สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
เฮ้อ สะเทือนใจเต็มๆ
ธรรมชาติจุดเปลี่ยนของผู้หญิงความรักแบบฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้งๆ ไปวันๆจะสู้ความต้องการความมั่นคงในชีวิตไม่ได้เมื่อถึงอายุจุดหนึ่ง อันนี้จากประสบการณ์ตรงเลยก็ว่าได้ครับ
ผมเป็นคนต่างจังหวัด เข้ามากรุงเทพฯแต่ตัว เข้ามาเรียนหนังสือ เรียนจบทำงานก็มีแฟนที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยแล้วเลิกกันเพราะเหตุผลเรื่องความมั่นคงที่ให้เธอไม่ได้นี่แหละครับ ไม่ได้ผิดที่เธอ หรือ ผิดที่ผมหรอกครับ แต่มันเหมือนเห็นทางตันในชีวิต เราสองคนไม่ได้ทำอะไรผิดต่อกัน แต่คงเพราะเรารักกันไม่มากพอและจิตใจไม่เด็ดเดี่ยวพอ เพราะผู้หญิงพออายุซัก 27-28 จะเริ่มมองหาความมั่นคงในชีวิต พ่อ แม่ พี่ น้อง เขาก็จะเริ่มกดดันเขาด้วย เขาก็จะมาคาดหวังกับแฟนถึง บ้าน รถ เงินเก็บ หลักประกัน แล้วผมในตอนนั้นก็เงินเดือนค่สองหมื่นกว่าบาท ไม่กินหล้า ไม่เที่ยวเตร่ ไม่ฟุ่มเฟือย มีเงินเก็บ แต่ก็ไม่มากพอที่จะเนรมิตร ทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นไปได้ในเวลาอันสั้นนั้น เพราะไม่มีใคร Support เลยมาแต่ตัวจริงๆทุกสิ่งอย่างต้องสร้างเอาเองหมด สุดท้ายก็ต้องปล่อยเธอไปแบบอึนๆ มึนๆ โดยทำอะไรไม่ได้มาก
ทุกวันนี้ผ่านไป 7 ปี ผมมีทุกอย่างแบบก้าวกระโดด บ้าน รถ และ ธุรกิจ แต่ก็สายเกินกว่าจะย้อนเวลากลับไปได้ เพราะเธอก็มีคนรักใหม่แล้ว ต่างฝ่ายต่างได้แต่แสดงความยินดีแก่กันตามประสาเพื่อน ในใจเคยอยากคิดถามเธอหลายครั้งว่าถ้าเธอรู้อนาคตว่าสุดท้ายแล้วผมจะสร้างความมั่นคงอย่างในวันนี้ได้ วันนั้นเธอจะอยู่กับผมไหม แต่ก็ตอบแทนเธอได้ทันทีเช่นกันว่า แล้วใครมันจะไปรู้อนาคต และในเมื่อเรื่องมันผ่านไปแล้วก็คงต้องปล่อยให้มันผ่านไป
ความรัก กับความมั่นคง สำหรับคนที่มีพร้อมทั้งสองอย่างคงเป็นเรื่องที่โชคดี แต่สำหรับคนที่เลือกได้อย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว แทบเลือกไม่ถูกว่าอย่างไหนสำคัญกว่ากัน บ้านที่ซื้อไว้กำหนดตกแต่งเสร็จสิ้นเดือนนี้ แต่ไม่มีอารมณ์อยากย้ายเข้าไปอยู่เลยครับ อยู่คอนโดคนเดียวจนชิน ซื้อบ้านแล้วอยู่คนเดียวคงเหงาพิลึก ถึงไม่ได้ร่ำรวยอะไรแต่ในขณะที่ ธุรกิจมั่นคงแล้ว ฐานะมั่นคงแล้ว แต่ไม่มีคนรักแล้วมันก็รู้สึกโดดเดี่ยวพิกลครับ
ถ้าให้แลกกับต้องกัดกอ้นเกลือกินแล้วมีคนรักดีๆซักคน อยากลองอย่างหลังมากกว่าครับ น่าจะมีรสชาติของชีวิตมากกว่าชีวิตจืดๆอย่างที่เป็นอยู่
สุดท้ายจะ เลือกทางไหนก็ขอให้โชคดีละกันครับ แค่อยากให้มองในมุมของผู้ชายบ้างว่า ไม่มีใครอยากให้แฟนมาลำบากด้วยหรอกครับ แค่ชีวิตมันไม่ได้เป็นอย่างที่เราต้องการเสมอไป
ธรรมชาติจุดเปลี่ยนของผู้หญิงความรักแบบฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้งๆ ไปวันๆจะสู้ความต้องการความมั่นคงในชีวิตไม่ได้เมื่อถึงอายุจุดหนึ่ง อันนี้จากประสบการณ์ตรงเลยก็ว่าได้ครับ
ผมเป็นคนต่างจังหวัด เข้ามากรุงเทพฯแต่ตัว เข้ามาเรียนหนังสือ เรียนจบทำงานก็มีแฟนที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยแล้วเลิกกันเพราะเหตุผลเรื่องความมั่นคงที่ให้เธอไม่ได้นี่แหละครับ ไม่ได้ผิดที่เธอ หรือ ผิดที่ผมหรอกครับ แต่มันเหมือนเห็นทางตันในชีวิต เราสองคนไม่ได้ทำอะไรผิดต่อกัน แต่คงเพราะเรารักกันไม่มากพอและจิตใจไม่เด็ดเดี่ยวพอ เพราะผู้หญิงพออายุซัก 27-28 จะเริ่มมองหาความมั่นคงในชีวิต พ่อ แม่ พี่ น้อง เขาก็จะเริ่มกดดันเขาด้วย เขาก็จะมาคาดหวังกับแฟนถึง บ้าน รถ เงินเก็บ หลักประกัน แล้วผมในตอนนั้นก็เงินเดือนค่สองหมื่นกว่าบาท ไม่กินหล้า ไม่เที่ยวเตร่ ไม่ฟุ่มเฟือย มีเงินเก็บ แต่ก็ไม่มากพอที่จะเนรมิตร ทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นไปได้ในเวลาอันสั้นนั้น เพราะไม่มีใคร Support เลยมาแต่ตัวจริงๆทุกสิ่งอย่างต้องสร้างเอาเองหมด สุดท้ายก็ต้องปล่อยเธอไปแบบอึนๆ มึนๆ โดยทำอะไรไม่ได้มาก
ทุกวันนี้ผ่านไป 7 ปี ผมมีทุกอย่างแบบก้าวกระโดด บ้าน รถ และ ธุรกิจ แต่ก็สายเกินกว่าจะย้อนเวลากลับไปได้ เพราะเธอก็มีคนรักใหม่แล้ว ต่างฝ่ายต่างได้แต่แสดงความยินดีแก่กันตามประสาเพื่อน ในใจเคยอยากคิดถามเธอหลายครั้งว่าถ้าเธอรู้อนาคตว่าสุดท้ายแล้วผมจะสร้างความมั่นคงอย่างในวันนี้ได้ วันนั้นเธอจะอยู่กับผมไหม แต่ก็ตอบแทนเธอได้ทันทีเช่นกันว่า แล้วใครมันจะไปรู้อนาคต และในเมื่อเรื่องมันผ่านไปแล้วก็คงต้องปล่อยให้มันผ่านไป
ความรัก กับความมั่นคง สำหรับคนที่มีพร้อมทั้งสองอย่างคงเป็นเรื่องที่โชคดี แต่สำหรับคนที่เลือกได้อย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว แทบเลือกไม่ถูกว่าอย่างไหนสำคัญกว่ากัน บ้านที่ซื้อไว้กำหนดตกแต่งเสร็จสิ้นเดือนนี้ แต่ไม่มีอารมณ์อยากย้ายเข้าไปอยู่เลยครับ อยู่คอนโดคนเดียวจนชิน ซื้อบ้านแล้วอยู่คนเดียวคงเหงาพิลึก ถึงไม่ได้ร่ำรวยอะไรแต่ในขณะที่ ธุรกิจมั่นคงแล้ว ฐานะมั่นคงแล้ว แต่ไม่มีคนรักแล้วมันก็รู้สึกโดดเดี่ยวพิกลครับ
ถ้าให้แลกกับต้องกัดกอ้นเกลือกินแล้วมีคนรักดีๆซักคน อยากลองอย่างหลังมากกว่าครับ น่าจะมีรสชาติของชีวิตมากกว่าชีวิตจืดๆอย่างที่เป็นอยู่
สุดท้ายจะ เลือกทางไหนก็ขอให้โชคดีละกันครับ แค่อยากให้มองในมุมของผู้ชายบ้างว่า ไม่มีใครอยากให้แฟนมาลำบากด้วยหรอกครับ แค่ชีวิตมันไม่ได้เป็นอย่างที่เราต้องการเสมอไป
แสดงความคิดเห็น
รักแฟนมาก แต่เหมือนไม่มีอนาคตด้วยกัน
เรากับแฟนคบกันมา5ปีแล้วค่ะ แฟนนิสัยดีมากค่ะ ไม่เจ้าชู้ ไม่กินเหล้า ไม่พนัน มีเงินเก็บอย่างเดียวให้พ่อแม่ ฝากธนาคาร มีเงินเก็บพอสมควร ลงทุนในกองทุนรวม แต่เงินเดือนน้อยหมื่นกว่าๆ
เราอยากแต่งงาน เราอยากมีลูก ความเห็นเราตรงกันคือเก็บเงินให้พออีกซัก2-3ปี แต่งแล้วซื้อคอนโด
แต่ปัญหาคือพ่อแม่และน้องเค้าก็อยากมีบ้าน (ตอนนี้เค้าอยู่ที่อพาร์เม้นท์กันค่ะ)ตัวแฟนและเราก็รู้สึกถ้ามีบ้านก็อยากให้พ่อแม่และน้องมาอยู่ด้วยกัน
แต่ถ้าอยู่กันหมด คงต้องซื้อคอนโดอย่างน้อย2ห้องนอน เราก็กลัวจะผ่อนไม่ไหว แม้เราจะมีเงินพอสมควร กลัวว่าถ้าอยู่แออัดเกินไป ไหนจะถ้าเราจะมีลูกอีก จะมีปัญหาครอบครัว คือเราพร้อมปรับตัวนะคะ แต่กลัวทำได้ไม่ดีพอ เราโดนเลี้ยงมาคนละแบบ ชีวิตคู่คงสั้น
แต่ถ้าไม่เอาพ่อแม่และน้องมาอยู่ เรากลัวแม่แฟนจะว่าแฟนว่ามีบ้านแล้วหนีมาสบายคนเดียว
จะให้มาอยู่บ้านเราก็ไม่ได้ เพราะบ้านเราอยู่ต่างจังหวัด เค้าก็ไปอยู่กับเราไม่ได้เพราะต้องการดูแลพ่อแม่ เราก็ไม่ได้อยากให้เค้าทิ้งนะ
อีกอย่างเรากลัวดูแลเค้าไม่ดีพอแล้วเค้าจะกลับไปอยุ่อพาร์เมนต์กับพ่อแม่ เพราะเราทำธุรกิจส่วนตัว ทุกวันนี้ก้อไปๆมาๆ อนาคตก็คงไม่ต่างกัน
คือแฟนเราแม่เค้าจะทำให้ทุกอย่างเลยแม้กระทั่งซักเกงใน ที่เค้ามีเงินเก็บเยอะเพราะครอบครัวออกเงินค่ากินให้หมด
เราอยากให้แฟนมีเงินเยอะขึ้นจะได้แต่งเร็วอีกหน่อย แต่แฟนไม่อยากย้ายที่ทำงาน เพราะรู้สึกยังไม่มีความสามารถมากพอ
เราเลยบอกให้หาความรู้เพิ่ม เช่นเข้าอบรมไรที่ได้ใบประกาศ จะได้อัพเงินเดือนได้ แฟนเสียดายเงินอ่ะค่ะ
เราเหนื่อยนะ บางทีก็อยากเลิก แต่อย่างอื่นๆเค้าก้อดูแลเราดีนะ นิสัยดี ดีกับครอบครัวเรา ครอบครัวเค้าก้อดูรักเรานะ
เค้าไม่เคยยืมเงินเรา แต่ถ้าอะไรที่ต้องใช้เงิน แบบ กินเที่ยวไรงี้ เรามักจะออก หรือหาร มีน้อยครั้งที่เค้าจะเลี้ยง บางทีเรารู้สึกเอ๋ เราอยากให้เค้าเลี้ยงเหรอ เห็นแก่ตัวจัง เลยแชร์ๆกัน
เรารักแฟนเรานะ แต่รุ้สึกเหมือนไม่มีอนาคต ที่จะอยู่ด้วยกันแบบเรามีความสุขได้เลย ทำไงดี
มีใครแนะนำทางออกได้บ้างไหมคะ เครียดจริงจัง ไม่อยากเลิกนะ แต่อยากมีอนาคตที่ดี ทางที่จะอยู่ด้วยกันมันไม่มี คุยกันเรื่องนี้จะแบบทะเลาะกันอ่ะ สุดท้ายก็ไม่รุ้จะทำไง