สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
แสดงความคิดเห็นส่วนตัว ในฐานะเดินทางทั่วอาเซี่ยน ร่วมงานติดต่อพบปะสื่อสารกับคนอาเซี่ยนมานานพอสมควร บางประเทศก็ต้องไปอยู่บ้าง
คิดว่าคนไทยจะตกงานมากขึ้น แต่ไม่ใช่ว่าเพราะไม่เก่ง คนไทยเก่ง เก่งเป็นอันดับต้นๆ และสติปัญญาดีระดับแถวหน้าของอาเซี่ยนด้วย
แต่สิ่งที่มักจะฉุดความเจริญก้าวหน้าของไทยในระดับภูมิภาค และ ระดับนานาชาติคือ คนไทยส่วนใหญ่ ไม่กล้าแสดงออก ไม่กล้าพูด
ไม่กล้าถกเถียง ขาดความมั่นใจในตัวเอง ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น ยึดระบบอาวุโส ยึดระบบชนชั้นวรรณะในที่ทำงาน อีโก้จัด
กลัวการพูดภาษาต่างชาติโดยเฉพาะภาษาอังกฤษ (ตรงนี้ไม่ได้หมายถึงคนไทยที่เก่งในระดับอินเตอร์อยู่แล้ว ที่ทำงานสไตล์ฝรั่งอยู่แล้ว
และ ใช้ภาษาอังกฤษ ได้ดีอยู่แล้ว รวมทั้งคนไทยที่สามารถใช้ภาษาอื่นๆ ได้อีกนอกจากภาษาอังกฤษ แต่ใน คห. นี้ กล่าวถึงคนไทยทั่วๆ ไป)
ในอาเซี่ยนนี่ ประเทศที่มีคนเก่งๆ สติปัญญาดีเยอะ ยกให้ ไทย พม่า เวียตนาม
ไทยกับพม่านี่ คนมีวัฒนธรรม ประเทศมีอารยธรรม มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เก่งงานฝีมือ คนมีสไตล์
ส่วนเวียตนามนี่ คนขยัน อดทน ดุ ดื้อรั้น คนเขมรก็ดี แต่ประเทศนี้ต้องฟื้นฟูอีกเยอะ
ส่วนสิงคโปร์ กับ มาเลย์นี่ ประชากรส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีคุณภาพ ประเทศเกิดใหม่ ไม่มีอารยธรรม ไม่มีประวัติศาสตร์ คนไม่ค่อยมีมารยาทไม่มี
วัฒนธรรม ภาษาอังกฤษไม่ค่อยเก่งทั้งๆ ที่น่าจะดีเลิศเพราะเป็นอดีตเมืองขึ้นอังกฤษ และ การเรียนการสอนในโรงเรียนหลายวิชาสอน
เป็นภาษาอังกฤษในภาคบังคับ แต่อย่างมาเลย์นี่เป็นเพราะรัฐบาลไม่ส่งเสริมการใช้ภาษาอังกฤษด้วย คุณภาพด้านภาษาอังกฤษจึงดิ่งลงเหว
ส่วนสิงคโปร์ คนชอบพูดซิงลิช เพราะคิดว่าเท่ห์ที่มีภาษาเป็นของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องพูดอังกฤษให้เหมือนฝรั่ง มันคืออีโก้แบบสิงคโปร์นั่นเอง
ที่พูดซิงลิชเพื่อแสดงความเป็นสิงคโปร์
แต่สิงคโปร์ กับ มาเลย์ เป็นประเทศเล็กๆ ประชากรน้อย การจัดการดี จึงควบคุมง่าย มาเลย์ก็มีทรัพยากรทางธรรมชาติมาก
ส่วนสิงคโปร์ก็เป็นเมืองแห่งการลงทุนเป็นเมืองพ่อค้าคนกลาง มองเผินๆ จึงดูเหมือนสองประเทศนี้มีคนเก่งมากกว่าไทย แต่จริงๆ ไม่เลย
คุณภาพของประชากรโดยรวมและโดยเฉลี่ยของเขาคุณภาพด้อยกว่าไทย
อินโดฯ ส่วนใหญ่ก็สติปัญญาไม่ค่อยดี ยกเว้นพวกอินโดฯ ที่เป็นคนจีนรวยๆ หรือ พวกผู้ดีเก่า หรือ พวกที่มาจากครอบครัวมีการศึกษา
คนฟิลิปปินส์ก็โอเค คนพวกนี้มีความเป็นตะวันตกมากกว่าความเป็นเอเชีย มีความเป็นแคทอลิคสูง ลูกเยอะ แต่งงานไว รักพวกพ้อง
พูดภาษาอังกฤษแบบตากาล๊อกไม่ใช่แบบฝรั่งพูด ฟังรู้เรื่องแต่ไม่ถูกต้อง คนฟิลิปปินส์ส่วนใหญ่ยากจนมาก อยากได้อยากดี
ชอบออกมาขุดทองนอกประเทศ เพราะเขาจนจริงๆ ค่าครองชีพก็สูง และ ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในสลัมหรือหมู่บ้านจนๆ อันตราย
นอกเหนือจากการมีความถนัดในวิชาชีพที่ จขกท. กล่าวมา ฟิลิปปินส์นี่แหละจะมีโอกาสได้งานสูง เพราพวกนี้กล้าแสดงออก
กล้าแสดงความคิดเห็น มีความเป็นตะวันตกมากที่สุดในอาเซี่ยนด้วยกัน และโดยรวมๆ ถึงจะพูดภาษาอังกฤษแบบตากาล็อก (คือไม่ได้พูดแบบฝรั่ง) แต่ก็สามารถใช้ภาษาอังกฤษไดค่อนข้างดีกว่าอาเซี่ยนทั่วๆ ไป
พวกสิงคโปร์ กับมาเลย์ที่มีการศึกษาและพูดภาษาอังกฤษได้แบบเป็นเรื่องเป็นราว (ไม่ใช่พวกพูดแมงกลิช หรือ ซิงลิช) พวกนี้ก็จะมีโอกาส
ได้งานสูงกว่า
พวกเวียตนามที่พูดภาษาอังกฤษได้ระดับคนมีการศึกษาก็มีโอกาสได้งานสูง เวียตนามนี่หลายๆ คนเขาเก่งอังกฤษโดยที่ไม่ต้องไปเรียนเมืองนอกเลย
เพราะเขาขยันหมั่นเพียร มีความพยายาม
ส่วนคนไทยทั่วๆ ไป มีสติปัญญา มีฝีมือ แต่ส่วนใหญ่คนไทยต้องปรับปรุงเรื่องภาษา เรื่องการแสดงความคิดเห็น และ ความมั่นใจในตัวเอง
ประเทศไทยมีคนเก่งเยอะ สติปัญญาดี ทำงานละเอียดเก่ง แต่คนไทยขาดสิ่งอย่างที่บอกและที่พบเจอมาอย่างใน 4-5 บรรทัดแรก
ในย่อหน้า 1, 2 ข้างบนนั่นแหละ
เมืองหลวงในอาเซี่ยนนี่ กรุงเทพฯ ทันสมัยสุด และ น่าอยู่ที่สุดแล้ว ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องการเมืองเป็นระยะๆ คิดดูแล้วกันว่าประเทศไทยจะเจริญ
แค่ไหน ส่วนความเจริญของสิงคโปร์ กับ มาเลย์ เจริญแบบภาพลวงตา เจริญแต่ทางวัตถุ แต่คนยังไม่ค่อยเจริญโดยเฉพาะทางด้านวัฒนธรรม
ด้านมารยาท ด้านสติปัญญา ด้านการกินอยู่ ห้างร้าน ช้อปปิ้ง การทำงานที่ต้องใช้ฝีมือความละเอียดอ่อน และ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
งานทางด้านบริการ สิงคโปร์กับมาเลย์ เขายังด้อยกว่าไทยอยู่มาก
เท่าที่เคยคุยกับคนไทยด้วยกันหลายสาขาอาชีพ ส่วนใหญ่ชอบคิดไปเองก่อนว่า สู้เขาไม่ได้ในอาเซี่ยน โดยเฉพาะเรื่องภาษาอังกฤษแต่ไม่คิดที่จะฝึกปรือหรือพัฒนาได้แต่บ่น
จริงๆ คือ ถ้าเรารู้ว่าสู้ไม่ได้ตรงไหนก็ควรจะนำมาแก้ไขและพัฒนาจุดด้อยของตนเองต่อไป แต่คนไทยส่วนใหญ่มักจะคิดลบไวัก่อน และ ปล่อยไว้เฉยๆ
โดยไม่คิดที่จะลงมือปรับปรุงให้เป็นรูปธรรม
ตรงนี้ขอบ่นหน่อย คือ เวลาที่ได้อยู่เมืองไทยชอบมาก แต่เดี๋ยวนี้ไม่ชอบใจอย่างนึง คือ เวลาไปร้านอาหาร ไปสปา ไปซื้อของ ไปตามโรงแรม
ชอบเจอต่างชาติมาทำงานแทนคนไทย พม่าบางคนพูดไทยก็ไม่คล่องพูดอังกฤษก็ไม่ได้ กรรมจึงมาตกอยู่ที่ลูกค้าไม่สามารถสื่อสารกันได้
ส่วนพวกฟิลิปปินส์พูดภาษาตากาล็อกอิงลิชแต่ชอบมาทำหยิ่งยะโสกับคนไทยเพราะคิดว่าคนไทยไม่พูดอังกฤษ
เดี๋ยวนี้ฟิลิปปินส์ กับ พม่า เยอะมาก แย่งงานคนไทย ฟิลิปปินส์นี่เขามีเครือข่ายแชร์ข้อมูลกันด้วยว่ามีงานที่ไหนตรงไหนบ้าง
ชักชวนกันไปทำงาน อยากได้อยากดี
เวลาเราอยู่เมืองไทยก็อยากเจอคนไทย อยากพูดภาษาไทย เวลาไปสั่งส้มตำ ลาบ น้ำตก หรือ ไปกินอาหารไทย สั่งต้มยำ ผัดกะเพรา แกงเขียวหวาน
ห่อหมก ยำวุ้นเส้น อยากสั่งกับคนไทยด้วยกัน ไม่อยากสั่งกับพม่าหรือฟิลิปปินส์ที่พูดไทยไม่เหมือนคนไทย พูดอังกฤษก็ไม่เหมือนเจัาของภาษาหน่ะนะ
- อารมณ์ประมาณนี้แหละ ส่วนตัวไม่คิดว่า AEC จะได้ผลโดยเฉพาะในระดับทั่วๆ ไป คนในอาเซี่ยนทุกประเทศมีความแตกต่างกันมาก
พื้นฐานก็ไม่เหมือนกัน ความคิด ไลฟ์สไตล์ไม่เหมือนกัน
คิดว่าคนไทยจะตกงานมากขึ้น แต่ไม่ใช่ว่าเพราะไม่เก่ง คนไทยเก่ง เก่งเป็นอันดับต้นๆ และสติปัญญาดีระดับแถวหน้าของอาเซี่ยนด้วย
แต่สิ่งที่มักจะฉุดความเจริญก้าวหน้าของไทยในระดับภูมิภาค และ ระดับนานาชาติคือ คนไทยส่วนใหญ่ ไม่กล้าแสดงออก ไม่กล้าพูด
ไม่กล้าถกเถียง ขาดความมั่นใจในตัวเอง ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น ยึดระบบอาวุโส ยึดระบบชนชั้นวรรณะในที่ทำงาน อีโก้จัด
กลัวการพูดภาษาต่างชาติโดยเฉพาะภาษาอังกฤษ (ตรงนี้ไม่ได้หมายถึงคนไทยที่เก่งในระดับอินเตอร์อยู่แล้ว ที่ทำงานสไตล์ฝรั่งอยู่แล้ว
และ ใช้ภาษาอังกฤษ ได้ดีอยู่แล้ว รวมทั้งคนไทยที่สามารถใช้ภาษาอื่นๆ ได้อีกนอกจากภาษาอังกฤษ แต่ใน คห. นี้ กล่าวถึงคนไทยทั่วๆ ไป)
ในอาเซี่ยนนี่ ประเทศที่มีคนเก่งๆ สติปัญญาดีเยอะ ยกให้ ไทย พม่า เวียตนาม
ไทยกับพม่านี่ คนมีวัฒนธรรม ประเทศมีอารยธรรม มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เก่งงานฝีมือ คนมีสไตล์
ส่วนเวียตนามนี่ คนขยัน อดทน ดุ ดื้อรั้น คนเขมรก็ดี แต่ประเทศนี้ต้องฟื้นฟูอีกเยอะ
ส่วนสิงคโปร์ กับ มาเลย์นี่ ประชากรส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีคุณภาพ ประเทศเกิดใหม่ ไม่มีอารยธรรม ไม่มีประวัติศาสตร์ คนไม่ค่อยมีมารยาทไม่มี
วัฒนธรรม ภาษาอังกฤษไม่ค่อยเก่งทั้งๆ ที่น่าจะดีเลิศเพราะเป็นอดีตเมืองขึ้นอังกฤษ และ การเรียนการสอนในโรงเรียนหลายวิชาสอน
เป็นภาษาอังกฤษในภาคบังคับ แต่อย่างมาเลย์นี่เป็นเพราะรัฐบาลไม่ส่งเสริมการใช้ภาษาอังกฤษด้วย คุณภาพด้านภาษาอังกฤษจึงดิ่งลงเหว
ส่วนสิงคโปร์ คนชอบพูดซิงลิช เพราะคิดว่าเท่ห์ที่มีภาษาเป็นของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องพูดอังกฤษให้เหมือนฝรั่ง มันคืออีโก้แบบสิงคโปร์นั่นเอง
ที่พูดซิงลิชเพื่อแสดงความเป็นสิงคโปร์
แต่สิงคโปร์ กับ มาเลย์ เป็นประเทศเล็กๆ ประชากรน้อย การจัดการดี จึงควบคุมง่าย มาเลย์ก็มีทรัพยากรทางธรรมชาติมาก
ส่วนสิงคโปร์ก็เป็นเมืองแห่งการลงทุนเป็นเมืองพ่อค้าคนกลาง มองเผินๆ จึงดูเหมือนสองประเทศนี้มีคนเก่งมากกว่าไทย แต่จริงๆ ไม่เลย
คุณภาพของประชากรโดยรวมและโดยเฉลี่ยของเขาคุณภาพด้อยกว่าไทย
อินโดฯ ส่วนใหญ่ก็สติปัญญาไม่ค่อยดี ยกเว้นพวกอินโดฯ ที่เป็นคนจีนรวยๆ หรือ พวกผู้ดีเก่า หรือ พวกที่มาจากครอบครัวมีการศึกษา
คนฟิลิปปินส์ก็โอเค คนพวกนี้มีความเป็นตะวันตกมากกว่าความเป็นเอเชีย มีความเป็นแคทอลิคสูง ลูกเยอะ แต่งงานไว รักพวกพ้อง
พูดภาษาอังกฤษแบบตากาล๊อกไม่ใช่แบบฝรั่งพูด ฟังรู้เรื่องแต่ไม่ถูกต้อง คนฟิลิปปินส์ส่วนใหญ่ยากจนมาก อยากได้อยากดี
ชอบออกมาขุดทองนอกประเทศ เพราะเขาจนจริงๆ ค่าครองชีพก็สูง และ ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในสลัมหรือหมู่บ้านจนๆ อันตราย
นอกเหนือจากการมีความถนัดในวิชาชีพที่ จขกท. กล่าวมา ฟิลิปปินส์นี่แหละจะมีโอกาสได้งานสูง เพราพวกนี้กล้าแสดงออก
กล้าแสดงความคิดเห็น มีความเป็นตะวันตกมากที่สุดในอาเซี่ยนด้วยกัน และโดยรวมๆ ถึงจะพูดภาษาอังกฤษแบบตากาล็อก (คือไม่ได้พูดแบบฝรั่ง) แต่ก็สามารถใช้ภาษาอังกฤษไดค่อนข้างดีกว่าอาเซี่ยนทั่วๆ ไป
พวกสิงคโปร์ กับมาเลย์ที่มีการศึกษาและพูดภาษาอังกฤษได้แบบเป็นเรื่องเป็นราว (ไม่ใช่พวกพูดแมงกลิช หรือ ซิงลิช) พวกนี้ก็จะมีโอกาส
ได้งานสูงกว่า
พวกเวียตนามที่พูดภาษาอังกฤษได้ระดับคนมีการศึกษาก็มีโอกาสได้งานสูง เวียตนามนี่หลายๆ คนเขาเก่งอังกฤษโดยที่ไม่ต้องไปเรียนเมืองนอกเลย
เพราะเขาขยันหมั่นเพียร มีความพยายาม
ส่วนคนไทยทั่วๆ ไป มีสติปัญญา มีฝีมือ แต่ส่วนใหญ่คนไทยต้องปรับปรุงเรื่องภาษา เรื่องการแสดงความคิดเห็น และ ความมั่นใจในตัวเอง
ประเทศไทยมีคนเก่งเยอะ สติปัญญาดี ทำงานละเอียดเก่ง แต่คนไทยขาดสิ่งอย่างที่บอกและที่พบเจอมาอย่างใน 4-5 บรรทัดแรก
ในย่อหน้า 1, 2 ข้างบนนั่นแหละ
เมืองหลวงในอาเซี่ยนนี่ กรุงเทพฯ ทันสมัยสุด และ น่าอยู่ที่สุดแล้ว ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องการเมืองเป็นระยะๆ คิดดูแล้วกันว่าประเทศไทยจะเจริญ
แค่ไหน ส่วนความเจริญของสิงคโปร์ กับ มาเลย์ เจริญแบบภาพลวงตา เจริญแต่ทางวัตถุ แต่คนยังไม่ค่อยเจริญโดยเฉพาะทางด้านวัฒนธรรม
ด้านมารยาท ด้านสติปัญญา ด้านการกินอยู่ ห้างร้าน ช้อปปิ้ง การทำงานที่ต้องใช้ฝีมือความละเอียดอ่อน และ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
งานทางด้านบริการ สิงคโปร์กับมาเลย์ เขายังด้อยกว่าไทยอยู่มาก
เท่าที่เคยคุยกับคนไทยด้วยกันหลายสาขาอาชีพ ส่วนใหญ่ชอบคิดไปเองก่อนว่า สู้เขาไม่ได้ในอาเซี่ยน โดยเฉพาะเรื่องภาษาอังกฤษแต่ไม่คิดที่จะฝึกปรือหรือพัฒนาได้แต่บ่น
จริงๆ คือ ถ้าเรารู้ว่าสู้ไม่ได้ตรงไหนก็ควรจะนำมาแก้ไขและพัฒนาจุดด้อยของตนเองต่อไป แต่คนไทยส่วนใหญ่มักจะคิดลบไวัก่อน และ ปล่อยไว้เฉยๆ
โดยไม่คิดที่จะลงมือปรับปรุงให้เป็นรูปธรรม
ตรงนี้ขอบ่นหน่อย คือ เวลาที่ได้อยู่เมืองไทยชอบมาก แต่เดี๋ยวนี้ไม่ชอบใจอย่างนึง คือ เวลาไปร้านอาหาร ไปสปา ไปซื้อของ ไปตามโรงแรม
ชอบเจอต่างชาติมาทำงานแทนคนไทย พม่าบางคนพูดไทยก็ไม่คล่องพูดอังกฤษก็ไม่ได้ กรรมจึงมาตกอยู่ที่ลูกค้าไม่สามารถสื่อสารกันได้
ส่วนพวกฟิลิปปินส์พูดภาษาตากาล็อกอิงลิชแต่ชอบมาทำหยิ่งยะโสกับคนไทยเพราะคิดว่าคนไทยไม่พูดอังกฤษ
เดี๋ยวนี้ฟิลิปปินส์ กับ พม่า เยอะมาก แย่งงานคนไทย ฟิลิปปินส์นี่เขามีเครือข่ายแชร์ข้อมูลกันด้วยว่ามีงานที่ไหนตรงไหนบ้าง
ชักชวนกันไปทำงาน อยากได้อยากดี
เวลาเราอยู่เมืองไทยก็อยากเจอคนไทย อยากพูดภาษาไทย เวลาไปสั่งส้มตำ ลาบ น้ำตก หรือ ไปกินอาหารไทย สั่งต้มยำ ผัดกะเพรา แกงเขียวหวาน
ห่อหมก ยำวุ้นเส้น อยากสั่งกับคนไทยด้วยกัน ไม่อยากสั่งกับพม่าหรือฟิลิปปินส์ที่พูดไทยไม่เหมือนคนไทย พูดอังกฤษก็ไม่เหมือนเจัาของภาษาหน่ะนะ
- อารมณ์ประมาณนี้แหละ ส่วนตัวไม่คิดว่า AEC จะได้ผลโดยเฉพาะในระดับทั่วๆ ไป คนในอาเซี่ยนทุกประเทศมีความแตกต่างกันมาก
พื้นฐานก็ไม่เหมือนกัน ความคิด ไลฟ์สไตล์ไม่เหมือนกัน
แสดงความคิดเห็น
คุณคิดว่าท่าประชาคมอาเซียนมาแล้วคนไทยจะตกงานมากขึ้นไหม
ผลจากการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 9 ณ เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ได้กำหนดให้จัดทำข้อตกลงยอมรับร่วมกัน (Mutual Recognition Arrangements : MRAs) ด้านคุณสมบัติในสาขาวิชาชีพหลัก เพื่ออำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายนักวิชาชีพ หรือแรงงานเชี่ยวชาญ หรือผู้มีความสามารถพิเศษของอาเซียนได้อย่างเสรี ด้านคุณสมบัติในสาขาอาชีพหลัก เพื่ออำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้าย นักวิชาชีพ แรงงานเชี่ยวชาญ หรือผู้มีความสามารถพิเศษได้อย่างเสรีข้อตกลงเรื่องการเคลื่อนย้ายแรงงาน ฝีมือไปทำงานในประเทศกลุ่มอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ ได้อย่างเสรี ได้กำหนดครอบคลุม 7 อาชีพ และก็มีข่าวว่าอาจจะมีการเพิ่มจำนวนอาชีพขึ้นมาอีกในลำดับถัดไป สำหรับ 7 อาชีพที่มีข้อตกลงกันแล้วให้สามารถเคลื่อนย้ายไปทำงานได้อย่างเสรี ได้แก่
อาชีพวิศวกร( Engineering Services)
อาชีพพยาบาล (Nursing Services)
อาชีพสถาปนิก(Architectural Services)
อาชีพการสำรวจ (Surveying Qualifications)
อาชีพนักบัญชี (Accountancy Services)
อาชีพทันตแพทย์ (Dental Practitioners)
อาชีพแพทย์ (Medical Practitioners)
และการเคลื่อนย้ายแรงงานฝีมือเสรีในกลุ่ม 7 อาชีพนั้น มีผลดีต่อไทยไม่น้อย เพราะในภาพรวม สถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาในไทยมีศักยภาพในด้านการผลิตบุคลากรในสาย วิชาชีพทั้ง 7 ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง ซึ่งทำให้ผู้จบการศึกษาในสายวิชาชีพทั้ง 7 ตั้งแต่ระดับปริญญาตรีจนถึงปริญญาเอกมีตลาดงานที่เปิดกว้างมากขึ้น
จาก เดิมที่ตลาดมีแค่การให้บริการประชาชน 63 ล้านคน เป็นตลาดของประชาชนร่วม 600 ล้านคนใน 10 ประเทศอาเซียน นอกจากนั้น ประเทศเหล่านี้รวมทั้งไทยอยู่ในทิศทางที่กำลังเติบโตทางด้านเศรษฐกิจทั้ง สิ้น เร็วบ้าง ช้าบ้าง และโดยภาพรวมคุณภาพของผู้จบวิชาชีพทั้ง 7 ในไทยก็สูงอยู่ในระดับแถวหน้าของประเทศอาเซียน ทำให้โอกาสในการหางานมีสูง
ใน ขณะที่คนไทยสามารถไปทำงานในประเทศอาเซียนได้อย่างเสรีนั้น สภาวิชาชีพ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลมาตรฐานของอาชีพทั้ง 7 นั้นคงต้องมีการดำเนินการอย่างเข้มแข็งรัดกุมเป็นอย่างมาก เพื่อรักษามาตรฐานของผู้จบวิชาชีพในสาขาอาชีพนั้นๆ ในไทยให้คงเดิม หรือยกระดับให้สูงขึ้นไปอีก ป้องกันมิให้เกิดการอ่อนด้อยในเรื่องมาตรฐานขององค์กรในการผลิตคน บางแห่งที่อาจใช้โอกาสนี้เพิ่มรายได้ในการเร่งผลิตคนในวิชาชีพเหล่านั้น จำนวนมากเพื่อตอบสนองตลาดที่ใหญ่ขึ้น มิฉะนั้นอาจส่งผลกระทบทางลบโดยรวม
อีก ปัญหาที่อาจะตามมาอีกอย่างคือ บางวิชาชีพไทยเริ่มจะเข้าสู่วิกฤตการขาดแคลนอาจารย์ เช่น ทันตแพทย์ ถ้าแก้ปัญหาไม่ทันท่วงทีในเวลาอีกสามถึงห้าปีข้างหน้า ไทยจะมีปัญหาเรื่องการสร้างบุคลากรรุ่นใหม่ในสายวิชาชีพทันตแพทย์อย่างแน่ นอน ขณะเดียวกัน ก็ต้องระวังดูแลในเรื่องมาตรฐานของคนจากประเทศต่างๆ ในอาเซียนที่เข้ามาประกอบอาชีพทั้ง 7 อาชีพในไทยด้วยเช่นกัน เพราะอาจจะมีผู้มาจากประเทศอื่นที่มาประกอบอาชีพในไทยมีปัญหาความอ่อนด้อยใน เรื่องมาตรฐาน ซึ่งถ้าดูแลไม่รอบคอบรัดกุม อาจก่อเกิดผลกระทบกับสังคมไทยในทางลบ และอาจส่งผลต่อปัญหาการประกอบอาชีพของคนไทยเอง
แต่อย่างไรก็ตาม ในภาพรวม สังคมไทยกำลังเข้าสู่ภาวะสังคมผู้สูงอายุ จำนวนคนในวัยทำงานกำลังลดลงอย่างมีนัยสำคัญ มีข้อมูลว่าอีกประมาณสิบปีข้างหน้า สัดส่วนคนในวัยทำงานจะต่ำกว่าประชากรผู้สูงอายุมาก นี่จะทำให้เกิดการขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะแรงงานฝีมือในกลุ่มอาชีพทั้ง 7 นั้น ผู้ที่จบจากสายวิชาชีพดังกล่าวจะประกันได้ว่าไม่น่าจะมีใครที่ตกงาน เพราะมีตลาดใหญ่มากรองรับทั้งในไทย และในประเทศอาเซียน
ข้อตกลง เคลื่อนย้ายแรงงานเสรีในกลุ่มประเทศอาเซียนทั้ง 7 อาชีพในปี 2015 (2558) แม้จะเป็นโอกาสทองของคนไทยในสายวิชาชีพดังกล่าว แต่ก็มีจุดที่ต้องระวังอยู่ไม่น้อยเช่นกัน ทั้งในด้านการที่คนของเราไปทำงานบ้านเขา และการที่คนบ้านเขามาทำงานในบ้านเรา เพราะถ้าการระวังไม่รัดกุม โอกาสทองนั้นอาจพลิกเป็นวิกฤต และมีผลกระทบรุนแรงต่อบางสายวิชาชีพได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้