หนึ่งในยอดเซนเตอร์ยุค 90’ ผู้ยังไม่เคยสัมผัสแชมป์ NBA ผู้ซึ่งเป็นเครื่องหมายของนิวยอร์ค นิกส์ ยอดเซนเตอร์ 7 ฟุตชาวจาไมก้า “แพททริค อีวิ่ง” อีวิ่งนั้นเกิดที่จาไมก้า เดิมทีนั้นเค้าเล่นฟุตบอลมาก่อนด้วยซ้ำ แต่เมื่อเค้าเข้าเรียนในระดับมัธยมเค้าได้เริ่มเล่นบาสเกตบอล และเมื่อจบเค้าได้ยื่นขอทุน โดยในตอนแรกนั้นขอทุนที่นอร์ท แคโรไลน่า แต่ในตอนนั้นเมื่อเค้าไปเยือนที่นั่นมีเหตุการณ์ชุมนุมต่างๆกันเกิดขึ้น เค้าจึงตัดสินใจที่จะไม่เรียนต่อที่นั่น ต่อมาอีวิ่งได้ยื่นขอทุนเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยที่จอร์จทาวน์ ภายใต้การดูแลของยอดโค้ชระดับมหาวิทยาลัยขณะนั้น จอห์น ทอมป์สัน ในการเรียนระดับมหาวิทยาลัยนั้นอีวิ่งมีคู่ปรับมากมาย ทั้งไมเคิล จอร์แดน / เจมส์ เวอร์ตี้ อื่นๆอีกมากมาย และอีวิ่งก็สามารถพาจอร์จทาวน์คว้าแชมป์ NCAA ได้ในปี 1984
อีวิ่งถูกดราฟเข้ามาสู่นิวยอร์ค นิกส์ ในปี 1985 ถือว่าเค้าดราฟในปีแรกที่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดราฟด้วย ในปีแรกอีวิ่งก็โชว์ศักยภาพให้ทุกคนเห็นว่านิกส์เลือกเค้ามาไม่ผิดหวัง ทำไป 20 แต้ม 9 รีบาวน์ กับ 2 บล๊อคต่อเกมส์ และคว้ารางวัลรุ้กกี้ยอดเยี่ยมแห่งปีไปครองได้ ในเส้นทางอาชีพของอีวิ่งนั้นเกียรติยศต่างๆนั้นสวยหรุมากมาย ไล่เรียงมาตั้งแต่ ผู้เล่นทีมแรกยอดเยี่ยม / ติดทีมผู้เล่นเกมส์รับยอดเยี่ยม / NBA all star 11 สมัย (แต่ได้เล่น 9 ครั้ง) เรียกได้ว่ามีมาหมดแล้ว
ในยุค 90 นั้นถือว่าเมื่อทีมนิกส์ ได้ชาร์ล โอ๊คลี่ / จอห์น สต๊าค และส่วนประสมอื่นๆเข้ามาสู่ทีม เรียกได้ว่าทีมนิกส์นั้นเป็นทีมที่มีลุ้นแชมป์เลย แต่ก็ไม่สามารถทำได้นิกส์ของอีวิ่ง นั้นไม่สามารถผ่านชิคาโก้ บูลส์ ที่มี 2 คู่หู จอร์แดน พิพเพ่นไปได้ จนกระทั้งเมื่อปี 1993 ไมเคิล จอร์แดนรีไทร์ไป โอกาสของอีวิ่งและนิกส์เริ่มที่จะมีความหวัง ฤดูกาล 1993-94 อีวิ่งทำ 24.5 แต้มต่อเกมส์ กับ 11.2 รีบาวน์ และ 2.7 บล๊อค ผ่านบูลส์ ผ่านเพเซอร์ จนทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ และเป็นการพานิกส์เข้ารอบชิงครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1973 เลยทีเดียว และถือว่าเป็นการเข้ารอบชิงครั้งแรกของอีวิ่ง ในก่อนรอบชิงเจ้าตัวถึงขั้นบอกว่า “มันเป็นโอกาสของผม ผมจะทำมันให้ได้” แต่กำแพงยักษ์ที่เค้าต้องเจอในรอบชิงก็คือ อาคีม โอลาจูวอน และฮิวส์ตัน ร๊อคเก็ต และอีวิ่งกับนิกส์ก็ไปได้ไม่ถึงฝัน ได้เพียงแค่รองแชมป์เท่านั้น
โอกาสของอีวิ่งมีอีกครั้งนึงในช่วงล๊อคเอาท์ปี 1998-99 แต่เค้าบาดเจ็บจนไม่สามารถลงสนามได้ นิกส์ในตอนนั้นมีลาเทรล สปรีเวลล์ / อัลลัน ฮิวส์ตัน / มาร์คัส แคมบี้ สามทหารเสือนั้นพานิกส์เข้าสู่รอบชิงอีกครั้ง โดยในก่อนรอบชิง แคมบี้ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “ถึงแม้ลูกพี่(อีวิ่ง)จะไม่ได้ลงก็ตาม ผมจะเล่นเต็มที่และทำให้ฝันเค้าเป็นจริงเอง” แต่แล้วก็เป็นไปไม่ได้ นิกส์นั้นแพ้ให้กับสเปอร์ไป 4-1 เกมส์
ในปี 2000 อีวิ่งนั้นถูกเทรดไปให้กับทีมซีแอตเติ้ล ซุปเปอร์โซนิค และมาจบอาชีพเมื่อปี 2002 ที่ออแลนโด้ แมจิค ในตอนท้ายนั้นอีวิ่งยังให้สัมภาษณ์ว่า “ใจผมคือนิกส์” อีวิ่งถูกให้เกียรติโดยนิวยอร์ค นิกส์ โดยนิกส์รีไทร์เสื้อเบอร์ 33 ของเค้าที่สนามเมดิสัน สแควร์ การ์เด้น อีวิ่งทำแต้มตลอดอาชีพได้ 21 แต้ม 9.8 รีบาวน์ 2.2 บล๊อค
หลังจากจบอาชีพการเล่นแล้ว ความฝันนึงของเค้าคือการเป็นโค้ช เค้าได้สมัครเป็นโค้ชหลายต่อหลายที่ เค้าได้รับโอกาสจากสแตน แวน กันดี้ให้เป็นผุ้ช่วยโค้ชที่แมจิค และต่อมาได้เป็นผู้ช่วยโค้ชของทีมเพื่อนรักเค้าไมเคิล จอร์แดนที่ชาร์ล๊อต บ๊อบแคท และฮอร์เน็ต
อีวิ่งนั้นเป็นคนที่รักมหาวิทยาลัยของเค้ามาก ทุกๆปีหลังจากจบเค้าจะกลับไปสอนบาสให้กับรุ่นน้องที่จอร์จทาวน์ ในยุค 90’ แทบทุกครั้งหลังจบเค้าจะชวนอลองโซ่ มอร์นิ่ง / ดีเคมเบ้ มูตอมโบ้ รวมถึงศิษย์น้องจอร์จทาวน์ไปทำกิจกรรม และสอนบาสเกตบอลให้กับรุ่นน้อง รุ่นหลานเสมอ ในชีวิตของอีวิ่งทุกอย่างมีมาหมดแล้ว เค้าไม่ได้เพียงอย่างเดียวคือ แชมป์ NBA ซึ่งเป็นสิ่งที่เค้าหวังไว้สูงสุด จะเรียกได้ว่าเป็นเซนเตอร์ที่มีฝีมือ ที่ถูกสื่อยกย่องว่าเป็น 4 จตุรเทพของยุค 90’ ( 4 คนมี แชค / โรบินสัน / อาคีม / อีวิ่ง) แต่เป็นเพียงคนเดียวใน 4 ยอดเซนเตอร์ที่ยังไม่มีแหวนแชมป์ เมื่อรีไทร์กับแมจิค ผุ้สื่อข่าวไปถามเค้าว่า คุณจะเลิกโดยไม่ได้แชมป์เลยเหรอ เค้าตอบสบายๆว่า “ก็มันไม่ได้แล้วนิ ไม่เป็นไร ผมก็ต้องดำเนินชีวิตต่อไป” นี่คือ แพททริค อีวิ่ง ยอดเซนเตอร์ของนิวยอร์ค นิกส์
ว่ากันว่านี่คือต้นแบบของอาคางิ แห่งสแลมดังค์
ราชาผู้ไร้แชมป์ "Patrick Ewing" ตำนานผู้เป็นเครื่องหมายการค้าของนิวยอร์ค นิกส์
อีวิ่งถูกดราฟเข้ามาสู่นิวยอร์ค นิกส์ ในปี 1985 ถือว่าเค้าดราฟในปีแรกที่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดราฟด้วย ในปีแรกอีวิ่งก็โชว์ศักยภาพให้ทุกคนเห็นว่านิกส์เลือกเค้ามาไม่ผิดหวัง ทำไป 20 แต้ม 9 รีบาวน์ กับ 2 บล๊อคต่อเกมส์ และคว้ารางวัลรุ้กกี้ยอดเยี่ยมแห่งปีไปครองได้ ในเส้นทางอาชีพของอีวิ่งนั้นเกียรติยศต่างๆนั้นสวยหรุมากมาย ไล่เรียงมาตั้งแต่ ผู้เล่นทีมแรกยอดเยี่ยม / ติดทีมผู้เล่นเกมส์รับยอดเยี่ยม / NBA all star 11 สมัย (แต่ได้เล่น 9 ครั้ง) เรียกได้ว่ามีมาหมดแล้ว
ในยุค 90 นั้นถือว่าเมื่อทีมนิกส์ ได้ชาร์ล โอ๊คลี่ / จอห์น สต๊าค และส่วนประสมอื่นๆเข้ามาสู่ทีม เรียกได้ว่าทีมนิกส์นั้นเป็นทีมที่มีลุ้นแชมป์เลย แต่ก็ไม่สามารถทำได้นิกส์ของอีวิ่ง นั้นไม่สามารถผ่านชิคาโก้ บูลส์ ที่มี 2 คู่หู จอร์แดน พิพเพ่นไปได้ จนกระทั้งเมื่อปี 1993 ไมเคิล จอร์แดนรีไทร์ไป โอกาสของอีวิ่งและนิกส์เริ่มที่จะมีความหวัง ฤดูกาล 1993-94 อีวิ่งทำ 24.5 แต้มต่อเกมส์ กับ 11.2 รีบาวน์ และ 2.7 บล๊อค ผ่านบูลส์ ผ่านเพเซอร์ จนทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ และเป็นการพานิกส์เข้ารอบชิงครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1973 เลยทีเดียว และถือว่าเป็นการเข้ารอบชิงครั้งแรกของอีวิ่ง ในก่อนรอบชิงเจ้าตัวถึงขั้นบอกว่า “มันเป็นโอกาสของผม ผมจะทำมันให้ได้” แต่กำแพงยักษ์ที่เค้าต้องเจอในรอบชิงก็คือ อาคีม โอลาจูวอน และฮิวส์ตัน ร๊อคเก็ต และอีวิ่งกับนิกส์ก็ไปได้ไม่ถึงฝัน ได้เพียงแค่รองแชมป์เท่านั้น
โอกาสของอีวิ่งมีอีกครั้งนึงในช่วงล๊อคเอาท์ปี 1998-99 แต่เค้าบาดเจ็บจนไม่สามารถลงสนามได้ นิกส์ในตอนนั้นมีลาเทรล สปรีเวลล์ / อัลลัน ฮิวส์ตัน / มาร์คัส แคมบี้ สามทหารเสือนั้นพานิกส์เข้าสู่รอบชิงอีกครั้ง โดยในก่อนรอบชิง แคมบี้ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “ถึงแม้ลูกพี่(อีวิ่ง)จะไม่ได้ลงก็ตาม ผมจะเล่นเต็มที่และทำให้ฝันเค้าเป็นจริงเอง” แต่แล้วก็เป็นไปไม่ได้ นิกส์นั้นแพ้ให้กับสเปอร์ไป 4-1 เกมส์
ในปี 2000 อีวิ่งนั้นถูกเทรดไปให้กับทีมซีแอตเติ้ล ซุปเปอร์โซนิค และมาจบอาชีพเมื่อปี 2002 ที่ออแลนโด้ แมจิค ในตอนท้ายนั้นอีวิ่งยังให้สัมภาษณ์ว่า “ใจผมคือนิกส์” อีวิ่งถูกให้เกียรติโดยนิวยอร์ค นิกส์ โดยนิกส์รีไทร์เสื้อเบอร์ 33 ของเค้าที่สนามเมดิสัน สแควร์ การ์เด้น อีวิ่งทำแต้มตลอดอาชีพได้ 21 แต้ม 9.8 รีบาวน์ 2.2 บล๊อค
หลังจากจบอาชีพการเล่นแล้ว ความฝันนึงของเค้าคือการเป็นโค้ช เค้าได้สมัครเป็นโค้ชหลายต่อหลายที่ เค้าได้รับโอกาสจากสแตน แวน กันดี้ให้เป็นผุ้ช่วยโค้ชที่แมจิค และต่อมาได้เป็นผู้ช่วยโค้ชของทีมเพื่อนรักเค้าไมเคิล จอร์แดนที่ชาร์ล๊อต บ๊อบแคท และฮอร์เน็ต
อีวิ่งนั้นเป็นคนที่รักมหาวิทยาลัยของเค้ามาก ทุกๆปีหลังจากจบเค้าจะกลับไปสอนบาสให้กับรุ่นน้องที่จอร์จทาวน์ ในยุค 90’ แทบทุกครั้งหลังจบเค้าจะชวนอลองโซ่ มอร์นิ่ง / ดีเคมเบ้ มูตอมโบ้ รวมถึงศิษย์น้องจอร์จทาวน์ไปทำกิจกรรม และสอนบาสเกตบอลให้กับรุ่นน้อง รุ่นหลานเสมอ ในชีวิตของอีวิ่งทุกอย่างมีมาหมดแล้ว เค้าไม่ได้เพียงอย่างเดียวคือ แชมป์ NBA ซึ่งเป็นสิ่งที่เค้าหวังไว้สูงสุด จะเรียกได้ว่าเป็นเซนเตอร์ที่มีฝีมือ ที่ถูกสื่อยกย่องว่าเป็น 4 จตุรเทพของยุค 90’ ( 4 คนมี แชค / โรบินสัน / อาคีม / อีวิ่ง) แต่เป็นเพียงคนเดียวใน 4 ยอดเซนเตอร์ที่ยังไม่มีแหวนแชมป์ เมื่อรีไทร์กับแมจิค ผุ้สื่อข่าวไปถามเค้าว่า คุณจะเลิกโดยไม่ได้แชมป์เลยเหรอ เค้าตอบสบายๆว่า “ก็มันไม่ได้แล้วนิ ไม่เป็นไร ผมก็ต้องดำเนินชีวิตต่อไป” นี่คือ แพททริค อีวิ่ง ยอดเซนเตอร์ของนิวยอร์ค นิกส์
ว่ากันว่านี่คือต้นแบบของอาคางิ แห่งสแลมดังค์