สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านครับ รีวิวฉบับนี้ผมขอกล่าวถึงทริปการไปเที่ยวเมืองวังเวียง-หลวงพระบางของผมและเพื่อนๆที่ผ่านมา
เนื่องจากผมเล็งเห็นว่าเดือนธันวาคมนี้เป็นเดือนที่มีช่วงวันหยุดค่อนข้างมาก มากจนถึงช่วงปีใหม่และหลังปีใหม่กันเลยทีเดียว
ผมซึ่งเป็นบุคคลที่ชอบในการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ
เลยจะลองนำเสนอทริปต่างประเทศเล็กๆที่ใครๆก็สามารถไปได้ “ จากวังเวียงถึงหลวงพระบาง ”
กล้องที่พกติดไปด้วย Olympus OM-D EM5 กับเลนส์ kit 12-50 ครับ
แอดเข้าไปพูดคุยกันที่เฟสบุ๊คได้นะครับ
https://www.facebook.com/iPremeRi
สองเมืองนี้เป็นเมืองทางวัฒนธรรมของประเทศลาวนะครับซึ่งบอกได้เลยว่า ระดับโลกจริงๆ
ทริปนี้เหมาะสำหรับใคร ?
จริงๆต้องบอกเลยว่า เหมาะสำหรับทุกคน แต่จะขอแจกแจงรายละเอียดออกให้ฟังกันนิดนึงนะคับ
- เหมาะสำหรับคนที่รักธรรมชาติ เมืองสองเมืองนี้ต้องบอกเลยว่าคนที่รักธรรมชาติไม่ผิดหวัง
- เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบวัฒนธรรม วิถีชีวิต การดำรงชีวิตริมฝั่งโขงและแม่น้ำ
- เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวแบบ Backpack
- เหมาะสำหรับ Adventure
- บลาๆๆๆ มันเยอะเหลือเกิน
แล้ว...มันไม่เหมาะอะไรตรงไหนบ้าง ?
อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวผมนะครับ เมืองลาวเนี่ยเค้าอาจจะยังไม่มีการคมนาคมที่สะดวก ถนนหนทางที่ผมไปนั้นยังเป็นถนนเส้นเล็กๆที่ตัดผ่านเทือกเขาอันซับซ้อน การเดินทางอาจจะลำบากสำหรับบางท่าน อาหารการกินอาจจะไม่ค่อยคุ้นเท่าไหร่
ขอให้คะแนนเป็นข้อๆไว้เลยดีกว่า
ธรรมชาติ 9/10
วัฒนธรรม,วิถีชีวิต 9/10
คมนาคม,การเดินทาง 5/10
อาหารการกิน 6/10
ที่พัก 6/10
บริการ 6/10
ความปลอดภัย 8/10
ผมไม่ได้เก็บรายละเอียดจากการท่องเที่ยวมาทั้งหมด สามารถบอกคร่าวๆได้เพียงบางอย่างเท่านั้น ส่วนใหญ่ก็เน้นไปเที่ยวไปเล่นน้ำตก ปั่นจักรรยาน เข้าถ้ำ ล่องแพ ลอยห่วงยาง กินอะไรที่เมืองไทยไม่มี ทำอะไรทิ่อยากทำ ถือว่าเป็นทริปที่ปลดปล่อยมากๆอีกทริปนึงเลย
Day1 เดินทางอุดร-วังเวียง
Day2 ชิวๆในวังเวียง – ถ้ำจัง – ล่องห่วงยางแม่น้ำซอง-เที่ยวตลาดวังเวียง
Day3 หลวงพระบาง-วัดเชียงทอง-ไนท์บาซา
Day4 จิปกาแฟ-เที่ยวน้ำตก-ชมพระอาทิตย์ตกดิน
Day5 ตักบาตรข้าวเหนี่ยว-ปั่นจักรยานรอบเมือง-ขี้ช้างเที่ยวน้ำตก
Day1 เดินทาง อุดร-วังเวียง
ขณะที่นั่งจิบกาแฟกันอยู่ ผมกับเพื่อนได้พูดถึงการไปเที่ยวเลยมีไอเดียขึ้นมาว่าอยากลองไปหลวงพระบางกันซักครั้ง
เพราะผมเคยไปเพียงวังเวียง เพื่อนผมก็เลยตกลงไป แต่ว่า...มีกันสองคนจะสนุกมั้ย
แล้วเรามีเวลาเตรียมตัวกันเพียง 2 วันก่อนถึงวันเดินทาง เราเลยลองหาคนเพิ่ม สรุปทริปนี้ไปกัน3ชีวิตครับ
วันแรกเราเดินทางออกจากจังหวัดหนองคายโดยรถสาย อุดร-วังเวียง ซึ่งจะเริ่มรับคนจากจังหวัดอุดรก่อนในเวลา8โมงเช้า
แล้วมาถึงหนองคายในเวลา10โมง
สิ่งที่ต้องใช้ในการเดินทางข้ามประเทศคือ พาสปอร์ตและเงินครับ
พวกผมแลกเงินกันไว้คนละราวๆ 7,000 บาท ตีเป็นเงินลาวก็ เกือบๆ 2 ล้านกีบครับ
หากระเป๋าใบเล็กๆไปใส่ก็พอครับ ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องแบกเป้ใส่เงิน
ตัดภาพมาที่วังเวียงเลยแล้วกัน
รถโดยสารจะจอดที่ บขส ของวังเวียงครับ แล้วจะมีรถรับส่ง เข้ามารับเราอีกทีไปจอดในตัวเมืองวังเวียง
จากนั้นเราก็เดินหารถมอเตอร์ไซค์ เช่าแล้วขับหาที่พักกันเลย
ที่พักเราต้องข้ามสะพานแม่น้ำซองไปอีกฝั่งครับ ตามภาพ บรรยากาศใช้ได้เลย
นี่คือที่พักคืนแรกของพวกเราครับ เราเลือกสถานที่ที่ใกล้กับแม่น้ำซอง และไกลจากแหล่งชุมชนครับ อยากนอนเงียบๆสงบๆ กระต็อบหลังนี้นอนกันได้ 3-4 คนนะครับ
ชาวต่างชาติเค้าจะสนใจในวัวเป็นพิเศษ เห็นหลายๆกลุ่นเดินมาถ่ายรูปกับวัว
พอเก็บของอาบน้ำเสร็จเราก็ออกมาจากที่พักเก็บเกี่ยวบรรยากาศและวิถีชีวิตของชาวเมืองวังเวียงและผู้ที่มาเยือน
กิจกรรมที่ได้รับความนิยมในวังเวียง เช่น ลอยห่วงยาง พายเรือคานักแม่น้ำซอง นั่งบอลลูนชมเมือง
ปั่นจักรยาน เล่นน้ำถ้ำจัง แต่วว่าวันนี้เราวางแผนที่จะพักผ่อนกันตามอัธยาศัยก็พอแล้ว เดินทางกันมาเหนื่อย
เลยพากันเดินเล่นแถวๆริมแม่น้ำซองเนี่ยแหละ
Day2 ชิวๆในวังเวียง – ถ้ำจัง – ล่องห่วงยางแม่น้ำซอง-เที่ยวตลาดวังเวียง
ตื่นเช้าวันที่2 เราขี่มอไซกันออกไปเที่ยวถ้ำจังกันครับ ภาพในถ้ำไม่ได้ถ่ายมานะครับ ถ่ายภาพมาน้อยมาก
ระหว่างทางก็เจอกับสาวเวียดนาม เป็นไกด์พาฝรั่งมาเที่ยวลาว เค้าขอให้ถ่ายรูปให้ ผมเลยแอบใช้กล้องตัวเองถ่ายภาพเค้าเก็บมาด้วยซะเลย
เด็กๆระหว่างทาง น่ารักเชียว ถ่ายภาพเสร็จก็แบมือขอตังค์เรา ฮ่าๆๆ
ช่วงเย็นๆก็เหมือนเดิมครับ พักผ่อนเตรียมตัวเดินทางไปหลวงพระบางในวันรุ่งขึ้น
Day3 หลวงพระบาง-วัดเชียงทอง-ไนท์บาซา
ผมทำจุดที่ผมไปเที่ยวเล็กไว้ มันไม้ได้ละเอียดอะไรเลย ฮ่าๆๆ
วันนี้เดินทางออกจากวังเวียงในตอนเช้าครับ กะว่าช่วงบ่ายๆก็ถึงหลวงพระบาง
พอถึงที่หลวงพระบางเราก็เริ่มเช่ามอไซกันอีก ราคาวันละ 400 บาทครับ ใช้พาสปอร์ตในการมัดจำ
สถานที่ๆเราแพลนไว้ว่าจะไปในวันนี้คือ วัดเชียงทองครับ ตามภาพเลย
วัดเชียงทอง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง บนถนนโพธิสารราช วัดเชียงทองเป็นวัดที่สวยงามและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต่างก็มาเพื่อเยี่ยมชมวัดแห่งนี้ ด้วยความงามทางสถาปัตยกรรมที่ไม่เหมือนใคร เพราะฉนั้นถ้าได้มาหลวงพระบาง วัดนี้ไม่ควรพลาดนะครับ
เวลาเปิด 06.00-17.30 น. ค่าเข้าชมคนละ 20,000 กีบ
คู่บ่าวสาวคู่นี้มาถ่ายพรีเวดดิ้งในวัดนี้ครับ แอบถ่ายภาพเค้ามาต้องขออภัยด้วย
พอวัดเริ่มเปิดไฟ ก็สวยงามไม่แพ้กันนะครับ แต่มีเวลาอยู่ได้ไม่นานเค้าก็จะให้ออกจากบริเวณวัดแล้ว
จากนั้นเราก็เดินเล่นที่ไนบาซา หาของกินและของฝากพื้นเมือง เป็นอันสิ้นสุดวันนี้ พักผ่อนเอาแรงกันก่อน
Day4 จิปกาแฟ-เที่ยวน้ำตก-ชมพระอาทิตย์ตกดิน
เริ่มต้นวันใหม่กันเช้าตรู่ที่ร้าน ประชานิยม ร้านนี้ขายกาแฟอาหารเช้าครับ จริงๆร้านอื่นก็เยอะนะฮ่าๆ
วันนี้เราแพลนกันว่าจะไปเที่ยวน้ำตกกวางสี หรือตาดกวางสี ถือว่าเป็นไฮไลนท์ของหลวงพระบางอีกที่หนึ่งที่ไม่ควรพลาดครับ ทางเดินเข้าน้ำตกกวางสี มีหลายจุดให้ถ่ายภาพ หลายจุดให้เล่นน้ำตก
ระหว่างทางก็มีฝรั่งมาเล่นท่ายาก เลยถ่ายเก็บไว้ครับ น่ารักดี
เดินไม่ถึงไหนก็หยุด เดินไปนิดหน่อยก็หยุดถ่ายภาพ ...
น้ำตกกวางสี เป็นน้ำตกที่ไหลผ่านหินปูนครับ น้ำเลยมีสีฟ้าอย่างที่เห็น ระหว่างทางเดินไปน้ำตกมีลำธารไหลมาตามทาง ผมกับเพื่อนๆก็แวะถ่ายภาพกันเพลิน ยังไม่ถึงตัวน้ำตกจริงๆซักที
ถึงแล้วครับน้ำตกกวางสี สูง70เมตร ตอนไปถึงเหมือนฝนจะตกแล้วแดดก็ออก เลยได้ภาพมานิดหน่อยคับ แต่น้ำตกสวยมากกกกก
คุ้มค่ามากที่แว๊ซ์ตากแดดมาหน้าเปื้อนฝุ่น
น้ำตกกวางสีตอนที่ต้องกับแสงแดดครับ ดูความใหญ่ของมันเทียบกับฝรั่งที่เดินอยู่ตรงข้างหน้า
รูปนี้ถ่ายตอนแสงหาย ได้น้ำฟุ้งๆมาครับ
กลับจากน้ำตกเรารีบแว๊นซ์ กลัวไม่ทันขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตกดินที่จุดชมพระอาทิตย์ตกดินยอดเขาพูสี
ด้านบนนั้นมีพระธาตุจอมสีให้สะการะบูชากัน บรรยากาศเต็มไปด้วย...ชาวต่างชาติ
ภาพบ้านเรือนริมฝั่งโขง ถ่ายจากจุดชมวิวด้านบนครับเก็บแสงสุดท้าย มัวๆนิดหน่อย
Day5 ตักบาตรข้าวเหนี่ยว-ปั่นจักรยานรอบเมือง-ขี้ช้างเที่ยวน้ำตก
วันนี้เที่ยวเบาๆก่อนกลับเมืองไทย ตื่นเช้ามาตักบาตรข้าวเหนียวครับ พระที่นี่บิณบาตรตรงเวลามาก ชาวบ้านบอกว่าถ้ามาไม่ทันก็หมดสิทธิ์
เสร็จแล้วก็ขี่รถชมเมืองกันซักหน่อยครับ
หลังจากตักบาตรข้าวเหนียว ขี่รถเล่น กินข้าว เรายังมีเวลาอีกเยอะครับ จับมอไซแล้วออกแว๊นซ์ไปยังน้ำตกตาดแซ่
น้ำตกตาดแซ่ห่างจากเมืองหลวงพระบางออกไปประมาณ 15 กิโลเมตรครับ เราไปเล่นน้ำกันที่นั่น
ไปดูฝรั่งขี่ช้าง แล้วก็ทานข้าวพักผ่อนตามอัธยาศัยก่อนที่จะเดินทางกลับไทย
ลากันด้วยภาพบรรยากาศบริเวณน้ำตกนะคับ
นี่เป็นเพียงการรีวิวเล็กๆ ผมต้องขออภัยไม่ได้ลงรายละเอียดไว้มาก ขอบคุณมากครับที่ติดตามอ่านจนจบนะครับ
รีวิวนี้อาจจะไม่ละเอียดต้องขออภัยไว้ด้วยนะครับ
ขาดตกบกพร่องในส่วนไหน ผมขอแก้ไขในรีวิวครั้งต่อไปนะครับ
:: จากวังเวียง ถึง หลวงพระบาง :: Backpacker
เนื่องจากผมเล็งเห็นว่าเดือนธันวาคมนี้เป็นเดือนที่มีช่วงวันหยุดค่อนข้างมาก มากจนถึงช่วงปีใหม่และหลังปีใหม่กันเลยทีเดียว
ผมซึ่งเป็นบุคคลที่ชอบในการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ
เลยจะลองนำเสนอทริปต่างประเทศเล็กๆที่ใครๆก็สามารถไปได้ “ จากวังเวียงถึงหลวงพระบาง ”
กล้องที่พกติดไปด้วย Olympus OM-D EM5 กับเลนส์ kit 12-50 ครับ
แอดเข้าไปพูดคุยกันที่เฟสบุ๊คได้นะครับ https://www.facebook.com/iPremeRi
สองเมืองนี้เป็นเมืองทางวัฒนธรรมของประเทศลาวนะครับซึ่งบอกได้เลยว่า ระดับโลกจริงๆ
ทริปนี้เหมาะสำหรับใคร ?
จริงๆต้องบอกเลยว่า เหมาะสำหรับทุกคน แต่จะขอแจกแจงรายละเอียดออกให้ฟังกันนิดนึงนะคับ
- เหมาะสำหรับคนที่รักธรรมชาติ เมืองสองเมืองนี้ต้องบอกเลยว่าคนที่รักธรรมชาติไม่ผิดหวัง
- เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบวัฒนธรรม วิถีชีวิต การดำรงชีวิตริมฝั่งโขงและแม่น้ำ
- เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวแบบ Backpack
- เหมาะสำหรับ Adventure
- บลาๆๆๆ มันเยอะเหลือเกิน
แล้ว...มันไม่เหมาะอะไรตรงไหนบ้าง ?
อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวผมนะครับ เมืองลาวเนี่ยเค้าอาจจะยังไม่มีการคมนาคมที่สะดวก ถนนหนทางที่ผมไปนั้นยังเป็นถนนเส้นเล็กๆที่ตัดผ่านเทือกเขาอันซับซ้อน การเดินทางอาจจะลำบากสำหรับบางท่าน อาหารการกินอาจจะไม่ค่อยคุ้นเท่าไหร่
ขอให้คะแนนเป็นข้อๆไว้เลยดีกว่า
ธรรมชาติ 9/10
วัฒนธรรม,วิถีชีวิต 9/10
คมนาคม,การเดินทาง 5/10
อาหารการกิน 6/10
ที่พัก 6/10
บริการ 6/10
ความปลอดภัย 8/10
ผมไม่ได้เก็บรายละเอียดจากการท่องเที่ยวมาทั้งหมด สามารถบอกคร่าวๆได้เพียงบางอย่างเท่านั้น ส่วนใหญ่ก็เน้นไปเที่ยวไปเล่นน้ำตก ปั่นจักรรยาน เข้าถ้ำ ล่องแพ ลอยห่วงยาง กินอะไรที่เมืองไทยไม่มี ทำอะไรทิ่อยากทำ ถือว่าเป็นทริปที่ปลดปล่อยมากๆอีกทริปนึงเลย
Day1 เดินทางอุดร-วังเวียง
Day2 ชิวๆในวังเวียง – ถ้ำจัง – ล่องห่วงยางแม่น้ำซอง-เที่ยวตลาดวังเวียง
Day3 หลวงพระบาง-วัดเชียงทอง-ไนท์บาซา
Day4 จิปกาแฟ-เที่ยวน้ำตก-ชมพระอาทิตย์ตกดิน
Day5 ตักบาตรข้าวเหนี่ยว-ปั่นจักรยานรอบเมือง-ขี้ช้างเที่ยวน้ำตก
Day1 เดินทาง อุดร-วังเวียง
ขณะที่นั่งจิบกาแฟกันอยู่ ผมกับเพื่อนได้พูดถึงการไปเที่ยวเลยมีไอเดียขึ้นมาว่าอยากลองไปหลวงพระบางกันซักครั้ง
เพราะผมเคยไปเพียงวังเวียง เพื่อนผมก็เลยตกลงไป แต่ว่า...มีกันสองคนจะสนุกมั้ย
แล้วเรามีเวลาเตรียมตัวกันเพียง 2 วันก่อนถึงวันเดินทาง เราเลยลองหาคนเพิ่ม สรุปทริปนี้ไปกัน3ชีวิตครับ
วันแรกเราเดินทางออกจากจังหวัดหนองคายโดยรถสาย อุดร-วังเวียง ซึ่งจะเริ่มรับคนจากจังหวัดอุดรก่อนในเวลา8โมงเช้า
แล้วมาถึงหนองคายในเวลา10โมง
สิ่งที่ต้องใช้ในการเดินทางข้ามประเทศคือ พาสปอร์ตและเงินครับ
พวกผมแลกเงินกันไว้คนละราวๆ 7,000 บาท ตีเป็นเงินลาวก็ เกือบๆ 2 ล้านกีบครับ
หากระเป๋าใบเล็กๆไปใส่ก็พอครับ ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องแบกเป้ใส่เงิน
ตัดภาพมาที่วังเวียงเลยแล้วกัน
รถโดยสารจะจอดที่ บขส ของวังเวียงครับ แล้วจะมีรถรับส่ง เข้ามารับเราอีกทีไปจอดในตัวเมืองวังเวียง
จากนั้นเราก็เดินหารถมอเตอร์ไซค์ เช่าแล้วขับหาที่พักกันเลย
ที่พักเราต้องข้ามสะพานแม่น้ำซองไปอีกฝั่งครับ ตามภาพ บรรยากาศใช้ได้เลย
นี่คือที่พักคืนแรกของพวกเราครับ เราเลือกสถานที่ที่ใกล้กับแม่น้ำซอง และไกลจากแหล่งชุมชนครับ อยากนอนเงียบๆสงบๆ กระต็อบหลังนี้นอนกันได้ 3-4 คนนะครับ
ชาวต่างชาติเค้าจะสนใจในวัวเป็นพิเศษ เห็นหลายๆกลุ่นเดินมาถ่ายรูปกับวัว
พอเก็บของอาบน้ำเสร็จเราก็ออกมาจากที่พักเก็บเกี่ยวบรรยากาศและวิถีชีวิตของชาวเมืองวังเวียงและผู้ที่มาเยือน
กิจกรรมที่ได้รับความนิยมในวังเวียง เช่น ลอยห่วงยาง พายเรือคานักแม่น้ำซอง นั่งบอลลูนชมเมือง
ปั่นจักรยาน เล่นน้ำถ้ำจัง แต่วว่าวันนี้เราวางแผนที่จะพักผ่อนกันตามอัธยาศัยก็พอแล้ว เดินทางกันมาเหนื่อย
เลยพากันเดินเล่นแถวๆริมแม่น้ำซองเนี่ยแหละ
Day2 ชิวๆในวังเวียง – ถ้ำจัง – ล่องห่วงยางแม่น้ำซอง-เที่ยวตลาดวังเวียง
ตื่นเช้าวันที่2 เราขี่มอไซกันออกไปเที่ยวถ้ำจังกันครับ ภาพในถ้ำไม่ได้ถ่ายมานะครับ ถ่ายภาพมาน้อยมาก
ระหว่างทางก็เจอกับสาวเวียดนาม เป็นไกด์พาฝรั่งมาเที่ยวลาว เค้าขอให้ถ่ายรูปให้ ผมเลยแอบใช้กล้องตัวเองถ่ายภาพเค้าเก็บมาด้วยซะเลย
เด็กๆระหว่างทาง น่ารักเชียว ถ่ายภาพเสร็จก็แบมือขอตังค์เรา ฮ่าๆๆ
ช่วงเย็นๆก็เหมือนเดิมครับ พักผ่อนเตรียมตัวเดินทางไปหลวงพระบางในวันรุ่งขึ้น
Day3 หลวงพระบาง-วัดเชียงทอง-ไนท์บาซา
ผมทำจุดที่ผมไปเที่ยวเล็กไว้ มันไม้ได้ละเอียดอะไรเลย ฮ่าๆๆ
วันนี้เดินทางออกจากวังเวียงในตอนเช้าครับ กะว่าช่วงบ่ายๆก็ถึงหลวงพระบาง
พอถึงที่หลวงพระบางเราก็เริ่มเช่ามอไซกันอีก ราคาวันละ 400 บาทครับ ใช้พาสปอร์ตในการมัดจำ
สถานที่ๆเราแพลนไว้ว่าจะไปในวันนี้คือ วัดเชียงทองครับ ตามภาพเลย
วัดเชียงทอง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง บนถนนโพธิสารราช วัดเชียงทองเป็นวัดที่สวยงามและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต่างก็มาเพื่อเยี่ยมชมวัดแห่งนี้ ด้วยความงามทางสถาปัตยกรรมที่ไม่เหมือนใคร เพราะฉนั้นถ้าได้มาหลวงพระบาง วัดนี้ไม่ควรพลาดนะครับ
เวลาเปิด 06.00-17.30 น. ค่าเข้าชมคนละ 20,000 กีบ
คู่บ่าวสาวคู่นี้มาถ่ายพรีเวดดิ้งในวัดนี้ครับ แอบถ่ายภาพเค้ามาต้องขออภัยด้วย
พอวัดเริ่มเปิดไฟ ก็สวยงามไม่แพ้กันนะครับ แต่มีเวลาอยู่ได้ไม่นานเค้าก็จะให้ออกจากบริเวณวัดแล้ว
จากนั้นเราก็เดินเล่นที่ไนบาซา หาของกินและของฝากพื้นเมือง เป็นอันสิ้นสุดวันนี้ พักผ่อนเอาแรงกันก่อน
Day4 จิปกาแฟ-เที่ยวน้ำตก-ชมพระอาทิตย์ตกดิน
เริ่มต้นวันใหม่กันเช้าตรู่ที่ร้าน ประชานิยม ร้านนี้ขายกาแฟอาหารเช้าครับ จริงๆร้านอื่นก็เยอะนะฮ่าๆ
วันนี้เราแพลนกันว่าจะไปเที่ยวน้ำตกกวางสี หรือตาดกวางสี ถือว่าเป็นไฮไลนท์ของหลวงพระบางอีกที่หนึ่งที่ไม่ควรพลาดครับ ทางเดินเข้าน้ำตกกวางสี มีหลายจุดให้ถ่ายภาพ หลายจุดให้เล่นน้ำตก
ระหว่างทางก็มีฝรั่งมาเล่นท่ายาก เลยถ่ายเก็บไว้ครับ น่ารักดี
เดินไม่ถึงไหนก็หยุด เดินไปนิดหน่อยก็หยุดถ่ายภาพ ...
น้ำตกกวางสี เป็นน้ำตกที่ไหลผ่านหินปูนครับ น้ำเลยมีสีฟ้าอย่างที่เห็น ระหว่างทางเดินไปน้ำตกมีลำธารไหลมาตามทาง ผมกับเพื่อนๆก็แวะถ่ายภาพกันเพลิน ยังไม่ถึงตัวน้ำตกจริงๆซักที
ถึงแล้วครับน้ำตกกวางสี สูง70เมตร ตอนไปถึงเหมือนฝนจะตกแล้วแดดก็ออก เลยได้ภาพมานิดหน่อยคับ แต่น้ำตกสวยมากกกกก
คุ้มค่ามากที่แว๊ซ์ตากแดดมาหน้าเปื้อนฝุ่น
น้ำตกกวางสีตอนที่ต้องกับแสงแดดครับ ดูความใหญ่ของมันเทียบกับฝรั่งที่เดินอยู่ตรงข้างหน้า
รูปนี้ถ่ายตอนแสงหาย ได้น้ำฟุ้งๆมาครับ
กลับจากน้ำตกเรารีบแว๊นซ์ กลัวไม่ทันขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตกดินที่จุดชมพระอาทิตย์ตกดินยอดเขาพูสี
ด้านบนนั้นมีพระธาตุจอมสีให้สะการะบูชากัน บรรยากาศเต็มไปด้วย...ชาวต่างชาติ
ภาพบ้านเรือนริมฝั่งโขง ถ่ายจากจุดชมวิวด้านบนครับเก็บแสงสุดท้าย มัวๆนิดหน่อย
Day5 ตักบาตรข้าวเหนี่ยว-ปั่นจักรยานรอบเมือง-ขี้ช้างเที่ยวน้ำตก
วันนี้เที่ยวเบาๆก่อนกลับเมืองไทย ตื่นเช้ามาตักบาตรข้าวเหนียวครับ พระที่นี่บิณบาตรตรงเวลามาก ชาวบ้านบอกว่าถ้ามาไม่ทันก็หมดสิทธิ์
เสร็จแล้วก็ขี่รถชมเมืองกันซักหน่อยครับ
หลังจากตักบาตรข้าวเหนียว ขี่รถเล่น กินข้าว เรายังมีเวลาอีกเยอะครับ จับมอไซแล้วออกแว๊นซ์ไปยังน้ำตกตาดแซ่
น้ำตกตาดแซ่ห่างจากเมืองหลวงพระบางออกไปประมาณ 15 กิโลเมตรครับ เราไปเล่นน้ำกันที่นั่น
ไปดูฝรั่งขี่ช้าง แล้วก็ทานข้าวพักผ่อนตามอัธยาศัยก่อนที่จะเดินทางกลับไทย
ลากันด้วยภาพบรรยากาศบริเวณน้ำตกนะคับ
นี่เป็นเพียงการรีวิวเล็กๆ ผมต้องขออภัยไม่ได้ลงรายละเอียดไว้มาก ขอบคุณมากครับที่ติดตามอ่านจนจบนะครับ
รีวิวนี้อาจจะไม่ละเอียดต้องขออภัยไว้ด้วยนะครับ
ขาดตกบกพร่องในส่วนไหน ผมขอแก้ไขในรีวิวครั้งต่อไปนะครับ