หลุมดำไม่มีจริง!!

ได้แรงบันดาลใจจากการไปดูinterstellar. เลยเริ่มมาอ่านหนังสือและข่าวเกี่ยวกับดาราศาสตร์ ตั้งแต่สมัยย้อนไปยุคของ Albert Einstein กับทฤษฎีสัมพัทธภาพ และของท่านอื่นๆ  เรื่อยมา. ทฤษฎีควอนตัมของ ไฮเซนเบิร์กชโรดิงเจอร์ และดิแรก. ทฎษฎีสนามแมกซ์เวลล์ พรีบเน็ตต่างๆ
จนกระทั่งหนังสือของStephen hawking  ที่มีการกล่าวถึงหลุมดำ   ปรากฎว่า เดิมหลุมดำ ที่เชื่อว่าเป็นหลุมในอวกาศที่เป็นสุสานของทุกๆสิ่งที่หลงเข้าไปในรัศมีแรงโน้มถ่วงของมัน ไม่มีสิ่งใดที่จะหนีพ้นแรงดึงดูดมหาศาลของมันได้แม้แต่แสงสว่าง และดาวที่ยุบตัวลงก็จะกลายเป็นหลุมดำนั้น
ล่าสุดข่าวหน้าหลัก ข่าวดาราศาสตร์ออกมาแถลงหลุมดำไม่มีจริง เลยลองเอามาให้อ่านดูกันค่ะ


2 พ.ย. 2557รายงานโดย: วิมุติ วสะหลาย ()
          หลุมดำ เป็นคำที่มีมนต์ขลัง เพียงแค่ชื่อ ก็สื่อถึงความพิสดาร มหัศจรรย์ ลึกลับสุดขีด จึงไม่แปลกที่นิยายวิทยาศาสตร์หรือภาพยนต์จะมีเรื่องของหลุมดำ หลุมดำเป็นวัตถุที่มีความหนาแน่นสูงยิ่งยวด จึงมีสนามความโน้มถ่วงเข้มข้นมาก ดึงดูดได้ทุกสิ่งแม้แต่แสง
          ต่อจากนี้ความลึกลับของหลุมดำกำลังจะซับซ้อนยิ่งขึ้น เมื่อ ศ.ลอรา เมอร์ซีนี-ฮัฟตัน จากมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนาในชาเพลฮิลล์ และ ฮารัลด์ ไพฟเฟอร์ จากมหาวิทยาลัยโตรอนโต ได้พิสูจน์ว่า หลุมดำไม่มีจริง
          เป็นเวลาหลายทศวรรษแล้วที่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าหลุมดำเกิดขึ้นเมื่อดาวฤกษ์มวลสูงยุบลงจากแรงโน้มถ่วงของตัวเองจนหดลงไปจนเป็นจุดเล็ก ๆ ที่เรียกว่าภาวะเอกฐาน และเกิดเขตแดนล้อมรอบภาวะเอกฐานที่เป็นพรมแดนที่หากวัตถุใดข้ามพ้นพรมแดนนี้ไปแล้ว ก็จะต้องตกลงสูงหลุมดำอย่างแน่นอน ไม่มีโอกาสวกออกมาข้างนอกได้อีก เขตแดนนี้เรียกว่า ขอบฟ้าเหตุการณ์
          หลุมดำทำให้เกิดข้อโต้แย้งระหว่างทฤษฎีพื้นฐานสำคัญสองทฤษฎี ทฤษฎีความโน้มถ่วงของ แอลเบิร์ต ไอน์สไตน์ บอกว่าการเกิดหลุมดำมีความเป็นไปได้ แต่ทฤษฎีควอนตัมกล่าวว่าข้อมูลใดในเอกภพมิอาจสูญหายไปได้
          ในปี 2517 สตีเฟน ฮอว์กิง ได้ใช้กลศาสตร์ควอนตัมแสดงให้เห็นว่าหลุมดำก็แผ่รังสีได้ เรียกว่ารังสีฮอว์กิง นักดาราศาสตร์รุ่นต่อมาก็พบสิ่งที่คล้ายกับจะเป็นรังสีนี้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เป็นการพิสูจน์ได้ทางหนึ่งว่าหลุมดำมีอยู่จริง
          แต่เมอร์ซีนี-ฮัฟตันได้เสนอสถานการณ์อีกทางหนึ่งที่ต่างไปโดยสิ้นเชิง เธอและฮอว์กิงเห็นตรงกันในเรื่องของการยุบของดาวฤกษ์จากแรงโน้มถ่วงของตัวเองและทำให้เกิดรังสีฮอว์กิงขึ้นมา แต่เธอได้ใช้คณิตศาสตร์แสดงว่า ขณะที่มีการแผ่รังสีฮอว์กิง ดาวนั้นจะสาดมวลออกมาเป็นปริมาณมากด้วย ทำให้ดาวไม่มีความหนาแน่นมากพอที่จะกลายเป็นหลุมดำได้ นั่นหมายความว่าภาวะเอกฐานและขอบฟ้าเหตุการณ์ ล้วนไม่เคยเกิดขึ้นจริง
นักฟิสิกส์และนักดาราศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่าเอกภพเกิดขึ้นมาจากภาวะเอกฐาน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของบิกแบง และถ้าหากภาวะเอกฐานไม่มีจริง นักฟิสิกส์ก็คงต้องกลับมาทบทวนแนวคิดเกี่ยวกับบิกแบงกันใหม่
ที่มา:
Researcher shows that black holes do not exist - phys.org
http://thaiastro.nectec.or.th/news/viewnews.php?newsid=234
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่