย จากนี้ตลอดทั้งเพลง กีต้าร์เล่นคลอตอดเล็กตอดน้อย ร่วมไปกับเสียงกลองที่ถูกที่ถูกเวลาในทุกจุด ทำให้เพลงนี้ simply extraordinary อย่างมาก
อย่างไรก็ตาม เพลงนี้เป็นอีกเพลงที่ฟังแล้วรวดร้าวอย่างบอกไม่ถูก เป็นความเศร้าแบบเดียวกันกับเพลง mushi no ne (เพลง ไม่ใช่ชื่อวง)

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

Tosei ที่จริงยังไม่สามารถให้ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยอายุขัยขนาดนั้นได้ แต่เราคิดว่า อารมณ์ของเพลงนี้ อยู่บนหนทางเดียวกันนี้

Rinkaku

ซิงเกิ้ลแรกของอัลบัมนี้ เนื่องจากออกมานาน ฟังแล้วจึงรู้สึกโดดออกไปสักหน่อย อย่างไรก็ตาม Rinkaku มีลักษณะ ละเอียด และเจ็บปวด เข้ากันได้กับคอนเซปต์ของอัลบัม เมื่อมองย้อนไปแล้ว จะนับว่า Rinkaku เป็น precursor ของ Arche ก็ว่าได้
เนื้อเพลงของ Rinkaku ออกจะเข้าใจยากตามสไตล์ ท่อนที่ร้องว่า “ในความฝัน เมื่อตื่นจากฝัน ก็พบว่าแม้ความทรงจำยังเป็นความฝัน” ท่อนนี้ปวดใจเอามากๆ ตอนที่เพลงออกใหม่ๆ ผู้เขียนอ่านคำแปลดูก็ไม่เข้าใจ แต่พอเจอเหตุการณ์บางอย่างที่เข้ากันได้กับเพลงขึ้นมา รู้เลยว่า ทุก element ในเพลงล้วนปวดร้าว เชื่อว่ามีคนร้องไห้ให้เพลงนี้มาแล้ว

Chain Repulsion

เป็นเพลงที่มีกลิ่นอายของ Visual kei อยู่ แต่เล่นด้วยelementแบบเมทัล เพลงนี้ตามความเห็นส่วนตัว เป็นเพลงที่เหมาะกับไลฟ์เอามากๆ และน่าจะเป็นเพลงที่มันส์ที่สุดเพลงหนึ่งต่อไปของเดอค่ะ ทั้งนี้ เพลงนี้แม้จะมีความโหดของเมทัลอยู่ แต่มีลักษณะที่สาวกยุคgauzeน่าจะชอบได้ไม่ยาก ไม่แน่ใจว่าจะมอมเมาสาวกยุคเก่า ให้กลายเป็นขาเมทัลได้ด้วยหรือไม่

Midwife

ให้ความรู้สึกต่อเนื่องมาจาก chain repulsion ในขณะที่เพลงแรก ลากผู้ฟังไปheadbangแบบตรงไปตรงมา เพลงนี้เหมือนค่อยๆ พาไต่ขึ้นไปยังที่สูง ก่อนอัดรวดเดียวจอด ให้ร่วงลงมา แล้วเริ่มใหม่อีกรอบ โดยส่วนตัว เพลงนี้เป็นอีกเพลงที่เหมาะกับไลฟ์มาก น่าจะพาให้เหล่าสาวกเมามายได้ไม่ยาก ทั้งนี้ช่วงนาทีที่ 3.20-3.35 เป็นท่อนเสียงร้องของเคียว ที่ส่วนตัวคิดว่า เป็นตัวแทนคอนเซปต์ของอัลบัมนี้ ถ้านึกถึงอัลบัมนี้ ตัวเราเองคงคิดถึงช่วงไม่กี่วินาทีนี้ค่ะ

Magayasou

เริ่มด้วยกีต้าร์เอื่อยๆ โชว์เมโลดี้ที่น่าสนใจ ตัวดำเนินเรื่องกลับเป็นเบส ซึ่งน่าสนใจมาก ขณะที่โทชิยะเองก็ปล่อยของในเพลงนี้เต็มที่
เพลงนี้ให้อารมณ์เพลงที่แปลกมาก ตัวเอกคล้ายกับหลับฝัน ล่องลอย ประสบกับบางอย่างที่ยิ่งใหญ่ เหตุการณ์บางอย่างที่จะไม่มีทางให้เดินย้อนกลับมา การตัดสินใจบางอย่างที่เจ็บปวดรวดร้าว ยิ่งใหญ่ หนักแน่น ขณะเดียวกัน กลับรู้สึกว่ามัน เป็นความฝัน เป็นเรื่องเล่า เป็นสิ่งไม่จริง

Kaishun

เป็นอีกเพลงที่คนชอบกันมาก ด้วยเมโลดี้ที่ผ่อนคลาย ฟังง่าย ติดหูกว่าเพลงอื่น ขณะเดียวกัน เพลงนี้เป็นอีกเพลงที่พาเราหวนหาความหลัง อาจไม่นานเท่า Tosei แต่ก็พาเราคิดถึงอดีตที่ผ่านพ้นไปแล้วในระยะหนึ่ง โดยเป็นอดีตที่มีลักษณะ แม้จะเจ็บปวด แต่สวยงามในเวลาเดียวกัน ลักษณะเช่นนี้ของเพลง ไม่ปรากฏในเพลงเดอนานแล้ว นับตั้งแต่เพลงที่เคยเป็นเพลงดังที่สุดในชีวิตของ Dir en grey อย่าง Drain away
เพลงนี้ส่วนตัวชอบเสียงร้องของเคียวมาก Ballad แบบเอื่อยๆ ไม่ออดอ้อน แต่ก็ไม่ดุดัน เหมือนเล่าถึงเรื่องราวแต่หนหลัง ที่แม้ตัวเรื่องจะเจ็บปวด แต่ผู้เล่าเล่าอย่างมีความสุข
ที่น่าสนใจคือท่อนสุดท้าย ความจริงKaishunสามารถจบได้ตั้งแต่ท่อนก่อนสุดท้าย แต่เดอเลือกจะต่อยาวออกไปอีกสักหน่อย เป็นท่อนบรรเลง ที่พาให้อารมณ์ของเพลงจบอย่างสมบูรณ์สวยงามที่สุด

Behind the vacant image

ตัวเพลงมีลักษณะตรงกันกับชื่อเพลงอย่างมาก เพลงให้ความรู้สึกที่ไร้รูปลักษณ์ ล่องลอยอย่างอธิบายไม่ถูก ขณะเดียวกัน ในความไร้รูปลักษณ์นั้น รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดบางอย่างที่แอบซ่อนอยู่ภายใน เป็นเพลงที่เหมาะกับคำว่าปวดใจอย่างมาก
ส่วนตัวชอบกีต้าร์ในเพลงนี้มากค่ะ และสงสัยว่า เพลงนี้อาจเรียกได้ว่า เป็นฝาแฝด หรือจะเป็นฉากจบของเพลง ที่อยู่ในตำแหน่งสมมาตรกันในอัลบัม อย่าง Phenomenon

Sustain the untruth

อีกหนึ่งซิงเกิ้ลที่ออกมาก่อนอัลบัม เป็นเพลงมันส์ในจังหวะกลางๆ ที่มีท่อนเท่ๆ อยู่เต็มเพลง
ตัวเพลงไม่ก่อความรู้สึกเจ็บปวดมากมายอย่างเพลงอื่นๆ ในอัลบัม ทำให้ดูโดดออกมาจากเพลงอื่น เพลงนี้แม้จะมีจังหวะอึมครึม แต่กลับให้ความรู้สึกสดชื่นอย่างประหลาด

Kukoku no kyoun

เป็นเพลงช้าที่สามารถบีบคั้นจิตใจผู้ฟัง โดยไม่จำเป็นต้องมีท่อนเร่งเร้ากระชั้นใดๆ เครื่องดนตรีทุกชิ้นดำเนินไปอย่างเรียบง่าย แต่อยู่ถูกที่ถูกเวลา ไม่มีจังหวะเร่ง หรือพยายามก่ออารมณ์ใดๆ แต่กลับเกิดความรู้สึกอัดอั้นบีบคั้นขึ้นมาเอง
เพลงนี้ออกมาก่อนอัลบัมออก และเป็นpv ที่คนดูกันมาก ชอบกันมาก เราไม่ทราบจะเสริมตรงไหนได้ค่ะ ความเห็นเรา เพลงนี้ดูเหมือนเรียบง่าย แต่ลงตัว ถูกต้องที่สุด แสดงถึงชั้นเชิงในการแต่งเพลง และเรียบเรียง

Inferno

เพลงเร็ว ที่ดูดิบๆ ไม่ปรุงแต่ง ส่วนตัวคิดว่า มันดูยังไม่เสร็จ ไม่แน่ใจว่า เดอส่งเพลงนี้มา เพื่อจุดประสงค์อื่นใดหรือไม่ เช่น สำหรับคั่นเพลงบางอย่างในไลฟ์ หรือเป็นprelude ให้ revelation of mankind

Revelation of mankind

เป็นเพลงที่ครบรสที่สุดในอัลบัม และปิดอัลบัมอย่างสมศักดิ์ศรีที่สุด เพลงนี้มีทั้งรสแบบ VK ในขณะที่มีรสเมทัลแบบเดออยู่ครบเต็มเปี่ยม ขณะเดียวกัน ก็อมทุกข์ อัดอั้นความเจ็บปวด ซึ่งเป็นคอนเซปต์ของอัลบัมไว้ ระหว่างท่อนเร็วกับช้า ออกจะตัด และกระชากไปหน่อย แต่รู้สึกได้เลยว่า นี่คือ DEG style

------


โดยรวมแล้ว ที่ประทับใจที่สุดคงจะเป็น รูปแบบใหม่ของDir en grey

    อัลบัม Uroboros ในความเห็นเรา เป็นmasterpieceที่ดีที่สุดของเดอ แม้เวลานี้ก็ยังเป็นอยู่ DSSทำได้เพียงยังอยู่ใต้ร่มเงา ที่ถลำลึกลงไปกว่าเก่า หลายคนรวมทั้งตัวเราเองด้วย เคยคิดว่าเดอคงไม่สามารถก้าวข้ามอัลบัมที่ 7 ของตัวเองไปได้แล้ว แอบคิดว่าเดอเองก็ลำบากเหมือนกัน ในการหาหนทางใหม่ๆ จึงกลับไปที่จุดเริ่มต้นของตนเอง
    สำหรับอัลบัมนี้ เดอก้าวมาอยู่ในตัวตนใหม่ ยังโลกใหม่ ที่ยังคงไว้ซึ่งความเป็น Dir en grey ทุกประการ แต่ในรูปแบบที่ก้าวผ่าน Uroboros ไปแล้ว เป็น Arche เป็นหนทางใหม่ของวง อย่างไรก็ตาม ถึงจะอวยวงโปรดโค่ดๆ แต่ผู้เขียน ก็ขอพูดความในว่า Arche มันยังไม่ perfect ถ้าให้เทียบคะแนน Uroboros ยังคงเป็นอันดับ 1 อยู่ในความเห็นของเราค่ะ อย่างไรก็ตาม วงสามารถฉีกตัวเอง ออกจากร่มเงาผลงานเก่าขึ้นหิ้งของตนได้สำเร็จแล้ว ต่อไปนี้จะได้เห็นเดอในแนวทางใหม่ๆ ที่อาจจะฉีกออกไป สู่งานที่สามารถขึ้นหิ้ง เป็นmasterpieceที่ล้ม Uroboros สำเร็จได้ก็ได้ค่ะ (แต่วงกับคนฟังจะอายุเท่าไหร่ไม่รู้ 555)
    ในแง่อื่นๆ ที่เด็ดสุดในอัลบัมนี้คือ “ความพอดี” “ความเหมาะเจาะ” ทุกสิ่ง ไม่มากเกิน ไม่น้อยเกิน และอยู่ถูกที่ ถูกเวลาค่ะ

-----


ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่านอ่าน ขณะนี้ itune Thailand มีขายอัลบัม Arche นะคะ
และท่านใดสนใจพูดคุย ไปคุยต่อกันในกรุ๊ปได้ https://www.facebook.com/groups/127527197260177/
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่