สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
เวียงจันทน์โดนสยามเผา ๒ ครั้ง?
มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ร่วมสมัยหรือใกล้เคียงหรือไม่ครับ โดยเฉพาะของฝั่งลาว เอาแบบเอกสารพื้นเมืองหรือเพลงลาวแพนก็ได้ แต่ไม่เอาพวกตำราที่นั่งเทียนเขียนเอาแบบของมหาสิลา วีละวง อันนั้นมั่วครับ ถ้าจะกรุณาเอาหลักฐานชั้นตั้นว่าสยาม "เผา" เวียงจันทน์มาให้ดูจะกรุณามาก
ส่วนหลักฐานที่เชื่อว่าสยามไม่ได้เผาเวียงจันทน์ในศึกเจ้าอนุวงศ์ คือ
๑. มีหลักฐานชั้นต้น คือ พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ ฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ เกี่ยวกับการปราบกบฏเวียงจันทน์นี้ ได้มีการรวบรวมหนังสือ เอกสาร ใบบอก และรายงานราชการทัพในการเรียบเรียงพระราชพงศาวดาร โดยในพระราชพงศาวดารได้ใช้คำว่า ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ "รื้อ" เมืองเวียงจันทน์ลง แต่ให้เว้น "วัดและอาราม" ให้คงไว้ ซึ่งหลายคนก็ตีความการรื้อตามพระบรมราชโองการว่าจะรวมการเผาด้วยหรือไม่ แต่จากภาพวาดของนักสำรวจชาวตะวันตกและจากคำบรรยายของอองรี มูโอร์ ก็เป็นที่ยืนยันว่า โครงสร้างสถานที่สำคัญอย่างวัดสีสะเกด หอพระแก้ว หรือวัดพระเจ้าองค์ตื้อ ไม่ได้ถูก "เผา" และโครงสร้างอาคารยังเหลืออยู่มาก มีเสียหายแต่ส่วนหลังคาซึ่งเป็นไม้พุพังลงเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีจดหมายเหตุการปรากบฏเวียงจันทน์เป็นเอกสารอีกชิ้นที่ใช้อ้างอิงด้วยครับ
๒. หลังการรื้อเวียงจันทน์ลง สยามไม่ได้กวดต้อนครัวเวียงลงมาภาคกลางหรือฝั่งอีสานทั้งหมดตามที่เข้าใจกัน เพราะมีเอกสารระบุชัดเจนว่าเจ้าพระยาราชสุภาวดี (สิงห์ สิงหเสนี) ได้ให้แบ่งครัวเวียงและหัวเมืองบริวารบางส่วนมาไว้ค่ายริมหนองน้ำ แล้วตั้งท้าวสุวอ ราชวงศ์เมืองยโสธร เป็นพระปทุมเทวาภิบาลและยกค่ายนั้นขึ้นเป็นเมืองหนองค่าย (ชื่อเมืองธาตุน้ำข่มเมืองเวียงจันทน์ที่เป็นธาตุไม้) ก่อนเพี้ยนเป็นหนองคาย มีฐานะเป็นประเทศราชคุมเมืองล้านช้างที่เคยเป็นของเวียงจันทน์ ต่อมาท้าวเคน อุปราชเมืองหนองคายได้ขึ้นเป็นพระปทุมเจ้าเมืองแทนบิดา พระปทุมเคนได้ให้ท้าวสาลี บุตรเขยไปจัดครัวเวียงจันทน์ที่กระจายอยู่รอบกำแพงเมืองมารวมกันเป็นเมือง และยกขึ้นเป็นเมืองจันทบุรี ให้ท้าวสาลีเป็น พระกุประดิษฐ์บดี เจ้าเมืองจันทบุรีขึ้นกับเมืองหนองคาย นั่นแสดงว่า ภายหลังการรื้อเมืองเวียงจันทน์ยังมีราษฎรอาศัยอยู่รอบกำแพงเมืองอยู่มากจนถึงกับตั้งเป็นเมืองได้ ซึ่งตรงนี้จะขัดแย้งกับพงสาวะดานลาวสะบับกะซวงสึกสาทิกาน ที่บอกว่าเวียงจันทน์ร้างเป็นดงกระต่าย
เวียงจันทน์หรือจันทบุรี จะมาสิ้นสภาพเมืองจริงๆตอนที่เสียให้ฝรั่งเศส เพราะพระปทุมเทวาภิบาล ให้พระกุประดิษฐ์บดีอพยพครัวเวียงจันทน์มาไว้ที่ท่าบ่อเกลือ หรืออำเภอท่าบ่อ หนองคายในปัจจุบัน (มีเอกสารทางวิชาการระบุว่า สำเนียงการพูดของคนท่าบ่อจะเป็นสำเนียงเวียงจันทน์ดั้งเดิม แต่สำเนียงที่พูดในเวียงจันทน์จะเป็นการผสมของสำเนียงชนเผ่าลาวเทิงมาปน ทำนองเดียวกันกับสำเนียงเหน่อของคนอยุธยาที่เป็นสำเนียงดั้งเดิมของคนไทย ขณะที่สำเนียงแบบกรุงเทพปัจจุบันเป็นการพูดแบบเจ๊กปนลาว)
๓. ในปี พ.ศ.๒๔๑๗ กองทัพฮ่อได้ยกเข้ามาตีเวียงจันทน์และข้ามแม่น้ำโขงมาตีหนองคาย (เจ้าเมืองไม่อยู่ไปรับข้าหลวงมหาดไทยอยู่เมืองอุบล) ซึ่งตามรายงานทัพพระยามหาอำมาตย์ข้าหลวงมหาดไทย ที่ยกทัพหัวเมืองอีสานไปตีทัพฮ่อที่หนองคาย ระบุว่าเวียงจันทน์โดนทัพฮ่อ "เผา" เสียหายมาก วัดและอารามถูกเผา พระพุทธรูปและสถูปถูกขุดหาของมีค่า พระธาตุหลวงถูกขุดทุบจนยอดพระธาตุหักพังลงมา นั่นแสดงว่าหลักฐานความเสียหายที่ปรากฏในสมัยหลังเป็นผลงานของพวกฮ่อครับ (ในเหตุการณ์นี้หลวงพระบางก็โดนด้วย เพราะตัวเมืองและพระราชวังหลวงพระบางในยุคแรกนั้นเป็นแบบไทลื้อซึ่งยิ่งใหญ่ไม่น้อยกว่าเชียงใหม่ แต่เจอพวกฮ่อเผาจนราบคาบ จนต้องสร้างหอคำใหม่ที่มุงหญ้าแทน)
ส่วนเรื่องวาทะกรรมการเผาเวียงจันทน์โดยฝีมือพวกศักดินาสยามนั้น เป็นวาทะกรรมสมัยหลังครับ
เอกสารและข้อมูลที่มักเอามาอ้างของคนลาวมักมีที่มาจาก "พงสาวะดานลาวสะบับกะซวงสึกสาทิกาน" ซึ่งเป็นแกนหลักในการเขียนประวัติศาสตร์ลาวในปัจจุบัน ทำนองงานเขียนของกรมพระยาดำรงราชานุภาพที่ใช้เป็นแม่บทของงานเป็นประวัติศาสตร์ไทย แต่จะต่างที่งานเขียนนี้มีวัตถุในรับใช้ "กระบวนการชาตินิยมลาว" เป็นหลักครับ และไม่แปลกหากเราอ่านเอกสารฉบับนี้เราจะมีความรู้สึกไม่ต่างกับการอ่านหนังสือวีรบุรุษไทยของหลวงวิจิตรวาทการ เพราะคนแต่งพงศาวดารลาวใช้หลักการเขียนของหลวงวิจิตรวาทการและพระยาอนุมานราชธนเป็นแม่แบบ โดยจะขอยกข้อมูลของเอกสารฉบับนี้ให้ดู
- คนแต่งคือ มหาสิลา วีละวง ท่านนี้เดิมเป็นไทยเกิดที่ร้อยเอ็ดมีอาชีพเป็นครู ต่อมาได้เข้าร่วมขบวนการลาวกู้ชาติกับเจ้าเพชรราช นายกรัฐมตรีของรัฐบาลพระราชอาณาจักรลาว ซึ่งต่อต้านทั้งฝรั่งเศสและญี่ปุ่น และเมื่อเวียงจันทน์แตกมหาสิลาก็แปรพักตร์ไปเข้าร่วมกับฝ่ายลาวอิสระ สปป. เพราะเห็นว่าฝ่ายขวาไปร่วมมือกับจักรพรรดิอเมริกาและไทย ซึ่งจากประวัติของท่านคงไม่ต้องบอกว่าท่านมีแนวคิดลาวชาตินิยม และแนวคิดกับศักดินาสยามจะเป็นอย่างไร
- เอกสารและงานเขียนของมหาลิลา ใช้แนวทางวรรณกรรมสร้างชาติตามแนวทางของหลวงวิจิตรและพระยาอนุมาน ข้อความแต่ละบรรทัดเต็มไปด้วยข้อคิดเห็นส่วนตัวและการปลุกใจคนอ่านให้รักชาติ
- เอกสารทางประวัติศาสตร์ที่เป็นหลักฐานร่วมสมัย หรือหลักฐานชั้นต้นของลาวมีน้อยมาก และส่วนใหญ่อยู่ในความครอบครองของไทย ทำให้การเขียนประวัติศาสตร์ลาวต้องอาศัยหลักฐานจากฝั่งไทยและตีไข่ใส่ศรีเอาเอง
- งานเขียนของมหาลิลา ใช้เอกสารฝ่ายไทยเป็นโครงในการเขียน โดยเฉพาะเหตุการณ์ศึกเจ้าอนุวงศ์นั้นโครงสร้างการดำเนินเรื่องแทบจะเป็นอันเดียวกับพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทน์ เพราะตัวมหาสิลาเคยศึกษาอยู่ที่กรุงเทพและชอบค้นคว้าข้อมูลทางประวัติศาสตร์ไทยเป็นเวลานานตั้งแต่บวชอยู้ที่วัดปทุมวนาราม แต่งานเขียนของมหาสิลาจะเลือกเอกสารฝ่ายไทยเฉพาะโครงแต่ข้อความจะเป็นไปตามแนวคิดตน ตัวอย่างเช่น เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เวียงจันทน์ก่อนยกทัพไปกรุงเทพ ซึ่งเอกสารของมหาสิลากล่าวว่า "ในเวลาที่พระเจ้าอนุกำลังจัดแจงแต่งกองทัพอยู่นั้น ก็เกิดอาเพศวิปริตหลายอย่างหลายประการ ด้วยเหตุชะตาบ้านเมืองจะล่มจม คือ ในเดือน ๖ เกิดลมพายุใหญาพัดยอดปราสาทและหอพระแก้วพังลง, หอพระมเหศักดิ์ ๕ หลัง บ้านเรือนราษฎรหักพังไป ๕๐ หลัง ถึงเดือน ๑๑ ออกใหม่ ๑๕ ค่ำ เกิดแผ่นดินไหว แผ่นดินในกำแพงเมืองด้านตะวันออกยาว ๒ วา กว้างศอกปลาย และลึกลงไป ๒๐ วาปลาย" แต่ในเหตุการณ์พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ที่มีการรวบรวมคำให้การและจดหมายเหตุปูมโหรเมืองเวียงจันทน์ในการเรียบเรียง และมหาสิลาก็ใช้เป็นแม่แบบในงานเขียนกลับระบุว่า "ที่เมืองเวียงจันทน์นั้นเมื่อ ณ เดือน ๖ ปีจออัฐศก เวลากลางวันเกิดลมพายุใหญ่พัดช่อฟ้าใบระกาหอพระแก้วพระบางท หลังคาเรือนอนุหักลงไปเป็นอันมาก เรือนภรรยาอนุทลาย ๕ หลัง แต่เรือนราษฎรชาวบ้านหักพังประมาณ ๔๐ - ๕๐ หลัง ครั้งมาถึงเดือน ๑๑ ขึ้น ๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำ อนุยังเกณฑ์กองทัพอยู่นั้น บังเกิดดาวพฤหัสบดีขึ้นทางทิศทักษิณเมื่อเวลาดึกประมาณ ๒ ยามเศษ เกิดแผ่นดินไหวที่เมืองเวียงจันทน์ ถ้วยชามสิ่งของรูปพรรณกระทบกัน ครั้นรุ่งสว่างขึ้นเห็นแผ่นดินแยกออกในกำแพงท้ายเมืองยาวประมาณ ๒ วา กว้างประมาณศอกเศษ ลึกประมาณเส้นเศษ"
เห็นได้ชัดครับ ว่ามหาสิลาเลือกที่จะเป็นฤษีแปลงสาร และขจัดสิ่งที่เห็นว่าจะเป็นการดิสเครดิตเจ้าอนุวงศ์ออกไปเสีย
- ไม่ต้องแปลกใจครับว่าทำไมเอกสารของมหาสิลา จึงเป็นเอกสารชิ้นแรกๆที่ระบุว่าศักดินาสยาม "เผา" เวียงจันทน์เป็นเถ้าถ่าน และบรรยายเสียยังกับอยู่ในเหตุการ โดยทหารสยามชั่วช้าจนถึงกับตัดผลหมากรากไม้ที่กินได้จนไม่เหลือซักต้นเพื่อให้เวียงจันทน์ร้างผู้คนและเกิดการอดอยาก (ในความเป็นจริงเป็นไปได้หรือ และจะเสียเวลาทำไปทำไมกัน"
- ไม่ต้องแปลกใจครับ ว่าเวลาเถียงกันเรื่องเอกสารประวัติศาสตร์กับคนลาว เขาจะมีประโยคเด็ดเสมอว่า "ประวัติศาสตร์ลาวกับไทยเขียนไม่เหมือนกัน" หรือ "ประวัติศาสตร์ไทยเขียนเข้าข้างตัวเองเพื่อรับใช้ราชสำนักบางกอก" ทั้งๆที่ตัวเองกลับไม่เคยรู้ว่าประวัติศาสตร์ของตัวเองมีที่มาจากไหน เชื่อถือได้เพียงใด และทำเพื่อรับใช้ใคร
มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ร่วมสมัยหรือใกล้เคียงหรือไม่ครับ โดยเฉพาะของฝั่งลาว เอาแบบเอกสารพื้นเมืองหรือเพลงลาวแพนก็ได้ แต่ไม่เอาพวกตำราที่นั่งเทียนเขียนเอาแบบของมหาสิลา วีละวง อันนั้นมั่วครับ ถ้าจะกรุณาเอาหลักฐานชั้นตั้นว่าสยาม "เผา" เวียงจันทน์มาให้ดูจะกรุณามาก
ส่วนหลักฐานที่เชื่อว่าสยามไม่ได้เผาเวียงจันทน์ในศึกเจ้าอนุวงศ์ คือ
๑. มีหลักฐานชั้นต้น คือ พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ ฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ เกี่ยวกับการปราบกบฏเวียงจันทน์นี้ ได้มีการรวบรวมหนังสือ เอกสาร ใบบอก และรายงานราชการทัพในการเรียบเรียงพระราชพงศาวดาร โดยในพระราชพงศาวดารได้ใช้คำว่า ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ "รื้อ" เมืองเวียงจันทน์ลง แต่ให้เว้น "วัดและอาราม" ให้คงไว้ ซึ่งหลายคนก็ตีความการรื้อตามพระบรมราชโองการว่าจะรวมการเผาด้วยหรือไม่ แต่จากภาพวาดของนักสำรวจชาวตะวันตกและจากคำบรรยายของอองรี มูโอร์ ก็เป็นที่ยืนยันว่า โครงสร้างสถานที่สำคัญอย่างวัดสีสะเกด หอพระแก้ว หรือวัดพระเจ้าองค์ตื้อ ไม่ได้ถูก "เผา" และโครงสร้างอาคารยังเหลืออยู่มาก มีเสียหายแต่ส่วนหลังคาซึ่งเป็นไม้พุพังลงเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีจดหมายเหตุการปรากบฏเวียงจันทน์เป็นเอกสารอีกชิ้นที่ใช้อ้างอิงด้วยครับ
๒. หลังการรื้อเวียงจันทน์ลง สยามไม่ได้กวดต้อนครัวเวียงลงมาภาคกลางหรือฝั่งอีสานทั้งหมดตามที่เข้าใจกัน เพราะมีเอกสารระบุชัดเจนว่าเจ้าพระยาราชสุภาวดี (สิงห์ สิงหเสนี) ได้ให้แบ่งครัวเวียงและหัวเมืองบริวารบางส่วนมาไว้ค่ายริมหนองน้ำ แล้วตั้งท้าวสุวอ ราชวงศ์เมืองยโสธร เป็นพระปทุมเทวาภิบาลและยกค่ายนั้นขึ้นเป็นเมืองหนองค่าย (ชื่อเมืองธาตุน้ำข่มเมืองเวียงจันทน์ที่เป็นธาตุไม้) ก่อนเพี้ยนเป็นหนองคาย มีฐานะเป็นประเทศราชคุมเมืองล้านช้างที่เคยเป็นของเวียงจันทน์ ต่อมาท้าวเคน อุปราชเมืองหนองคายได้ขึ้นเป็นพระปทุมเจ้าเมืองแทนบิดา พระปทุมเคนได้ให้ท้าวสาลี บุตรเขยไปจัดครัวเวียงจันทน์ที่กระจายอยู่รอบกำแพงเมืองมารวมกันเป็นเมือง และยกขึ้นเป็นเมืองจันทบุรี ให้ท้าวสาลีเป็น พระกุประดิษฐ์บดี เจ้าเมืองจันทบุรีขึ้นกับเมืองหนองคาย นั่นแสดงว่า ภายหลังการรื้อเมืองเวียงจันทน์ยังมีราษฎรอาศัยอยู่รอบกำแพงเมืองอยู่มากจนถึงกับตั้งเป็นเมืองได้ ซึ่งตรงนี้จะขัดแย้งกับพงสาวะดานลาวสะบับกะซวงสึกสาทิกาน ที่บอกว่าเวียงจันทน์ร้างเป็นดงกระต่าย
เวียงจันทน์หรือจันทบุรี จะมาสิ้นสภาพเมืองจริงๆตอนที่เสียให้ฝรั่งเศส เพราะพระปทุมเทวาภิบาล ให้พระกุประดิษฐ์บดีอพยพครัวเวียงจันทน์มาไว้ที่ท่าบ่อเกลือ หรืออำเภอท่าบ่อ หนองคายในปัจจุบัน (มีเอกสารทางวิชาการระบุว่า สำเนียงการพูดของคนท่าบ่อจะเป็นสำเนียงเวียงจันทน์ดั้งเดิม แต่สำเนียงที่พูดในเวียงจันทน์จะเป็นการผสมของสำเนียงชนเผ่าลาวเทิงมาปน ทำนองเดียวกันกับสำเนียงเหน่อของคนอยุธยาที่เป็นสำเนียงดั้งเดิมของคนไทย ขณะที่สำเนียงแบบกรุงเทพปัจจุบันเป็นการพูดแบบเจ๊กปนลาว)
๓. ในปี พ.ศ.๒๔๑๗ กองทัพฮ่อได้ยกเข้ามาตีเวียงจันทน์และข้ามแม่น้ำโขงมาตีหนองคาย (เจ้าเมืองไม่อยู่ไปรับข้าหลวงมหาดไทยอยู่เมืองอุบล) ซึ่งตามรายงานทัพพระยามหาอำมาตย์ข้าหลวงมหาดไทย ที่ยกทัพหัวเมืองอีสานไปตีทัพฮ่อที่หนองคาย ระบุว่าเวียงจันทน์โดนทัพฮ่อ "เผา" เสียหายมาก วัดและอารามถูกเผา พระพุทธรูปและสถูปถูกขุดหาของมีค่า พระธาตุหลวงถูกขุดทุบจนยอดพระธาตุหักพังลงมา นั่นแสดงว่าหลักฐานความเสียหายที่ปรากฏในสมัยหลังเป็นผลงานของพวกฮ่อครับ (ในเหตุการณ์นี้หลวงพระบางก็โดนด้วย เพราะตัวเมืองและพระราชวังหลวงพระบางในยุคแรกนั้นเป็นแบบไทลื้อซึ่งยิ่งใหญ่ไม่น้อยกว่าเชียงใหม่ แต่เจอพวกฮ่อเผาจนราบคาบ จนต้องสร้างหอคำใหม่ที่มุงหญ้าแทน)
ส่วนเรื่องวาทะกรรมการเผาเวียงจันทน์โดยฝีมือพวกศักดินาสยามนั้น เป็นวาทะกรรมสมัยหลังครับ
เอกสารและข้อมูลที่มักเอามาอ้างของคนลาวมักมีที่มาจาก "พงสาวะดานลาวสะบับกะซวงสึกสาทิกาน" ซึ่งเป็นแกนหลักในการเขียนประวัติศาสตร์ลาวในปัจจุบัน ทำนองงานเขียนของกรมพระยาดำรงราชานุภาพที่ใช้เป็นแม่บทของงานเป็นประวัติศาสตร์ไทย แต่จะต่างที่งานเขียนนี้มีวัตถุในรับใช้ "กระบวนการชาตินิยมลาว" เป็นหลักครับ และไม่แปลกหากเราอ่านเอกสารฉบับนี้เราจะมีความรู้สึกไม่ต่างกับการอ่านหนังสือวีรบุรุษไทยของหลวงวิจิตรวาทการ เพราะคนแต่งพงศาวดารลาวใช้หลักการเขียนของหลวงวิจิตรวาทการและพระยาอนุมานราชธนเป็นแม่แบบ โดยจะขอยกข้อมูลของเอกสารฉบับนี้ให้ดู
- คนแต่งคือ มหาสิลา วีละวง ท่านนี้เดิมเป็นไทยเกิดที่ร้อยเอ็ดมีอาชีพเป็นครู ต่อมาได้เข้าร่วมขบวนการลาวกู้ชาติกับเจ้าเพชรราช นายกรัฐมตรีของรัฐบาลพระราชอาณาจักรลาว ซึ่งต่อต้านทั้งฝรั่งเศสและญี่ปุ่น และเมื่อเวียงจันทน์แตกมหาสิลาก็แปรพักตร์ไปเข้าร่วมกับฝ่ายลาวอิสระ สปป. เพราะเห็นว่าฝ่ายขวาไปร่วมมือกับจักรพรรดิอเมริกาและไทย ซึ่งจากประวัติของท่านคงไม่ต้องบอกว่าท่านมีแนวคิดลาวชาตินิยม และแนวคิดกับศักดินาสยามจะเป็นอย่างไร
- เอกสารและงานเขียนของมหาลิลา ใช้แนวทางวรรณกรรมสร้างชาติตามแนวทางของหลวงวิจิตรและพระยาอนุมาน ข้อความแต่ละบรรทัดเต็มไปด้วยข้อคิดเห็นส่วนตัวและการปลุกใจคนอ่านให้รักชาติ
- เอกสารทางประวัติศาสตร์ที่เป็นหลักฐานร่วมสมัย หรือหลักฐานชั้นต้นของลาวมีน้อยมาก และส่วนใหญ่อยู่ในความครอบครองของไทย ทำให้การเขียนประวัติศาสตร์ลาวต้องอาศัยหลักฐานจากฝั่งไทยและตีไข่ใส่ศรีเอาเอง
- งานเขียนของมหาลิลา ใช้เอกสารฝ่ายไทยเป็นโครงในการเขียน โดยเฉพาะเหตุการณ์ศึกเจ้าอนุวงศ์นั้นโครงสร้างการดำเนินเรื่องแทบจะเป็นอันเดียวกับพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทน์ เพราะตัวมหาสิลาเคยศึกษาอยู่ที่กรุงเทพและชอบค้นคว้าข้อมูลทางประวัติศาสตร์ไทยเป็นเวลานานตั้งแต่บวชอยู้ที่วัดปทุมวนาราม แต่งานเขียนของมหาสิลาจะเลือกเอกสารฝ่ายไทยเฉพาะโครงแต่ข้อความจะเป็นไปตามแนวคิดตน ตัวอย่างเช่น เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เวียงจันทน์ก่อนยกทัพไปกรุงเทพ ซึ่งเอกสารของมหาสิลากล่าวว่า "ในเวลาที่พระเจ้าอนุกำลังจัดแจงแต่งกองทัพอยู่นั้น ก็เกิดอาเพศวิปริตหลายอย่างหลายประการ ด้วยเหตุชะตาบ้านเมืองจะล่มจม คือ ในเดือน ๖ เกิดลมพายุใหญาพัดยอดปราสาทและหอพระแก้วพังลง, หอพระมเหศักดิ์ ๕ หลัง บ้านเรือนราษฎรหักพังไป ๕๐ หลัง ถึงเดือน ๑๑ ออกใหม่ ๑๕ ค่ำ เกิดแผ่นดินไหว แผ่นดินในกำแพงเมืองด้านตะวันออกยาว ๒ วา กว้างศอกปลาย และลึกลงไป ๒๐ วาปลาย" แต่ในเหตุการณ์พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ที่มีการรวบรวมคำให้การและจดหมายเหตุปูมโหรเมืองเวียงจันทน์ในการเรียบเรียง และมหาสิลาก็ใช้เป็นแม่แบบในงานเขียนกลับระบุว่า "ที่เมืองเวียงจันทน์นั้นเมื่อ ณ เดือน ๖ ปีจออัฐศก เวลากลางวันเกิดลมพายุใหญ่พัดช่อฟ้าใบระกาหอพระแก้วพระบางท หลังคาเรือนอนุหักลงไปเป็นอันมาก เรือนภรรยาอนุทลาย ๕ หลัง แต่เรือนราษฎรชาวบ้านหักพังประมาณ ๔๐ - ๕๐ หลัง ครั้งมาถึงเดือน ๑๑ ขึ้น ๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำ อนุยังเกณฑ์กองทัพอยู่นั้น บังเกิดดาวพฤหัสบดีขึ้นทางทิศทักษิณเมื่อเวลาดึกประมาณ ๒ ยามเศษ เกิดแผ่นดินไหวที่เมืองเวียงจันทน์ ถ้วยชามสิ่งของรูปพรรณกระทบกัน ครั้นรุ่งสว่างขึ้นเห็นแผ่นดินแยกออกในกำแพงท้ายเมืองยาวประมาณ ๒ วา กว้างประมาณศอกเศษ ลึกประมาณเส้นเศษ"
เห็นได้ชัดครับ ว่ามหาสิลาเลือกที่จะเป็นฤษีแปลงสาร และขจัดสิ่งที่เห็นว่าจะเป็นการดิสเครดิตเจ้าอนุวงศ์ออกไปเสีย
- ไม่ต้องแปลกใจครับว่าทำไมเอกสารของมหาสิลา จึงเป็นเอกสารชิ้นแรกๆที่ระบุว่าศักดินาสยาม "เผา" เวียงจันทน์เป็นเถ้าถ่าน และบรรยายเสียยังกับอยู่ในเหตุการ โดยทหารสยามชั่วช้าจนถึงกับตัดผลหมากรากไม้ที่กินได้จนไม่เหลือซักต้นเพื่อให้เวียงจันทน์ร้างผู้คนและเกิดการอดอยาก (ในความเป็นจริงเป็นไปได้หรือ และจะเสียเวลาทำไปทำไมกัน"
- ไม่ต้องแปลกใจครับ ว่าเวลาเถียงกันเรื่องเอกสารประวัติศาสตร์กับคนลาว เขาจะมีประโยคเด็ดเสมอว่า "ประวัติศาสตร์ลาวกับไทยเขียนไม่เหมือนกัน" หรือ "ประวัติศาสตร์ไทยเขียนเข้าข้างตัวเองเพื่อรับใช้ราชสำนักบางกอก" ทั้งๆที่ตัวเองกลับไม่เคยรู้ว่าประวัติศาสตร์ของตัวเองมีที่มาจากไหน เชื่อถือได้เพียงใด และทำเพื่อรับใช้ใคร
ความคิดเห็นที่ 5
การเมืองระหว่างประเทศ สมัยก่อน คุยกันด้วยดาบ เป็นปรกติ ถ้าสงสารลาว ก็ต้องสงสารกันหมดทุกอาณาจักร
คนลาวคิดยังไง ก็คิดเหมือน คนไทยที่คิดกับพม่านั่นแหละ
ทำไมเราไม่ไปเผากรุงหงสาวดีบ้าง เพราะกรุงหงสาวดีโดนเผาไปก่อนแล้ว ก่อนที่พระนเรศวรจะยกทัพไปถึง
และสมัยก่อนนั้น ตามปรกติแล้ว การยึดเมืองมักจะไม่เผาทำลายเมือง เพราะปัจจัยหลักในสมัยก่อน ต้องการทั้งกำลังคนและทรัพยากร ด้วยเหตุนี้แม้จะยึดเมืองได้ แต่ก็เก็บไว้สำหรับ หากำลังคนรวมถึงทัพยากรอาวุธต่างๆจะดีกว่า
แต่สาเหตุที่พม่าเผาอยุธยา เพราะกลัวว่า หากอยุธยาแข็งเมืองอีก เดี๋ยวพม่าจะวุ่นวายอีก รวมทั้ง พม่าตีอยุธยาอย่างยากลำบากมาก(ไม่เหมือนที่เราเรียนมา) เลยทำลายทิ้งไปเลยเป็นการปลอดภัยกว่า
ส่วนที่เราเผาเวียงจันทร์ สมัยรัชกาลที่3 เพราะ รัชกาลที่3 ท่านทรงกริ้วมาก จึงสั่งให้ล้างเมือง ด้วยเหตุว่า เจ้าอนุวงศ์นั้น เป็นข้าเก่าแก่ และตอนที่จะแต่งตั้งเจ้าอนุวงศ์ให้ไปครองเวียงจันทร์นั้น ทางขุนนางก็คัดค้านเพราะเมืองอื่นๆของลาวก็เป็นเครือญาติของเจ้าอนุวงษ์ หากเจ้าอนุวงษ์ได้ปกครองเวียงจันทร์กลัวจะคิดการใหญ่ แต่รัชกาลที่3 ท่าน ก็ยังทรงแต่งตั้งเจ้าอนุวงษ์ให้ไปปกครองเวียงจันทร์ เพราะเชื่อใจเจ้าอนุวงษ์มาก
พอเจ้าอนุวงษ์ไปปกครองเวียงจันทร์ จึงคิดการใหญ่ แอบติดต่อ อังกฤษ และเวียถนาม นัดแนะให้เข้ามาตีกรุงเทพ โดยตัวเองนั้นยกทัพมา และอาศัยที่ตัวเองรับราชการมานาน เลยออกอุบายว่าจะมาช่วยกรุงเทพรบกับอังกฤษ ก็เลยเดินทัพมาสะดวกมั่นคง จนมาถึงสระบุรี แต่ดวงชะตาของกรุงเทพยังไม่ถึง เพราะ อังกฤษกับเวียถนาม ไม่ส่งกองทัพมาตามที่เจ้าอนุวงษ์นัดไว้ เจ้าอนุวงษ์เห็นว่าตัวเองมาทัพเดียวจะเสียการ เลยต้องรีบยกทัพกลับอย่างเร่งรีบ
พอรัชกาลที่3 ทราบเรื่อง จึงให้กองทัพไปตีเวียงจันทร์ โดยสั่งให้ล้างเมืองเลยทีเดียว เพราะเหมือนว่า ท่านอุตสาห์ไม่ฟังคำทัดทานของเหล่าขุนนาง แต่เจ้าอนุวงษ์ กลับคิดร้ายต่อท่านขนาดนี้ ท่านจึงไม่ปราณีให้อีก
คนลาวคิดยังไง ก็คิดเหมือน คนไทยที่คิดกับพม่านั่นแหละ
ทำไมเราไม่ไปเผากรุงหงสาวดีบ้าง เพราะกรุงหงสาวดีโดนเผาไปก่อนแล้ว ก่อนที่พระนเรศวรจะยกทัพไปถึง
และสมัยก่อนนั้น ตามปรกติแล้ว การยึดเมืองมักจะไม่เผาทำลายเมือง เพราะปัจจัยหลักในสมัยก่อน ต้องการทั้งกำลังคนและทรัพยากร ด้วยเหตุนี้แม้จะยึดเมืองได้ แต่ก็เก็บไว้สำหรับ หากำลังคนรวมถึงทัพยากรอาวุธต่างๆจะดีกว่า
แต่สาเหตุที่พม่าเผาอยุธยา เพราะกลัวว่า หากอยุธยาแข็งเมืองอีก เดี๋ยวพม่าจะวุ่นวายอีก รวมทั้ง พม่าตีอยุธยาอย่างยากลำบากมาก(ไม่เหมือนที่เราเรียนมา) เลยทำลายทิ้งไปเลยเป็นการปลอดภัยกว่า
ส่วนที่เราเผาเวียงจันทร์ สมัยรัชกาลที่3 เพราะ รัชกาลที่3 ท่านทรงกริ้วมาก จึงสั่งให้ล้างเมือง ด้วยเหตุว่า เจ้าอนุวงศ์นั้น เป็นข้าเก่าแก่ และตอนที่จะแต่งตั้งเจ้าอนุวงศ์ให้ไปครองเวียงจันทร์นั้น ทางขุนนางก็คัดค้านเพราะเมืองอื่นๆของลาวก็เป็นเครือญาติของเจ้าอนุวงษ์ หากเจ้าอนุวงษ์ได้ปกครองเวียงจันทร์กลัวจะคิดการใหญ่ แต่รัชกาลที่3 ท่าน ก็ยังทรงแต่งตั้งเจ้าอนุวงษ์ให้ไปปกครองเวียงจันทร์ เพราะเชื่อใจเจ้าอนุวงษ์มาก
พอเจ้าอนุวงษ์ไปปกครองเวียงจันทร์ จึงคิดการใหญ่ แอบติดต่อ อังกฤษ และเวียถนาม นัดแนะให้เข้ามาตีกรุงเทพ โดยตัวเองนั้นยกทัพมา และอาศัยที่ตัวเองรับราชการมานาน เลยออกอุบายว่าจะมาช่วยกรุงเทพรบกับอังกฤษ ก็เลยเดินทัพมาสะดวกมั่นคง จนมาถึงสระบุรี แต่ดวงชะตาของกรุงเทพยังไม่ถึง เพราะ อังกฤษกับเวียถนาม ไม่ส่งกองทัพมาตามที่เจ้าอนุวงษ์นัดไว้ เจ้าอนุวงษ์เห็นว่าตัวเองมาทัพเดียวจะเสียการ เลยต้องรีบยกทัพกลับอย่างเร่งรีบ
พอรัชกาลที่3 ทราบเรื่อง จึงให้กองทัพไปตีเวียงจันทร์ โดยสั่งให้ล้างเมืองเลยทีเดียว เพราะเหมือนว่า ท่านอุตสาห์ไม่ฟังคำทัดทานของเหล่าขุนนาง แต่เจ้าอนุวงษ์ กลับคิดร้ายต่อท่านขนาดนี้ ท่านจึงไม่ปราณีให้อีก
แสดงความคิดเห็น
เวียงจันทน์โดนสยามเผา 2 ครั้ง คนไทยคิดอย่างไร
ตอนเรารุ่งเรืองสุดๆ...ทำไมเราไม่ไปเผากรุงหงสาวดีหรือเมืองหลวงพม่าบ้าง
แล้วคนลาวเวีรยงจันทน์จะคิดเหมือนเราที่โดนพม่าเผาไหมครับ?
ยอมรับว่าอ่านประวัติศาสตร์แล้วสงสารคนลาว