คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ในความเห็นส่วนตัวของผม มันค่อนข้างสั้นเกินกว่าที่จะบอกได้ว่าจะผ่านการพิจารณาหรือไม่
ปกติผู้พิจารณาหรือบก.ต้องได้รู้เรื่องย่อตั้งแต่ต้นจนจบก่อนว่าน่าสนใจหรือไม่น่าสนใจ เนื้อเรื่องแปลกแตกต่างจาก
ต้นฉบับที่คนอื่นส่งมาหรือเปล่า เมื่อเห็นว่าแตกต่าง โดดเด่น จึงจะอ่านฉบับเต็ม เมื่อนั้นการบรรยายถึงจะได้ถูกพิจารณา
หากเน้นที่การบรรยายเป็นอย่างดี แต่เนื้อเรื่องยังไม่ต่างจากที่คนอื่นส่งเหมือนกัน จะไม่ถูกหยิบอ่านด้วยซ้ำ
การใช้ คะ ค่ะ นะ น่ะ นะคะ น่ะค่ะ ควรแยกให้ชัดเจนถูกต้อง คำเช่น "นะค่ะ" นั้นไม่มี และควรใช้ทั้งภาษาในนิยาย
และภาษาที่ใช้ติดต่อกับบรรณาธิการ เพื่อให้เป็นนิสัย ผมไม่หวังว่าบรรณาธิการที่มีคุณภาพจะกล้านำผลงานที่ใช้ภาษาผิดๆมาพิจารณา
ในเมื่อมีนิยายคนอื่นที่ใช้ภาษาอย่างถูกต้อง อีกเป็นหลายร้อยชิ้นรอให้เลือกอ่าน และมีส่งเข้ามาเพิ่มขึ้นทุกวันจนอ่านไม่ทัน
และไม่ต้องมาเสียเวลาในขั้นตอนปรูฟหากได้ตีพิมพ์ด้วย
มาพูดกันในเฉพาะส่วนการบรรยายนะครับ จากที่อ่านดูมันสามารถ "ตัดทอน" ส่วนที่ยาวเกินเหตุ ขยายความซ้ำๆซากๆได้
หากไม่ตัดทอนเนื้อเรื่องจะดูเยิ่นเย้อ ขณะเดียวกันก็สามารถเพิ่ม "เอกลักษณ์" บางอย่างเฉพาะตัวนักเขียน
ลงไปในแต่ละบรรทัดหรือประโยคได้ ข้างล่างผมลองยกบางส่วนมาตัดทอนให้กระชับขึ้นนะครับ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!
“คุณหนูคะ! ตื่นได้แล้วค่ะ สายแล้วนะคะ” เสียงเรียกปลุกที่แสนคุ้นชินจากหญิงมีอายุดังหลายครั้งโดยไม่มีทีท่าว่าจะจากไปไหน
หากไม่ได้ยินเสียงฉันขานตอบ
“อือ...ตื่นแล้ววว” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อยบนที่นอนหนานุ่มสีขาวครีมแสนอบอุ่น
“คุณหนูตื่นหรือยังคะ!”
“ค่ะ!” ฉันตะโกนอย่างไม่พอใจที่ถูกปลุกแต่เช้า ฝันหวานของฉันต้องสลายทุกทีสิน่า เฮ้อออ เบื่อๆๆๆ
ฉันลุกขึ้นจากเตียงลากร่างบางของตัวเองไปเปิดประตู แสร้งทำหน้ายิ้มบอกคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยประโยคซ้ำเดิม
“ไมนี่ตื่นแล้วค่ะป้ารวี”
“้อ้อ ป้าลืมบอกไป คุณท่านให้ป้าเชิญคุณหนูไปทานข้าวพร้อมกันนะคะ”
“= [] = !! อะไรนะ! ทานข้าวพร้อมกัน” นี่มันเรื่องบ้าชัดๆร้อยวันพันปีท่านพ่อไม่เห็นจะรอ แล้วมารอทำไมวันที่ฉันตื่นสายละเนี่ย โอ๊ยย
วันนี้มันโคตรซวยชัดๆ สายตาฉันเหลือบมองนาฬิกาเรือนหรูสีเงินเป็นเวลา 08.30 น. ฉันคว้าผ้าเช็ดตัวพุ่งเข้าห้องน้ำอย่างเร็วจี๋
ก่อนที่คุณพ่อท่านจะรอรับประทานอาหารนานเกินไป
ในความเห็นของผม หาก จขกท.อยากจะเน้นบรรยายจุดไหนให้ยาวหรือละเอียดมาก นั่นควรเป็นฉากที่สำคัญของเรื่อง
ลองนึกภาพว่า คนอ่านรู้แล้วว่านางเอกตื่นสาย นางเอกชอบแต่งตัว นางเอกต้องให้ป้าแม่บ้านมาเร่ง แต่มันก็ไม่ได้สำคัญอะไร
ให้อยากค้างในฉากนี้นานๆเลย รีบๆไปเถอะ คนอ่านอยากจะลุ้นมากกว่าว่า พ่อคาดหวังข่าวดีอะไรจากนางเอก ไปโรงเรียนแล้วจะเจออะไร
ฉากที่ต้องเน้นบรรยายเยอะ อาจจะเพื่อสร้างบรรยากาศ สร้างความสมจริง สร้างเหตุผลให้สอดรับ หรือเป็นเจตนาของนักเขียน
ที่ต้องการบอกผู้อ่านว่า "ฉันให้ความสำคัญกับฉากนี้นะ" เช่น พระเอกช่วยนางเอกจากผู้ร้าย, จุดที่นางเอกประทับใจพระเอก,
ฉากที่ใส่ปมปริศนาที่จะไขความลับของทั้งเรื่องเอาไว้ เป็นต้น
ปล. ทั้งหมดเป็นแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ อาจจะไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่ครับ
ปกติผู้พิจารณาหรือบก.ต้องได้รู้เรื่องย่อตั้งแต่ต้นจนจบก่อนว่าน่าสนใจหรือไม่น่าสนใจ เนื้อเรื่องแปลกแตกต่างจาก
ต้นฉบับที่คนอื่นส่งมาหรือเปล่า เมื่อเห็นว่าแตกต่าง โดดเด่น จึงจะอ่านฉบับเต็ม เมื่อนั้นการบรรยายถึงจะได้ถูกพิจารณา
หากเน้นที่การบรรยายเป็นอย่างดี แต่เนื้อเรื่องยังไม่ต่างจากที่คนอื่นส่งเหมือนกัน จะไม่ถูกหยิบอ่านด้วยซ้ำ
การใช้ คะ ค่ะ นะ น่ะ นะคะ น่ะค่ะ ควรแยกให้ชัดเจนถูกต้อง คำเช่น "นะค่ะ" นั้นไม่มี และควรใช้ทั้งภาษาในนิยาย
และภาษาที่ใช้ติดต่อกับบรรณาธิการ เพื่อให้เป็นนิสัย ผมไม่หวังว่าบรรณาธิการที่มีคุณภาพจะกล้านำผลงานที่ใช้ภาษาผิดๆมาพิจารณา
ในเมื่อมีนิยายคนอื่นที่ใช้ภาษาอย่างถูกต้อง อีกเป็นหลายร้อยชิ้นรอให้เลือกอ่าน และมีส่งเข้ามาเพิ่มขึ้นทุกวันจนอ่านไม่ทัน
และไม่ต้องมาเสียเวลาในขั้นตอนปรูฟหากได้ตีพิมพ์ด้วย
มาพูดกันในเฉพาะส่วนการบรรยายนะครับ จากที่อ่านดูมันสามารถ "ตัดทอน" ส่วนที่ยาวเกินเหตุ ขยายความซ้ำๆซากๆได้
หากไม่ตัดทอนเนื้อเรื่องจะดูเยิ่นเย้อ ขณะเดียวกันก็สามารถเพิ่ม "เอกลักษณ์" บางอย่างเฉพาะตัวนักเขียน
ลงไปในแต่ละบรรทัดหรือประโยคได้ ข้างล่างผมลองยกบางส่วนมาตัดทอนให้กระชับขึ้นนะครับ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!
“คุณหนูคะ! ตื่นได้แล้วค่ะ สายแล้วนะคะ” เสียงเรียกปลุกที่แสนคุ้นชินจากหญิงมีอายุดังหลายครั้งโดยไม่มีทีท่าว่าจะจากไปไหน
หากไม่ได้ยินเสียงฉันขานตอบ
“อือ...ตื่นแล้ววว” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อยบนที่นอนหนานุ่มสีขาวครีมแสนอบอุ่น
“คุณหนูตื่นหรือยังคะ!”
“ค่ะ!” ฉันตะโกนอย่างไม่พอใจที่ถูกปลุกแต่เช้า ฝันหวานของฉันต้องสลายทุกทีสิน่า เฮ้อออ เบื่อๆๆๆ
ฉันลุกขึ้นจากเตียงลากร่างบางของตัวเองไปเปิดประตู แสร้งทำหน้ายิ้มบอกคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยประโยคซ้ำเดิม
“ไมนี่ตื่นแล้วค่ะป้ารวี”
“้อ้อ ป้าลืมบอกไป คุณท่านให้ป้าเชิญคุณหนูไปทานข้าวพร้อมกันนะคะ”
“= [] = !! อะไรนะ! ทานข้าวพร้อมกัน” นี่มันเรื่องบ้าชัดๆร้อยวันพันปีท่านพ่อไม่เห็นจะรอ แล้วมารอทำไมวันที่ฉันตื่นสายละเนี่ย โอ๊ยย
วันนี้มันโคตรซวยชัดๆ สายตาฉันเหลือบมองนาฬิกาเรือนหรูสีเงินเป็นเวลา 08.30 น. ฉันคว้าผ้าเช็ดตัวพุ่งเข้าห้องน้ำอย่างเร็วจี๋
ก่อนที่คุณพ่อท่านจะรอรับประทานอาหารนานเกินไป
ในความเห็นของผม หาก จขกท.อยากจะเน้นบรรยายจุดไหนให้ยาวหรือละเอียดมาก นั่นควรเป็นฉากที่สำคัญของเรื่อง
ลองนึกภาพว่า คนอ่านรู้แล้วว่านางเอกตื่นสาย นางเอกชอบแต่งตัว นางเอกต้องให้ป้าแม่บ้านมาเร่ง แต่มันก็ไม่ได้สำคัญอะไร
ให้อยากค้างในฉากนี้นานๆเลย รีบๆไปเถอะ คนอ่านอยากจะลุ้นมากกว่าว่า พ่อคาดหวังข่าวดีอะไรจากนางเอก ไปโรงเรียนแล้วจะเจออะไร
ฉากที่ต้องเน้นบรรยายเยอะ อาจจะเพื่อสร้างบรรยากาศ สร้างความสมจริง สร้างเหตุผลให้สอดรับ หรือเป็นเจตนาของนักเขียน
ที่ต้องการบอกผู้อ่านว่า "ฉันให้ความสำคัญกับฉากนี้นะ" เช่น พระเอกช่วยนางเอกจากผู้ร้าย, จุดที่นางเอกประทับใจพระเอก,
ฉากที่ใส่ปมปริศนาที่จะไขความลับของทั้งเรื่องเอาไว้ เป็นต้น
ปล. ทั้งหมดเป็นแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ อาจจะไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่ครับ
แสดงความคิดเห็น
เขียนบรรยายประมาณนี้ จะผ่านพิจารณา สนพ ไหมค่ะ
มีข้อบกพร่องตกไหนก็ติได้นะค่ะ แล้วจะนำไปพัฒนานะค่ะ ขอบคุณค่ะ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!
“คุณหนูคะ! คุณหนู ตื่นได้แล้วค่ะ สายแล้วนะคะ” เสียงเรียกปลุกที่แสนคุ้นชินจากหญิงมีอายุคนหนึ่งที่พูดประโยคซ้ำเดิมไปมาแบบนี้อยู่หลายครั้งโดยไม่มีทีท่าว่าจะยอมหยุดหรือจากไปไหนหากไม่ได้ยินเสียงหญิงสาวในห้องขานตอบกลับ
“อือ...ตื่นแล้ววว” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อยบนที่นอนหนานุ่มสีขาวครีมที่แสนอบอุ่น มันยากที่จะปลุกตัวเองให้ตื่นจากภวังค์ในตอนนี้จริงๆนะ
“คุณหนูคะ! ตื่นหรือยังคะ”
“ค่ะ” ฉันตะโกนเสียงแข็งอย่างไม่พอใจที่ต้องทนฟังเสียงดังแต่เช้า ฝันหวานของฉันต้องสลายทุกทีซินะ เฮ้อออ เบื่อๆๆ ฉันไม่ชอบเสียงปลุกที่สุดเลยย
ฉันลุกขึ้นจากเตียงอย่างเอื่อยเฉื่อยแล้วลากร่างบางของตัวเองไปเปิดประตูและแสร้งทำหน้ายิ้มและบอกกับคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยประโยคซ้ำเดิม
“ไมนี่ ตื่นแล้วค่ะป้ารวี”
“อ่อ มีอีกอย่างป้าลืมบอกไป คุณท่านให้ป้ามาเรียกคุณหนูไปทานข้าวพร้อมกันด้วยนะค่ะ”
“= [] = !! ฮ่ะ! อะไรนะทานข้าวพร้อมกัน” นี่มันเรื่องอะไรกันทานข้าวพร้อมกัน เรื่องบ้าชัดๆ ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะรอแล้วมารอทำไมวันนี้ วันที่ฉันตื่นสายละเนี่ย โอ๊ยย แล้ววันนี้มันจะเป็นวันอะไร วันที่ซวยหรือโคตรซวยละเนี่ย เอ่อ แล้วนี่มันกี่โมงแล้วละ
สายตาของฉันเหลือบไปเห็นเวลาบนนาฬิกาสีเงินเพียงชั่วครู่ก็รู้แล้วว่าตอนนี้มันสายแล้ว ไหนๆก็ไหนๆละอยากทานข้าวพร้อมกันก็ดีฉันจะไม่ปล่อยให้ท่านรอนาน ฉันควรรีบไปอาบน้ำแต่งตัวซินะ
30 นาทีต่อมา
วันนี้ฉันจะมัดผมแบบไหนดี?? มัดรวบดึงเปิดเถิกเอ้ยไม่ใช่เปิดหน้าผาก เปิดโหงวเฮ้งรับทรัพย์กันดีกว่าไม่แน่วันนี้อาจจะได้เงินจากป๋าก็ได้ ฮ่าๆๆ ไม่ใช่ละ ฉันคิดอะไรอยู่เนี่ยย ทรงนี้แหละเร็วที่สุดแล้วว่าแต่จะใช้โบว์ประดับผมสีอะไรดีน่า? ฉันเปิดลิ้นชักที่เต็มไปด้วยโบว์หลากสี หลายขนาดที่ถูกจัดเก็บไว้อย่างเป็นระเบียบ(โดยคุณแม่บ้านที่เคารพ)
อืม..ใช้ขนาดใหญ่สีน้ำเงินดีไหมน่า เอ๊ะ ไม่เอาดีกว่าใช้ขนาดกลางน่าจะพอดีกว่าและก็ไม่เอาสีน้ำเงินด้วยใช้สีดำดีกว่า
ไม่รู้ทำไมวันนี้ฉันรู้สึกว่าสีดำน่าจะเหมาะกับฉัน สงสัยต้องมีอะไรแน่ๆ ช่างเถอะ
โอเคเรียบร้อยแล้วนี่ก็รีบสุดๆแล้วนะเนี่ย(??)
แอ๊ดดดดด...ขวับ!!! ฉันหันมองไปทางประตูทันที
“โธ่ ป้ารวี มาอะไรเงียบๆเนี่ย ตกใจหมดเลย”
“ป้าขอโทษนะค่ะ แต่ตอนนี้มันแปดโมงครึ่งแล้วนะค่ะ คุณหนูยังไม่ลงไปทานข้าวเลย”
“ฮ่ะ!! อะไรนะ แปดโมงครึ่งแล้วหรอเนี่ย” ฉันรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋ากระโปรงเพื่อเช็คดูเวลาให้แน่ใจ
”จริงด้วยนี่มันแปดโมงกว่าแล้ว แย่แล้วๆ ฉันต้องรีบไปแล้วล่ะ” ฉันบ่นกับตัวเองแล้วรีบไปหยิบกระเป๋าที่วางอยู่บนโต๊ะทำงาน ฉันหยิบกระเป๋าที่ไม่ได้จัดตารางเรียนไว้ ขึ้นมาสะพายบนบ่าอย่างรวดเร็ว
“ป้ารวี ฝากบอกพ่อด้วยนะค่ะว่า ขอโทษ” สั่งลาจบฉันก็รีบลงไปข้างล่างทันที ป้ารวียังคงยืนงงอยู่กับเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าและคอยยืนมองแผ่นหลังของฉันจนฉันลับสายตาไป
“ไมนี่..” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยทักขึ้น
“คะ..ค่ะ” ฉันหันหน้าไปตามต้นเสียงนั้นทันที “เอ่ออ พ่อ สวัสดีค่ะ คือว่า.”
“เรื่องนั้นน่ะหรอ ช่างมันเถอะ” พ่อพูดตัดบท “แต่หวังว่าวันนี้ พ่อคงจะได้ฟังข่าวดีจากลูกนะ”
“ข่าวดี..อะไรหรอค่ะ?”
“......” พ่อนิ่งเงียบไม่ได้พูดอะไร และส่งยิ้มให้ฉันเล็กน้อย “วันนี้ให้คนของพ่อไปส่งละกันนะ”
“อ่อ..ขอบคุณค่ะ”
หลังจากบทสนทนาได้สิ้นสุดลงแต่ฉันยังคงงงกับพฤติกรรมแปลกๆของพ่อในวันนี้ การที่พ่อมาคอยดูแลเอาใจใส่แบบนี้มันเหมือนเป็นครอบครัวที่อบอุ่นดีอยู่หรอกนะแต่ที่แปลกก็คือพ่อไม่เคยเป็นแบบนี้น่ะซิ จิตใจของฉันก็เลยแผ่วๆหวังว่าวันนี้คงไม่มีเรื่องร้ายๆอะไรเกิดขึ้นกับฉันนะ ‘แต่หวังว่าวันนี้ พ่อคงจะได้ฟังข่าวดีจากลูกน่ะ’ ประโยคนี้ยังคงก้องอยู่ในหัว ปริศนาคำใบ้แปลกๆที่พ่อได้ทิ้งไว้ให้ฉัน ข่าวดีที่ว่ามันจะดีจริงๆหรอ O.o??
ณ เซนดิแอร์ไฮสคูล
“เฮ้อ..” ฉันถอนหายใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วค่อยๆเดินลงมาจากรถคันหรู
ฉันเดินเข้ามาในโรงเรียนอย่างไม่เร่งรีบมากนักแต่ก็ต้องชะงักปลายเท้าทั้งสองข้าง สายตาของฉันสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติบางอย่าง สมองอันน้อยนิดของฉันเริ่มประมวลผลกับเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า ผู้คนหายไปไหนกันหมดนะ ที่ฉันยืนอยู่ตรงนี้มันเงียบไปไหม...
ตึก ตึก ตึก เสียงฝีเท้าเร่งรีบของใครคนหนึ่งวิ่งตรงมาทางฉัน
“เฮ้!! รุ่นพี่ครับ พี่ไมนี่” เสียงเอ่ยเรียกของใครบ้างคนที่แสนคุ้นชิน ทำให้ฉันต้องหันหน้าไปตามต้นเสียงนั้นในทันที
“โซนิก”
“ครับผม ว่าแต่ทำไมวันนี้พี่ไมนี่มาช้าจังผมรอพี่ตั้งนานนะ” เด็กหนุ่มเริ่มขมวดคิ้วแสดงอาการไม่พอใจแต่ริมฝีปากของเขาก็ยังคงยิ้มให้ฉันอยู่เสมอ
“เปล่า..พี่ไม่ได้มาสายสักหน่อย พี่ก็มาปกตินะยังไม่ชินอีกหรอ” ฉันใช้มือบางขยี้ผมสีบลอนด์ทองของเขา
“นั้นสินะแต่วันนี้เป็นวันประกาศคะแนนสอบกลางภาคนะครับ พี่น่าจะมาเร็วกว่านี้นะ”
“ =[]= !! ฮ่ะ ประกาศคะแนนวันนี้หรอ”
“ใช่ครับ อย่าบอกนะว่าพี่ลืม คนแก่ก็อย่างนี้แหละขี้ลืม” โซนิกคว้าข้อมือของฉันเอาไว้แน่นแล้วรีบพาฉันไปยังป้ายประกาศผลคะแนนสอบกลางภาคที่อยู่ห่างจากที่นี้ไม่มากนัก
“แหม ไอ้เด็กบ้า จะไปดูคะแนนก็ไปดูคนเดียวเลยไป!” ฉันแกล้งผลักโซนิกให้เซไปเล็กน้อยพร้อมกับฝากกำปั้นเล็กๆไว้บนหัวของเขา ป๊อกก
“T^T คนแก่ใจร้ายย ทำอย่างนี้กับผมได้ยังไง”
“ก็แกมันเด็กบ้า ปากเสีย ต้องโดนแบบนี้แหละ”
“ถีงจะแก่แต่ก็น่ารักอยู่นะ” โซนิกพูดเสียงเบา
“ฮ่ะ ว่าอะไรนะ”
“ปะ ป่ะ เปล่าครับ ผมว่ารีบไปกันเถอะ”
ณ บอร์ดประกาศคะแนนสอบกลางภาค
ทามกลางผู้คนมากมายฉันได้เพียงแต่คอยมองดูบอร์ดอยู่ห่างๆที่ตรงนี้เพราะมีอาสาสมัครไปดูคะแนนให้ คงไม่ต้องบอกใช่ไหมว่าใครก็เจ้าจอมกวนโซนิกนะสิ น้อยครั้งนะที่โซนิกจะทำตัวมีประโยชน์คือแบบว่านับครั้งได้อ่ะ
“เอเดลนี่เก่งเนาะ”
“รุ่นพี่เอเดลสุดยอดไปเลย เพิ่งย้ายมาปีแรกก็ล้มแชมป์พี่ซินเดียร์เฉยเลยอ่ะ”
“กรี๊ดดด เห็นเขาว่ากันว่าพี่เขาหน้าตาดีสุดๆไปเลยนะ”
“ฮ่ะ จริงหรอ อยากถ่ายรูปคู่ด้วยจัง”
ในระหว่างที่ฉันยืนรอผลคะแนนของตัวเองอยู่นั้น กลุ่มหญิงสาวต่างก็พากันพูดถึงชายปริศนาชื่อว่าเอเดล
บุคคลที่กำลังเป็นที่ถูกกล่าวถึงกันอย่างคับคั่งในตอนนี้ ก็แน่ล่ะชายคนที่เขาพูดถึงกันนั้นคงเก่งมากๆเลยสินะถึงสามารถล้มแชมป์ซินเดียร์ได้ หญิงสาวที่มีคะแนนท็อปมาทุกๆปีตั้งแต่เข้าโรงเรียนมา และทุกๆครั้งที่มีการประกาศผลคะแนนทุกคนก็มักจะพูดถึงแต่ ซินเดียร์ ซินเดียร์ แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไปหลายๆคนต่างก็พูดถึงแต่ เอเดล เอเดลและเอเดล
“เอเดลงั้นหรอ น่าสนใจดีแฮะ”
ก็ประมาณนี้นะค่ะ เป็นยังไงบ้างพอจะได้มั๊ยต้องปรับปรุงตรงไหนอีกไหมค่ะ??