หลังจากดูคลิปคุณแม่บ้านญี่ปุ่นจัดการลูกชายวัยน่ารักไปโรงเรียน ก็แอบคิด ๆ ว่าเคยเห็นหน้าคุณแม่ที่ไหนหนอ นึกได้อีกที อ้อ ... คุณมุราคามิ โทโมโกะ นะเอง ปกติแล้วเธอเป็นนักแสดงตลกในรายการวาไรตี้หลายรายการ แต่ส่วนตัวเรารู้จักเธอตอนที่เธอเล่นละครกับโกโร่จัง(SMAP) เมื่อ 7-8 ปีก่อน เป็นละครที่น่าสนใจทีเดียวแต่ไม่ค่อยมีคนพูดถึงไม่ว่าจะในไทยหรือในญี่ปุ่นก็ตาม เมื่อดูชื่อเรื่อง Busu no hitomi ni koishiteru ตกหลุมรักยัยขี้เหร่ บ้านเราก็มีพล็อตแบบนี้อยู่หลายเรื่องนะ แต่สุดท้ายไอ้ที่ขี้เหร่มันขี้เหร่ไม่จริงเท่าไหร่ ด้วยความจริงคือตัวเอกก็สวยอยู่ในทีขัดสีฉวีวรรณนิดหน่อย พระเอกก็มีตะลึงงันกันได้ แต่ Busukoi ไม่ใช่แบบนั้น
ในละครกล่าวว่า "ความสวย"
นิยามของมันแตกต่างกันไปตามยุคสมัย
ครั้งหนึ่งความสวยคือรูปโฉมภายนอกที่งดงาม
ครั้งหนึ่งความงามหมายรวมถึงหน้าตาและมันสมอง
และอีกครั้งที่เทรนด์ความงาม คือ Body and Soul
รูปร่างหน้าตามันสมองและความงามจากภายในที่ต้องไปด้วยกัน
แล้วผู้หญิงที่คุณสมบัติเพียงหนึ่งเดียวของเธอคือ
"จิตใจ" เล่าเราเรียกผู้หญิงเหล่านั้นว่าอะไร ?
"ยัยขี้เหร่" เช่นนั้นหรือ ?
ละครเรื่องนี้คือเรื่องราวชวนฝันที่ถ่ายทอดมาจากเรื่องจริงของนักแสดงตลกสาวและนักเขียนบทหนุ่มคนหนึ่ง ร้อยเรียงตัวอักษรออกมาเป็นบทละครว่าด้วย ยามางุจิ โอซามุ Script Writer หนุ่มมือทอง ทายาทตระกูลนักจัดดอกไม้ ที่ทั้งรุ่งทั้งโรจน์ในด้านการงานและความรัก โอซามุเป็นหนึ่งในทีมเขียนบทรายการวาไรตี้รายการหนึ่งชื่อ ZBATXZBAT ซึ่งเป็นรายการที่มีมายาวนานจนจะครบทศวรรษ และ ยังเป็นที่ต้องการตัวของหลายรายการวาไรตี้รวมถึงกองละครต่าง ๆ ที่หาโอกาสจะชักชวนโอซามุไปร่วมทีมอยู่เสมอ ๆ แต่เจ้าตัวก็หลงรักอารมณ์ขัน เสียงหัวเราะและความบันเทิงของรายการวาไรตี้มากที่สุดจึงตัดสินใจอยู่กับรายการ ZBATXZBAT มาตลอด โอซามุนั้นนอกจะเป็นหนุ่มเนื้อหอมมากฝีมือ แถมพกด้วยฐานะร่ำรวยแล้ว แฟนสาวนางแบบของเขา เอบิฮาระ ยูมิ ก็ประหนึ่งว่าเกิดมาสวยหล่อสมกันราวกับกิ่งทองใบหยกให้ใคร ๆ ต้องอิจฉา
แต่ชีวิตที่สมบูรณ์แบบก็มีอุปสรรคให้คิดพอประมาณ เมื่อรายการ ZBATXZBAT เกิดมุกตันขึ้นมา ก็เป็นหน้าที่ของทีมผลิตอย่างโอซามุ และ โปรดิวเซอร์จำต้องหาทางออกให้กับรายการให้ได้ ซึ่งปัญหาในวันนั้นทำให้โอซามุได้มารู้จักกับ "โอตะ มิยูกิ" โอตะ มิยูกิ เป็นผู้หญิงที่เรียกได้ว่าไม่สวยเอาซะเลย เอาเป็นว่าให้แต่งตัวอย่างไรก็ไม่เกิดประโยชน์โภชผลอะไรขึ้นมา แล้วไอ้ความไม่สวยไม่งามในรูปลักษณ์ภายนอกนี้แหละก็เป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งในชีวิตรักของเธอมาตลอด แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้มิยูกิกลายเป็นผู้หญิงสิ้นหวังหรอกนะ การมองโลกในแง่ดีมีน้ำใจ ทำให้มิยูกิเป็นที่รักของผองเพื่อนรวมถึงรุ่นน้องในร้านราเม็งที่เธอทำงานอยู่ มิยูกิเดินทางเข้ามาตามหาความฝันในโตเกียวเพื่อเพราะอยากเป็นดารา แต่มันจะมีที่ว่างให้ผู้หญิงตัวกลมที่ไม่ได้สวยสะอะไรอย่างหล่อนหรือ ?
เดาไม่ยากเลยว่าเมื่อมิยูกิได้เจอกับหนุ่มหล่อเช่นโอซามุแล้ว อาการชอบอกชอบใจก็เกิดขึ้นได้ไม่ยาก แล้วโอซามุล่ะ ? เขาคิดอย่างไร ไม่เลยมันไม่ใช่รักแรกพบ ก็โอซามุมียูมิแฟนสาวนางแบบอยู่แล้วทั้งคนนี่นา จะไปรู้สึกอะไรกับผู้หญิงหน้าตาค่อนไปทางขี้เหร่คนหนึ่งเล่า เพียงแต่ว่าเรด้าด้านวาไรตี้ของโอซามุสั่นไหวร้อยริคเตอร์เมื่อเห็นมิยูกิ เขารู้เลยว่าเจอเทพแห่งความตลกเข้าให้แล้ว โอซามุไม่ได้สนใจมิยูกิไม่ได้มองมิยูกิอย่างผู้ชายมองผู้หญิง แต่เขาเห็นอะไรบางอย่างในตัวมิยูกิที่คนอื่นไม่เห็น เธอคือคนที่ตลกโดยธรรมชาติโดยที่ไม่ต้องปรุงแต่งใด ๆ เธอมีความวาไรตี้อยู่ในสายเลือด เมื่อเขานิยมชมชอบในอารมณ์ขันและความตลกเป็นสรณะก็ช่วยไม่ได้เลยที่โอซามุจะจับตามองและชื่นชมมิยูกิเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างสม่ำเสมอ แต่ตัวมิยูกินั่นแหละที่เกลียดความตลกเกลียดรายการวาไรตี้เหลือแสน เธอไม่ได้อยากตลกในายตาคนอื่น โดยเฉพาะความตลกที่มีพื้นฐานมาจากรูปลักษณ์ของตัวเอง นี่มันไม่ใช่พรสวรรค์นี่มันฝันร้ายชัด ๆ
หากในความขัดแย้งกับผู้ชายสุดหล่อที่หลงใหลในความตลกกับผู้หญิงตลกธรรมชาติที่เกลียดภาคตลกของตัวเองนั้น กลายเป็นว่ายิ่งได้พบกันยิ่งรู้จักกัน ต่างทำให้เขาและเธอรู้จักตัวเองมากขึ้น และมันก็ทำให้ได้รับรู้ว่าจริง ๆ แล้วเราทั้งสองคนต่าง value ในสิ่งเดียวกันมาตลอด นั่นคือความสุขรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนดูไม่ว่ามันจะเกิดจากอะไรก็ตามที และการรับรู้เหล่านี้ที่ทำให้โอซามุหันเหออกจากยูมิไปมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนระยะทางระหว่างเขากับมิยูกิก็เริ่มใกล้เริ่มแคบลงทุกวันเช่นกัน เล่นเอาโอซามุจิตตกคิดอะไรไม่ออกไปหลายสัปดาห์ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับอารมณ์เรากันหนอ (ต้องพึ่งหมอดูเยทีเดียวเชียว)
โปรดิวเซอร์ทาเคดะเพื่อนรักของโอซามุยังตะลึงว่าอารมณ์นี้มันเกิดขึ้นได้ยังไงเมื่อได้ยินเพื่อนสารภาพบาป
เออ ... ชั้นไปแอบชอบคนอื่นเข้าแล้ว ... ใครวะใคร ? อยู่ในแวดวงเรารึเปล่า ? อย่าหัวเราะนะเฟ้ย !!! โอซามุว่า
ใครกันที่ชั้นต้องหัวเราะล่ะ ? ถ้าใกล้ตัวแล้วน่าหัวเราะที่สุด เฮ้ย !!!!!!!!!
ชั้นรู้นะเว้ยว่านายน่ะชอบเสียงหัวเราะ นายบูชาความตลก แต่นี่มัน ... คนละเรื่องเลยนะเฟ้ย
ในเวลาเดียวกันบททดสอบในลักษณะตัวล่อก็เข้ามาอีก นั่นคือ "แฟนเก่า" อดีตดาราหน้าใหม่ที่จากโอซามุไปไกลถึงเมืองนอก และ กลับมาในมาดของสาวสวยนักเขียนบทที่ประสบความสำเร็จ นั่นดึงความสนใจของโอซามุออกไปอีก ที่เคยสนใจมิยูกิมันคงเป็นอะไรที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ด้านมิยูกิที่แอบเห็นมิยาโกะและโอซามุอยู่ด้วยกัน ก็รู้สึกว่าเราคงหวังอะไรลม ๆ แล้ง ๆ มากไปแล้วกระมัง คงได้เวลาที่ต้องอกหักและตัดใจจริง ๆ เสียแล้ว เรื่องที่เป็นดาราก็คงไม่ต้องหวัง แล้วจะเหลืออะไรให้ทำเธอเดินทางกลับบ้านนอกอย่างนกปีกหัก
และในระหว่างที่เธอได้ใช้เวลาคิดอยู่ที่บ้านนั่นเองที่มิยูกิได้รู้ว่า จริง ๆ แล้วสิ่งที่เธอมีมันคือพรสวรรค์ อดีตที่ผ่านมาอาจทำให้เธอคิดว่าทุกครั้งที่มีใครหัวเราะต่อหน้าคือการหัวเราะเยาะเย้ย แต่ .... ถ้าสิ่งเหล่านั้นมันคือการเอนเทอร์เทนล่ะ ถ้ามันคือตลกโดยธรรมชาติล่ะ ถ้ามันคือน้ำเนื้อของเธอล่ะ เสียงหัวเราะก็คือเสียงแห่งความสุขไม่ใช่หรือยังไง ? ทำไมเธอไม่โอบรับมันขัดเกลามันล่ะ นี่อาจจะเป็นวิถีที่แท้จริงของเธอก็ได้ มันอาจจะเป็นอย่างที่โอซามุบอกเธอมาตลอดนี่ล่ะ ว่าพรสวรรค์ของเธอคือสิ่งนี้ อารมณ์ขันและสกิลวาไรตี้ มันอยู่ตรงหน้านี่แต่เธอไม่ยอมรับมัน
มิยูกิกลับมาที่โตเกียวด้วยทัศนคติอย่างใหม่ ใช่แล้วอาวุธมีอยู่ในมือเปลี่ยนสิ่งที่คิดว่าเป็นปมด้อยให้เป็นปมเด่นสิ เธอแก้ไขมันไม่ได้แต่เธอภูมิใจกับมันในรูปแบบอื่นได้นี่นาใครว่าชีวิตจะต้องเดินทางเดียวล่ะ ส่วนโอซามุหลังจากยูมิประกาศก้องว่าเขาเป็นแค่เพื่อนเพื่อรักษาการงานหน้าที่ มิวาโกะกลับมายืนในตำแหน่งเดิม เหมือนที่เคยเป็นมาเมื่อ 7 ปีก่อน วันนั้นเธอออกจากวงการก็เพื่อเขา ... เขาไม่เคยลืมเธอได้แม้จะคบกับยูมิ ยังข้องใจทุกครั้งว่าทำไมเธอจากไป วันนี้คำถามได้รับคำตอบ เธอจากไปเพื่อให้วันนี้เขาเป็นโอซามุที่เติบโตได้ในฐานะนักเขียน ถ้างั้นเรื่องของเขากับมิยูกิมันคงไม่ใช่หรอก เธอน่ารักนิสัยดีและตลกซึ่งตรงกับงานของเขาก็แค่นั้นเอง ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ไม่มีอะไรจริง ๆ ไม่มี ... ถึงย้ำตัวเองอยู่แบบนั้นแต่มัน "ไม่มี" จริง ๆ หรือ ? จริงอ่ะ ?
คราวนี้แม้แต่มิยาโกะยังสังเกตเห็น ก่อนหน้านั้นยูมิก็สังเกตเช่นเดียวกัน หลายครั้งที่โอซามุหลุดปาก "มิยูกิจัง"อย่างนั้น "มิยูกิจัง"อย่างนี้ โดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ว่าพูดอะไรให้ยูมิไม่พอใจ ยิ่งวันเวลาผ่านไปยิ่งชัดเจน กับมิวาโกะ โอซามุก็ยังเป็นโอซามุ ผู้ชายน่ารักอบอุ่น แต่เธอก็เห็นกำแพงบาง ๆ ที่กั้นอยู่ สิ่งที่เขารักที่สุดนั้นคือเสียงหัวเราะและอารมณ์ขัน มันไม่ใช่แค่งานเสียแล้วแต่มันเป็นชีวิตจิตใจของผู้ชายชื่อ ยามางุจิ โอซามุ เธอเห็นเขาหัวเราะเต็มเสียงเมื่ออยู่กับมิยูกิ แววตาเป็นประกายเมื่อผู้หญิงคนนั้นบอกว่าเธอจะก้าวสู่วงการวาไรตี้ เส้นโค้งของรอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าไม่ว่ามิยูกิจะทำอะไร โอซามุเห็นดีเห็นงามด้วยทุกอย่าง
แม้กระทั่งตอนที่มิวาโกะบอกว่ามิยูกิคิดว่า "เธอและเขา" ควรจะแต่งงานกัน โอซามุฟังไปแค่ผ่าน ๆ ดูเหมือนยังตื่นเต้นกับการเข้าวงการวาไรตี้ของมิยูกิไม่หาย โครงการต่าง ๆ ที่เขาจะทำกับมิยูกิผุดพราย เขาถ่ายทอดเรื่องนี้ให้มิวาโกะฟังอย่างลืมตัว เรียกว่าลืมไปเลยกับเหตุการณ์หัวเสียกับโปรเจคที่จะเปิดตัวมิวาโกะในรายการวาไรตี้ของเขา ไอ้อารมณ์โมโหโกรธาที่เพิ่งจะปะฉะดะกับโปรดิวเซอร์สายละครมาเมื่อกลางวันสูญสลายไปหมดสิ้น 7 ปีที่ผ่านมาความรักที่เธอมีต่อเขาไม่เปลี่ยนไป เขาเองก็คิดว่าเขาคือเขาคนเดิม แต่เธอรู้ว่ารอยร้าวที่เกิดขึ้นโอซามุไม่ได้เจ็บปวดอะไรนักหนา ถึงเขาบอกว่าตอนที่คบหากับยูมิแล้วนึกถึงแต่เธอ มันก็คงเป็นเพียงความต้องการในการหาเหตุผลว่าทำไมมิวาโกะถึงจากไป
แต่จริง ๆ วันนี้เขาเลือกแล้ว และ เลือกไปตั้งนานแล้ว เลือกตั้งแต่ก่อนจะรู้ตัวเสียอีก สำหรับโอซามุยิ่งเวลาผ่านไป เขาก็เคยเป็นคนธรรมดาคิดอย่างธรรมดางานกับความรักมันคนละเรื่อง แต่สุดท้ายเมื่อพบมิยูกิเขากลับพบว่าสิ่งที่สำคัญคือ "บางสิ่ง" จากภายใน Core Value ที่เป็นอย่างเดียวกัน กับสังคมหรือยุคสมัย นิยามแห่งความงามอาจแตกต่างกันออกไป แต่สำหรับโอซามุแล้วเขาค้นพบนิยามของความงามของตัวเอง ไม่ใช่เพียงหน้าตา มันสมอง รูปร่าง หรือ ทรวดทรง แต่อยู่ในรูปแบบนามธรรม เขาตอบสนอง "จิตใจ" ของมิยูกิโดยตัดมันขาดออกจากรูปลักษณ์ภายนอกในลักษณะ inside out ไม่ใช่ outside in อย่างที่เป็นมา
โอซามุรักและศรัทธา Comedy อย่างสุดขั้วและเต็มตัว มันสะท้อนอยู่ในงานวาไรตี้และรสนิยมหลายประการของเขา ธรรมชาติของมิยูกิคือ Comedian มันสะท้อนอยู่ในพฤติกรรมปกติประจำวันของเธอโดยไม่ต้องปรุงแต่ง แม้รูปลักษณ์ภายนอกของทั้งสองคนจะต่างกันโดยสิ้นเชิง นิสัย วิถีชีวิตต่างกันหลายอย่าง แต่ภายใน "จิตใจ" ของทั้งสองสิ่งที่สำคัญที่สุดพวกเขาให้คุณค่าในสิ่งเดียวกัน คือ อารมณ์ขันและเสียงหัวเราะ จุดใหญ่เพียงจุดเดียวก็ที่เหมือนกันสถานการณ์พลิกทันที
ความงามจากภายใน ความงามจากจิตใจที่ละครเรื่องนี้เสนอ ในความเห็นส่วนตัวแล้ว ไม่น่าจะบอกกล่าวตื้น ๆ ว่าเป็น "ความดี หรือ จิตใจที่ดีงาม" แต่เพียงอย่างเดียว มันเป็นการชี้ให้เห็นว่าหากมีคุณค่าสำคัญใดที่จิตใจของคนสองคนตอบสนองร่วมกัน มันก็เป็นไปได้ที่จะมีการก้าวผ่านความแตกต่าง ไม่ว่ารูปลักษณ์ นิสัย หรือ รสนิยม ดังที่โอซามุก้าวข้ามผ่านทุกอย่างที่ว่านั้นไป เพราะ "ความงาม" ที่เฉิดฉายจากภายในอันจับใจเขาที่สุด สิ่งที่เขายึดถือเป็นสรณะคือ ความเชื่อในเสียงหัวเราะ การ entertain และ อารมณ์ขัน เขารู้เขาจะผ่านทุกช่วงเวลาของชีวิตไปได้ถ้ามีใครรังสรรค์รอยยิ้มอันนั้นให้กับเขา และ เขาพบสิ่ง ๆ นั้นในตัวของ "โอตะ มิยูกิ"
สุดท้ายก็เป็นโอซามุเองที่ยิ้มขันระคนเอ็นดูอยู่ในใจว่า ผมตกหลุมรักคุณเข้าแล้วสินะ "ลูกเป็ดขี้เหร่ของผม"
ป.ล. ละครเรื่องนี้มาจากเรื่องจริงของตลกสาวและมือเขียนบทของรายการวาไรตี้รายการหนึ่ง (เคยอ่านผ่าน ๆ ว่าเป็น SMAPXSMAP)
J-Drama Review : BusuKoi เมื่อผมตกหลุมรักยัยขี้เหร่ (สืบเนื่องจากกระทู้คุณแม่ชาวญี่ปุ่น และ สปอยด์)
นิยามของมันแตกต่างกันไปตามยุคสมัย
ครั้งหนึ่งความสวยคือรูปโฉมภายนอกที่งดงาม
ครั้งหนึ่งความงามหมายรวมถึงหน้าตาและมันสมอง
และอีกครั้งที่เทรนด์ความงาม คือ Body and Soul
รูปร่างหน้าตามันสมองและความงามจากภายในที่ต้องไปด้วยกัน
แล้วผู้หญิงที่คุณสมบัติเพียงหนึ่งเดียวของเธอคือ
"จิตใจ" เล่าเราเรียกผู้หญิงเหล่านั้นว่าอะไร ?
"ยัยขี้เหร่" เช่นนั้นหรือ ?
ละครเรื่องนี้คือเรื่องราวชวนฝันที่ถ่ายทอดมาจากเรื่องจริงของนักแสดงตลกสาวและนักเขียนบทหนุ่มคนหนึ่ง ร้อยเรียงตัวอักษรออกมาเป็นบทละครว่าด้วย ยามางุจิ โอซามุ Script Writer หนุ่มมือทอง ทายาทตระกูลนักจัดดอกไม้ ที่ทั้งรุ่งทั้งโรจน์ในด้านการงานและความรัก โอซามุเป็นหนึ่งในทีมเขียนบทรายการวาไรตี้รายการหนึ่งชื่อ ZBATXZBAT ซึ่งเป็นรายการที่มีมายาวนานจนจะครบทศวรรษ และ ยังเป็นที่ต้องการตัวของหลายรายการวาไรตี้รวมถึงกองละครต่าง ๆ ที่หาโอกาสจะชักชวนโอซามุไปร่วมทีมอยู่เสมอ ๆ แต่เจ้าตัวก็หลงรักอารมณ์ขัน เสียงหัวเราะและความบันเทิงของรายการวาไรตี้มากที่สุดจึงตัดสินใจอยู่กับรายการ ZBATXZBAT มาตลอด โอซามุนั้นนอกจะเป็นหนุ่มเนื้อหอมมากฝีมือ แถมพกด้วยฐานะร่ำรวยแล้ว แฟนสาวนางแบบของเขา เอบิฮาระ ยูมิ ก็ประหนึ่งว่าเกิดมาสวยหล่อสมกันราวกับกิ่งทองใบหยกให้ใคร ๆ ต้องอิจฉา
แต่ชีวิตที่สมบูรณ์แบบก็มีอุปสรรคให้คิดพอประมาณ เมื่อรายการ ZBATXZBAT เกิดมุกตันขึ้นมา ก็เป็นหน้าที่ของทีมผลิตอย่างโอซามุ และ โปรดิวเซอร์จำต้องหาทางออกให้กับรายการให้ได้ ซึ่งปัญหาในวันนั้นทำให้โอซามุได้มารู้จักกับ "โอตะ มิยูกิ" โอตะ มิยูกิ เป็นผู้หญิงที่เรียกได้ว่าไม่สวยเอาซะเลย เอาเป็นว่าให้แต่งตัวอย่างไรก็ไม่เกิดประโยชน์โภชผลอะไรขึ้นมา แล้วไอ้ความไม่สวยไม่งามในรูปลักษณ์ภายนอกนี้แหละก็เป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งในชีวิตรักของเธอมาตลอด แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้มิยูกิกลายเป็นผู้หญิงสิ้นหวังหรอกนะ การมองโลกในแง่ดีมีน้ำใจ ทำให้มิยูกิเป็นที่รักของผองเพื่อนรวมถึงรุ่นน้องในร้านราเม็งที่เธอทำงานอยู่ มิยูกิเดินทางเข้ามาตามหาความฝันในโตเกียวเพื่อเพราะอยากเป็นดารา แต่มันจะมีที่ว่างให้ผู้หญิงตัวกลมที่ไม่ได้สวยสะอะไรอย่างหล่อนหรือ ?
เดาไม่ยากเลยว่าเมื่อมิยูกิได้เจอกับหนุ่มหล่อเช่นโอซามุแล้ว อาการชอบอกชอบใจก็เกิดขึ้นได้ไม่ยาก แล้วโอซามุล่ะ ? เขาคิดอย่างไร ไม่เลยมันไม่ใช่รักแรกพบ ก็โอซามุมียูมิแฟนสาวนางแบบอยู่แล้วทั้งคนนี่นา จะไปรู้สึกอะไรกับผู้หญิงหน้าตาค่อนไปทางขี้เหร่คนหนึ่งเล่า เพียงแต่ว่าเรด้าด้านวาไรตี้ของโอซามุสั่นไหวร้อยริคเตอร์เมื่อเห็นมิยูกิ เขารู้เลยว่าเจอเทพแห่งความตลกเข้าให้แล้ว โอซามุไม่ได้สนใจมิยูกิไม่ได้มองมิยูกิอย่างผู้ชายมองผู้หญิง แต่เขาเห็นอะไรบางอย่างในตัวมิยูกิที่คนอื่นไม่เห็น เธอคือคนที่ตลกโดยธรรมชาติโดยที่ไม่ต้องปรุงแต่งใด ๆ เธอมีความวาไรตี้อยู่ในสายเลือด เมื่อเขานิยมชมชอบในอารมณ์ขันและความตลกเป็นสรณะก็ช่วยไม่ได้เลยที่โอซามุจะจับตามองและชื่นชมมิยูกิเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างสม่ำเสมอ แต่ตัวมิยูกินั่นแหละที่เกลียดความตลกเกลียดรายการวาไรตี้เหลือแสน เธอไม่ได้อยากตลกในายตาคนอื่น โดยเฉพาะความตลกที่มีพื้นฐานมาจากรูปลักษณ์ของตัวเอง นี่มันไม่ใช่พรสวรรค์นี่มันฝันร้ายชัด ๆ
หากในความขัดแย้งกับผู้ชายสุดหล่อที่หลงใหลในความตลกกับผู้หญิงตลกธรรมชาติที่เกลียดภาคตลกของตัวเองนั้น กลายเป็นว่ายิ่งได้พบกันยิ่งรู้จักกัน ต่างทำให้เขาและเธอรู้จักตัวเองมากขึ้น และมันก็ทำให้ได้รับรู้ว่าจริง ๆ แล้วเราทั้งสองคนต่าง value ในสิ่งเดียวกันมาตลอด นั่นคือความสุขรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนดูไม่ว่ามันจะเกิดจากอะไรก็ตามที และการรับรู้เหล่านี้ที่ทำให้โอซามุหันเหออกจากยูมิไปมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนระยะทางระหว่างเขากับมิยูกิก็เริ่มใกล้เริ่มแคบลงทุกวันเช่นกัน เล่นเอาโอซามุจิตตกคิดอะไรไม่ออกไปหลายสัปดาห์ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับอารมณ์เรากันหนอ (ต้องพึ่งหมอดูเยทีเดียวเชียว)
เออ ... ชั้นไปแอบชอบคนอื่นเข้าแล้ว ... ใครวะใคร ? อยู่ในแวดวงเรารึเปล่า ? อย่าหัวเราะนะเฟ้ย !!! โอซามุว่า
ใครกันที่ชั้นต้องหัวเราะล่ะ ? ถ้าใกล้ตัวแล้วน่าหัวเราะที่สุด เฮ้ย !!!!!!!!!
ชั้นรู้นะเว้ยว่านายน่ะชอบเสียงหัวเราะ นายบูชาความตลก แต่นี่มัน ... คนละเรื่องเลยนะเฟ้ย
ในเวลาเดียวกันบททดสอบในลักษณะตัวล่อก็เข้ามาอีก นั่นคือ "แฟนเก่า" อดีตดาราหน้าใหม่ที่จากโอซามุไปไกลถึงเมืองนอก และ กลับมาในมาดของสาวสวยนักเขียนบทที่ประสบความสำเร็จ นั่นดึงความสนใจของโอซามุออกไปอีก ที่เคยสนใจมิยูกิมันคงเป็นอะไรที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ด้านมิยูกิที่แอบเห็นมิยาโกะและโอซามุอยู่ด้วยกัน ก็รู้สึกว่าเราคงหวังอะไรลม ๆ แล้ง ๆ มากไปแล้วกระมัง คงได้เวลาที่ต้องอกหักและตัดใจจริง ๆ เสียแล้ว เรื่องที่เป็นดาราก็คงไม่ต้องหวัง แล้วจะเหลืออะไรให้ทำเธอเดินทางกลับบ้านนอกอย่างนกปีกหัก
และในระหว่างที่เธอได้ใช้เวลาคิดอยู่ที่บ้านนั่นเองที่มิยูกิได้รู้ว่า จริง ๆ แล้วสิ่งที่เธอมีมันคือพรสวรรค์ อดีตที่ผ่านมาอาจทำให้เธอคิดว่าทุกครั้งที่มีใครหัวเราะต่อหน้าคือการหัวเราะเยาะเย้ย แต่ .... ถ้าสิ่งเหล่านั้นมันคือการเอนเทอร์เทนล่ะ ถ้ามันคือตลกโดยธรรมชาติล่ะ ถ้ามันคือน้ำเนื้อของเธอล่ะ เสียงหัวเราะก็คือเสียงแห่งความสุขไม่ใช่หรือยังไง ? ทำไมเธอไม่โอบรับมันขัดเกลามันล่ะ นี่อาจจะเป็นวิถีที่แท้จริงของเธอก็ได้ มันอาจจะเป็นอย่างที่โอซามุบอกเธอมาตลอดนี่ล่ะ ว่าพรสวรรค์ของเธอคือสิ่งนี้ อารมณ์ขันและสกิลวาไรตี้ มันอยู่ตรงหน้านี่แต่เธอไม่ยอมรับมัน
มิยูกิกลับมาที่โตเกียวด้วยทัศนคติอย่างใหม่ ใช่แล้วอาวุธมีอยู่ในมือเปลี่ยนสิ่งที่คิดว่าเป็นปมด้อยให้เป็นปมเด่นสิ เธอแก้ไขมันไม่ได้แต่เธอภูมิใจกับมันในรูปแบบอื่นได้นี่นาใครว่าชีวิตจะต้องเดินทางเดียวล่ะ ส่วนโอซามุหลังจากยูมิประกาศก้องว่าเขาเป็นแค่เพื่อนเพื่อรักษาการงานหน้าที่ มิวาโกะกลับมายืนในตำแหน่งเดิม เหมือนที่เคยเป็นมาเมื่อ 7 ปีก่อน วันนั้นเธอออกจากวงการก็เพื่อเขา ... เขาไม่เคยลืมเธอได้แม้จะคบกับยูมิ ยังข้องใจทุกครั้งว่าทำไมเธอจากไป วันนี้คำถามได้รับคำตอบ เธอจากไปเพื่อให้วันนี้เขาเป็นโอซามุที่เติบโตได้ในฐานะนักเขียน ถ้างั้นเรื่องของเขากับมิยูกิมันคงไม่ใช่หรอก เธอน่ารักนิสัยดีและตลกซึ่งตรงกับงานของเขาก็แค่นั้นเอง ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ไม่มีอะไรจริง ๆ ไม่มี ... ถึงย้ำตัวเองอยู่แบบนั้นแต่มัน "ไม่มี" จริง ๆ หรือ ? จริงอ่ะ ?
คราวนี้แม้แต่มิยาโกะยังสังเกตเห็น ก่อนหน้านั้นยูมิก็สังเกตเช่นเดียวกัน หลายครั้งที่โอซามุหลุดปาก "มิยูกิจัง"อย่างนั้น "มิยูกิจัง"อย่างนี้ โดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ว่าพูดอะไรให้ยูมิไม่พอใจ ยิ่งวันเวลาผ่านไปยิ่งชัดเจน กับมิวาโกะ โอซามุก็ยังเป็นโอซามุ ผู้ชายน่ารักอบอุ่น แต่เธอก็เห็นกำแพงบาง ๆ ที่กั้นอยู่ สิ่งที่เขารักที่สุดนั้นคือเสียงหัวเราะและอารมณ์ขัน มันไม่ใช่แค่งานเสียแล้วแต่มันเป็นชีวิตจิตใจของผู้ชายชื่อ ยามางุจิ โอซามุ เธอเห็นเขาหัวเราะเต็มเสียงเมื่ออยู่กับมิยูกิ แววตาเป็นประกายเมื่อผู้หญิงคนนั้นบอกว่าเธอจะก้าวสู่วงการวาไรตี้ เส้นโค้งของรอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าไม่ว่ามิยูกิจะทำอะไร โอซามุเห็นดีเห็นงามด้วยทุกอย่าง
แม้กระทั่งตอนที่มิวาโกะบอกว่ามิยูกิคิดว่า "เธอและเขา" ควรจะแต่งงานกัน โอซามุฟังไปแค่ผ่าน ๆ ดูเหมือนยังตื่นเต้นกับการเข้าวงการวาไรตี้ของมิยูกิไม่หาย โครงการต่าง ๆ ที่เขาจะทำกับมิยูกิผุดพราย เขาถ่ายทอดเรื่องนี้ให้มิวาโกะฟังอย่างลืมตัว เรียกว่าลืมไปเลยกับเหตุการณ์หัวเสียกับโปรเจคที่จะเปิดตัวมิวาโกะในรายการวาไรตี้ของเขา ไอ้อารมณ์โมโหโกรธาที่เพิ่งจะปะฉะดะกับโปรดิวเซอร์สายละครมาเมื่อกลางวันสูญสลายไปหมดสิ้น 7 ปีที่ผ่านมาความรักที่เธอมีต่อเขาไม่เปลี่ยนไป เขาเองก็คิดว่าเขาคือเขาคนเดิม แต่เธอรู้ว่ารอยร้าวที่เกิดขึ้นโอซามุไม่ได้เจ็บปวดอะไรนักหนา ถึงเขาบอกว่าตอนที่คบหากับยูมิแล้วนึกถึงแต่เธอ มันก็คงเป็นเพียงความต้องการในการหาเหตุผลว่าทำไมมิวาโกะถึงจากไป
แต่จริง ๆ วันนี้เขาเลือกแล้ว และ เลือกไปตั้งนานแล้ว เลือกตั้งแต่ก่อนจะรู้ตัวเสียอีก สำหรับโอซามุยิ่งเวลาผ่านไป เขาก็เคยเป็นคนธรรมดาคิดอย่างธรรมดางานกับความรักมันคนละเรื่อง แต่สุดท้ายเมื่อพบมิยูกิเขากลับพบว่าสิ่งที่สำคัญคือ "บางสิ่ง" จากภายใน Core Value ที่เป็นอย่างเดียวกัน กับสังคมหรือยุคสมัย นิยามแห่งความงามอาจแตกต่างกันออกไป แต่สำหรับโอซามุแล้วเขาค้นพบนิยามของความงามของตัวเอง ไม่ใช่เพียงหน้าตา มันสมอง รูปร่าง หรือ ทรวดทรง แต่อยู่ในรูปแบบนามธรรม เขาตอบสนอง "จิตใจ" ของมิยูกิโดยตัดมันขาดออกจากรูปลักษณ์ภายนอกในลักษณะ inside out ไม่ใช่ outside in อย่างที่เป็นมา
โอซามุรักและศรัทธา Comedy อย่างสุดขั้วและเต็มตัว มันสะท้อนอยู่ในงานวาไรตี้และรสนิยมหลายประการของเขา ธรรมชาติของมิยูกิคือ Comedian มันสะท้อนอยู่ในพฤติกรรมปกติประจำวันของเธอโดยไม่ต้องปรุงแต่ง แม้รูปลักษณ์ภายนอกของทั้งสองคนจะต่างกันโดยสิ้นเชิง นิสัย วิถีชีวิตต่างกันหลายอย่าง แต่ภายใน "จิตใจ" ของทั้งสองสิ่งที่สำคัญที่สุดพวกเขาให้คุณค่าในสิ่งเดียวกัน คือ อารมณ์ขันและเสียงหัวเราะ จุดใหญ่เพียงจุดเดียวก็ที่เหมือนกันสถานการณ์พลิกทันที
ความงามจากภายใน ความงามจากจิตใจที่ละครเรื่องนี้เสนอ ในความเห็นส่วนตัวแล้ว ไม่น่าจะบอกกล่าวตื้น ๆ ว่าเป็น "ความดี หรือ จิตใจที่ดีงาม" แต่เพียงอย่างเดียว มันเป็นการชี้ให้เห็นว่าหากมีคุณค่าสำคัญใดที่จิตใจของคนสองคนตอบสนองร่วมกัน มันก็เป็นไปได้ที่จะมีการก้าวผ่านความแตกต่าง ไม่ว่ารูปลักษณ์ นิสัย หรือ รสนิยม ดังที่โอซามุก้าวข้ามผ่านทุกอย่างที่ว่านั้นไป เพราะ "ความงาม" ที่เฉิดฉายจากภายในอันจับใจเขาที่สุด สิ่งที่เขายึดถือเป็นสรณะคือ ความเชื่อในเสียงหัวเราะ การ entertain และ อารมณ์ขัน เขารู้เขาจะผ่านทุกช่วงเวลาของชีวิตไปได้ถ้ามีใครรังสรรค์รอยยิ้มอันนั้นให้กับเขา และ เขาพบสิ่ง ๆ นั้นในตัวของ "โอตะ มิยูกิ"
ป.ล. ละครเรื่องนี้มาจากเรื่องจริงของตลกสาวและมือเขียนบทของรายการวาไรตี้รายการหนึ่ง (เคยอ่านผ่าน ๆ ว่าเป็น SMAPXSMAP)