ตุ๊สไทยก่อนไปเมืองจีน
เป้าหมายในการเขียนนะค่ะ
เพื่อแชร์ประสบการณ์การขอทุน
เพื่อแชร์ชีวิตต้องสู้ของตุ๊สไทยคนหนึ่ง
เพื่อที่จะเป็นประโยชน์แก่คนที่สนใจ
เพื่อที่จะให้กำลังใจกับคนที่กำลังแท้แท้ หมดหนทาง อ่อนแอ หว้าเหว่ เหงาแหละเดียวดายยยยย
เพื่อสร้างความบันเทิงหรือปล่าว
และเพื่อเล่าเรื่องของเราให้ทุกคนได้รับฟัง
สวัสดีครับ อุ้ยไม่สิ ต้องสวัสดีคร้าทุกคน( ย่อต่ำๆและไหว้งามๆแบบตุ๊สไทย) ที่ใช้คำว่าตุ๊ส ไม่ใช้ตุ๊ด เพราะเพื่อนๆเรียกเราแบบนี้โดยที่คำว่าตุ๊ดมีเสียงเอสตามหลังและอยากให้มันแลดูมีสีสันนะค่ะ นี่ก็เป็นกระทู้แรกที่จะมาเจิมนะค่ะ
เมื่อก่อนได้ได้แต่พูดเล่าให้เพื่อนๆฟังค่ะ ส่วนมากจะเม้ามากกว่า โดยส่วนตัวเป็นคนพูดมากมากค่ะ ไร้สาระ เวิ่นเว้อ เพ้อเจ้อและป่วงมากค่ะ เอาละแนะนำตัวนิสนึงนะค่ะ ชื่อคูเวตค่ะ เป็นชื่อเล่นจริงๆที่คุณพ่อกับคุณแม่เป็นคนตั้งให้ตั้งแต่เกิดเลย ไม่ได้แอ๊บแต่อย่างใดน่ะค่ะ เพราะว่าเกิดช่วงสงครามคูเวตค่ะปี 1991 และคุณพ่อเป็นทหารเลยตั้งชื่อนี้ค่ะและมันก็เป็นชื่อที่แปลกมาจนถึงทุกวันนี้คร่ะ สวยๆนะค่ะ
เอาละมาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าว่าไปอยู่เมืองจีนได้อย่างไร หล่อนไปทำอะไรมา หล่อนเอาตัวเข้าแลกกับผู้ชายแล้วถึงได้ไปใช่ไหม หล่อนโหลดได้ท้องเครื่องบินไปใช่ไหม หล่อนว่ายน้ำข้ามทะเลไปรึปล่าว ไม่จริงเลยค่ะ อันนี้มาด้วยความสามารถล้วนๆค่ะ งั้นหล่อนไปได้อย่างไรละ ขอทุนมาค่ะ ปังงงงงงงงงง จบนะค่ะ ขอทุน แล้วหล่อนขอทุนอะไรค่ะ ทุนสามี ทุนบิดามารดา ทุนตนเอง หรือทุนนิยมค่ะ ห้าๆ ได้ทุน ซีเอสซี CSC:Chinese Scholarship Council ของรัฐบาลจีนมาค่ะ
ซึ่งในตอนที่เรียนมหาลัยนั้น(ตุ๊สจบจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงค่ะ สำนักวิชาศิลปศาสตร์ สาขาวิชาภาษาจีนธุรกิจ) ตุ๊สก็เรียนเอกจีนธุรกิจค่ะและก็มีพี่มากมายหลายคนได้ทุนนี้มาเรียนที่เมืองจีนเยอะแยะมากมายค่ะ ตอนปีสี่ตุ๊สก็เลยเม้ากับเพื่อนๆนะค่ะว่าจะไปเมืองจีนให้ได้ ไปเรียนเมืองจีนให้ได้ค่ะ แล้วก็ตุ๊สก็ตั้งเป้าเลยค่ะ เรียนจบปุ๊บขอทุนไปเลยคร้า และแล้วเมื่อตุ๊สเรียนจบตุ๊สก็เลยเตรียมเอกสารต่างๆนาๆที่ทุนเขาต้องการ เม้ามอยกับเพื่อนๆพี่ๆที่ขอทุนเหมือนกันค่ะ เตรียมทุกอย่างพร้อม ขั้นตอนสุดท้ายคือคุยกับที่บ้านค่ะ
บอกไว้ก่อนนะค่ะเราเป็นเด็กกำพร้าค่ะ กำพร้าพ่อกับแม่ตั้งแต่หกขวบแล้วก็เลยอาศัยอยู่กับยาย กับป้า กับน้า และตอนที่จบมหาลัยนั้นก็อาศัยอยู่กับน้าค่ะ เราก็เลยไปคุยกับน้าว่าถ้าเราจะขอทุนไปจีน จะขอน้าช่วยเรื่องตั๋วเครื่องบินได้ไหม ส่วนเรื่องค้าใช้จ่ายเราจะไปตายเอาดาบหน้า และคำตอบตอบที่ได้คือ น้าบอกว่าทำงานเก็บเงินไปเองสิ น้าช่วยไม่ได้หรอก เรานี่แบบแป้วเลย เสียใจสุดๆ ร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือดเลยค่ะ จากนั้นตุ๊สก็ล้มเลิกทุกอย่าง หางานค่ะ ที่จริงเราก็ได้งานอยู่งานแล้วคือทำงานธนาคารค่ะ แต่ด้วยที่ไม่ผ่านการเกณฑ์ทหารเขาก็เลยให้เรารอไปก่อน จนกว่าจะผ่านการเกณฑ์ทหารนะค่ะ(เพราะธนาคารเป็นรัฐวิสาหกิจ) เราก็เลยไปทำงานเป็นเจ้าหน้าที่บริการที่สถาบันสอนภาษาแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ (อ้อเราเป็นตุ๊สเชียงรายนะค่ะ เกิดเชียงรายค่ะ อู้เหนือแหล๋วแล้ดเจ้า
พอได้งานที่เชียงใหม่เราก็เริ่มทำงานค่ะ แว้นมอเตอร์ไซด์จากแม่ริมไปทำงานในเมืองทุกวันค่ะ งานก็ทำทุกอย่างค่ะ สากะเบือ ยันเรือรบ เราทำงานในตำแหน่งที่สมัครคือแอดมินนะค่ะ แต่เราทำทั้งล่ามภาษาจีนให้กับผู้จัดการสาขาขายคอร์สให้คนจีน เช็คตารางเรียนให้เด็กที่มาเรียนภาษา ทำเอกสารภาษาจีน แปลงานจากไทยเป็นจีน ทำเมล์ติดต่อเอเย่นต์จีน และหน้าที่ล่าสุดก่อนลาออกคือเป็นครูสอนพิเศษภาษาจีนให้แก่เด็กมหาลัยปีหนึ่งในเชียงใหม่ค่ะ และแล้วเพื่อนของตุ๊สอีกคนก็มาชวนไปทำงานเป็นล่ามให้กับบริษัทผลิตไฟฟ้าจากากอ้อยค่ะ หรือพวกพลังงานทดแทนค่ะ เงินเดือนเยอะมากค่ะแต่เป็นสัญญาจ้างนะค่ะ บริษัทดีมากค่ะ ทั้งคนในบริษัทและเพื่อนร่วมงาน หัวหน้าและเจ้าของบริษัท หน้าที่งานตุ๊สก็เป็นล่ามเทคนิคค่ะ แปลงานให้วิศวกรไทย วิศวกรจีนค่ะ ทำงานอยู่หน้าไซด์งานค่ะ เป็นตุ๊สไซด์งาน ทำงานกะวิศวะ และคนงานก่อสร้าง สนุกดีนะค่ะ ถือว่าพลิกบทบาทของตุ๊สมากค่ะ
ตุ๊สก็ทำงานเก็บเงินเรื่อยๆค่ะเพื่อมีเป้าหมายคือ ไปเรียนต่อที่ประเทศจีนค่ะ ระหว่างทำงานตุ๊สก็เตรียมเอกสารและส่งเอกสารไปยังมหาลัยในจีนค่ะทั้งหมด ห้ามหาลัย ซึ่งตุ๊สได้ตอบรับทั้งหมดสี่มหาลัยด้วยกันค่ะ ท้วมท้นค่ะ ตุ๊สนี่แบบแทบเป็นลมชักดิ้นชักงอค่ะ และสุดท้ายตุ๊สก็ได้มาลงเอยที่มหาวิทยาลัยนานาชาติเซี่ยงไฮ้ค่ะ (และก็โดนอีกสามหาลัยในจีนจิกเบาๆค่ะว่าไม่เลือกมหาลัยเขาและทำให้เขาเสียเวลา และที่ทำให้ตุ๊สรู้สึกผิดมากๆคือทำให้เด็กคนอื่นเสียโอกาสที่จะได้ทุนค่ะ ปังงงงงง ซึมเลยคร้า)
Shanghai International Studies University, Shanghai China ระดับปริญญาโท สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศค่ะ ตายแล้วววววว แลดูยิ่งใหญ่นะค่ะ เหมือนตุ๊สจะมุ่งสู้การเป็นนักการทูตหรือทำงานเกี่ยวกับการต่างประเทศค่ะ แต่ไม่เลยความฝันของตุ๊สคือเป็นอาจารย์มหาลัยค่ะ( ที่เลือกมาเซี่ยงไฮ้คิดว่าฝรั่งต้องเยอะแน่ๆเป็นเมืองเจริญ ผู้ชายก็ต้องแซ่บ เป็นผู้ดีแน่ๆ คราวนี้แหละมีผัวแน่ ลุยๆ)จากนั้นตุ๊สก็ออกจากงานในเดือนสิงหาคมค่ะ กลับมาที่เชียงใหม่ค่ะมาซื้อของกระเป๋าเดินทาง ของใช้จำเป็น ยา อาหารแห้ง(แลดูแบบจะไปตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง) เสื้อผ้า ทำวีซ่า ตรวจสุขภาพ ซื้อตั๋วเครื่องบินค่ะ เตรียมเรียบร้อยค่ะ หมดเงินไปเยอะมากค่ะ รู้สึกว่าเงินที่สะสมมาจากการทำงานตลอดหนึ่งปีได้หายไปในพริบตาเดียวค่ะ ตุ๊สก็มึนๆ งงๆเมาๆค่ะ แต่สู้ค่ะ ตุ๊สไทยอ่ะนะค่ะ คิดในใจเสมอค่ะสู้มาตั้งแต่เด็กแล้วสู้อีกจะเป็นไรไป อั้ยยะ แลดูงามมมมมมมมมมมมม แลดูมีคุณค่า มอบมงมองสายสะพายค่ะ ห้าๆ
ต่อมานะค่ะตุ๊สก็กลับเชียงรายค่ะ กลับไปลาญาติ เพื่อนๆอันเป็นที่รัก และบอกกับทุกคนว่าตุ๊สจะไปเมืองจีนแล้วนะ เป้าหมายหมายหลักคือไปหาสามี เป้าหมายสองคือเรียนค่ะ อุ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย แลดูแรสนะค่ะห้าๆ แต่ก็นะค่ะเอาเป็นว่าเรียนเรื่องหลัก ได้ผัวคือของแถมนะค่ะ
จากนั้นก็มาถึงวันที่บินค่ะ วันที่ เก้า เดือน กันยายน ตุ๊สเลือกวันนี้เพราะมันมีความหมายดีค่ะ คือ เก้า เดือน เก้า ชีวิต การเรียน การเงิน การหาสามี ก้าวหน้าค่ะ ห้าๆ จากนั้นก็มาถึงสนามบินค่ะ ไม่มีญาติมาส่งนะค่ะ ก็คือบอกไปแล้วเนาะว่าเป็นเด็กกำพร้าแล้วก็อยู่กับน้า เขาก็มีธุรกิจของเขาที่ต้องดูแลไม่สามารถมาได้ค่ะ แต่ก็มีเพื่อนๆมาส่งนะค่ะ แต่ละคนบุกป่าฝ่าดง ฝนตก เลิกงาน รถติด เยอะค่ะ มาส่งตุ๊สที่สนามบิน แต่ตุ๊สบินตีหนึ่งค่ะ สี่ทุ่มเพื่อนๆก็กลับบ้านค่ะ ก็ทิ้งตุ๊สปล่าวเปลี่ยวค่ะ แต่ก็มีพี่ที่รู้จักได้ทุนมามอนี้เช่นกันเลยแก้เหงาได้ค่ะ แต่พี่และเพื่อนเขาก็ร้องไห้นะค่ะที่มีคนมาส่งแล้วก็ต้องจากลา แต่ตุ๊สไม่ค่ะ เพราะตุ๊สชินกับความดียวดาย และการสู้ชีวิตมาเยอะ มันทำให้ตุ๊สเด็ดเดี่ยวและแข็งแกร่งมากค่ะ จากนั้นตอนตีหนึ่งตุ๊สก็บินลัดน่านฟ้าไทยมาเมืองจีนค่ะ แท้แด่มมมมมมมมมมมมมมมมม เมืองจีน ครั้งแรกเลยค่ะที่มาเมืองนอก ไม่เคยมาเมืองนอกมาก่อน กรี๊สสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส ค่ะ แล้วเด๋วกระทู้หน้าตุ๊สจะมาเล่าชีวิตในเมืองจีนนะค่ะ ถ้าชอบก็จะดีมากๆค่ะ แต่ไม่ชอบก็อย่าด่าเรานะค่ะ เพราะนี่กระทู้แรก เม้าท์มอย เมาๆ ค่ะ ส่วนเรื่องภาษาไทยถ้าผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ.... เด่วมาต่อนะคะ
[CR] ตุ๊สไทยไปเรียนเมืองจีน
เป้าหมายในการเขียนนะค่ะ
เพื่อแชร์ประสบการณ์การขอทุน
เพื่อแชร์ชีวิตต้องสู้ของตุ๊สไทยคนหนึ่ง
เพื่อที่จะเป็นประโยชน์แก่คนที่สนใจ
เพื่อที่จะให้กำลังใจกับคนที่กำลังแท้แท้ หมดหนทาง อ่อนแอ หว้าเหว่ เหงาแหละเดียวดายยยยย
เพื่อสร้างความบันเทิงหรือปล่าว
และเพื่อเล่าเรื่องของเราให้ทุกคนได้รับฟัง
สวัสดีครับ อุ้ยไม่สิ ต้องสวัสดีคร้าทุกคน( ย่อต่ำๆและไหว้งามๆแบบตุ๊สไทย) ที่ใช้คำว่าตุ๊ส ไม่ใช้ตุ๊ด เพราะเพื่อนๆเรียกเราแบบนี้โดยที่คำว่าตุ๊ดมีเสียงเอสตามหลังและอยากให้มันแลดูมีสีสันนะค่ะ นี่ก็เป็นกระทู้แรกที่จะมาเจิมนะค่ะ
เมื่อก่อนได้ได้แต่พูดเล่าให้เพื่อนๆฟังค่ะ ส่วนมากจะเม้ามากกว่า โดยส่วนตัวเป็นคนพูดมากมากค่ะ ไร้สาระ เวิ่นเว้อ เพ้อเจ้อและป่วงมากค่ะ เอาละแนะนำตัวนิสนึงนะค่ะ ชื่อคูเวตค่ะ เป็นชื่อเล่นจริงๆที่คุณพ่อกับคุณแม่เป็นคนตั้งให้ตั้งแต่เกิดเลย ไม่ได้แอ๊บแต่อย่างใดน่ะค่ะ เพราะว่าเกิดช่วงสงครามคูเวตค่ะปี 1991 และคุณพ่อเป็นทหารเลยตั้งชื่อนี้ค่ะและมันก็เป็นชื่อที่แปลกมาจนถึงทุกวันนี้คร่ะ สวยๆนะค่ะ
เอาละมาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าว่าไปอยู่เมืองจีนได้อย่างไร หล่อนไปทำอะไรมา หล่อนเอาตัวเข้าแลกกับผู้ชายแล้วถึงได้ไปใช่ไหม หล่อนโหลดได้ท้องเครื่องบินไปใช่ไหม หล่อนว่ายน้ำข้ามทะเลไปรึปล่าว ไม่จริงเลยค่ะ อันนี้มาด้วยความสามารถล้วนๆค่ะ งั้นหล่อนไปได้อย่างไรละ ขอทุนมาค่ะ ปังงงงงงงงงง จบนะค่ะ ขอทุน แล้วหล่อนขอทุนอะไรค่ะ ทุนสามี ทุนบิดามารดา ทุนตนเอง หรือทุนนิยมค่ะ ห้าๆ ได้ทุน ซีเอสซี CSC:Chinese Scholarship Council ของรัฐบาลจีนมาค่ะ
ซึ่งในตอนที่เรียนมหาลัยนั้น(ตุ๊สจบจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงค่ะ สำนักวิชาศิลปศาสตร์ สาขาวิชาภาษาจีนธุรกิจ) ตุ๊สก็เรียนเอกจีนธุรกิจค่ะและก็มีพี่มากมายหลายคนได้ทุนนี้มาเรียนที่เมืองจีนเยอะแยะมากมายค่ะ ตอนปีสี่ตุ๊สก็เลยเม้ากับเพื่อนๆนะค่ะว่าจะไปเมืองจีนให้ได้ ไปเรียนเมืองจีนให้ได้ค่ะ แล้วก็ตุ๊สก็ตั้งเป้าเลยค่ะ เรียนจบปุ๊บขอทุนไปเลยคร้า และแล้วเมื่อตุ๊สเรียนจบตุ๊สก็เลยเตรียมเอกสารต่างๆนาๆที่ทุนเขาต้องการ เม้ามอยกับเพื่อนๆพี่ๆที่ขอทุนเหมือนกันค่ะ เตรียมทุกอย่างพร้อม ขั้นตอนสุดท้ายคือคุยกับที่บ้านค่ะ
บอกไว้ก่อนนะค่ะเราเป็นเด็กกำพร้าค่ะ กำพร้าพ่อกับแม่ตั้งแต่หกขวบแล้วก็เลยอาศัยอยู่กับยาย กับป้า กับน้า และตอนที่จบมหาลัยนั้นก็อาศัยอยู่กับน้าค่ะ เราก็เลยไปคุยกับน้าว่าถ้าเราจะขอทุนไปจีน จะขอน้าช่วยเรื่องตั๋วเครื่องบินได้ไหม ส่วนเรื่องค้าใช้จ่ายเราจะไปตายเอาดาบหน้า และคำตอบตอบที่ได้คือ น้าบอกว่าทำงานเก็บเงินไปเองสิ น้าช่วยไม่ได้หรอก เรานี่แบบแป้วเลย เสียใจสุดๆ ร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือดเลยค่ะ จากนั้นตุ๊สก็ล้มเลิกทุกอย่าง หางานค่ะ ที่จริงเราก็ได้งานอยู่งานแล้วคือทำงานธนาคารค่ะ แต่ด้วยที่ไม่ผ่านการเกณฑ์ทหารเขาก็เลยให้เรารอไปก่อน จนกว่าจะผ่านการเกณฑ์ทหารนะค่ะ(เพราะธนาคารเป็นรัฐวิสาหกิจ) เราก็เลยไปทำงานเป็นเจ้าหน้าที่บริการที่สถาบันสอนภาษาแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ (อ้อเราเป็นตุ๊สเชียงรายนะค่ะ เกิดเชียงรายค่ะ อู้เหนือแหล๋วแล้ดเจ้า
พอได้งานที่เชียงใหม่เราก็เริ่มทำงานค่ะ แว้นมอเตอร์ไซด์จากแม่ริมไปทำงานในเมืองทุกวันค่ะ งานก็ทำทุกอย่างค่ะ สากะเบือ ยันเรือรบ เราทำงานในตำแหน่งที่สมัครคือแอดมินนะค่ะ แต่เราทำทั้งล่ามภาษาจีนให้กับผู้จัดการสาขาขายคอร์สให้คนจีน เช็คตารางเรียนให้เด็กที่มาเรียนภาษา ทำเอกสารภาษาจีน แปลงานจากไทยเป็นจีน ทำเมล์ติดต่อเอเย่นต์จีน และหน้าที่ล่าสุดก่อนลาออกคือเป็นครูสอนพิเศษภาษาจีนให้แก่เด็กมหาลัยปีหนึ่งในเชียงใหม่ค่ะ และแล้วเพื่อนของตุ๊สอีกคนก็มาชวนไปทำงานเป็นล่ามให้กับบริษัทผลิตไฟฟ้าจากากอ้อยค่ะ หรือพวกพลังงานทดแทนค่ะ เงินเดือนเยอะมากค่ะแต่เป็นสัญญาจ้างนะค่ะ บริษัทดีมากค่ะ ทั้งคนในบริษัทและเพื่อนร่วมงาน หัวหน้าและเจ้าของบริษัท หน้าที่งานตุ๊สก็เป็นล่ามเทคนิคค่ะ แปลงานให้วิศวกรไทย วิศวกรจีนค่ะ ทำงานอยู่หน้าไซด์งานค่ะ เป็นตุ๊สไซด์งาน ทำงานกะวิศวะ และคนงานก่อสร้าง สนุกดีนะค่ะ ถือว่าพลิกบทบาทของตุ๊สมากค่ะ
ตุ๊สก็ทำงานเก็บเงินเรื่อยๆค่ะเพื่อมีเป้าหมายคือ ไปเรียนต่อที่ประเทศจีนค่ะ ระหว่างทำงานตุ๊สก็เตรียมเอกสารและส่งเอกสารไปยังมหาลัยในจีนค่ะทั้งหมด ห้ามหาลัย ซึ่งตุ๊สได้ตอบรับทั้งหมดสี่มหาลัยด้วยกันค่ะ ท้วมท้นค่ะ ตุ๊สนี่แบบแทบเป็นลมชักดิ้นชักงอค่ะ และสุดท้ายตุ๊สก็ได้มาลงเอยที่มหาวิทยาลัยนานาชาติเซี่ยงไฮ้ค่ะ (และก็โดนอีกสามหาลัยในจีนจิกเบาๆค่ะว่าไม่เลือกมหาลัยเขาและทำให้เขาเสียเวลา และที่ทำให้ตุ๊สรู้สึกผิดมากๆคือทำให้เด็กคนอื่นเสียโอกาสที่จะได้ทุนค่ะ ปังงงงงง ซึมเลยคร้า)
Shanghai International Studies University, Shanghai China ระดับปริญญาโท สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศค่ะ ตายแล้วววววว แลดูยิ่งใหญ่นะค่ะ เหมือนตุ๊สจะมุ่งสู้การเป็นนักการทูตหรือทำงานเกี่ยวกับการต่างประเทศค่ะ แต่ไม่เลยความฝันของตุ๊สคือเป็นอาจารย์มหาลัยค่ะ( ที่เลือกมาเซี่ยงไฮ้คิดว่าฝรั่งต้องเยอะแน่ๆเป็นเมืองเจริญ ผู้ชายก็ต้องแซ่บ เป็นผู้ดีแน่ๆ คราวนี้แหละมีผัวแน่ ลุยๆ)จากนั้นตุ๊สก็ออกจากงานในเดือนสิงหาคมค่ะ กลับมาที่เชียงใหม่ค่ะมาซื้อของกระเป๋าเดินทาง ของใช้จำเป็น ยา อาหารแห้ง(แลดูแบบจะไปตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง) เสื้อผ้า ทำวีซ่า ตรวจสุขภาพ ซื้อตั๋วเครื่องบินค่ะ เตรียมเรียบร้อยค่ะ หมดเงินไปเยอะมากค่ะ รู้สึกว่าเงินที่สะสมมาจากการทำงานตลอดหนึ่งปีได้หายไปในพริบตาเดียวค่ะ ตุ๊สก็มึนๆ งงๆเมาๆค่ะ แต่สู้ค่ะ ตุ๊สไทยอ่ะนะค่ะ คิดในใจเสมอค่ะสู้มาตั้งแต่เด็กแล้วสู้อีกจะเป็นไรไป อั้ยยะ แลดูงามมมมมมมมมมมมม แลดูมีคุณค่า มอบมงมองสายสะพายค่ะ ห้าๆ
ต่อมานะค่ะตุ๊สก็กลับเชียงรายค่ะ กลับไปลาญาติ เพื่อนๆอันเป็นที่รัก และบอกกับทุกคนว่าตุ๊สจะไปเมืองจีนแล้วนะ เป้าหมายหมายหลักคือไปหาสามี เป้าหมายสองคือเรียนค่ะ อุ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย แลดูแรสนะค่ะห้าๆ แต่ก็นะค่ะเอาเป็นว่าเรียนเรื่องหลัก ได้ผัวคือของแถมนะค่ะ
จากนั้นก็มาถึงวันที่บินค่ะ วันที่ เก้า เดือน กันยายน ตุ๊สเลือกวันนี้เพราะมันมีความหมายดีค่ะ คือ เก้า เดือน เก้า ชีวิต การเรียน การเงิน การหาสามี ก้าวหน้าค่ะ ห้าๆ จากนั้นก็มาถึงสนามบินค่ะ ไม่มีญาติมาส่งนะค่ะ ก็คือบอกไปแล้วเนาะว่าเป็นเด็กกำพร้าแล้วก็อยู่กับน้า เขาก็มีธุรกิจของเขาที่ต้องดูแลไม่สามารถมาได้ค่ะ แต่ก็มีเพื่อนๆมาส่งนะค่ะ แต่ละคนบุกป่าฝ่าดง ฝนตก เลิกงาน รถติด เยอะค่ะ มาส่งตุ๊สที่สนามบิน แต่ตุ๊สบินตีหนึ่งค่ะ สี่ทุ่มเพื่อนๆก็กลับบ้านค่ะ ก็ทิ้งตุ๊สปล่าวเปลี่ยวค่ะ แต่ก็มีพี่ที่รู้จักได้ทุนมามอนี้เช่นกันเลยแก้เหงาได้ค่ะ แต่พี่และเพื่อนเขาก็ร้องไห้นะค่ะที่มีคนมาส่งแล้วก็ต้องจากลา แต่ตุ๊สไม่ค่ะ เพราะตุ๊สชินกับความดียวดาย และการสู้ชีวิตมาเยอะ มันทำให้ตุ๊สเด็ดเดี่ยวและแข็งแกร่งมากค่ะ จากนั้นตอนตีหนึ่งตุ๊สก็บินลัดน่านฟ้าไทยมาเมืองจีนค่ะ แท้แด่มมมมมมมมมมมมมมมมม เมืองจีน ครั้งแรกเลยค่ะที่มาเมืองนอก ไม่เคยมาเมืองนอกมาก่อน กรี๊สสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส ค่ะ แล้วเด๋วกระทู้หน้าตุ๊สจะมาเล่าชีวิตในเมืองจีนนะค่ะ ถ้าชอบก็จะดีมากๆค่ะ แต่ไม่ชอบก็อย่าด่าเรานะค่ะ เพราะนี่กระทู้แรก เม้าท์มอย เมาๆ ค่ะ ส่วนเรื่องภาษาไทยถ้าผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ.... เด่วมาต่อนะคะ