[K-POP] ขอถามหน่อยค่ะ ส่วนแบ่งศิลปิน SM 70:30 นี่เค้าเอาข้อมูลมาจากไหนกันเหรอ

ทำไมเวลาเล่นทวิต มักมีคนแชร์ข้อมูลว่าส่วนแบ่งค่าย SM 70 ศิลปิน 30 เห็นข้อมูลนี้เยอะมาก คือเค้าเอาข้อมูลมาจากไหนกันเหรอค่ะ  
มันเป็นไปได้เหรอ เห็นแชร์กันบริษัทอื่นให้ ศิลปิน 60 บริษัท 40 บางบริษัทก็ 50:50 แล้ว SM บริษัท เอาไป 70 อีก 30 ให้ศิลปิน แชร์ข้อมูลนี้กันเป็นเรื่องเป็นราว อย่างกับว่าข้อมูลนี้เป็นความจริง เวลาเอามาถกเถียงกัน ก็จะยกส่วนแบ่งอันนี้มาพูด ก็เลยอยากจะรู้ที่มา เพราะส่วนตัวเราเป็นแฟนคลับค่าย SM เราเคยอ่านบทสัมภาษณ์คิมยองมิน CEO ของ SM เค้าเคยสัมภาษณ์สำนักข่าว Channel NewsAsia  ว่าศิลปิน SM จะได้ส่วนแบ่งจากงานโฆษณา 60% คืออันนี้มาจากปากผู้บริหารเองเลย ซึ่งเราว่ามันก็น่าจะมีความน่าเชื่อถือมากกว่าข้อมูลทางอินเตอเนต  อยากรู้ว่าข้อมูลที่เอามาแชร์กันเนี่ยต้นตอมาจากไหน รู้กันได้ยังไง  เพราะไม่งั้นก็จะเหมือนที่แล้วๆ มา ที่คนพากันพูดว่าเกี่ยวกับสัญญาทาส จนศิลปินบางคนเค้าก็ออกมาบอกว่าเค้าไม่ใช่ทาส ทาสที่ไหนมีเงิน ซื้อบ้าน ซื้อรถแพงๆ

ปล. อันนี้ไปหาข้อมูลจากข่าวสัญญาในอดีต  จะเห็นว่าพวกงานโฆษณา โชว์ตัว รายการประจำ ศิลปินจะได้อยู่ที่ 65-70% ของกำไรสุทธิ ถ้าเป็นงานต่างประเทศจะได้ % ส่วนแบ่งมากกว่างานในประเทศ อันนี้ขนาดสัญญาที่เป็นประเด็น ส่วนแบ่งยังไม่ใช่ SM 70 ศิลปิน 30 อย่างที่แชร์กันเลยนะ





http://www.pingbook.com/club/view.php?id=11166
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
งานเยอะก็ไม่พอใจ บางวงเขาอยากได้งานแทบตายพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้งาน ถ้าให้งานน้อยก็โดนด่าอีกว่าไม่ดัน พอก่อนหน้านี้ด่าค่ายสัญญาทาส มาเจอกระทู้นี้ไม่ด่าสัญญาทาสแหละด่าเรื่องใช้แรงงานเด็กหนักแทน ถึงงานมันหนักแต่ค่ายเขาก็ทำเพื่อให้เด็กมีรายได้เยอะๆ มีผลงานให้แฟนคลับติดตาม ยิ่งexo อยู่ในช่วงขาขึ้นก็ยิ่งต้องให้งานเยอะเพื่อกอบโกยในช่วงที่ยังเป็นที่นิยม นึกถึงAOA ที่สาวๆทำทุกอย่างเพื่อให้ได้งาน สาวๆบ่นกันตลอดว่าอยากได้งานเยอะๆ
ความคิดเห็นที่ 5
ที่เจ้าของกระทู้หยิบยกมาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของสัญญาที่กล่าวถึงรายได้  จริงๆควรนำข้อมูลทั้งหมดมาลงนะคะ เราตามลิงค์ที่จขกท.ลงไว้
หากอ่านให้ละเอียดจะรู้ถึงตื้นลึกหนาบางกว่าที่นำมาลงไว้แค่นี้  และจะเข้าใจถึงที่มาของคำว่าสัญญาทาสได้

สิ่งที่ SM แถลงก็เป็นเพียง Paper เท่านั้นแต่เอาเข้าจริงเขาจะทำได้อย่างที่ร่างในสัญญาทั้งหมดหรือเปล่า ก็เหมือนกับกฎหมายล่ะค่ะ ที่กฎหมายบางอันร่างมาอย่างดีแต่ดันมีช่องโหว่ให้หลีกเลี่ยงกฎหมายได้ซะงั้น (นึกถึง SM ที่เคยโดนตรวจสอบภาษีแล้วต้องตามจ่ายย้อนหลังเลยทีเดียว)

อย่างตอน JYJ เหตุผลหนึ่งในการฟ้องร้องคือความเคลือบแคลงในบัญชีของรายจ่ายที่ศิลปินต่องจ่ายก่อนหักรายได้ที่มีข้อสงสัยว่าสูงเกินจริงและไม่มีที่มา
ส่วนของเกิงที่นับเป็นศิลปินต่างชาติคนแรกในวงการเคป๊อบมีสัญญาที่แตกต่างจากคนอื่นๆ สวัสดิการยิ่งแตกต่าง ยกตัวอย่างเรื่องการรักษาพยาบาลที่เกิงต้องจ่ายด้วยตัวเอง หาก จขกท.อยากรู้ลองหาการฟ้องร้องเคสของเกิงดูจะรู้ว่าเคสของเกิงมันร้ายแรงขนาดไหน

ในสองเคสที่เรายกมาเกิดขึ้นในปี 2009 เพราะหลังจากนั้นรัฐบาลได้เข้ามาดูแลเรื่องนี้และได้ตั้งองกรค์การร่างสัญญาอย่างเป็นธรรมขึ้นมา  ฉะนั้นเราจะไม่ขอเอ่ยถึงเคสหลังจากนั้น

แต่ที่สำคัญของการฟ้องร้องไม่ใช่เพียงเพราะเรื่องเงินอย่างเดียวหรอกค่ะ

สำหรับคนที่คิดว่าทำไมถึงได้เชื่อในสิ่งที่ศิลปินพูด ที่เราเชื่อไม่ใช่คำพูดของศิลปินแต่เพราะเราเชื่อในข้อมูลที่ถูกยื่นฟ้องในชั้นศาล อย่างน้อยเขาก็คงไม่ฆ่าตัวเองโดยการใช้ข้อมูลเท็จในชั้นศาลแน่

ปล.แก้ไข เพิ่มบรรทัดสุดท้าย
ความคิดเห็นที่ 15
ขออนุญาตตอบในฐานะแฟนของคนที่ออกจากค่ายนี้ไป คือแจจุงจุนซู และยูชอน ได้ติดตามการฟ้องร้อง รวมทั้งบันทึกระหว่างที่มีการพิจารณาคดี เลยพอรู้อะไรมาบ้างและน่าจะตอบข้อสงสัยในว่าสัญญาของ SMในสมัยก่อนมันทาสตรงไหนนี้ได้นะคะ

ข้อมูลทั้งหมดมาจากการติดตามการฟ้องร้องและได้อ่านจากผู้ที่เข้าร่วมฟังการพิจารณาคดีนะคะ  ไม่ได้วงในหรืออะไรจากไหน

ขออนุญาตเรียก แจจุง จุนซูและยูชอนในที่นี้ว่า  JYJ เพื่อความสะดวกนะคะ

ขอเริ่มจากการฟ้องร้อง การฟ้องร้องแบ่งเป็นเป็นสองส่วนนะคะคือ

1.ขอให้ศาลสั่งให้สัญญาระหว่าง SM และ JYJ เป็นโมฆะ
2.ขอให้  SM ชดใช้ค่าเสียหายจากสัญญาที่ไม่เป็นธรรม


ทำไมต้องขอให้สัญญาเป็นโมฆะทำไมไม่ขอยกเลิกสัญญาแล้วจ่ายค่าปรับออกไป

ถ้าตามสัญญา  ที่  JYJ ฟ้องร้อง หากขอยกเลิกสัญญาก่อนครบกำหนดจะต้องจ่ายค่าปรับเป็นสองเท่าของเงินลงทุน และสามเท่าของรายได้ที่คาดว่าจะได้ในอนาคต

มีคนคำนวณออกมาแล้วนะคะ ว่าถ้าเลือกวิธีนี้  JYJ ต้องจ่ายให้  SM ราวๆ 4แสนล้านวอนค่ะ เป็นเงินไทยก็ 12000 ล้านบาท หรือเท่ากับกำไรเอสเอ็มที่ได้ สิบปี

JYJ ไม่มีเงินจ่ายหรอกนะคะ  และหลังจากฟ้องร้อง ส่วนนี้ในสัญญาก็ถูกตัดออกไปสำหรับสัญญาที่ปรับใหม่เพราะเป็นส่วนที่เอาเปรียบคู่สัญญาอย่างไม่มีเหตุผลค่ะ

ระยะเวลาสัญญา 13 ปี

สำหรับสัญญาของJYJ ที่ปรากฎในศาล 13 ปี ไม่ร่วมเวลาที่เข้าเป็นทหารสองปีค่ะ  สัญญาจริงๆคือ  15 ปี
และถ้า JYJ เกิดป่วย ไม่สบาย มีธุระ ไม่สามารถทำงานได้  สัญญาก็จะยืดไปอีกเท่าวันที่ไม่ได้ทำงานค่ะ

นึกภาพง่ายๆ ถ้ามีเหตุไม่ทำงาน  ก็เหมือนกดปุ่มหยุดเวลาเอาไว้  จนกว่าจะหายป่วย ทำธุระเสร็จ  บลาๆ พอมาทำงานค่อยกดปุ่มให้เวลาเดินต่อ  แบบนั้นแหละค่ะ

รายได้

1.บัญชีรายได้ที่  JYJ  เห็นล่าสุดคือซิงเกิ้ลเพลง HUG ค่ะ หลังจากนั้นไม่เคยเห็นอีกเลย

2.JYJ ขอดูรายละเอียดรายรับรายจ่ายตลอดเวลาที่ทำงานมา มางSM  ตอบในศาลว่า  เอกสารทั้งหมดอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ค่ะ  อยากได้หาเอา  จนป่านนี้ก็ยังคงเป็นปริศนาในตู้คอนเทนเนอร์ให้แฟนเอามาเป็นโจ๊กขำๆ เป็นความลับอันดำมืดต่อไป

3.ในศาลเราได้ทราบเฉพาะการแบ่งรายได้ในญี่ปุ่นค่ะ เพราะมี  AVEX เป็นบริษัทร่วมด้วย  การแบ่งรายได้เป็นดังนี้ค่ะ

สมมติได้เงินมา  100 บาท AVEX จะแบ่งไปก่อน 50 บาทค่ะ  50 บาที่เหลือจะส่งให้ SM ที่เกาหลี 25 บาทค่ะ 25 ที่เหลือก็จะเป็นการแบ่งระหว่าง  SM JAPAN แล้วก็ศิลปิน

ศิลปินได้  12.5   แบ่งกันห้าคนก็ คนละ 2.5 พอดี

4.JYJ จะต้องจ่าย ค่าแดนเซอร์  ค่าสไตล์ลิสต์ ค่าเสื้อผ้า  ค่าน้ำมันเวลาออกไปทำกิจกรรม  หากสตาฟที่ดูแลศิลปินป่วย  ก็ต้องออกค่ารักษาพยาบาลให้ ค่าที่จอดรถผู้บริหาร ค่าขนมขบเคี้ยวของคนในบริษัท ค่าแม่บ้าน และแม้แต่ยาแก้หวัดก็ต้องจ่ายให้ค่ะ

5.ในสัญญาฉบับเก่า เงินที่ให้จะแบ่งให้เป็นงวดค่ะ  ทุกๆหกเดือน หากต้องใช้เงินเป็นก้อนก่อนเวลาที่แบ่ง SM จะให้กู้ค่ะ  แล้วก็คิดดอกเบี้ยด้วย ถ้าในศาลคนมีหนี้ส่วนนี้จะเป็นยูชอนกับแจจุงค่ะ (ตอนนี้คงชำระไปหมดแล้ว)

6.ในสัญญาของ JYJ เรื่องการแบ่งรายได้จากยอดขายซีดี  ไม่ถึงห้าแสนแผ่น ส่วนแบ่ง =0 ค่ะ

7.โฟโต้บุ๊ค อัลบั้มรีแพคเกจ GOODS ต่างๆ อัลบั้มรวมฮิต  อัลบั้มรวมของบริษัท  เงินเข้าบริษัท 100 % ค่ะ

8.การไปออกรายการต่างๆในฐานะแขกรับเชิญ ทั้งรายการวาไรตี้และรายการเพลง รายได้เข้าบริษัท 100% เช่นกันค่ะ (SM บอกว่าถือเป็นส่วนนึงของค่าใช้จ่ายในการโปรโมทงาน)



สิทธิในฐานะคนทำงาน

1.ลิขสิทธิ์เพลงที่แต่งทั้งหมดเป็นของ  SM  SM สามารถเอาเพลงที่แต่ไปใช้ยังไงก็ได้

2.JYJ ไม่มีสิทธิ์ปฎิเสธงานใดๆที่  SM บอกให้ทำ ถือเป็นสิทธิ์ขาด  ไม่ว่าศิลปินจะป่วยจะไม่พร้อม ก็ต้องทำตามอย่างเคร่งครัด

ขอยกตัวอย่างคร่าวๆเท่าที่พอจำได้ประมาณนี้แล้วกันนะคะ

ผลสรุปก็คือ  JYJ ก็ชนะในส่วนนี้ค่ะ  คือสัญญาเป็นโมฆะ  ไม่ต้องจ่ายค่าปรับมหาศาลนั่น

ส่วนที่ 2 JYJ เรียกค่าเสียหายจากสัญญาที่ไม่เป็นธรรมนี้  ผู้พิพากษาคนเก่าบอกให้จ่ายค่ะ  ราวๆสี่หมื่นล้านวอน แต่เอสเอ็มก็ยืด  ส่งเอกสารเพิ่มมั่งไรมั้ง  จนเปลี่ยนตัวผู้พิพากษาก็เปลี่ยนให้มาเป็นไกล่เกลี่ย
แล้วยังไงๆ SM ก็ไม่จ่ายค่ะ  สรุปในส่วนนี้คือเลิกแล้วกันไป  JYJ ไม่ได้เงินในส่วนนี้ค่ะ

หลังจบคดี  JYJ ก็ไม่ได้ออกรายการเพลงและวาไรตี้เหมือนเดิมค่ะ  ก็ห้าปีได้แล้ว ไปสายละคร  มิวสิคคัล  ภาพยนตร์แทน ถึงน่าเสียดาย ก็ค่อนข้างทำใจกันแล้วค่ะ ฮ่าๆ

ทีมาอธิบาย  อยากแสดงให้เห็นว่าสัญญาของJYJ มันแย่จริงๆล่ะค่ะ ไม่แปลกที่จะฟ้อง  ความอดทนของแต่ละคนมันก็ไม่เท่ากัน JYJ ก็อาจจะอดทนน้อยกว่าคนอื่นๆจริงๆ แต่สำหรับเราดีใจที่ JYJ ไม่ทน

คนที่ยังอยู่ก็อยู่ไปค่ะ  อาจจะโอเคกับสัญญาของตัวเอง และปรับให้ดีขึ้นก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ อยู่ใน  SM ได้อย่างเป็นสุขก็น่ายินดีค่ะ

สำหรับคนที่ออกมาอย่าง JYJ ก็มีความสุขในแบบของเขาเหมือนกัน อาจจะต้องแลกกับการไม่ได้ออกวาไรตี้กับรายการเพลง แต่ก็ได้ทางสายอื่นๆแทน  ได้รับอิสระในแบบที่ต้องการ ลิขสิทธิ์เป็นของตัวเอง  การแบ่งรายได้โอเค (เท่าที่ทราบคือซีเจสได้ 30 และ JYJ 70) สามารถปฎิเสธงานได้  หรือ "ดื้อ" อยากจะทำก็ได้  ซีเจสไม่ห้ามค่ะ อยากพักเมื่อไหร่พัก อยากขอนอนซักสิบชั่วโมงก็ไม่มีปัญหา ซีเจสมีหน้าที่ดูและและอำนวยความสะดวกในฐานะเอเจนซี่เท่านั้นค่ะ

ชีวิตของ JYJ ตอนนี้ก็ไม่ขออธิบายแล้วกันนะคะ จะเหมือนอวดไปหน่อย แล้วกระทู้จะเสียรสไปอีก ก็ขอตอบในมุมของแฟนคนที่ออกมาเท่านี้แล้วกันนะคะ
ความคิดเห็นที่ 1
ขนาดยังไม่เปลี่ยนแปลงสัญญายังได้กันเยอะเลยนะ
แล้วที่เปลี่ยนแล้วจะได้แค่ไหน เห็นพวกที่อยู่บริษัทก็รู้ละ
เค้าไม่เดือนร้อนกับพวกคำพูดข้อกล่าวหาลอยๆหรอก

ปล.คนที่ออกไปส่วนมากก็ปีกกล้าขาแข็งกันทั้งนั้น และเพราะอะไรก็คิดเอง


Teddy Riley โดนด่าเยอะตอนเข้าร่วมงานกับ SM ว่าบริษัทไม่ดี เลวอย่างงั้นอย่างงี้
เค้าตอกกลับมาว่า "พวกคุณคิดว่าตัวเองรู้จัก SM ดี แต่จริงๆแล้วพวกคุณไม่รู้อะไรเลย"
ขยายความคือ ถ้าจะรู้ว่าบริษัทไหนดีไม่ดียังไง คุณต้องเข้าไปทำงานในนั้นจริงๆ ดูแต่ภายนอกไม่รู้อะไรหรอก
Crประหลาดใจmori #EXO
ความคิดเห็นที่ 6


*อันนี้ก็เหมือนกันที่เคยเห็น
คือจริงๆเราก็ว่ามันไม่ได้แย่ขนาดนั้นนะ ไอดอลเอสเอ็มส่วนใหญ่ก็กินดีอยู่ดีกันทั้งนั้น
แถมเป็นบริษัทเดียวที่ยังให้ส่วนแบ่งจากหุ้นของบริษัททุกคนอีก

*เราว่าเรื่องทำงานหนักหรืออะไร
จริงๆมันก็แล้วแต่งานที่แต่ละคนรับด้วย อย่างคยองซูตอนถ่ายละครนี่ก็บินไปบินกลับเป็นแท๊กซี่เลย
เพราะตอนนั้นมีทัวร์คอนอยู่ด้วย คิดว่าน้องคงเหนื่อยนะ
แต่เค้าก็ไม่ได้ทำท่าลำบากใจอะไรคงเพราะเค้าชอบด้านนี้ด้วยแหละ
แทยอนก็ไม่รับงานด้านการแสดงเลยหรือละครเพลงเลย เพราะเจ้าตัวไม่ชอบ
จริงๆถ้าจะเลือกมันก็เลือกได้ ถ้าไม่ชอบจริงๆบริษัทคงไม่ยัดไปให้ทำหรอก

*เรื่องขึ้นไลฟ์ตามรายการเพลงคือจริงๆมันก็กำหนดไว้แล้ว มันก็ต้องขึ้น
เรื่องทัวร์คอนมันเป็นปกติอยู่แล้วที่ต้องทัวร์แทบจะติดต่อกัน
เรื่องคอนรวมที่ญี่ปุ่นที่ให้ศิลปินขึ้นตากฝน คงเพราะเค้าเตรียมไว้หมดแล้ว สถานที่ เวทีเอย ช่างไฟ ช่างเสียง ทั้งคิวงานศิลปินจะตรงกันมั้ย
จะให้เลื่อนวันมันก็ไม่ใช่มั้ง คิวงานมันก็จะเลื่อนไปด้วย... หรือจะให้ยกเลิกเลยก็คงเสียหายเยอะอ่ะ

*เราว่าที่เค้ามาทำงานตรงนี้ มาอยู่จุดนี้ได้ส่วนหนึ่งก็เพราะความชอบแหละ
ไคยังเคยบอกเลยว่าทุกๆคนอาจจะเห็นว่าเค้าทำงานหนักแล้วกังวลกัน
แต่เค้าก็บอกว่าไม่ต้องกังวล เพราะเค้าชอบที่จะอยู่ตรงนี้ ชอบที่จะทำงานหนัก...

*ตอนนี้smให้อิสระกับศิลปินมากขึ้นมากๆแล้วนะ เค้าปรับแล้ว
ถ้าเป็นช่วงดงบังนี่ไม่ได้เลย เข้มงวดสุดๆ...ใครตามเอ็กโซอยู่คงรู้ดี
ทั้งเที่ยว ทั้งเล่น ไปเยี่ยมครอบครัว คือชีวิตเค้าดูมีความสุขกันจริงๆนะ : )
และทำงานก็คือทำงาน จะให้ทำหนึ่งวันพักสามวันงี้เหรอถึงจะเรียกไม่หนัก
ถ้าไม่ทำงานหนักแล้วจะไปยืนอยู่จุดที่คนอื่นไปไม่ถึงได้ยังไง?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่