"ลูกผู้ชาย"

กระทู้สนทนา
หลังจากที่เงียบมานานวันนี้ขอมาเล่าเรื่องของ "ลูกผู้ชาย" หน่อยค่ะ
ก่อนอื่นต้องขอย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2544 เป็นปีที่เราพบเขาโดยบังเอิญและก้อพูดคุยกันมาตลอด เราเรียนอยู่โรงเรียนประจำอำเภอ ส่วนเขาเรียนอยู่ในตัวจังหวัด บ้านก้ออยู่คนละอำเภอ เราอายุห่างกัน 2 ปี เราเริ่มมาเจอ ดูหนังกันเป็นครั้งคราว เพราะเราจะออกจากบ้านไม่ค่อยได้พ่อไม่ให้ออก เราก้อคบหาดูใจกันมาเรื่อยๆ โดยที่เขาอยู่ทางโน้นไม่ได้คบเราแค่คนเดียว เขาเจอผู้หญิงมากหน้าหลายตา เรียกว่าคบซ้อนได้เรย แต่เราอยู่ทางนี้ก้อทำอะไรไม่ได้ ได้แค่โทรคุย นานทีจะได้ออกไปเจอกัน จนมีอยู่วันหนึ่ง เราออกไปดูหนังกับเขา แล้วหนังก้อมีรอบบ่ายกว่าจะจบก้อเย็น กลับไปถึงบ้านงานงอก ทะเลาะกับแม่เรยรุนแรงอยู่ ก้อไม่รู้จะทำยังไงตอนนั้นยังเด็กความคิดยังไม่ค่อยมี คิดแค่ว่าหนีออกจากบ้านสักพักแล้วค่อยกลับ แต่ติดอยู่ที่มันมืดแล้วตอนนั้นไม่รู้จะโทรหาใคร นึกถึงคนแรกคือคนที่ทำให้เป็นเรื่องวันนี้แระคือเขา เรยโทรหาเขาให้มารับทีไปไหนก้อได้ที่ไม่ใช่บ้าน เขาก้อเรยมารับกับเพื่อนเขาพาไปบ้าน พอใจเย็นลงแม่กับพ่อโทรมาจะมารับแต่เรายังไม่อยากคุยกับท่าน พอดีน้าเราโทรมาซึ่งเราจะสนิทกับน้าและยายมากเพราะท่านเลี้ยงเรามาตั้งแต่เล็ก บอกให้เรากลับบ้านเทอะจะมารับ เราก้อเรยยอมกลับบ้าน โดยที่ปัญหาวันนี้คือเราไปดูหนังกับผู้ชายซึ่งที่บ้านไม่ชอบแต่พอมีปัญหาเขากลับไม่ช่วยหรือพูดอะไรให้ดีขึ้นเรย นอกจากเงียบแล้วให้เราเป้นฝ่ายแก้ตัวให้ทุกอย่าง
      หลังจากวันนั้นมาเราก้อเริ่มคิดว่าเขารักเราจิงป่ะว่ะ ก้อเรยห่างๆมา ไม่ค่อยได้โทรคุยกันเหมือนแต่ก่อน พอเราเรียนจบ ปวส. อาจารย์ก้อส่งเราไปทำงานกับบริษัทที่อาจารย์ท่านรู้จักที่กรุงเทพฯ เพราะเราได้เกรดสูงที่สุดให้ห้อง เราต้องมาทำงานกรุงเทพฯโดยที่ใจก้อห่วงเขา เพราะเขาพออยู่กะเพื่อนฝูงจะเจ้าชู้ออกแนวยุขึ้น เราทำงานหยุดวันเสาร์ อาทิตย์ ก้อกลับไปหาเขาที่ต่างจังหวัด ทำแบบนี้ตลอดที่ทำงานอยู่ที่กรุงเทพ โดยกลับไปแต่ละครั้งเขาจะมีพิรุธตลอด แต่เราก้อไม่ได้สนใจอะไร จนบริษัทได้ไปเปิดสาขาที่ต่างจังหวัดและเป็นจังหวัดบ้านเราด้วย เราเรยขอย้ายกลับไปทำ ทำได้สักพักเราก้อเปลี่ยนงานมาทำอีกบริษัทหนึ่ง ในตัวจังหวัด ระหว่างนี้เรากับเขาคบกับแบบระหองระแหงเพราะเรารู้สึกว่าเขาน่าจะแอบคบใคร ที่ทำงานใหม่กับบ้านเราไกลกันมากเดินทางเหนื่อย บวกกับพ่อเราเห็นเราโตแล้วทำงานแล้วก้ออยากจะให้ลูกมีฝั่งมีฝากับคนที่มีหน้าที่การงานดีเช่นกัน พ่อเรารุ้จักกับตำรวจนายหนึ่งพ่อเขาถูกชะตาถึงขนาดจะให้เราแต่งงานกับตำรวจคนนั้นและแฟนเราเขาก้อเจ้าชุ้ด้วยอะไรหลายอย่างกดดันเรา เราเรยบอกแฟนเราว่าถ้าอยากจะแต่งก้อมาขอก่อนที่จะไม่มีสิทธิ์ แฟนเราทำเหมือนไม่อยากแต่ง ตีมืน อ้างว่ายังไม่พร้อม เงินก้อยังไม่มี แสดงออกสีหน้าอยากชัดเจน เราเริ่มใจแป่วเพราะเรากับเขาก้อมีอะไรกันมาแล้วมันเหมือนว่าเขาจะไม่รับผิดชอบ แต่เราระหว่างที่คบกับเขาเราก้อคบเขาแค่คนเดียว เราก้อไม่ใช่ขี้เหร่อะไรคนมาสนใจก้อเยอะ แต่เราคงหัวโบราณประมาณว่าถ้ามีก้อมีแค่คนเดียว เราเรยถามว่าไม่พร้อมเรื่องอะไร เขาบอกเรื่องเงิน เราบอกงั้นไม่เป็นไร เด่วเราหาให้ เจ๋งป่ะ .. หาเงินแต่ตัวเอง 555 ตลกเนอะ แต่นะตอนนั้นคิดอะไรไม่ออกจริงๆ ถ้าเราแต่งกับตำรวจคนนั้นป่านนี้เราคงสบายไปแล้ว แต่เราเลือกที่จะแต่งกับเขาคนที่เรารัก เราแบกหน้าไปยืมเงินพี่ที่ทำงานเพื่อมาเป็นสินสอดของตัวเอง และอีกส่วนหนึ่งยืมแม่เขา คิดดูนะ"ยืมแม่เขา" สวดยอดป่ะล่ะนี่แค่เริ่มนะ งานแต่งก้อผ่านไปเรียบร้อยทุกอย่าง
เราเป็นคนที่ไม่ค่อยอยุ่นิ่งมักมาอะไรทำที่มันได้เงินเพิ่มอยู่เสมอ ครอบครัวเรา เพื่อนเราหรือแม้แต่ครอบครัวเขารู้ดี เขาได้ทำงานที่หนึ่งซึ่งต้องมีกะในการทำงานกะเช้า กะบ่าย กะดึก แต่เราทำงานจันทร์ถึงเสาร์ หยุดวันอาทิตย์วันเดียว วันหยุดระหว่างเรากกับเขาจะไม่ตรงกันอยู่บ่อยครั้งแต่ถ้าคนเรารักกันจริง ซื่อสัตย์ต่อกัน ต่อให้ไม่เจอกันเรยยังไงก้อไม่อะไรมาทำลายช่องว่างระหว่างเราได้ เราทำงานทุกวัน พอวันหยุดก้อออกไปทำงานเสริมเป็นงานขายประกันชีวิตเงินดีจริงแต่เหนื่อยสุดๆ ทำงานมาได้เงินเยอะอยุ่ เราเคยชวนเขาไปกับเราออกไปหาลูกค้าเขามักอ้างว่าวันหยุดอยากพักผ่อนทำงานเหนื่อย เราคิดในใจเราไม่เหนื่อยกว่าหรอ ทำงานทุกวันกลับมาต้องมาทำงานบ้านทุกอย่าง วันหยุดก้อออกไปทำงานไม่มีวันหยุดกับเขาเรย เรายังไม่บ่นเรย แต่พอเงินค่าคอมขายประกันออก เขากับบอกเราว่าอย่างได้โน้น ได้นี้ ได้นั้น ไอเราก้อไม่ได้คิดอะไร ป่ะอยากได้ก้อไปซื้อ คอมพิวเตอร์ เปลี่ยนทีวีเครื่องใหม่ นาฬิกาข้อมือเรือนเป็นหมื่น เอิบ! หมดตูด เราก้อทำแบบนี้ตลอดวันหยุดทำงาน วันทำงานก้อทำงาน แต่เขาวันหยุดพักผ่อนอยู่บ้าน ไปเที่ยวกินเหล้ากะเพื่อน ไปในที่ที่อยากไป มันช่างดูสมดุลกับเหลือเกิน เขาเริ่มบอกเราว่าต้องควงกะแทนเพื่อน เพื่อนจ้างบ้าง โน้นนี้นั้น หายไปเป็นวันเป็นคืน เราก้อไม่ได้เอะใจ เราทำงานจนเก็บเงินได้ก้อนหนึ่งซึ่งเป็นเงินที่เราทำงานเสริมทำคนเดียว เราก้อเรยคิดว่าจะซื้อรถยนต์สักคันคุยกับเขา โอเค เราไปดาวน์รถเก๋งมา เพื่อใช้ทำงานเพราะเวลาออกไปหาลูกค้าประกันมันลำบาก ไม่ได้ใช้ก้อจอดอยู่บ้านแต่ก้อแปลกเติมน้ำมันไว้จับรถทีไรน้ำมันลดทุกทีก้อไม่ได้คิดอะไร วันหนึ่งเรากลับมาบ้านเราวันหยุด ต้องบอกก่อนเราชวนเขามาบ้านบ่อยมากเขาไม่ยอมมา บอกว่าอึดอัดบ้าง เหนื่อยบ้าง มาบ้านไม่เคยซื้อของติดไม้ติดมือมาฝากที่บ้านเราเรย เราต้องซื้อมาเองทุกครั้งแล้วบอกกับที่บ้านว่าเขาซื้อมาฝาก ทำเพื่อให้เขาดูดีในสายตาที่บ้านเรา พอวันจันทร์เช้าเราก้อออกจากบ้านเรามาทำงานเรยส่วนเขาวันนี้เวรหยุด เราแวะเติมน้ำมันมาเต็มถัง ต้องบอกก่อนว่าไม่ว่าจะไปไหนกินอะไรซื้ออะไรเราเป็นคนจ่ายหมด เราให้เขามาส่งที่ทำงานแล้วบอกว่ากลับไปซักผ้าให้หน่อยเพราะอาทิตย์นี้กลับบ้านเรยไม่ได้ซัก พอตกเย็นเขาขับรถมารับเราเราแปลกใจมาก น้ำมันรถที่เติมเต็มถังหมดเกลี้ยงเหลืออยู่ขีดเดียว เราเรยถามเขาว่าเอารถไปไหนมาป่าว เขาบอกขับไปหาดูอะไหล่รถในตัวเมืองนี่แระ เราก้อไม่ได้ว่าอะไรแต่ใจมันค้านอยุ่นะถึงกับน้ำมันหมดเรยหรอขับแค่นี้ เพราะบ้านเขากับในตัวเมืองไม่ได้ไกลกันเรย
             เราเริ่มเบื่อกับงานบริษัทอยากหางานที่มั่นคงกว่านี้เรยสมัครสอบ กพ. ไป พอถึงวันสอบเราต้องไปสอบถึงกรุงเทพไม่เหมือนสมัยนี้ที่มีสนามสอบต่างจังหวัดด้วย เราบอกเขาว่าลางานไปเป็นเพื่อนหน่อยได้ไหม เขาบอกลาไม่ได้ไม่มีคนแทนบ้าง งานเยอะบ้าง น้าเราสงสารสารหลานเรยลางานทั้งผัวทั้งเมียขับรถมาส่งหลานสอบตั้งแต่ตี 2 และก้อมานั่งรอถึงเย็น เราเนี่ยซึ่งใจมาก T_T วันสอบผ่านไปด้วยดี พอเข้าปี 2552 นี่แระมันคือจุดไฮไลต์ ที่บ้านเรามีปัญหาพ่อกับแม่ทะเลาะกันขั้นรุนแรง พ่อออกจากบ้านไป แม่เราอยู่กับน้องแค่ 2 คน เราสงสารแม่กับน้องเรยอยากไปอยู่เป็นเพื่อน เราชวนเขามาด้วยทุกครั้งที่มาบ้านน้อยครั้งมากที่เขาจะมา พอมาก้อจะขอออกไปร้านค้าตลอด ออกไปทีก้อนานเราก้อไม่ได้คิดอะไร พอสัก ก.ย. ต้องพูดว่าเขาหลอกเรา..เขาหลอกเราให้ไปอำเภอบอกว่าจะทำอะไรสักอย่างนี้แระแต่ทำไม่เป็นมาช่วยดูให้หน่อย เราบอกรอพักเที่ยงก่อนเด่วจะไปพอเที่ยงปุ๊ปเราก้อออกไปตามคำขอร้อง พอไปถึงเจ้าหน้าที่ยื่นเอกสารให้เราเซ็น นั่นคือทะเบียนสมรส เราตกใจเพราะเราเคยชวนเขามาแต่ยืนยันเสียงแข็งว่ายังไม่พร้อม พร้อมค่อยไปจด เรามึนไปนิด แต่มาถึงขั้นนี้ก้อเรยเซ็นต์ไปใจก้อคิดว่าคงไม่มีอะไรหรอกเขาคงพร้อมแล้วมั้ง
               หลังจากนั้นมาเราก้อเริ่มทำงานหนักขึ้นมาเดิมไม่มีวันหยุด รับจ๊อบ mc บ้างบางงานก้อเจอวันหยุดนักขัตฤกษ์ เหนื่อยสุดๆที่ทำเพราะมันเป็นครอบครัวแล้วไงต้องเก็บเงินไว้เพื่ออนาคต ในขณะที่เขาก้อทำงานเหมือนเดิมยิ่งกว่าเดิมคือบ้านไม่ค่อยกลับ วันหยุดไม่ค่อยอยู่บ้าน อ้างว่าทำงานแทนกะเพื่อนเป็นวันเป็นคืน บางทีก้ออ้างควบกะ  2 วันติด เราไม่ได้คิดอะไรถือว่าเรามีแรงทำก้อทำไป ทำงานประจำ งานบ้าน งานเสริม บางทีกลับมามืดค่ำ นั่งซักผ้ายุงนี้กัดเต็มขาเรย ทั้งๆทีวันนั้นเวรหยุดเขาแต่เขาไม่คิดที่จะช่วยเราเรย รายจ่ายในบ้านเราก้อจ่ายหนี้สินเราก้อจ่าย เงินเดือนเขาออกเขาจะแบ่งให้มาพอไม่พอไม่รู้ไม่ถามไม่สนใจ แต่จะซื้ออะไร กินอะไร ไปไหน เอาที่เราจ่ายทุกครั้ง ก้อคงเป็นเพราะเรารักมั้งจึงทนอยุ่ในสภาพแบบนี้
                วันนี้เป้นวันพ่อแห่งชาติ เรารับงาน mc ไว้ที่ศูนย์การค้าที่หนึ่งในตัวเมือง งานมี 3 วัน พอทำมาถึงวันสุดท้าย กำลังยืนโฟนงานอยู่ มีสายเข้ามาเป็นเบอร์แปลก ไม่รุ้จัก เราก้อรีบหลบมารับสายเพื่อใครมีธุระหรือป่าว เพราะยายเขา (บ้านที่อยู่เป็นบ้านของตากับยายเขา พ่อกับแม่เขาเลิกกันตั้งแต่เขายังเด็ก แล้วแม่เขาก้อให้ตากับยายเขาเลี้ยงดู ส่งเสียเรียนหนังสือมาตลอด) ไม่ค่อยสบาย เราก้อกลัวว่าจะเป็นรัยมากป่าว อาจจะเอาเบอร์ใครโทรมา..
                 ผิดคลาด! เป้นเสียงผู้หญิงเสียงแหลม เรียกชื่อเราแล้วพูดว่าเมื่อไหร่จะคืนผัวให้กูสักที เล่นเอาเรางงเป็นไก่ตาแตกเรยทีเดียว เราก้อยังคิดยู่นะว่าเพื่อนเราคงอำ เขาคงไม่ทำแบบนี้หรอก เราก้อพูดอย่าอำกันเรยใครเนี่ย ผู้หญิงคนนั้นขึ้นเสียงทันที.."เรื่องแบบนี้ใครเขาอำกัน "ยิ้ม" ควายแบบนี้นี่เองถึงโดนผัวหลอก" และมันก้อพูดต่อ "นี้โง่จิง ทำแต่งานผัวอ่ะเขารักกรูหลงกรู ออกไปจากผัวกรูสักทีสิ ทุกวันนี้มันเป็นผัวกรู มันอยู่กับกรูเกือบทุกคืน วันหยุดก้อมาหากรู พากรูไปเที่ยวสารพัด ก้อโง่สิทำงานหาเงินให้มันใช้ ซื้อโน้นซื้อนี้เอาไว้มาใช้กับกรูอ่ะ รู้ป่าวทุกครั้งที่ชวนมันไปไหนก้อตามมันไม่ไปกับใช่ป่ะ เพราะมันมาหากรูไง มันบอกมันรักกรู คิดถึงกรู มันบอกว่าวันหยุดก้อไม่อยู่บ้านออกไปกะกีกตลอด (หัวหน้าทีมงานประกันชีวิตเขาเป้นทอมแต่บอกได้เรยว่านิสัยดีมากและที่สำคัญเขามีแฟนแล้ว) สวมเขาให้มันมันเรยมันไม่อยากอยู่กับ" เท่านั้นแระเราทนฟังไม่ไหวล่ะ ยังไงก้อต้องคุยให้รุ้เรื่อง เรารึบขอตัวทีมงานกลับบ้าน ขับรถยนต์กลับมาถึงบ้านแบบงง ว่าทำไมถึงเร็วจัง เดินตรงไปจะถาม เขารีบเดินไปเก้บเสื้อผ้าที่เราซักตากไว้เมื่อคืน เราก้อถามทันทีเรย เขาปากแข็งบอกใครไม่รุ้จัก โทรผิด โน้นนี้นั้นแก้ตัวสารพัด สักพัก มีรถเครื่องมาจอดหน้าบ้าน
                  ผู้หญิงคนนั้น คนที่โทรมาหาเรามันมา มาพร้อมกับแม่มันด้วย เขานี้หน้าซึดยังกับไก่ต้ม ..ถ้าผู้หญิงคนนี้ไม่เคยมาบ้านหลังนี้ จะมาถูกได้ไงจิงมั้ย! เราบอกเขาไม่ต้องออกไปเพราะมันเรียกเขาให้ออกไป แต่เขาจะออกไปเราบอกว่าถ้าออกไปถือว่าเลือกมัน และเขาออกไปหามัน เดินไปคุยกับที่มืดสักพัก เราไม่ไหวแล้ว โทรบอกที่บ้านเราให้มารับ เราขนของเตรียมจะกลับบ้าน ผู้หญิงคนนี้พูดขึ้นมาทันที "สมควรจะไปตั้งนานแล้ว ยายเขาไม่เคยบอกรึไงว่าเคยเจอกรูอ่ะ รู้จักกรูแล้วอ่ะ ในฐานะเมียหลานเขาอ่ะ เราแทบกรี๊ดดดดด รุ้เห็นเป็นใจกันทั้งบ้านเรยหรอ ผิดถูกชั่วดี รู้จักกันบ้างไหม เราก้อไม่ได้ทำตัวเป็นสะใภ้ที่แย่อะไรเรยนะ ทำไมทำกับขนาดนี้ อันนี้ไม่รุ้ว่าเลี้ยงกันมาแบบไหนถึงตามใจกันแบบไม่รู้ผิดรู้ถูก เรากลับเรยค่ะจะอยู่ทำไม กลับบ้านไปเชื่อมั้ยเขาไม่เคยมาขอโทษ ง้อ หรือแม้แต่โทรเรย  สงสัยใช่มั้ยว่าเรารู้ได้ไง น้าเราไปหาผู้หญิงคนนี้ถึงบ้านไปถามคนแถวนั้นว่าเคยเห็นผู้ชายในรูปมาแถวนี้มั้ย คำตอบที่ได้บ่อยมากเกือบทุกวัน มาค้างก้อบ่อยบางทีก้อเอารถมอเตอร์ไซค์มา บางครั้งก้อรถเก๋ง คิดดูนะค่ะว่าความรู้สึกของผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำทุกอย่างเพื่อผู้ชายคนเดียวมันเป็นยังไง ณ ตอนนี้..   (เด่วมาต่อนะค่ะเริ่มง่วงล่ะ คราวหน้าสุดยอดห้ามพลาดค่ะ..)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่