บทความดีดๆจาก เพจ อ.บรรจง บินกาซัน
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason
คำถาม : การที่ศาสนาอิสลามกำหนดให้คนที่จะแต่งงานกับคนมุสลิมต้องเป็นมุสลิมก่อนถึงจะแต่งงานได้นั้นไม่ถือว่าเป็นการบังคับให้นับถือศาสนาหรือครับ ?
ตอบ: ก่อนจะทราบถึงเหตุผลของอิสลามในเรื่องการแต่งงาน ผมอยากให้คุณสังเกตธรรมชาติอย่างหนึ่งของสัตว์ก่อน นั่นคือ เมื่อถึงฤดูผสมพันธ์ สัตว์ตัวเมียจะเลือกตัวผู้ที่แข็งแรงให้ทำการผสมพันธ์กับมันทั้งนี้เพื่อให้แน่ใจว่าลูกหลานของมันจะมีคุณภาพดีและสามารถรักษาเชื้อสายของมันสืบต่อไป
มนุษย์ก็เป็นสิ่งมีชีวิตอย่างหนึ่งที่รู้จักเลือก และการเลือกคู่ครองของมนุษย์ก็มีเหตุผลและพื้นฐานมาจากความเชื่อ เช่น ชาวยิวถือว่าตัวเองเป็นชนชาติที่พระเจ้าทรงคัดเลือกและเป็นมนุษย์ที่ดีที่สุดในโลก ชาวยิวหัวรุนแรงถือว่าคนที่มิใช่ยิวมิใช่มนุษย์เสียด้วยซ้ำ ดังนั้น ชาวยิวจึงไม่แต่งงานกับคนที่ไม่ใช่ยิว แต่จะแต่งกับยิวเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อดำรงรักษาเผ่าพันธุ์ยิวไว้ สังคมอินเดียที่มีการแบ่งชนชั้นวรรณะก็แต่งงานกันในวรรณะของตนเอง การแต่งงานข้ามวรรณะถือเป็นที่ต้องห้าม คนที่บ้าสมบัติก็เลือกแต่งงานกับคนรวยด้วยกันดังที่เราเคยได้ยินว่า “เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน” ทั้งนี้เพื่อรักษาสมบัติของวงศ์ตระกูลไว้ เป็นต้น
อิสลามก็สอนให้มุสลิมเลือกคู่ครองเช่นกัน ท่านนบีมุฮัมมัดได้สอนว่า “ผู้หญิงถูกแต่งงานด้วย 4 อย่างด้วยกัน นั่นคือ หน้าตา ฐานะ วงศ์ตระกูลและศาสนา ถ้าจะเลือกก็ให้เลือกหญิงที่มีศาสนาก่อน”
ดังนั้น อิสลามจึงถือว่ารักไม่มีพรมแดน ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติ ฐานะหรือวงศ์ตระกูล แต่รักต้องมีศาสนา เพราะศาสนาคือกติกาของชีวิต นั่นหมายความว่าถ้าจะใช้ชีวิตในสถาบันครอบครัว คุณก็ต้องมีกติกา ก็เหมือนกับคุณไปทำงานในที่ใด คุณก็ต้องยอมรับกฎระเบียบและกติกาของที่ทำงานนั้นก่อน
ยิ่งในสถาบันครอบครัวด้วยแล้ว อิสลามจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษเพราะครอบครัวเป็นรากฐานของสังคม ถ้าครอบครัวล่มสลาย สังคมก็พังทลาย ถ้าหากสามีภรรยาต่างมีความคิดความเชื่อและพื้นฐานวัฒนธรรมต่างกัน โอกาสที่จะเกิดความแตกแยกก็ย่อมเกิดขึ้นง่าย ถ้าต่างคนต่างอยู่ในวัฒนธรรมความเชื่อของตนเอง ลูกก็จะเกิดความสับสน การถ่ายทอดและการรักษาวัฒนธรรมก็ไม่สามารถเป็นไปได้ ยิ่งถ้าทั้งพ่อและแม่ต่างไม่มีศาสนาและถือคติว่า “อะไรก็ได้”ด้วยแล้ว ลูกก็จะรับทุกสิ่งรอบตัวโดยไม่รู้จักแยกแยะ
ประการสำคัญก็คือการดำเนินชีวิตของมุสลิมมีพระเจ้าเป็นสรณะและมุสลิมต้องดำเนินชีวิตไปตามแนวทางที่พระองค์ได้ทรงกำหนดไว้ ชะตากรรมชีวิตจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับว่าใครจะปฏิบัติตามแนวทางของพระเจ้าหรือไม่ มากน้อยเพียงใด มุสลิมจึงมีความเข้มงวดในเรื่องนี้มากครับ
ศาสนาอิสลามกำหนดให้คนที่จะแต่งงานกับคนมุสลิมต้องเป็นมุสลิมก่อนถึงจะแต่งงาน
https://www.facebook.com/Banjong.Binkason
คำถาม : การที่ศาสนาอิสลามกำหนดให้คนที่จะแต่งงานกับคนมุสลิมต้องเป็นมุสลิมก่อนถึงจะแต่งงานได้นั้นไม่ถือว่าเป็นการบังคับให้นับถือศาสนาหรือครับ ?
ตอบ: ก่อนจะทราบถึงเหตุผลของอิสลามในเรื่องการแต่งงาน ผมอยากให้คุณสังเกตธรรมชาติอย่างหนึ่งของสัตว์ก่อน นั่นคือ เมื่อถึงฤดูผสมพันธ์ สัตว์ตัวเมียจะเลือกตัวผู้ที่แข็งแรงให้ทำการผสมพันธ์กับมันทั้งนี้เพื่อให้แน่ใจว่าลูกหลานของมันจะมีคุณภาพดีและสามารถรักษาเชื้อสายของมันสืบต่อไป
มนุษย์ก็เป็นสิ่งมีชีวิตอย่างหนึ่งที่รู้จักเลือก และการเลือกคู่ครองของมนุษย์ก็มีเหตุผลและพื้นฐานมาจากความเชื่อ เช่น ชาวยิวถือว่าตัวเองเป็นชนชาติที่พระเจ้าทรงคัดเลือกและเป็นมนุษย์ที่ดีที่สุดในโลก ชาวยิวหัวรุนแรงถือว่าคนที่มิใช่ยิวมิใช่มนุษย์เสียด้วยซ้ำ ดังนั้น ชาวยิวจึงไม่แต่งงานกับคนที่ไม่ใช่ยิว แต่จะแต่งกับยิวเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อดำรงรักษาเผ่าพันธุ์ยิวไว้ สังคมอินเดียที่มีการแบ่งชนชั้นวรรณะก็แต่งงานกันในวรรณะของตนเอง การแต่งงานข้ามวรรณะถือเป็นที่ต้องห้าม คนที่บ้าสมบัติก็เลือกแต่งงานกับคนรวยด้วยกันดังที่เราเคยได้ยินว่า “เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน” ทั้งนี้เพื่อรักษาสมบัติของวงศ์ตระกูลไว้ เป็นต้น
อิสลามก็สอนให้มุสลิมเลือกคู่ครองเช่นกัน ท่านนบีมุฮัมมัดได้สอนว่า “ผู้หญิงถูกแต่งงานด้วย 4 อย่างด้วยกัน นั่นคือ หน้าตา ฐานะ วงศ์ตระกูลและศาสนา ถ้าจะเลือกก็ให้เลือกหญิงที่มีศาสนาก่อน”
ดังนั้น อิสลามจึงถือว่ารักไม่มีพรมแดน ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติ ฐานะหรือวงศ์ตระกูล แต่รักต้องมีศาสนา เพราะศาสนาคือกติกาของชีวิต นั่นหมายความว่าถ้าจะใช้ชีวิตในสถาบันครอบครัว คุณก็ต้องมีกติกา ก็เหมือนกับคุณไปทำงานในที่ใด คุณก็ต้องยอมรับกฎระเบียบและกติกาของที่ทำงานนั้นก่อน
ยิ่งในสถาบันครอบครัวด้วยแล้ว อิสลามจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษเพราะครอบครัวเป็นรากฐานของสังคม ถ้าครอบครัวล่มสลาย สังคมก็พังทลาย ถ้าหากสามีภรรยาต่างมีความคิดความเชื่อและพื้นฐานวัฒนธรรมต่างกัน โอกาสที่จะเกิดความแตกแยกก็ย่อมเกิดขึ้นง่าย ถ้าต่างคนต่างอยู่ในวัฒนธรรมความเชื่อของตนเอง ลูกก็จะเกิดความสับสน การถ่ายทอดและการรักษาวัฒนธรรมก็ไม่สามารถเป็นไปได้ ยิ่งถ้าทั้งพ่อและแม่ต่างไม่มีศาสนาและถือคติว่า “อะไรก็ได้”ด้วยแล้ว ลูกก็จะรับทุกสิ่งรอบตัวโดยไม่รู้จักแยกแยะ
ประการสำคัญก็คือการดำเนินชีวิตของมุสลิมมีพระเจ้าเป็นสรณะและมุสลิมต้องดำเนินชีวิตไปตามแนวทางที่พระองค์ได้ทรงกำหนดไว้ ชะตากรรมชีวิตจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับว่าใครจะปฏิบัติตามแนวทางของพระเจ้าหรือไม่ มากน้อยเพียงใด มุสลิมจึงมีความเข้มงวดในเรื่องนี้มากครับ