จดหมายถึงเธอ
ณ บ้านนักเขียนนคเรศ พิมพากร
ปลายปี ๒๕๕๗
ถึงเธอที่ห่างกันนาน
ผมคิดถึงเธอเหลือเกิน จนผมต้องมาเขียนจดหมายนี้ถึงเธอ
ถ้าเธออ่านอาจอ่านด้วยความขันหรืออาจจะเป็นปลื้ม
แต่ขอให้เว้นที่เผื่อให้ผมอีกหนึ่งคน
อย่าได้มองว่าผมมือบอนเลยนะ
รับรองว่าผมไม่ได้เขียนจดหมายนี้ด้วยความรังเกียจเธอแต่ประการใด
ขอสาบานด้วยหัวอกของลูกผู้ชายเสี่ยวๆอย่างผม
นานมาแล้วที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน ผมจากเธอมาเพราะปัญหาหลายอย่าง
ตั้งแต่น้ำท่วมใหญ่ ผมยังจำได้ เมื่อครั้งแรกที่ผมเห็นและได้ยินเสียงสะท้อนของเธอในทีวี
เธอเป็นสาวสวยสังคมชั้นสูง มีผู้คนห้อมล้อมเอาใจทุกระดับฐานะ
เธอช่างสง่างามปานเทพธิดาจำแลงตนมาให้ผมพบเจอ
ทั้งสกุลรุณชาติและรูปร่างผิวพรรณ อยู่กับเหย้าเฝ้าเรือน
จัดได้ว่ามีเสน่ห์อยู่ในตัวมากกว่าสาวสวยระดับโลกอื่นใด ถึงขนาดนั้นเลยเชียว
ผมพยายามหาหนทางที่จะทำให้มีโอกาสได้รู้จักเธอให้มากขึ้น
ผมพยายามหมั่นศึกษาเล่าเรียนเพื่อให้มีโอกาสเข้าเรียนมหาวิทยาลัยกับเธอ
ความหวังผุดประกายแจ่มจ้าคราเห็น ผมสร้างความจำเป็นให้กับชีวิตที่ต้องเข้าไปอยู่กับเธอให้ได้
ในที่สุดผมก็สามารถไปหาเธอและได้อยู่กับเธอ
เมื่อครั้งนั้นที่ผมเข้าไปเรียนมหาวิทยาลัย ไปเป็นเพื่อนของเธอ
ไปเป็นเสี่ยวของเธอเหมือนเสี่ยวอื่นๆอีกหลายล้านชีวิต
เธอเองก็เป็นหญิงที่แช่มช้อยจริตหวานในความคิดผมตอนนั้น
แย้มกลิ่นหอมหวนด้วยรอยยิ้มพราวเสน่ห์
เชิญชวนให้หลายต่อหลายคนจากบ้านนอกพร้อมทำทุกอย่างเพื่อได้ใกล้ชิดรู้จักเธอ
การขวานขวายแสวงหาช่องทางตามบริบทและครรลองทางสังคม
ตามที่นักเรียนต่างจังหวัดคนหนึ่งพึงมีตามจารีตการศึกษาชั้นอุดม
ผมดีใจที่ได้ไปหาเธอในครั้งแรกสำหรับชีวิตผม
ผมลงจากรถทัวร์ปรับอากาศสายมุกดาหาร
ปลายทางสถานีหมอชิตประตูบ้านของเธอ ในราวปี2542 ในที่สุดผมก็ได้พบเธอ
แถวบ้านเธอดูค่อนข้างวุ่นวายอยู่เอาการมีทั้งตึกรามบ้านช่อง สูงใหญ่ระฟ้า
ถนนคอนกรีตเลนกว้างมีรถวิ่งไม่ขาดสาย ดูค่อนข้างหลงใหลได้ปลื้มเธอผู้นี้กันส่วนใหญ่
เว้นแต่บางรายที่ทนความหยิ่งทนงของเธอไม่ไหว จำต้องถอยห่างตีจากเธอออกจากบ้านเธอไป
ผู้คนขวักไขว่ทั้งเด็กเล็กและใหญ่น้อยแก่เฒ่าชรา
คนเหล่านั้นอาจจะแค่แฝงตัวพักพิงชั่วคราว หรืออาจจะกินอยู่กับเธอตราบสิ้นชีวิตของตัวเอง
หลายคนเดินขวักไขว่ที่ประตูบ้านเธอ มีที่ทางให้นั่งผู้คนพักเหนื่อยเพียงเท่าผืนหนังสือพิมพ์
บ้างมาทำงาน บ้างมาเรียนหนังสือเช่นเดียวกับผม
บ้างก็กำลังยืนปิ้งใส้กรอกอีสานแกล้มขิงดองเป็นก้อนเท่าหัวแม่โป้งขายให้แขกเหรื่อของเธอ
ได้รองท้องกันหิวที่ท่ารถเมล์หมอชิต บ้างขายหนังสืออ่านเล่น หนังสือพิมพ์แจกใบปลิวบ้างบางราย
บางคนที่มาเยี่ยมเธอถือของฝากจากบ้านนอกพะรุงพะรังทั้งผลไม้ เนื้อแห้งเนื้อตาก หมากพลูยาสูบ
ก็เห็นยืนรอรถเมล์เพื่อจะไปหาเธอให้ใกล้ชิดเช่นเดียวกับผม
ผมเดินขึ้นรถเมล์ปรับอากาศสายหมอชิต-ลาดกระบัง
ห้อยโหนจนแขนผมเกิดอาการปวดตึง ไปยังที่ผมได้นัดหมายเพื่อนอีกคนที่รู้จักเธอเหมือนผม
เพื่อไปรายงานตัวนักศึกษาใหม่ โอ้วทำไมผมต้องมาป้วนเบี้ยนอยู่ริมรั้วบ้านเธอด้วย
ทำให้ผมใจละห้อยทีเดียว
เมื่อไหร่ผมจะได้รู้จักเธอตัวตนเนื้อในที่แท้จริงของเธอ
และเธอเองก็ให้ค่าต่อชายคนหนึ่งด้วยการเย้ายวนเรียกหา
แต่ปล่อยคว้างไว้แค่รั้วบ้านเธอแค่นั้นเองเหรอ
การต้อนรับของเธอนั้นช่างจืดจางในความสนิมสนม
คลุมเครือในสัมพันธ์ ผมถึงไม่กล้าสนิทใจกันจนถึงขั้นบอกรัก
แม้หวังจะได้อยู่กินกันสองเราแต่ก็ทำได้เพียง คนที่รู้จักกันแค่ผิวเผินแค่นี้เองเหรอ
ผมเพ้อไปเองว่าเธอมีใจให้ แต่ถึงอย่างไรก็อยู่กับเธอเสียก่อน
แล้วผมก็จะรอเวลาที่ผมจะได้อยู่กินกับเธอไปตราบวันสิ้นชีวิต
ผมใฝ่แสวงหาโอกาสที่เธอมอบให้ ทิ้งบ้านเกิดอันเป็นที่ชุบเลี้ยงจนผมแก่กล้าในความรู้
แล้วเดินทางรอนแรมมาที่นี่ เพื่อมาหาเธอ
เธอผู้ให้ความหวัง ผมศรัทธาเธอ อย่าเพิ่งสังเวชเลย ว่าผมมองเธอไม่ถูก
แม้ในสายตาอีกหลายคนความจริงเธออาจสวยงามกว่านั้น
กว่าในทีวีที่ผมเคยเห็น ใช่แล้ว ผมยังอยู่ริมรั้วบ้านเธอได้ปีเดียวเอง
ยังมีเวลาตั้งหลายปีในชีวิตของผมที่จะได้ทำความรู้จักเธอให้มากขึ้น
ในระหว่างที่ผมเรียนหนังสือเพื่อรอเวลาเติบใหญ่พอที่จะขอเธอแต่งงาน
แม้ไอร้อนจะอบเหงื่อเปียกชุ่มตามกายของผู้คน จนท้อใจผม
ผมได้สัมผัสกลิ่นกลายของเธอ ถึงจะมีเสียงบ่นจากเพื่อนซี้ที่รู้จักเธอมาก่อนผมว่า
ที่รอบบ้านเธอมีคลองน้ำเน่าที่ส่งกลิ่นสาบแสบๆ ให้ผู้คนในละแวก
รวมทั้งผู้ที่สัญจรด้วยเรือด่วนไม่เว้นแม้แต่แม่น้ำใหญ่เจ้าพระยากลางบ้านเธอ
ในคลองนั้นที่มีแต่คนรวมใจถ่ายเทปฎิกูลจากร้านรวงบ้านเรือนของตัวเองลงสมสู่
กิติศัพท์เล่าขานเลื่องลือตามข่าว น้ำในคลองดำปี๋ขนาดนั้น
แต่นั่นก็ยังไม่สามารถทำให้ผมถอนใจจากเธอได้เลย
เมื่อผมนึกถึงความแช่มช้อยจิ้มริ้มในรอยยิ้มเปื้อนใบหน้าอยู่เสมอของเธอ
เชื้อเชิญให้แขกบ้านแขกเมืองจากทุกมุมโลก มาเยี่ยมชมความงามหยดย้อยและอารีไมตรีที่เธอปฎิบัติต่อฝรั่งมังค่า
ตาสีตาสา ยาจกและเศรษฐีผู้แต่งตัวดีมีศรีสง่าภูมิฐาน ทุกนาม
ผมเคยไปหาเธอให้เห็นกับตา ก็ประจักษ์ให้เห็นว่าเธอสวยกว่าในทีวีมาก
การแต่งเนื้อแต่งตัวอาภรณ์ประดับประดาลวดลายประเพณีโบราณ
เป็นสัญลักษณ์ของชั้นชน แซมด้วยเนื้อทองเนื้อแก้ววิจิตรจินดา
บ่งบอกความมีชาติตระกูลสูงของเธอ เปล่งประกายให้ความเป็นสง่าแด่เธอผู้เป็นเจ้าของ
งามยิ่งกว่าอาภรณ์ของหญิงใดในโลกา จนบรรดาแขกเหรื่อทยอยเดินทางมาเยี่ยมเยือน
บางครั้งผมยังติดตามเธอไปยังที่ทันสมัยเห็นการบริการยวดยานแล่นเป็นขบวน
บนถนนลอยฟ้านั่น เอื้อความสะดวกให้ผมประทับใจไม่น้อย มองลงข้างล่างจากมุมสูง
จะเห็นรถราสาธารณะและพาหนะส่วนตัวเบียดเสียดรีรอไปหาที่หมาย คือเธอ
บ้านเธอช่างโอ่อ่าแต่ทำไมความรู้สึกของผมกลับเหมือนกับมดตัวจิ๋ว
ที่กำลังเดินไต่ตามความหอมหวานของเธอ ไปหาเธอ ไปสู่เธอ
ทำไมผมอยากอยู่กับเธอจัง แม้ในยามค่ำที่เธอส่งสายตากระพริบเป็นสีสันเจิดจ้า
ส่องสว่างอยู่ทั้งคืนทั้งวัน ในความศิวิไลซ์ ในบ้านเธอได้เปิดใจรับมดตัวน้อยให้เข้าไป
ดื่มด่ำกับความสุขแม้จะฉาบฉวยในความสุข แต่ผู้คนต่างอีออหุ้มล้อมกันคับคั่ง
เพื่อรอเวลาหลับนอนกับเธอหลังจากกินดื่มจนหนำ ไม่ใช่แค่นั้นแน่
แต่ก็ด้วยความพิสมัยตื่นเร้าอารมณ์ ในความโกลาหลชุลมุน คึกโครม
แล้วโซเซถลากันออกจากแหล่งพักผ่อนนั้น เพื่อพลีกายล้มตัวหลับนอนกับเธอจนถึงเช้า
แขกเหรื่อต่างอิดโรยด้วยความร้อนรุ่มของเธอ เอ๊ะหรือว่าผมได้พบกับเธอแล้ว
ตอนนี้ผมยังเป็นเพียงแขกเหรื่อของเธอธรรมดาๆหรือเปล่า
แม้จะยังสงสัยแต่ถึงอย่างไรผมก็ได้อยู่กับเธอจนถึงเช้า
ด้วยความงัวเงียจากน้ำทิพย์ยาใจจากเธอ จนผมจบการศึกษาล่วงเลยเวลาเล่าเรียนไปแล้ว
ตอนนี้ผมจำต้องทำงานเพื่อเธอ เพื่อหาเลี้ยงเธอเป็นการตอบแทนสินน้ำใจ
ที่เธอให้มีกินและมีพื้นที่หลับนอน ควันโขมงพ่นออกฉุนเหมือนยาเส้นจากบ้านนอกที่หมอชิตนั้น
คุ้นเคยยิ่งนักกับจมูกที่ด้านชา หลายปีแล้วที่ผมอยู่กับเธอแต่ความเป็นเธอนั้นช่างลี้ลับ
ราวกับเธอมาจากสรวงสรรค์ที่สูงส่ง ผมรู้จักเธอแล้วในบางส่วน
หลายครั้งที่เห็นคนหลายคน มุ่งแสวงหาเธอ
รวมกลุ่มจับตัวเป็นแสนเป็นล้าน ป่าวประกาศความต้องการจะเป็นเจ้าของเธอ
แม้กระนั้นก็ยังรบกวนความสงบของเธออยู่ทุกเมื่อ
ตอนนี้เธอมีแฟนเป็นทหารผู้เรื่องยศและอำนาจ
เธอมีความจำเป็นต้องคบหากับชายที่เข้มแข็งพอจะปกป้องความเดียงสา
จากจิ๊กโก๋เร่ร่อนตามใต้ถุนสะพานลอย ที่นอนมัวเมากับมนต์เสน่ห์ของเธอ
แต่เธอก็ยินดีให้เหล่าคนจร คนจน ผู้ที่แขกเหรื่อมังค่าเห็นว่าโสมม นั้นได้พากันนั่งนอนทอดหุ่ย
คุ้ยเขี่ยหาน้ำเลี้ยงน้ำใจกลบความหิวจากผู้คนที่กำลังสัญจรไปมาตามท้องถนนบ้าง
ตามตรอกซอกซอยบ้าง ประหนึ่งว่าเธอคือแม่พระผู้ใจบุญที่ป้อนเศษสตางค์และอาหารให้แก่พวกเขาได้ทุกเมื่อ
ส่วนนี้เองจึงทำให้เธอดูค่อนข้างมีใจกว้างขวางต่อทุกคน
น้ำใจไมตรีของเธอช่วยเหลือชีวิตคนมานักต่อนัก
แม้บางทีจะเห็นข่าวลือบนแผ่นกระดาษว่า ความริษยาขุ่นทราม
ที่จ้องเอาประโยชน์จากเธอ ได้พรากการมีชีวิตของผู้คนอยู่เนืองนิตย์
ไล่ลามความระแวดระวังในใจของผู้คนที่ต้องการอยู่กินกับเธอ
เดชะบุญว่าความริษยาขุ่นทรามที่ว่านั้นไม่บังเกิดแก่ผู้ยอมจำนน
แต่กระนั้นผมก็ยังรักเธอ แต่ผมไม่เคยคิดว่าได้รับการหยามเหยียดจากเธอเลยแม้เพียงครั้ง
ผมคิดถึงเธอเหลือเกินในขณะที่ผมพิมพ์อักษร
สักวันผมจะอยู่กับเธอให้นานกว่าตอนที่ไปเยี่ยมเธอครั้งนั้น
ด้วยความสัตย์จริง ผมรักเธอ เหมือนคนอื่นที่อยู่กินกับเธอแล้วคนอื่นๆ
ที่เขาสาธยายความงามความใจดีมีใจเผื่อแผ่ของเธอให้ฟัง ที่บ้านผม
ยามเทศกาลที่พวกเขาหลั่งไหลออกห่างจากเธอ
ไม่ใช่ด้วยความพ่ายแพ้ต่อเธอ แต่เพราะชัยชนะของพวกเขาที่เธอมอบให้มาฝากคนบ้านเกิด
คอยปลุกใจให้ผมคิดถึงเธอ อยากอยู่กับเธอยิ่งขึ้นไปอีก
การศึกษาดูใจกับเธอมาระยะหนึ่งจากคำบอกเล่าในหนังสือตำราที่บ้านเธอ
ตามจารึกโดยนักเขียนในสมัยนั้น
ทำให้ผมรู้ว่าแนวเชื้อของผมมีที่มา ตั้งแต่ครั้งสมัยรัชกาลที่3
เกือบสองร้อยปีมาแล้วโน้น
เมื่อกองทัพของเจ้าอนุวงศ์ของฝ่ายลาวที่เป็นประเทศราชของสยาม
ยกทัพหมายเข้าตีกรุงเทพ เมื่อครานั้นลาวคิดแข็งเมืองจึงก่อการกบฏ
คิดแย่งชิงประชากรลาวคืนจากฝ่ายไทย แต่แล้วก็แพ้พ่ายให้แก่กองทัพของท้าวสุรนารี
ด้วยพระราชวินิจฉัยของรัชกาลที่3 และเพื่อเป็นการลดกำลังพลของเจ้าลาว
ที่อาจจะแข็งเมืองขึ้นอีก ฝ่ายไทยจึงยึดกำลังชาวลาวฝั่งขวาแม่น้ำโขงไว้
แล้วเกณฑ์กำลังเคลื่อนพลชาวลาวบางส่วน ย้ายข้ามแม่น้ำโขงมาอยู่ฝั่งซ้ายในถิ่นไทย
แล้วชาวลาวเหล่านั้นได้ตั้งรกรากแผ่ลูกแผ่หลานขึ้นเป็นประชากรบังคับสยาม
จนได้เป็นประชากรไทยชาวอีสาน ที่มีเอกลักษณ์มาจนทุกวันนี้
เชื้อแถวแนวสกุลเดิมของผม คือคนอพยพเหล่านั้นก็อาจเป็นได้
เมื่อรกรากถิ่นเกิดของผมก็อยู่ไม่ไกลจากแม่น้ำโขงเท่าใดนัก
มีน้อยคนในสมัยนี้จะรู้ที่มาของสกุลย้อนได้ไกลถึงสองร้อยปี
แต่ถึงอย่างไรผมก็เกิดเป็นคนไทย เติบโตขึ้นสำมะโนครัวเกิดในแผ่นดินไทย
และยึดมั่นในชาติไทย เกณฑ์ทหารจับใบดำใบแดงขึ้นกับสังกัดทหารไทย
จนได้รับความไว้ใจให้อยู่กินกับเธอถึงวงในหลายปีทีเดียว ในย่านกรุงเก่า
ตั้งแต่เมื่อครั้งเป็นนักศึกษา เช่นเดียวกันกับคนอีสานกินข้าวเหนียว
เว่าซื่อๆคนอื่นๆอีกยี่สิบห้าล้านชีวิต ที่อยู่ในประเทศไทยปัจจุบันทั้ง19 จังหวัด
และบางคนอยู่กินกับเธอแล้ว
ทุกคนเป็นคนไทยสมบูรณ์ต่างจากบรรพบุรุษของพวกเขาเมื่อสองร้อยปี
บางคนอยู่กินกับเธอจนสร้างฐานะใหญ่โต ได้ดิบได้ดีไปพร้อมเธอ
ผมถอยห่างจากเธอมาสักพักเพราะปัญหาเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม
ใช่แล้วผมต้องห่างจากเธอเพื่อสุขภาพที่ดีเพื่อพร้อมจะรับความสำเร็จ
จากสิ่งที่ได้ทำมาเมื่อครั้งเคยอยู่กินกับเธอ แต่สักวันผมคงต้องไปหาเธออีก
ไม่ใช่แค่ไปเยี่ยมเยือน แต่การไปหาเธอครั้งนี้ ผมจะไปเพื่อสร้างความสุขให้กับเธอ
ผมจะไปทำงานกับเธอ ทำให้เธอสวยขึ้น ผมอยากจะช่วยเหลือเธอเรื่องแก้ปัญหาน้ำท่วมด้วยตำแหน่งงานที่ผมสมัครสอบ
บางทีความเอื้อเฟื้อของเธออาจจะปันน้ำท่ามาทางเขตบ้านผมบ้าง
ช่วยดับความแห้งแร้ง ดินร้อนระแหง เป็นสินกำนัล
เหมือนชาวบ้านที่ขายส้มตำให้เธอกิน เหมือนคนที่ขายไส้กรอกอีสานที่หมอชิตนั่น
รวมทั้งคนที่ร้องหมอลำให้เธอฟังนั่นไง
แล้วไปสมรสกับเธอเป็นสามีภรรยาที่ได้หมั้นหมายกันไว้ดิบดีแล้ว
ประหนึ่งเป็นคู่บุญกันมาแต่ปางก่อน
ตอนนี้ผมตกหลุมรักเธอเหมือนใครอีกหลายคน
เพราะเธอคือผู้ทรงเสน่ห์ในใจเรื่อยมา
รักเธอกรุงเทพมหานคร
ป.ล.หลังปีใหม่เจอกันนะ ถ้าเธอยังมีใจอาทรต่อผมเช่นเดิม แล้วผมจะซื้อบ้านซื้อรถให้เธอและมีลูกกับเธอ
จดหมายร่างถึงเธอ
ณ บ้านนักเขียนนคเรศ พิมพากร
ปลายปี ๒๕๕๗
ถึงเธอที่ห่างกันนาน
ผมคิดถึงเธอเหลือเกิน จนผมต้องมาเขียนจดหมายนี้ถึงเธอ
ถ้าเธออ่านอาจอ่านด้วยความขันหรืออาจจะเป็นปลื้ม
แต่ขอให้เว้นที่เผื่อให้ผมอีกหนึ่งคน
อย่าได้มองว่าผมมือบอนเลยนะ
รับรองว่าผมไม่ได้เขียนจดหมายนี้ด้วยความรังเกียจเธอแต่ประการใด
ขอสาบานด้วยหัวอกของลูกผู้ชายเสี่ยวๆอย่างผม
นานมาแล้วที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน ผมจากเธอมาเพราะปัญหาหลายอย่าง
ตั้งแต่น้ำท่วมใหญ่ ผมยังจำได้ เมื่อครั้งแรกที่ผมเห็นและได้ยินเสียงสะท้อนของเธอในทีวี
เธอเป็นสาวสวยสังคมชั้นสูง มีผู้คนห้อมล้อมเอาใจทุกระดับฐานะ
เธอช่างสง่างามปานเทพธิดาจำแลงตนมาให้ผมพบเจอ
ทั้งสกุลรุณชาติและรูปร่างผิวพรรณ อยู่กับเหย้าเฝ้าเรือน
จัดได้ว่ามีเสน่ห์อยู่ในตัวมากกว่าสาวสวยระดับโลกอื่นใด ถึงขนาดนั้นเลยเชียว
ผมพยายามหาหนทางที่จะทำให้มีโอกาสได้รู้จักเธอให้มากขึ้น
ผมพยายามหมั่นศึกษาเล่าเรียนเพื่อให้มีโอกาสเข้าเรียนมหาวิทยาลัยกับเธอ
ความหวังผุดประกายแจ่มจ้าคราเห็น ผมสร้างความจำเป็นให้กับชีวิตที่ต้องเข้าไปอยู่กับเธอให้ได้
ในที่สุดผมก็สามารถไปหาเธอและได้อยู่กับเธอ
เมื่อครั้งนั้นที่ผมเข้าไปเรียนมหาวิทยาลัย ไปเป็นเพื่อนของเธอ
ไปเป็นเสี่ยวของเธอเหมือนเสี่ยวอื่นๆอีกหลายล้านชีวิต
เธอเองก็เป็นหญิงที่แช่มช้อยจริตหวานในความคิดผมตอนนั้น
แย้มกลิ่นหอมหวนด้วยรอยยิ้มพราวเสน่ห์
เชิญชวนให้หลายต่อหลายคนจากบ้านนอกพร้อมทำทุกอย่างเพื่อได้ใกล้ชิดรู้จักเธอ
การขวานขวายแสวงหาช่องทางตามบริบทและครรลองทางสังคม
ตามที่นักเรียนต่างจังหวัดคนหนึ่งพึงมีตามจารีตการศึกษาชั้นอุดม
ผมดีใจที่ได้ไปหาเธอในครั้งแรกสำหรับชีวิตผม
ผมลงจากรถทัวร์ปรับอากาศสายมุกดาหาร
ปลายทางสถานีหมอชิตประตูบ้านของเธอ ในราวปี2542 ในที่สุดผมก็ได้พบเธอ
แถวบ้านเธอดูค่อนข้างวุ่นวายอยู่เอาการมีทั้งตึกรามบ้านช่อง สูงใหญ่ระฟ้า
ถนนคอนกรีตเลนกว้างมีรถวิ่งไม่ขาดสาย ดูค่อนข้างหลงใหลได้ปลื้มเธอผู้นี้กันส่วนใหญ่
เว้นแต่บางรายที่ทนความหยิ่งทนงของเธอไม่ไหว จำต้องถอยห่างตีจากเธอออกจากบ้านเธอไป
ผู้คนขวักไขว่ทั้งเด็กเล็กและใหญ่น้อยแก่เฒ่าชรา
คนเหล่านั้นอาจจะแค่แฝงตัวพักพิงชั่วคราว หรืออาจจะกินอยู่กับเธอตราบสิ้นชีวิตของตัวเอง
หลายคนเดินขวักไขว่ที่ประตูบ้านเธอ มีที่ทางให้นั่งผู้คนพักเหนื่อยเพียงเท่าผืนหนังสือพิมพ์
บ้างมาทำงาน บ้างมาเรียนหนังสือเช่นเดียวกับผม
บ้างก็กำลังยืนปิ้งใส้กรอกอีสานแกล้มขิงดองเป็นก้อนเท่าหัวแม่โป้งขายให้แขกเหรื่อของเธอ
ได้รองท้องกันหิวที่ท่ารถเมล์หมอชิต บ้างขายหนังสืออ่านเล่น หนังสือพิมพ์แจกใบปลิวบ้างบางราย
บางคนที่มาเยี่ยมเธอถือของฝากจากบ้านนอกพะรุงพะรังทั้งผลไม้ เนื้อแห้งเนื้อตาก หมากพลูยาสูบ
ก็เห็นยืนรอรถเมล์เพื่อจะไปหาเธอให้ใกล้ชิดเช่นเดียวกับผม
ผมเดินขึ้นรถเมล์ปรับอากาศสายหมอชิต-ลาดกระบัง
ห้อยโหนจนแขนผมเกิดอาการปวดตึง ไปยังที่ผมได้นัดหมายเพื่อนอีกคนที่รู้จักเธอเหมือนผม
เพื่อไปรายงานตัวนักศึกษาใหม่ โอ้วทำไมผมต้องมาป้วนเบี้ยนอยู่ริมรั้วบ้านเธอด้วย
ทำให้ผมใจละห้อยทีเดียว
เมื่อไหร่ผมจะได้รู้จักเธอตัวตนเนื้อในที่แท้จริงของเธอ
และเธอเองก็ให้ค่าต่อชายคนหนึ่งด้วยการเย้ายวนเรียกหา
แต่ปล่อยคว้างไว้แค่รั้วบ้านเธอแค่นั้นเองเหรอ
การต้อนรับของเธอนั้นช่างจืดจางในความสนิมสนม
คลุมเครือในสัมพันธ์ ผมถึงไม่กล้าสนิทใจกันจนถึงขั้นบอกรัก
แม้หวังจะได้อยู่กินกันสองเราแต่ก็ทำได้เพียง คนที่รู้จักกันแค่ผิวเผินแค่นี้เองเหรอ
ผมเพ้อไปเองว่าเธอมีใจให้ แต่ถึงอย่างไรก็อยู่กับเธอเสียก่อน
แล้วผมก็จะรอเวลาที่ผมจะได้อยู่กินกับเธอไปตราบวันสิ้นชีวิต
ผมใฝ่แสวงหาโอกาสที่เธอมอบให้ ทิ้งบ้านเกิดอันเป็นที่ชุบเลี้ยงจนผมแก่กล้าในความรู้
แล้วเดินทางรอนแรมมาที่นี่ เพื่อมาหาเธอ
เธอผู้ให้ความหวัง ผมศรัทธาเธอ อย่าเพิ่งสังเวชเลย ว่าผมมองเธอไม่ถูก
แม้ในสายตาอีกหลายคนความจริงเธออาจสวยงามกว่านั้น
กว่าในทีวีที่ผมเคยเห็น ใช่แล้ว ผมยังอยู่ริมรั้วบ้านเธอได้ปีเดียวเอง
ยังมีเวลาตั้งหลายปีในชีวิตของผมที่จะได้ทำความรู้จักเธอให้มากขึ้น
ในระหว่างที่ผมเรียนหนังสือเพื่อรอเวลาเติบใหญ่พอที่จะขอเธอแต่งงาน
แม้ไอร้อนจะอบเหงื่อเปียกชุ่มตามกายของผู้คน จนท้อใจผม
ผมได้สัมผัสกลิ่นกลายของเธอ ถึงจะมีเสียงบ่นจากเพื่อนซี้ที่รู้จักเธอมาก่อนผมว่า
ที่รอบบ้านเธอมีคลองน้ำเน่าที่ส่งกลิ่นสาบแสบๆ ให้ผู้คนในละแวก
รวมทั้งผู้ที่สัญจรด้วยเรือด่วนไม่เว้นแม้แต่แม่น้ำใหญ่เจ้าพระยากลางบ้านเธอ
ในคลองนั้นที่มีแต่คนรวมใจถ่ายเทปฎิกูลจากร้านรวงบ้านเรือนของตัวเองลงสมสู่
กิติศัพท์เล่าขานเลื่องลือตามข่าว น้ำในคลองดำปี๋ขนาดนั้น
แต่นั่นก็ยังไม่สามารถทำให้ผมถอนใจจากเธอได้เลย
เมื่อผมนึกถึงความแช่มช้อยจิ้มริ้มในรอยยิ้มเปื้อนใบหน้าอยู่เสมอของเธอ
เชื้อเชิญให้แขกบ้านแขกเมืองจากทุกมุมโลก มาเยี่ยมชมความงามหยดย้อยและอารีไมตรีที่เธอปฎิบัติต่อฝรั่งมังค่า
ตาสีตาสา ยาจกและเศรษฐีผู้แต่งตัวดีมีศรีสง่าภูมิฐาน ทุกนาม
ผมเคยไปหาเธอให้เห็นกับตา ก็ประจักษ์ให้เห็นว่าเธอสวยกว่าในทีวีมาก
การแต่งเนื้อแต่งตัวอาภรณ์ประดับประดาลวดลายประเพณีโบราณ
เป็นสัญลักษณ์ของชั้นชน แซมด้วยเนื้อทองเนื้อแก้ววิจิตรจินดา
บ่งบอกความมีชาติตระกูลสูงของเธอ เปล่งประกายให้ความเป็นสง่าแด่เธอผู้เป็นเจ้าของ
งามยิ่งกว่าอาภรณ์ของหญิงใดในโลกา จนบรรดาแขกเหรื่อทยอยเดินทางมาเยี่ยมเยือน
บางครั้งผมยังติดตามเธอไปยังที่ทันสมัยเห็นการบริการยวดยานแล่นเป็นขบวน
บนถนนลอยฟ้านั่น เอื้อความสะดวกให้ผมประทับใจไม่น้อย มองลงข้างล่างจากมุมสูง
จะเห็นรถราสาธารณะและพาหนะส่วนตัวเบียดเสียดรีรอไปหาที่หมาย คือเธอ
บ้านเธอช่างโอ่อ่าแต่ทำไมความรู้สึกของผมกลับเหมือนกับมดตัวจิ๋ว
ที่กำลังเดินไต่ตามความหอมหวานของเธอ ไปหาเธอ ไปสู่เธอ
ทำไมผมอยากอยู่กับเธอจัง แม้ในยามค่ำที่เธอส่งสายตากระพริบเป็นสีสันเจิดจ้า
ส่องสว่างอยู่ทั้งคืนทั้งวัน ในความศิวิไลซ์ ในบ้านเธอได้เปิดใจรับมดตัวน้อยให้เข้าไป
ดื่มด่ำกับความสุขแม้จะฉาบฉวยในความสุข แต่ผู้คนต่างอีออหุ้มล้อมกันคับคั่ง
เพื่อรอเวลาหลับนอนกับเธอหลังจากกินดื่มจนหนำ ไม่ใช่แค่นั้นแน่
แต่ก็ด้วยความพิสมัยตื่นเร้าอารมณ์ ในความโกลาหลชุลมุน คึกโครม
แล้วโซเซถลากันออกจากแหล่งพักผ่อนนั้น เพื่อพลีกายล้มตัวหลับนอนกับเธอจนถึงเช้า
แขกเหรื่อต่างอิดโรยด้วยความร้อนรุ่มของเธอ เอ๊ะหรือว่าผมได้พบกับเธอแล้ว
ตอนนี้ผมยังเป็นเพียงแขกเหรื่อของเธอธรรมดาๆหรือเปล่า
แม้จะยังสงสัยแต่ถึงอย่างไรผมก็ได้อยู่กับเธอจนถึงเช้า
ด้วยความงัวเงียจากน้ำทิพย์ยาใจจากเธอ จนผมจบการศึกษาล่วงเลยเวลาเล่าเรียนไปแล้ว
ตอนนี้ผมจำต้องทำงานเพื่อเธอ เพื่อหาเลี้ยงเธอเป็นการตอบแทนสินน้ำใจ
ที่เธอให้มีกินและมีพื้นที่หลับนอน ควันโขมงพ่นออกฉุนเหมือนยาเส้นจากบ้านนอกที่หมอชิตนั้น
คุ้นเคยยิ่งนักกับจมูกที่ด้านชา หลายปีแล้วที่ผมอยู่กับเธอแต่ความเป็นเธอนั้นช่างลี้ลับ
ราวกับเธอมาจากสรวงสรรค์ที่สูงส่ง ผมรู้จักเธอแล้วในบางส่วน
หลายครั้งที่เห็นคนหลายคน มุ่งแสวงหาเธอ
รวมกลุ่มจับตัวเป็นแสนเป็นล้าน ป่าวประกาศความต้องการจะเป็นเจ้าของเธอ
แม้กระนั้นก็ยังรบกวนความสงบของเธออยู่ทุกเมื่อ
ตอนนี้เธอมีแฟนเป็นทหารผู้เรื่องยศและอำนาจ
เธอมีความจำเป็นต้องคบหากับชายที่เข้มแข็งพอจะปกป้องความเดียงสา
จากจิ๊กโก๋เร่ร่อนตามใต้ถุนสะพานลอย ที่นอนมัวเมากับมนต์เสน่ห์ของเธอ
แต่เธอก็ยินดีให้เหล่าคนจร คนจน ผู้ที่แขกเหรื่อมังค่าเห็นว่าโสมม นั้นได้พากันนั่งนอนทอดหุ่ย
คุ้ยเขี่ยหาน้ำเลี้ยงน้ำใจกลบความหิวจากผู้คนที่กำลังสัญจรไปมาตามท้องถนนบ้าง
ตามตรอกซอกซอยบ้าง ประหนึ่งว่าเธอคือแม่พระผู้ใจบุญที่ป้อนเศษสตางค์และอาหารให้แก่พวกเขาได้ทุกเมื่อ
ส่วนนี้เองจึงทำให้เธอดูค่อนข้างมีใจกว้างขวางต่อทุกคน
น้ำใจไมตรีของเธอช่วยเหลือชีวิตคนมานักต่อนัก
แม้บางทีจะเห็นข่าวลือบนแผ่นกระดาษว่า ความริษยาขุ่นทราม
ที่จ้องเอาประโยชน์จากเธอ ได้พรากการมีชีวิตของผู้คนอยู่เนืองนิตย์
ไล่ลามความระแวดระวังในใจของผู้คนที่ต้องการอยู่กินกับเธอ
เดชะบุญว่าความริษยาขุ่นทรามที่ว่านั้นไม่บังเกิดแก่ผู้ยอมจำนน
แต่กระนั้นผมก็ยังรักเธอ แต่ผมไม่เคยคิดว่าได้รับการหยามเหยียดจากเธอเลยแม้เพียงครั้ง
ผมคิดถึงเธอเหลือเกินในขณะที่ผมพิมพ์อักษร
สักวันผมจะอยู่กับเธอให้นานกว่าตอนที่ไปเยี่ยมเธอครั้งนั้น
ด้วยความสัตย์จริง ผมรักเธอ เหมือนคนอื่นที่อยู่กินกับเธอแล้วคนอื่นๆ
ที่เขาสาธยายความงามความใจดีมีใจเผื่อแผ่ของเธอให้ฟัง ที่บ้านผม
ยามเทศกาลที่พวกเขาหลั่งไหลออกห่างจากเธอ
ไม่ใช่ด้วยความพ่ายแพ้ต่อเธอ แต่เพราะชัยชนะของพวกเขาที่เธอมอบให้มาฝากคนบ้านเกิด
คอยปลุกใจให้ผมคิดถึงเธอ อยากอยู่กับเธอยิ่งขึ้นไปอีก
การศึกษาดูใจกับเธอมาระยะหนึ่งจากคำบอกเล่าในหนังสือตำราที่บ้านเธอ
ตามจารึกโดยนักเขียนในสมัยนั้น
ทำให้ผมรู้ว่าแนวเชื้อของผมมีที่มา ตั้งแต่ครั้งสมัยรัชกาลที่3
เกือบสองร้อยปีมาแล้วโน้น
เมื่อกองทัพของเจ้าอนุวงศ์ของฝ่ายลาวที่เป็นประเทศราชของสยาม
ยกทัพหมายเข้าตีกรุงเทพ เมื่อครานั้นลาวคิดแข็งเมืองจึงก่อการกบฏ
คิดแย่งชิงประชากรลาวคืนจากฝ่ายไทย แต่แล้วก็แพ้พ่ายให้แก่กองทัพของท้าวสุรนารี
ด้วยพระราชวินิจฉัยของรัชกาลที่3 และเพื่อเป็นการลดกำลังพลของเจ้าลาว
ที่อาจจะแข็งเมืองขึ้นอีก ฝ่ายไทยจึงยึดกำลังชาวลาวฝั่งขวาแม่น้ำโขงไว้
แล้วเกณฑ์กำลังเคลื่อนพลชาวลาวบางส่วน ย้ายข้ามแม่น้ำโขงมาอยู่ฝั่งซ้ายในถิ่นไทย
แล้วชาวลาวเหล่านั้นได้ตั้งรกรากแผ่ลูกแผ่หลานขึ้นเป็นประชากรบังคับสยาม
จนได้เป็นประชากรไทยชาวอีสาน ที่มีเอกลักษณ์มาจนทุกวันนี้
เชื้อแถวแนวสกุลเดิมของผม คือคนอพยพเหล่านั้นก็อาจเป็นได้
เมื่อรกรากถิ่นเกิดของผมก็อยู่ไม่ไกลจากแม่น้ำโขงเท่าใดนัก
มีน้อยคนในสมัยนี้จะรู้ที่มาของสกุลย้อนได้ไกลถึงสองร้อยปี
แต่ถึงอย่างไรผมก็เกิดเป็นคนไทย เติบโตขึ้นสำมะโนครัวเกิดในแผ่นดินไทย
และยึดมั่นในชาติไทย เกณฑ์ทหารจับใบดำใบแดงขึ้นกับสังกัดทหารไทย
จนได้รับความไว้ใจให้อยู่กินกับเธอถึงวงในหลายปีทีเดียว ในย่านกรุงเก่า
ตั้งแต่เมื่อครั้งเป็นนักศึกษา เช่นเดียวกันกับคนอีสานกินข้าวเหนียว
เว่าซื่อๆคนอื่นๆอีกยี่สิบห้าล้านชีวิต ที่อยู่ในประเทศไทยปัจจุบันทั้ง19 จังหวัด
และบางคนอยู่กินกับเธอแล้ว
ทุกคนเป็นคนไทยสมบูรณ์ต่างจากบรรพบุรุษของพวกเขาเมื่อสองร้อยปี
บางคนอยู่กินกับเธอจนสร้างฐานะใหญ่โต ได้ดิบได้ดีไปพร้อมเธอ
ผมถอยห่างจากเธอมาสักพักเพราะปัญหาเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม
ใช่แล้วผมต้องห่างจากเธอเพื่อสุขภาพที่ดีเพื่อพร้อมจะรับความสำเร็จ
จากสิ่งที่ได้ทำมาเมื่อครั้งเคยอยู่กินกับเธอ แต่สักวันผมคงต้องไปหาเธออีก
ไม่ใช่แค่ไปเยี่ยมเยือน แต่การไปหาเธอครั้งนี้ ผมจะไปเพื่อสร้างความสุขให้กับเธอ
ผมจะไปทำงานกับเธอ ทำให้เธอสวยขึ้น ผมอยากจะช่วยเหลือเธอเรื่องแก้ปัญหาน้ำท่วมด้วยตำแหน่งงานที่ผมสมัครสอบ
บางทีความเอื้อเฟื้อของเธออาจจะปันน้ำท่ามาทางเขตบ้านผมบ้าง
ช่วยดับความแห้งแร้ง ดินร้อนระแหง เป็นสินกำนัล
เหมือนชาวบ้านที่ขายส้มตำให้เธอกิน เหมือนคนที่ขายไส้กรอกอีสานที่หมอชิตนั่น
รวมทั้งคนที่ร้องหมอลำให้เธอฟังนั่นไง
แล้วไปสมรสกับเธอเป็นสามีภรรยาที่ได้หมั้นหมายกันไว้ดิบดีแล้ว
ประหนึ่งเป็นคู่บุญกันมาแต่ปางก่อน
ตอนนี้ผมตกหลุมรักเธอเหมือนใครอีกหลายคน
เพราะเธอคือผู้ทรงเสน่ห์ในใจเรื่อยมา
รักเธอกรุงเทพมหานคร
ป.ล.หลังปีใหม่เจอกันนะ ถ้าเธอยังมีใจอาทรต่อผมเช่นเดิม แล้วผมจะซื้อบ้านซื้อรถให้เธอและมีลูกกับเธอ