คงไม่มีใครเกิดมาแล้วขับมอเตอร์ไซค์เป็นเลย ผมก็คนหนี่งเหมือนคนทั่วๆไป มอเตอร์ไซค์มันเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่น่าทึ่งสำหรับผม มันอาศัยทักษะการทรงตัวของมนุษย์ในการขับขี่
ย้อนไปเมื่อวัยเด็ก ผมอยู่ที่บ้านนอกเด็กสมัยนั้นเรียนอยู่ประมาณ ป.5-ป.6 ถ้าครอบครัวมีรถ จยย.ก็จะหัดลูกหลานขับ จยย.กันแล้ว และที่บ้านผมมี จยย.Honda C80 อยู่คันนึง สภาพรถนั้นไฟหน้าติด แต่ความสว่างพอๆกับเทียนไขใกล้ดับ ถ้าไม่เร่งเครื่องคงไม่รู้ว่าไฟยังติด ไฟเลี้ยวและไฟท้ายมีไว้ประดับเพื่อความสวยงามเท่านั้น นั่นคือสภาพเครื่องจักรกลเครื่องแรกที่ผมได้ลองควบคุม
คนสอนหนีไม่พ้นลูกพี่ลูกน้องผมซึ่งอายุห่างผมพอสมควร ประสบการณ์เยอะครับ มีใบขับขี่ถูกต้องตามกฏหมาย
สถานที่หัดขับเป็นถนนทางดินข้างวัดมีต้นมะพร้าวเป็นแนวรั้ว เพราะสมัยนั้นวัดยังไม่สร้างกำแพง
วันนั้นจำได้ดีมีเหล่ากองเชียร์ ญาติฐีพี่น้องรายล้อมอยู่เต็มเลยครับ ผมนี้รู้สึกอบอุ่นใจอย่างมาก
เวลาสายๆของวันนั้น ท้องฟ้าครึ้มๆ อากาศเย็นสบาย ม้าศึกนำออกมากลางถนน แน่นอนย่อมต้องมีการแนะนำส่วนประกอบต่างๆซึ่งจำเป็นในการควบคุมม้าศึกโดยครู
ครู : นั่นคันเร่ง ไม่ต่องบิดนะเดี๋ยวน้ำมันท่วม ขาซ้ายเป็นเกียร์ ขาขวาเป็นเบรค ไหนลองเหยียบเบรคซิ
เอี๊ยดๆๆๆ เสียงสปริงเบรคซึ่งยืดหดตัวไปมาดังตามจังหวะที่ผมเหยียบ
ภายในใจหนุ่มน้อยหน้ามนมันคึกอยากจะพาเจ้าม้านี่ทะยานออกไป แค่นั่งเฉยๆยังเร้าใจขนาดนี้ วันนี้ได้ขับจริงๆจะขนาดไหนหนอ ผมรำพึงในใจ ไม่ค่อยสนใจดอกว่าเขาจะบอกจะสอนอะไร เพราะแค่คันเร่งเบรคกะเกียร์ผมรู้แว้วววววววว ไม่ต้องมาเสียเวลาพร่ำสอน
เมื่อได้แนะนำกันจบแล้ว ก็ถึงเวลาลงสนามจริง เป็นเวลาที่ผมรอคอยมานาน ครูได้ขึ้นนั่นซ้อนท้ายแล้วให้ผมลองสตาร์ทเอง ผมก็ไม่มั่นใจนักว่าจะสตาร์ทรถติดเพราะดูมันต้องใช้แรงเยอะ แต่ยันอยู่สองทีมันก็ติดครับ เสียงเครื่องยนต์มันคำราม แต๊งๆๆๆๆ เป็นจังหวะ แต่ต้องคอยบิดคันเร่งเลี้ยงรอบเอาไว้ไม่ให้มันดับ โอ๊วววว ช่างฟังแล้วไพเราะเหลือเกิน
ขั้นต่อไปตบเกียร์เดินหน้าเป็นเกียร์หนึ่ง ครูสั่งผมแล้วครูก็ค่อยๆสอนเป็นลำดับ
ครู : ค่อยบิดออกไปนะให้รถค่อยๆเคลื่อน
ผมทำตาม บิดไปเบาๆ รถก็ยังมิเคลื่อน
ครู : บิดอีก
ผมก็บิดๆ เพิ่มแรงอีกนิดระบบส่งกำลังของเครื่องยนต์เริ่มทำงานกระตุกนิดๆ
ครู : นั่นแหละๆ เริ่มวิ่งแล้ว บิดอีกๆ
ผมเติมพลังในการบิดคันเร่งเข้าไปอีก แต่ด้วยความอ่อนหัดดันบิดแรงเกิน รถ Honda C80 ทะยานดังม้าป่า มันพากระโจนออกไป ครูผู้มีประสบการณ์กระโดดลงรถอย่างว่องไว ปล่อยผมเผชิญชะตากรรมเพียงลำพัง และแน่นอนตราบที่เรายังบิดคันเร่งรถมันก็ยังวิ่งไม่ยอมล้มง่ายๆ ผมพยายามควบคุมคันเร่งแต่พอผ่อนก็เหมือนจะล้ม พอบิดซ้ำมันก็พากระโจนต่อ อารมณ์นั้นบอกได้เลยเลยว่ารู้ซึ้งถึงความโดดเดี่ยวท่ามกลางผู้คน เจ้า Honda C80 ได้พาผมออกห่างจากสังคมญาติพี่น้อง มุ่งตรงไปสู่ต้นมะพร้าวข้างทาง เสียงบรรดาญาติๆผมและครูร้องตามหลัง ฟังได้ใจความถนัดหู บ้างก็ร้องบอก เบรคๆๆๆๆ เบรคไงฟ่ะ นาทีนั้นเราหาไม่เจอหรอกครับ บางคนร้องบอก ต้นมะพร๊าววววๆๆๆๆๆ ยิ่งเราเห็นต้นมะพร้าวเรายิ่งกลัวว่าจะชน ยิ่งกลัวจะชนเรายิ่งมอง ยิ่งมองมันก็ยิ่งพาวิ่งเข้าไปหา คุณรู้ไม๊ว่าสิ่งน่ากลัวที่สุดนอกจากความนิ่งเงียบของเมียรัก คือต้นมะพร้าวข้างทางวันหัดขับมอไซค์นี่แหละ
แม้ทุกคนร้องเรียกส่งเสียงให้กำลังใจ บอกแนะนำรวมถึงเตือนให้เห็นถึงภยันตรายข้างหน้า และแม้ว่าใจผมตระหนักถึงและอยากจะเชื่อฟังเพียงใด แต่ไอ่C80 นี่มันไม่เป็นใจ พาวิ่งไปหาต้นมะพร้าวราวกับมันจะเป็นลิง ไม่ต้องบรรยายถึงตอนจบทุกคนคงพอจะรู้
หลังจากเจ้า C80 พาไต่ต้นมะพร้าวแล้วหล่นลงมา ครูได้วิ่งเข้ามายกรถพร้อมกับตำหนิเล็กน้อย
ครู : ตรูบอกให้เบรคๆๆ ทำไมไม่เบรค
ผม : โดดลงรถแล้วยังมีหน้ามาด่าตรูอีก
ดด(ผมนึกในใจ)
เมื่อผมได้ขับจักรยานยนต์ครั้งแรก
ย้อนไปเมื่อวัยเด็ก ผมอยู่ที่บ้านนอกเด็กสมัยนั้นเรียนอยู่ประมาณ ป.5-ป.6 ถ้าครอบครัวมีรถ จยย.ก็จะหัดลูกหลานขับ จยย.กันแล้ว และที่บ้านผมมี จยย.Honda C80 อยู่คันนึง สภาพรถนั้นไฟหน้าติด แต่ความสว่างพอๆกับเทียนไขใกล้ดับ ถ้าไม่เร่งเครื่องคงไม่รู้ว่าไฟยังติด ไฟเลี้ยวและไฟท้ายมีไว้ประดับเพื่อความสวยงามเท่านั้น นั่นคือสภาพเครื่องจักรกลเครื่องแรกที่ผมได้ลองควบคุม
คนสอนหนีไม่พ้นลูกพี่ลูกน้องผมซึ่งอายุห่างผมพอสมควร ประสบการณ์เยอะครับ มีใบขับขี่ถูกต้องตามกฏหมาย
สถานที่หัดขับเป็นถนนทางดินข้างวัดมีต้นมะพร้าวเป็นแนวรั้ว เพราะสมัยนั้นวัดยังไม่สร้างกำแพง
วันนั้นจำได้ดีมีเหล่ากองเชียร์ ญาติฐีพี่น้องรายล้อมอยู่เต็มเลยครับ ผมนี้รู้สึกอบอุ่นใจอย่างมาก
เวลาสายๆของวันนั้น ท้องฟ้าครึ้มๆ อากาศเย็นสบาย ม้าศึกนำออกมากลางถนน แน่นอนย่อมต้องมีการแนะนำส่วนประกอบต่างๆซึ่งจำเป็นในการควบคุมม้าศึกโดยครู
ครู : นั่นคันเร่ง ไม่ต่องบิดนะเดี๋ยวน้ำมันท่วม ขาซ้ายเป็นเกียร์ ขาขวาเป็นเบรค ไหนลองเหยียบเบรคซิ
เอี๊ยดๆๆๆ เสียงสปริงเบรคซึ่งยืดหดตัวไปมาดังตามจังหวะที่ผมเหยียบ
ภายในใจหนุ่มน้อยหน้ามนมันคึกอยากจะพาเจ้าม้านี่ทะยานออกไป แค่นั่งเฉยๆยังเร้าใจขนาดนี้ วันนี้ได้ขับจริงๆจะขนาดไหนหนอ ผมรำพึงในใจ ไม่ค่อยสนใจดอกว่าเขาจะบอกจะสอนอะไร เพราะแค่คันเร่งเบรคกะเกียร์ผมรู้แว้วววววววว ไม่ต้องมาเสียเวลาพร่ำสอน
เมื่อได้แนะนำกันจบแล้ว ก็ถึงเวลาลงสนามจริง เป็นเวลาที่ผมรอคอยมานาน ครูได้ขึ้นนั่นซ้อนท้ายแล้วให้ผมลองสตาร์ทเอง ผมก็ไม่มั่นใจนักว่าจะสตาร์ทรถติดเพราะดูมันต้องใช้แรงเยอะ แต่ยันอยู่สองทีมันก็ติดครับ เสียงเครื่องยนต์มันคำราม แต๊งๆๆๆๆ เป็นจังหวะ แต่ต้องคอยบิดคันเร่งเลี้ยงรอบเอาไว้ไม่ให้มันดับ โอ๊วววว ช่างฟังแล้วไพเราะเหลือเกิน
ขั้นต่อไปตบเกียร์เดินหน้าเป็นเกียร์หนึ่ง ครูสั่งผมแล้วครูก็ค่อยๆสอนเป็นลำดับ
ครู : ค่อยบิดออกไปนะให้รถค่อยๆเคลื่อน
ผมทำตาม บิดไปเบาๆ รถก็ยังมิเคลื่อน
ครู : บิดอีก
ผมก็บิดๆ เพิ่มแรงอีกนิดระบบส่งกำลังของเครื่องยนต์เริ่มทำงานกระตุกนิดๆ
ครู : นั่นแหละๆ เริ่มวิ่งแล้ว บิดอีกๆ
ผมเติมพลังในการบิดคันเร่งเข้าไปอีก แต่ด้วยความอ่อนหัดดันบิดแรงเกิน รถ Honda C80 ทะยานดังม้าป่า มันพากระโจนออกไป ครูผู้มีประสบการณ์กระโดดลงรถอย่างว่องไว ปล่อยผมเผชิญชะตากรรมเพียงลำพัง และแน่นอนตราบที่เรายังบิดคันเร่งรถมันก็ยังวิ่งไม่ยอมล้มง่ายๆ ผมพยายามควบคุมคันเร่งแต่พอผ่อนก็เหมือนจะล้ม พอบิดซ้ำมันก็พากระโจนต่อ อารมณ์นั้นบอกได้เลยเลยว่ารู้ซึ้งถึงความโดดเดี่ยวท่ามกลางผู้คน เจ้า Honda C80 ได้พาผมออกห่างจากสังคมญาติพี่น้อง มุ่งตรงไปสู่ต้นมะพร้าวข้างทาง เสียงบรรดาญาติๆผมและครูร้องตามหลัง ฟังได้ใจความถนัดหู บ้างก็ร้องบอก เบรคๆๆๆๆ เบรคไงฟ่ะ นาทีนั้นเราหาไม่เจอหรอกครับ บางคนร้องบอก ต้นมะพร๊าววววๆๆๆๆๆ ยิ่งเราเห็นต้นมะพร้าวเรายิ่งกลัวว่าจะชน ยิ่งกลัวจะชนเรายิ่งมอง ยิ่งมองมันก็ยิ่งพาวิ่งเข้าไปหา คุณรู้ไม๊ว่าสิ่งน่ากลัวที่สุดนอกจากความนิ่งเงียบของเมียรัก คือต้นมะพร้าวข้างทางวันหัดขับมอไซค์นี่แหละ
แม้ทุกคนร้องเรียกส่งเสียงให้กำลังใจ บอกแนะนำรวมถึงเตือนให้เห็นถึงภยันตรายข้างหน้า และแม้ว่าใจผมตระหนักถึงและอยากจะเชื่อฟังเพียงใด แต่ไอ่C80 นี่มันไม่เป็นใจ พาวิ่งไปหาต้นมะพร้าวราวกับมันจะเป็นลิง ไม่ต้องบรรยายถึงตอนจบทุกคนคงพอจะรู้
หลังจากเจ้า C80 พาไต่ต้นมะพร้าวแล้วหล่นลงมา ครูได้วิ่งเข้ามายกรถพร้อมกับตำหนิเล็กน้อย
ครู : ตรูบอกให้เบรคๆๆ ทำไมไม่เบรค
ผม : โดดลงรถแล้วยังมีหน้ามาด่าตรูอีก ดด(ผมนึกในใจ)