[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ขอออกตัวก่อนเลยว่านี่คือกระทู้โฆษณาแฝง ที่มีความรู้ให้ 90% และโฆษณา 10% ผมเชื่อว่าการตรงไปตรงมาคือหัวใจของการแลกเปลี่ยน ผมเลยบอกโต้งๆแบบนี้แหละ ยังไงขอให้อ่านให้จบก่อน หากคิดว่ากระทู้นี้เป็นกระทู้ที่หวังผลทางการค้าอย่างเดียว สามารถแจ้งลบได้เลยครับ
ผมอยากเขียนอะไรที่เป็นประโยชน์แบ่งปันเรื่องเกี่ยวกับ Line Sticker มานานแล้ว แต่ก็ไม่มีความรู้อะไรจะแชร์ เรื่องวาดก็ไม่ไหว เพราะทุกคนวาดเก่งกันอยู่แล้ว เรื่องขั้นตอนการทำและขายสติ๊กเกอร์ก็ไม่ไหวอีก เพราะมีชั้นครูแบ่งปันประสบการณ์กันมาเพียบเลย เดี๋ยวจะกลายเป็นสอนจระเข้ว่ายน้ำไปซะ แต่ยังมีหัวข้อหนึ่งที่ไม่มีใครเขียนหรือพูดถึงสักเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะตัวมันเองดูไม่เป็นธรรมชาติและเหมือนมีสีเทานิดๆ แต่เผอิญผมได้ลองมานิดนึงแล้ว และได้คุยกับคนที่มีประสบการณ์ด้านนี้มา 4-5 คน เลยอยากเอามาสรุปให้เพื่อนๆฟังครับ
นั่นคือเรื่อง “การดันสติ๊กเกอร์”
หลายคนอาจไม่เห็นด้วยกับผมซึ่งผมเองก็เข้าใจ ตอนแรกๆที่จะทำมันค่อนข้างสองจิตสองใจอยู่เหมือนกัน แต่ตัวผมเองเอนเอียงมาในแนวคิดที่ว่า การดันสติ๊กเกอร์ก็เหมือนการซื้อพื้นที่โฆษณาบนตลาด สินค้าที่ดีอาจขายตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพาการดัน แต่ก็มีสินค้าหลายๆตัวที่ต้องการการตลาดสนับสนุน ผมเชื่อว่าการตลาดเป็นปัจจัยหนึ่งในการขายของ ดังนั้นการดันเป็นเรื่องจำเป็นในการขายสติ๊กเกอร์ จะมากจะน้อยนี่แล้วแต่เลย แต่มันมีหลักการและวิธีการอยู่เป็นขั้นเป็นตอน ที่สามารถนำไปใช้และประเมินผลได้ ผมเองหวังว่าที่ผมเอามาแชร์น่าจะช่วยเหลือ Creator รุ่นใหม่หรือรุ่นเก่าที่กำลังเจอปัญหาของดีมี Potential แต่กลับจมทะเลไม่มีใครเห็นได้นะครับ ผิดถูกยังไงขออภัยไว้ล่วงหน้าครับ
ทำไมต้องดัน?
อันนี้คำตอบส่วนตัวเลยนะครับ พื้นที่ที่เปิดโอกาสให้เราโฆษณามีน้อยลงมากๆ
1.Facebook Fan Page เองก็ปรับให้สมาชิกเพจเห็น Post เราน้อยลง เพื่อที่จะบีบเราให้ไปซื้อโฆษณา ดังนั้นหากเพจไม่ใหญ่จริง โอกาสที่จะสื่อสารกับลูกเพจนี่แทบปิดตายเลยครับ
2.Creator รุ่นใหม่บางคนไม่มีเพจ หรือเพจเพิ่งตั้ง การสร้างฐานแฟนเพจเป็นอะไรที่กินระยะเวลายาวนาน บางครั้งมันไม่เร็วพอที่จะมาหนุนสติ๊กเกอร์ของเราที่กำลังจะออกวางขาย
3.การโพสท์ขายของตามเว็บหรือเพจต่างๆเป็นเรื่องเสียมารยาท อันนี้ไม่ควรทำ ส่วนการนำเอาโฆษณาแฝงแบบที่ทำๆกันใน Pantip นั้นต้องระวังให้ดี ตอนนี้ชาว Pantip เริ่มรู้มุขมากขึ้น และ Content ที่ลงไปเริ่มซ้ำๆเดิม กระแสอาจตีกลับได้ แม้จะยังน่าลุ้น แต่ก็อันตรายพอดู (แหะๆ อันนี้พูดจริง)
4.Line Store ไม่ค่อยมีระบบที่ช่วยหนุน Creator หน้าใหม่ แน่นอนว่าอันนี้ไปโทษ Line ก็ไม่เต็มปากนัก เพราะเขาเป็นบริษัทแสวงหาผลกำไร การโฆษณาหรือแจกฟรีสติ๊กเกอร์ที่ดังอยู่แล้ว ย่อมดีกว่าการเสี่ยงโปรโมตสติ๊กเกอร์ที่ไม่รู้ว่าจะดังรึเปล่า
จากข้อที่ยกมาทั้งหมด ผมมองเห็นเพียงที่โฆษณาที่เดียว ที่เราสามารถซื้อได้อย่างถูกต้อง ไม่เสียมารยาท และสื่อสารทางตรงกับลูกค้ามากที่สุด นั่นคือใช้เงินเพื่อซื้ออันดับบน Line Store ทีนี้เรามาดูกันว่ามันมีหลักการอย่างไร และใช้เงินประมาณเท่าไหร่
ให้เตรียมเงินไว้คร่าวๆประมาณ 3,500+ ในกรณีที่จะเอาจริงเอาจัง แต่เราไม่ได้ลงทีเดียว 3,500 นะครับ (ผมลองแค่ 700 พอละ) มันแบ่งออกเป็นช่วงๆ เพื่อกันความเสี่ยง เพราะมีบทเรียนจากรุ่นพี่บางคนที่ทุ่มสุดตัว สุดท้ายตกหน้าเร็วมากเพราะงานไม่โอเค ผมสรุปขั้นตอนการทำมาประมาณนี้ครับ
การดันแยกออกเป็น 3 ช่วงคือ Potential Test ทดสอบงานตัวเอง / Store Evaluation ประเมินสถานะตลาด / Position Maintaining รักษาอันดับเพื่อยืดอายุสติ๊กเกอร์
1.ช่วง Potential Test ทดสอบงานตัวเอง (งบ 25%ของเงินที่ตั้งไว้)
ช่วงนี้คือช่วงเริ่มต้น สมมติว่าเรากำลังจะขายงานที่ไม่มีคนรู้จักเลย เพจก็ยังไม่โต เครื่อข่ายใน Facebook เราก็มีแค่เพื่อนกับญาติ ให้ซื้อแจกครับ (อย่าบังคับใครซื้อนะ มันไม่น่ารัก) Volume ช่วงนี้จะดันสติ๊กเกอร์ของคุณให้มาอยู่ในหน้าที่ 4 ท้ายๆถึง 5 ต้นๆ (อาจ 3 หากแจกเยอะหน่อย) การดันให้ทำในวันปล่อยขายเลยครับ แรงดันของเราจะบวกกับแรงซื้อของคนอื่น จะช่วยให้ไปอันดับดีๆได้บ้าง แต่หลังจากที่ดันแล้ว อย่าเพลิน อย่าตะบี้ตะบันดันไปจนตังหมด ให้เก็บไว้ก่อน ปล่อยไว้สักคืนนึง วันต่อมาให้ดูอันดับครับ ถ้ามันดีขึ้นหลังจากที่เราไม่ดัน แสดงว่าสติ๊กเกอร์ของเรามี Potential ที่จะขายได้ ถูกใจตลาด เราค่อยดันต่อในขั้นตอนต่อไป อย่าง Creepsbury ของผมนี่ไม่ค่อยโดนตลาดเท่าไหร่ อันดับเริ่มลงจาก 79 มาที่แถวๆ 90 ละ ดังนั้นไม่ควรดันต่อ ถือว่าสอบไม่ผ่านข้อแรก (ผมแจกไปแค่ 30 คน ใช้เงินไป 750 บาท มีบางคนที่ดันแบบไม่ลืมหูลืมตา แต่สุดท้ายสติ๊กเกอร์ไม่ดึงดูดเพียงพอ ก็ร่วงเร็วมากจนเป็นการเสียเงินเปล่า)
2.Market Evaluation ดูตลาด (งบ 40% ของที่ตั้งไว้)
ไม่ใช่เราคนเดียวที่ดัน คนอื่นก็ดัน ดังนั้นการสังเกตสติ๊กเกอร์ข้างเคียงเป็นสิ่งจำเป็น ดูอันดับที่เขาขยับ ถ้าเป็นหน้าใหม่ๆจะสังเกตง่าย เพราะวันดีคืนดีเขาก็โผล่มาเหมือนเรา แต่ถ้าเป็นหน้าเก่าๆที่ค่อยๆลงมาจากหน้าแรกๆนี่สนุก ลองดันเข้าไปทีละเล็กละน้อย อาจพบว่าอันดับที่ดีกว่าเรา 5-6 อันดับ เราสามารถแซงได้ด้วยการแจกสติ๊กเกอร์ไม่กี่อัน แต่ก็มีบ้างที่เจอสติ๊กเกอร์ที่ Volume สูง พูดง่ายๆคือไปชนตอ ตรงนั้นเราจะสังเกตได้ว่าดันไปเท่าไหร่ก็ไม่ข้ามสักที งบประมาณตรงนี้แล้วแต่ชอบเลย บางคนขึ้นมาอีกหน้านึงได้เพราะแจกไปไม่กี่ร้อยบาท ขั้นตอนนี้อาจใช้สัก 1 วันก็น่าจะจับทางตลาดได้แล้วว่า ช่วงนั้นตลาดหนักรึเปล่า ต้องลงเงินขั้นสุดท้ายเยอะรึเปล่า การประเมินตลาดในขั้นตอนนี้เรายังสามารถมองเห็นได้แล้วว่าสติ๊กเกอร์ของเรา มีที่ที่ควรอยู่ที่หน้าเท่าไหร่ เพราะสติ๊กเกอร์บางตัวสามารถขึ้นหน้าหนึ่งได้ บางตัวควรอยู่แค่ 3 ดังนั้นการดันไปจนขึ้นหน้าแรกในขั้นตอนสุดท้ายเป็นเรื่องไม่จำเป็น หากสติ๊กเกอร์เราดูเปลี้ยไม่มีแรงดึงดูดพอ ดูจากอันดับที่ค่อยๆถอยลงหลังดันในขั้นตอนนี้ก็ได้
3.Position Maintaining การรักษาตำแหน่ง (งบที่เหลือ หรือจะเพิ่มก็แล้วแต่ หากขายดี)
อันนี้คือถ้าสติ๊กเกอร์เราเริ่มติดตลาดแล้ว สามารถลอยลำหน้าต้นๆได้โดยไม่ต้องช่วยดัน ปล่อยมันเลยครับ กูรูบางคนบอกว่าให้ลงเงินไปทั้งหมด เพื่อดันให้ได้อันดับดีๆอีก แต่บางคนก็บอกว่าปล่อยมันลอยไป ถ้าตำแหน่งเริ่มร่วง แค่พยุงมันให้อยู่แถวๆที่เดิมที่คนยังพอเห็น เพื่อยืดอายุสติ๊กเกอร์ที่เราอุตส่าห์หลังขดหลังแข็งวาดมา (แถมรอ Approve อีกเป็นชาติ) ให้มันมีอายุในการหาเงินให้เรายาวนานยิ่งขึ้น ส่วนตัวผมชอบแบบรักษาตำแหน่งมากกว่า หากทำสำเร็จตามขั้นตอนนี้ น่าจะได้เป็นกอบเป็นกำอยู่ ผู้รู้ทั้ง 5 ที่ผมคุยด้วยไม่ได้เปิดเผยว่าได้เท่าไหร่ แต่คร่าวๆสามารถไปได้ถึง 3-4 หมื่นต่อชุด/เดือน มีอายุการหาเงินอยู่ที่ 3 เดือนต่อชุด ซึ่งผมว่าก็โอเคเลย กับทุนที่ใช้ไปไม่กี่พันบาท
นี่แหละครับ หวังว่าคงมีประโยชน์กับเพื่อนๆบ้างไม่มากก็น้อย ผมไม่แน่ใจว่าคนอื่นๆมองเรื่องนี้ยังไง แต่ส่วนตัวผมคิดว่ามันคือการตลาดที่เสียมารยาทน้อยที่สุดแล้ว ในโลกแห่ง Marketing ทุกคนต้องปรับตัวตาม แม้แต่สติ๊กเกอร์ก็ด้วย ใครที่มีลูกฟลุ๊กโด่งดังมาได้แบบบังเอิญอย่าง "หมาเย็น" ก็โชคดีไป แต่ไม่ใช่ว่าความโชคดีนั้นจะเกิดขึ้นกับทุกคน สำหรับคนที่ไม่มีฐานคนรู้จัก ผมว่ามันจำเป็นเลยทีเดียว ลองดูแค่ขั้นแรกก่อนก็ได้ ไม่แน่ว่าลงไปไม่กี่ร้อย อยู่ดีๆอาจมีเซเลปเอาไปใช้ แล้วเกิดลูกฟลุ๊กขึ้นมาจริงๆก็ได้
ขอให้โชคดีและสนุกกับการขายครับ ^^
ยัยนี่แหละ ที่เข็นไม่ขึ้น ตกม้าตายตั้งแต่ขั้นตอนแรก
เทคนิคและวิธีการดันสติ๊กเกอร์ เพิ่มโอกาสรุ่งบน LINE
ผมอยากเขียนอะไรที่เป็นประโยชน์แบ่งปันเรื่องเกี่ยวกับ Line Sticker มานานแล้ว แต่ก็ไม่มีความรู้อะไรจะแชร์ เรื่องวาดก็ไม่ไหว เพราะทุกคนวาดเก่งกันอยู่แล้ว เรื่องขั้นตอนการทำและขายสติ๊กเกอร์ก็ไม่ไหวอีก เพราะมีชั้นครูแบ่งปันประสบการณ์กันมาเพียบเลย เดี๋ยวจะกลายเป็นสอนจระเข้ว่ายน้ำไปซะ แต่ยังมีหัวข้อหนึ่งที่ไม่มีใครเขียนหรือพูดถึงสักเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะตัวมันเองดูไม่เป็นธรรมชาติและเหมือนมีสีเทานิดๆ แต่เผอิญผมได้ลองมานิดนึงแล้ว และได้คุยกับคนที่มีประสบการณ์ด้านนี้มา 4-5 คน เลยอยากเอามาสรุปให้เพื่อนๆฟังครับ
นั่นคือเรื่อง “การดันสติ๊กเกอร์”
หลายคนอาจไม่เห็นด้วยกับผมซึ่งผมเองก็เข้าใจ ตอนแรกๆที่จะทำมันค่อนข้างสองจิตสองใจอยู่เหมือนกัน แต่ตัวผมเองเอนเอียงมาในแนวคิดที่ว่า การดันสติ๊กเกอร์ก็เหมือนการซื้อพื้นที่โฆษณาบนตลาด สินค้าที่ดีอาจขายตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพาการดัน แต่ก็มีสินค้าหลายๆตัวที่ต้องการการตลาดสนับสนุน ผมเชื่อว่าการตลาดเป็นปัจจัยหนึ่งในการขายของ ดังนั้นการดันเป็นเรื่องจำเป็นในการขายสติ๊กเกอร์ จะมากจะน้อยนี่แล้วแต่เลย แต่มันมีหลักการและวิธีการอยู่เป็นขั้นเป็นตอน ที่สามารถนำไปใช้และประเมินผลได้ ผมเองหวังว่าที่ผมเอามาแชร์น่าจะช่วยเหลือ Creator รุ่นใหม่หรือรุ่นเก่าที่กำลังเจอปัญหาของดีมี Potential แต่กลับจมทะเลไม่มีใครเห็นได้นะครับ ผิดถูกยังไงขออภัยไว้ล่วงหน้าครับ
ทำไมต้องดัน?
อันนี้คำตอบส่วนตัวเลยนะครับ พื้นที่ที่เปิดโอกาสให้เราโฆษณามีน้อยลงมากๆ
1.Facebook Fan Page เองก็ปรับให้สมาชิกเพจเห็น Post เราน้อยลง เพื่อที่จะบีบเราให้ไปซื้อโฆษณา ดังนั้นหากเพจไม่ใหญ่จริง โอกาสที่จะสื่อสารกับลูกเพจนี่แทบปิดตายเลยครับ
2.Creator รุ่นใหม่บางคนไม่มีเพจ หรือเพจเพิ่งตั้ง การสร้างฐานแฟนเพจเป็นอะไรที่กินระยะเวลายาวนาน บางครั้งมันไม่เร็วพอที่จะมาหนุนสติ๊กเกอร์ของเราที่กำลังจะออกวางขาย
3.การโพสท์ขายของตามเว็บหรือเพจต่างๆเป็นเรื่องเสียมารยาท อันนี้ไม่ควรทำ ส่วนการนำเอาโฆษณาแฝงแบบที่ทำๆกันใน Pantip นั้นต้องระวังให้ดี ตอนนี้ชาว Pantip เริ่มรู้มุขมากขึ้น และ Content ที่ลงไปเริ่มซ้ำๆเดิม กระแสอาจตีกลับได้ แม้จะยังน่าลุ้น แต่ก็อันตรายพอดู (แหะๆ อันนี้พูดจริง)
4.Line Store ไม่ค่อยมีระบบที่ช่วยหนุน Creator หน้าใหม่ แน่นอนว่าอันนี้ไปโทษ Line ก็ไม่เต็มปากนัก เพราะเขาเป็นบริษัทแสวงหาผลกำไร การโฆษณาหรือแจกฟรีสติ๊กเกอร์ที่ดังอยู่แล้ว ย่อมดีกว่าการเสี่ยงโปรโมตสติ๊กเกอร์ที่ไม่รู้ว่าจะดังรึเปล่า
จากข้อที่ยกมาทั้งหมด ผมมองเห็นเพียงที่โฆษณาที่เดียว ที่เราสามารถซื้อได้อย่างถูกต้อง ไม่เสียมารยาท และสื่อสารทางตรงกับลูกค้ามากที่สุด นั่นคือใช้เงินเพื่อซื้ออันดับบน Line Store ทีนี้เรามาดูกันว่ามันมีหลักการอย่างไร และใช้เงินประมาณเท่าไหร่
ให้เตรียมเงินไว้คร่าวๆประมาณ 3,500+ ในกรณีที่จะเอาจริงเอาจัง แต่เราไม่ได้ลงทีเดียว 3,500 นะครับ (ผมลองแค่ 700 พอละ) มันแบ่งออกเป็นช่วงๆ เพื่อกันความเสี่ยง เพราะมีบทเรียนจากรุ่นพี่บางคนที่ทุ่มสุดตัว สุดท้ายตกหน้าเร็วมากเพราะงานไม่โอเค ผมสรุปขั้นตอนการทำมาประมาณนี้ครับ
การดันแยกออกเป็น 3 ช่วงคือ Potential Test ทดสอบงานตัวเอง / Store Evaluation ประเมินสถานะตลาด / Position Maintaining รักษาอันดับเพื่อยืดอายุสติ๊กเกอร์
1.ช่วง Potential Test ทดสอบงานตัวเอง (งบ 25%ของเงินที่ตั้งไว้)
ช่วงนี้คือช่วงเริ่มต้น สมมติว่าเรากำลังจะขายงานที่ไม่มีคนรู้จักเลย เพจก็ยังไม่โต เครื่อข่ายใน Facebook เราก็มีแค่เพื่อนกับญาติ ให้ซื้อแจกครับ (อย่าบังคับใครซื้อนะ มันไม่น่ารัก) Volume ช่วงนี้จะดันสติ๊กเกอร์ของคุณให้มาอยู่ในหน้าที่ 4 ท้ายๆถึง 5 ต้นๆ (อาจ 3 หากแจกเยอะหน่อย) การดันให้ทำในวันปล่อยขายเลยครับ แรงดันของเราจะบวกกับแรงซื้อของคนอื่น จะช่วยให้ไปอันดับดีๆได้บ้าง แต่หลังจากที่ดันแล้ว อย่าเพลิน อย่าตะบี้ตะบันดันไปจนตังหมด ให้เก็บไว้ก่อน ปล่อยไว้สักคืนนึง วันต่อมาให้ดูอันดับครับ ถ้ามันดีขึ้นหลังจากที่เราไม่ดัน แสดงว่าสติ๊กเกอร์ของเรามี Potential ที่จะขายได้ ถูกใจตลาด เราค่อยดันต่อในขั้นตอนต่อไป อย่าง Creepsbury ของผมนี่ไม่ค่อยโดนตลาดเท่าไหร่ อันดับเริ่มลงจาก 79 มาที่แถวๆ 90 ละ ดังนั้นไม่ควรดันต่อ ถือว่าสอบไม่ผ่านข้อแรก (ผมแจกไปแค่ 30 คน ใช้เงินไป 750 บาท มีบางคนที่ดันแบบไม่ลืมหูลืมตา แต่สุดท้ายสติ๊กเกอร์ไม่ดึงดูดเพียงพอ ก็ร่วงเร็วมากจนเป็นการเสียเงินเปล่า)
2.Market Evaluation ดูตลาด (งบ 40% ของที่ตั้งไว้)
ไม่ใช่เราคนเดียวที่ดัน คนอื่นก็ดัน ดังนั้นการสังเกตสติ๊กเกอร์ข้างเคียงเป็นสิ่งจำเป็น ดูอันดับที่เขาขยับ ถ้าเป็นหน้าใหม่ๆจะสังเกตง่าย เพราะวันดีคืนดีเขาก็โผล่มาเหมือนเรา แต่ถ้าเป็นหน้าเก่าๆที่ค่อยๆลงมาจากหน้าแรกๆนี่สนุก ลองดันเข้าไปทีละเล็กละน้อย อาจพบว่าอันดับที่ดีกว่าเรา 5-6 อันดับ เราสามารถแซงได้ด้วยการแจกสติ๊กเกอร์ไม่กี่อัน แต่ก็มีบ้างที่เจอสติ๊กเกอร์ที่ Volume สูง พูดง่ายๆคือไปชนตอ ตรงนั้นเราจะสังเกตได้ว่าดันไปเท่าไหร่ก็ไม่ข้ามสักที งบประมาณตรงนี้แล้วแต่ชอบเลย บางคนขึ้นมาอีกหน้านึงได้เพราะแจกไปไม่กี่ร้อยบาท ขั้นตอนนี้อาจใช้สัก 1 วันก็น่าจะจับทางตลาดได้แล้วว่า ช่วงนั้นตลาดหนักรึเปล่า ต้องลงเงินขั้นสุดท้ายเยอะรึเปล่า การประเมินตลาดในขั้นตอนนี้เรายังสามารถมองเห็นได้แล้วว่าสติ๊กเกอร์ของเรา มีที่ที่ควรอยู่ที่หน้าเท่าไหร่ เพราะสติ๊กเกอร์บางตัวสามารถขึ้นหน้าหนึ่งได้ บางตัวควรอยู่แค่ 3 ดังนั้นการดันไปจนขึ้นหน้าแรกในขั้นตอนสุดท้ายเป็นเรื่องไม่จำเป็น หากสติ๊กเกอร์เราดูเปลี้ยไม่มีแรงดึงดูดพอ ดูจากอันดับที่ค่อยๆถอยลงหลังดันในขั้นตอนนี้ก็ได้
3.Position Maintaining การรักษาตำแหน่ง (งบที่เหลือ หรือจะเพิ่มก็แล้วแต่ หากขายดี)
อันนี้คือถ้าสติ๊กเกอร์เราเริ่มติดตลาดแล้ว สามารถลอยลำหน้าต้นๆได้โดยไม่ต้องช่วยดัน ปล่อยมันเลยครับ กูรูบางคนบอกว่าให้ลงเงินไปทั้งหมด เพื่อดันให้ได้อันดับดีๆอีก แต่บางคนก็บอกว่าปล่อยมันลอยไป ถ้าตำแหน่งเริ่มร่วง แค่พยุงมันให้อยู่แถวๆที่เดิมที่คนยังพอเห็น เพื่อยืดอายุสติ๊กเกอร์ที่เราอุตส่าห์หลังขดหลังแข็งวาดมา (แถมรอ Approve อีกเป็นชาติ) ให้มันมีอายุในการหาเงินให้เรายาวนานยิ่งขึ้น ส่วนตัวผมชอบแบบรักษาตำแหน่งมากกว่า หากทำสำเร็จตามขั้นตอนนี้ น่าจะได้เป็นกอบเป็นกำอยู่ ผู้รู้ทั้ง 5 ที่ผมคุยด้วยไม่ได้เปิดเผยว่าได้เท่าไหร่ แต่คร่าวๆสามารถไปได้ถึง 3-4 หมื่นต่อชุด/เดือน มีอายุการหาเงินอยู่ที่ 3 เดือนต่อชุด ซึ่งผมว่าก็โอเคเลย กับทุนที่ใช้ไปไม่กี่พันบาท
นี่แหละครับ หวังว่าคงมีประโยชน์กับเพื่อนๆบ้างไม่มากก็น้อย ผมไม่แน่ใจว่าคนอื่นๆมองเรื่องนี้ยังไง แต่ส่วนตัวผมคิดว่ามันคือการตลาดที่เสียมารยาทน้อยที่สุดแล้ว ในโลกแห่ง Marketing ทุกคนต้องปรับตัวตาม แม้แต่สติ๊กเกอร์ก็ด้วย ใครที่มีลูกฟลุ๊กโด่งดังมาได้แบบบังเอิญอย่าง "หมาเย็น" ก็โชคดีไป แต่ไม่ใช่ว่าความโชคดีนั้นจะเกิดขึ้นกับทุกคน สำหรับคนที่ไม่มีฐานคนรู้จัก ผมว่ามันจำเป็นเลยทีเดียว ลองดูแค่ขั้นแรกก่อนก็ได้ ไม่แน่ว่าลงไปไม่กี่ร้อย อยู่ดีๆอาจมีเซเลปเอาไปใช้ แล้วเกิดลูกฟลุ๊กขึ้นมาจริงๆก็ได้
ขอให้โชคดีและสนุกกับการขายครับ ^^
ยัยนี่แหละ ที่เข็นไม่ขึ้น ตกม้าตายตั้งแต่ขั้นตอนแรก