Uber Taxi โดนสอย ขนส่งฯ ชี้ผิดกฎหมาย จับได้ปรับ 4 พันบาท

กระทู้สนทนา
อธิบดีขนส่งฯ ชี้ บริการ Uber Taxi ผิดกฎหมาย ใช้รถผิดประเภท ไม่คิดค่าโดยสารตามที่กำหนด เตือนประชาชนอย่าใช้บริการ หวั่นไม่ปลอดภัย พร้อมระบุหากจับได้ปรับโทษสูงสุดรวม 4 พันบาท          

          วันที่ 28 พฤศจิกายน 2557 กรมการขนส่งทางบกได้เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ในเว็บไซต์ www.dlt.go.th เรื่อง "กรมการขนส่งทางบก ระบุ Uber Taxi ผิดกฎหมาย!!! เริ่มออกตรวจจับจริงจัง เตือนประชาชนอย่าใช้บริการ เพราะอาจไม่ปลอดภัย เนื่องจากเป็นรถที่ไม่เข้าสู่ระบบฐานข้อมูลรถโดยสารสาธารณะ" โดยระบุถึงกรณีที่มีผู้ให้บริการรถรับส่งผ่าน Application ว่า เป็นการบริการที่ผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ฐานใช้รถยนต์ผิดประเภท ไม่ใช้มาตรค่าโดยสารตามราชการกำหนด ผู้ขับรถไม่มีใบขับขี่สาธารณะ และไม่เข้าสู่ระบบทะเบียนศูนย์ประวัติผู้ขับรถสาธารณะ

          พร้อมระบุอีกว่า หากตรวจพบกรมการขนส่งทางบกจะเปรียบเทียบปรับสูงสุดทุกราย กรมการขนส่งทางบกขอให้ประชาชนเลือกใช้รถแท็กซี่ที่ถูกต้องตามกฎหมาย และอย่าหลงเชื่อการสร้างแรงจูงใจด้วยเหตุผลต่าง ๆ เนื่องจากคำนวณค่าโดยสารแล้วมีการแฝงค่าใช้จ่ายต่อระยะทางและเวลา ซึ่งสูงกว่าค่าโดยสารรถแท็กซี่มิเตอร์ในปัจจุบัน หากประชาชนที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง


ดังรายละเอียดต่อไปนี้

          กรมการขนส่งทางบก ระบุ Uber Taxi ผิดกฎหมาย!!! เริ่มออกตรวจจับจริงจัง เตือน ประชาชนอย่าใช้บริการ เพราะอาจไม่ปลอดภัย เนื่องจากเป็นรถที่ไม่เข้าสู่ระบบฐานข้อมูลรถโดยสารสาธารณะ
       
          นายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏว่ามีผู้ให้บริการรถรับส่งผู้โดยสารในลักษณะรถแท็กซี่ผ่าน Application ด้วยรถยนต์บริการ (ป้ายเขียว) และรถยนต์ส่วนบุคคล (ป้ายดำ) โดยอัตราค่าโดยสารไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดนั้น ล่าสุด กรมการขนส่งทางบกได้เชิญประชุมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และมณฑลทหารบกที่ 11 เพื่อพิจารณาแนวทางแก้ปัญหาก่อนจะสร้างความเดือดร้อนเป็นวงกว้างในอนาคต เช่น ปัญหาเรื่องการใช้บัตรเครดิต ปัญหาความไม่ปลอดภัยจากการใช้บริการ โดยในเบื้องต้นได้ข้อสรุปว่า การให้บริการรับส่งผู้โดยสารในลักษณะรถแท็กซี่ผ่าน Application ด้วยรถยนต์ส่วนบุคคลและรถยนต์บริการดังกล่าว ถือว่าเป็นการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ฐานใช้รถยนต์ผิดประเภทจากที่จดทะเบียนไว้ นอกจากนี้ ยังมีความผิดฐานไม่ใช้มาตรค่าโดยสารตามที่ทางราชการกำหนด ผู้ขับรถไม่มีใบขับขี่สาธารณะ และไม่เข้าสู่ระบบทะเบียนของศูนย์ประวัติผู้ขับรถสาธารณะ นอกจากนี้ การชำระค่าโดยสารผ่านบัตรเครดิตอาจส่งผลต่อความปลอดภัยด้านธุรกรรมของผู้ใช้บริการในอนาคต
       
          นายธีระพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากผลการประชุมหารือร่วมระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังกล่าว มีการตกลงร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง โดยมณฑลทหารบกที่ 11 และกรมการขนส่งทางบก ได้บูรณาการในการตรวจสอบการให้บริการที่ผิดกฎหมายดังกล่าวตั้งแต่ 27 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา หากตรวจพบกรมการขนส่งทางบกจะเปรียบเทียบปรับสูงสุดทุกราย ได้แก่ ความผิดฐานใช้รถผิดประเภท โทษปรับสูงสุด 2,000 บาท ไม่ใช้มาตรค่าโดยสารตามที่ทางราชการกำหนด โทษปรับสูงสุด 1,000 บาท และไม่มีใบขับขี่รถสาธารณะปรับสูงสุด 1,000 บาท ในส่วนกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร จะเร่งดำเนินการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผู้ที่นารถยนต์ส่วนบุคคลและรถยนต์รับจ้างมาให้บริการรับส่งผู้โดยสารในลักษณะรถแท็กซี่ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะเร่งดาเนินการชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการ ว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย

          ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบกขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเลือกใช้บริการรถแท็กซี่ที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อความปลอดภัยในการใช้บริการ และอย่าหลงเชื่อการสร้างแรงจูงใจด้วยเหตุผลต่าง ๆ เนื่องจากหากคำนวณค่าโดยสารแล้วจะพบว่ามีการแฝงค่าใช้จ่ายต่อระยะทางและเวลา รวมทั้งมีการประกันค่าโดยสารขั้นต่ำ ซึ่งเมื่อเทียบกับอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่มิเตอร์ในปัจจุบันแล้วพบว่า Uber Taxi จะมีราคาที่สูงกว่า และข้อสำคัญผู้โดยสารอาจไม่ได้รับความปลอดภัย เนื่องจากรถดังกล่าวไม่เข้าสู่ระบบฐานข้อมูลในการตรวจสอบรถสาธารณะของกรมการขนส่งทางบก รวมทั้งต้องใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตซึ่งอาจมีมาตรฐานความปลอดภัยไม่เพียงพอ ประชาชนที่สงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวในท้ายที่สุด

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
www.kapook.com

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่