ขอแชร์ประสบการณ์การเตรียมตัวสอบทุนรัฐบาล ไปศึกษาต่อต่างประเทศครับ

สวัสดีครับ กระทู้นี้เกิดขึ้นมาจาก มีเพื่อนๆน้องๆ ที่ผมเคยไปแนะแนวตามงานเรียนต่อต่างๆของหลายๆสถาบัน มาไซโคบอกให้เขียนกระทู้แนะนำวิธีการเตรียมตัวและการสอบทุนครับ ประกอบกับช่วงนี้เองทางก.พ.เริ่มมีการเปิดรับสมัครสอบทุนเรียนต่อต่างประเทศ สำหรับน้องๆที่สนใจไปเรียนระดับ postgraduate เลยหวังว่ากระทู้นี้พอจะเป็นแนวทางให้น้องๆที่สนใจสอบรับทุนเรียนต่อไม่มากก็น้อยนะครับ

ขอเกริ่นก่อน ผมเองก้าวข้าวสู่วงการเด็กทุนตั้งแต่สมัยม.ปลายครับ ที่โรงเรียนผมจะให้ทุนกับเด็กม.ปลายทุกคนครับ
คือต้องบอกว่าพอเริ่มเป็นเด็กทุนครั้งหนึ่งปุ๊บ...ส่วนใหญ่ทุกคนจะติดเหมือนเสพยาเสพติดเลยครับ ต้องดิ้นรนขวนขวายสอบทุนกันต่อให้ได้ (เว่อเกิ๊น!!)
ที่จริงเหตุผลที่ผมสอบทุนเป็นเพราะอยากแบ่งเบาภาระคุณพ่อคุณแม่ครับ อีกอย่างสอบทุนได้มันก็เป็นความภาคภูมิใจทั้งกับตัวเองและครอบครัวด้วย ^^  
(อันนั้นเป็นเหตุผลสวยหรูครับ.... เหตุผลจริง dark สุดๆคือ กรูงก ไม่อยากเสียค่าเทอม และอยากได้ตังรายเดือนใช้!!!)

ด้วยความที่อยากไปเรียนต่อต่างประเทศ แต่ที่บ้านคนแค่ชนชั้นกลางค่อนไปทางล่าง คุณพ่อคุณแม่เป็นข้าราชการทั้งคู่ แกบอกว่าถ้าผมอยากไปเรียนเมืองนอก แกคงต้องขายบ้านส่งตังให้ผม T-T  

ดูๆแล้ว หนทางเดียวที่จะทำให้ไปเรียนต่อต่างประเทศได้คงเป็นการสอบชิงทุนอย่างเดียวแน่นอน ช่วงที่ผมเรียนปีสุดท้ายของม.ปลาย ตอนนั้นก็วิ่งไปสอบทุนฮิตๆ ตามที่ชาวบ้านชาวเมืองเค้าสอบกันเลยคือ ทุนรัฐบาลญี่ปุ่น ทุนรัฐบาลไทย (ที่ซอยย่อยเป็นสารพัดทุนมว๊ากกก ทั้งทุนคิง ทุนไทยพัฒน์ ทุนก.พ. ทุนกระทรวงวิทย์ ยังไม่รวมทุนฝากของบริษัทอีก)

ตอนนั้นทุนคิงผมตัดไปก่อนเลย เพราะมองดูแล้ว ต่อให้ไปบนบานศาลกล่าวกับเจ้าที่ด้วยการจะกินมังสวิรัติไปตลอดชาติ เจ้าที่ก็คงไม่ช่วยให้ผมสอบติด (พอผลสอบออกปุ๊บ...เห็นชื่อคนได้ทุนคิงสายวิทย์ปั๊บ 3 จาก 5 คนนี่มันเพื่อนที่เรียนม.ต้นที่เดียวกันมานี่หน่า โหดเป็นบ้าเลยย = =") เลยสอบตัดสินใจเลือกสอบทุนไทยพัฒน์แผนกสายวิทย์ กับทุนกระทรวงวิทย์ที่ให้ไปเรียนด้าน nanotechnology (สมัยนั้นเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว อะไรๆก็นาโนนนนน)

ถึงวันประกาศผลสอบปรากฎว่า....... สอบผ่านข้อเขียนทั้งทุนรัฐบาลญี่ปุ่นและทุนรัฐบาลไทยครับ เยยยยยยย้!!!!!  
แต่อย่าเพิ่งงงงงดีใจ..... เพราะตกรอบสัมภาษณ์ครับ (นี่สินะที่เค้าบอกผู้ชนะ คือคนที่หัวเราะเป็นคนสุดท้าย T-T)  

และที่น่าช้ำใจยิ่งกว่าคือ ปีนั้นเป็นปีสุดท้ายของระบบ entrance ซึ่งมหาลัยแต่ละที่จะกั๊กเด็กกันสุดๆครับ จัดสอบให้ตรงกันบ้าง หรือวันมอบตัวที่นี่ตรงกับวันสอบที่นั่นอะไรอย่างนั้น แล้วคณะแพทย์แห่งหนึ่งที่ติดแม่น้ำเจ้าพระยาที่ผมอุตสาห์ดิ้นรนจนสอบได้ก็จัดเอาวันมอบตัวมาตรงกับวันสัมภาษณ์ทุน แป๊กกกกเลยครับตอนนั้น อารมณ์เหมือนได้ตองหรือป๊อก 8 แล้วเจ้ามือดันได้ป๊อก 9 ตัดหน้าเสียตังให้เจ้า (เห้ยไม่ใช่และ สาบานได้ผมเล่นไพ่ไม่เป็นจริงๆนะ ~~)
โชคดีว่าหลังจากนั้นผมได้ทุนจากสวทช. ให้ไปเรียนวิศวะเคมีที่มหาลัยแห่งหนึ่ง  

<<<<มีสาระนิด ตรงๆนี้ถ้าใครน้องหรือมีหลานคนไหนเรียนม.ปลายแล้วต้องการจะสอบทุนรัฐบาลไทย เค้าให้เราเลือกได้แค่ 2 ประเภททุนครับ เช่น ทุนคิงกับทุนไทยพัฒน์ ทุนปตท.กับทุนกระทรวงวิทย์ ซึ่งตรงนี้บางทุนจะมีหลายหน่วยย่อยมาก ซึ่งตรงนี้ทางก.พ.จะไม่อนุญาตให้เราสมัครประเภททุนซ้ำกันเด็ดขาดครับ ถึงแม้ว่าจะเลือกหน่วยย่อยคนละตัวกัน ยกตัวอย่างเช่น สมัครทุนกระทรวงวิทย์ ต้นสังกัดมหาลัย x คู่กับสมัครทุนกระทรวงวิทย์ ต้นสังกัดสถาบันวิจัย Y ไม่ได้ครับ และถ้าเป็นการสัมภาษณ์ทุนของน้องม.ปลายที่จะไปเรียน undergrad ทางกพ.จะสัมภาษณ์ค่อนข้างโหดและกดดันมากครับ หากเทียบกับน้องระดับมหาลัยที่จะไปเรียน postgrad>>>>>

เกริ่นมาซะเวิ่นเว้อยาวเหยียด เพื่อแค่จะโม้ว่าผมเป็น(อดีต)เด็กนักเรียนทุนรัฐบาลญี่ปุ่น และตอนนี้เป็นเด็กนักเรียนทุนรัฐบาลไทยอยู่ครับ อมยิ้ม02

ในกระทู้นี้ขอโฟกัสไปที่สอบทุนรัฐบาลไทยนะครับ แต่ถ้าใครสงสัยเรื่องสอบทุนรัฐบาลญี่ปุ่นก็ถามมาได้เลยครับ ต้องบอกว่าข้อสอบและคำถามที่สัมภาษณ์ของทั้งสองทุนต่างกันพอสมควรเลยครับ เกรงว่าถ้าเขียนในกระทู้นี้หมดคงยาวเหยียดแน่นอน

ปล. ทุนรัฐบาลไทยเปิดรับสมัคร ใครสนใจก็ตามไปดูรายละเอียดเอานะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่