ขอคำแนะนำ ช่วยเลือกสี กับวิธีการแก้ปัญหาเรื่องกำแพงด้านข้างแตกร้าวหน่อยครับ

ขอคำแนะนำจากเพื่อนๆ หน่อยครับ บ้านของผมเป็นบ้าน Town Home ขนาด 4 ชั้น เป็นบ้านริมที่ด้านข้างติดกับสนามหญ้า อายุประมาณ 6 ปีกว่า แต่ต้องบอกว่าที่บ้านผมต้องเจอปัญหามีน้ำรั่วซึมเกิดขึ้นที่กำแพงด้านที่ติดกับสนามหญ้ามาตลอดเลยครับ แก้ปัญหาไปหลายครั้ง ปัญหามาจากหลายสาเหตุมีทั้งหลังคารั่วบ้าง มีทั้งตัวกำแพงมีปัญหาแตกร้าวจนเกิดเป็นตามดบ้าง ก็แก้ไขกันมาตลอด

จนเมื่อช่วงก่อนหน้าฝนประมาณเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ผมก็ตัดสินใจที่จะแก้ไขครั้งใหญ่ โดยการสะกัดปูนฉาบด้านข้างออกทั้งหมด และฉาบใหม่หมดเลยทั้ง 4 ชั้น ผมก็หวังไว้ว่ามันจะจบซะที แต่เนื่องจากพอฉาบปูนใหม่ทั้ง 4 ชั้นเสร็จ มันก็เข้าหน้าฝนพอดี เราเลยตัดสินใจที่จะมารอเก็บงานสีต่อ เมื่อเข้าหน้าหนาว

แต่พอผ่านไปได้แค่ 3 เดือน ปรากฏว่า ปูนที่ฉาบใหม่ ร้าวแตกลายงาทั้งผืนเลยครับ ผมอึ้งไปเลย เพราะมันดูจะร้าวเยอะกว่าของเดิมซะอีก เครียดมากครับ เรียกช่างรับเหมามาดู เค้าก็บอกว่าเค้าผสมปูนได้สัดส่วนแน่นอน คือใจผมอยากให้เค้าสะกัดออกทำใหม่มากๆ แต่เค้าก็ยืนยันว่า มันเป็นแค่การแตกลายงาของปูนฉาบ เค้าบอกให้ลองกระเทาะปูนดูว่ามันหลุดร่อนหรือไม่ ซึ่งเท่าที่ดูมันก็ไม่ร่อน ผมก็เลยคิดว่าโอเค ในเมื่อดูแล้วช่างก็คงจะไม่ยอมสะกัดฉาบใหม่แน่ๆ เราก็ต้องแก้ปัญหานี้กันต่อไป แต่เมื่อช่วงกินเจ (ตุลาคม) ที่ผ่านมา ทางช่างก็เอา PU (รู้สึกจะยี่ห้อ Sika) มาอุดโป้วรอยแตกร้าวต่างๆ ให้เราไปก่อน และเมื่อเข้าหน้าหนาว ก็ค่อยมาเก็บงานสีตามกำหนดการเดิม

ภาพการแตกร้าว ก่อนมีการโป๊วรอยแตก







ภาพหลังจากมีการโป๊วรอยแตกแล้ว




ระหว่างรอการเก็บงานสี ผมก็ได้โทรศัพท์ไปขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ของ TOA โดยทาง จนท. ก็ได้ให้คำแนะนำดังนี้

1. เรื่องรอยแตกร้าว - เค้าบอกว่าดูจากที่ผมเล่าให้ฟัง น่าจะเป็นการแตกร้าวแบบที่แก้ไขได้ ดังนั้นให้ใช้ TOA 302 Acrylic Sealant อุดโป๊ว และตัว PU Sika ที่ทางช่างทำไว้ให้ ทางจนท. บอกว่า การปล่อยให้ PU ตากแดดไว้อย่างนั้น ผ่านมาหลายเดือน มันน่าจะเสื่อมสภาพแล้ว ก็ให้ตรวจสอบก่อนถ้าหลุดร่อนก็เปลี่ยนไป

2. หลังจากโป๊วเสร็จ - ให้ทาทับด้วย TOA Moisture Guard 1 เที่ยว บริเวณชายล่าง แต่ผมบอกว่าทาทับทั้ง 4 ชั้นเลยได้มั้ย เค้าบอกว่าทาได้ไม่มีปัญหาอะไร ถ้ากลัวเรื่องความชื้นมาก ก็ทาทั้ง 4 ชั้นไป

3. ทารองพื้น - ทาด้วย TOA Quick Primer  1 เที่ยว

4. ทางสีนอกสุดด้วย - TOA Extrashield Semi-Gloss  2 เที่ยว

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

แต่ เมื่อวานนี้ผมว่าจะสั่งสีตามที่ทาง TOA แนะนำ ก็เลยโทรไปที่บุญถาวร ทางเจ้าหน้าที่ที่ขายสี TOA เค้าให้คำแนะนำมาอีกอย่างนึง เค้าแนะนำดังนี้ครับ

1. อุดโป๊วด้วย TOA 302 Acrylic Sealant

2. ทา TOA Moisture Guard แค่บริเวณชายล่างประมาณ 1 เมตรจากพื้นดิน ไม่ต้องทาทั้ง 4 ชั้น เพราะไม่เกิดประโยชน์อะไร

3. ทา TOA Extra WET Primer - อันนี้เป็นรองพื้นตัวใหม่ ทางจนท. TOA ไม่ได้แนะนำตัวนี้

4. ทา TOA SuperShield Titanium Semi-Gloss - ชั้น 4 ไล่มาจนถึงแนวที่ทา Moisture Guard

5. ทา TOA ExtraShield Semi-Gloss - ที่ชั้น 1 หรือแนวชายล่าง แนวเดียวกับ Moiture Guard

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คราวนี้ก็สับสนหล่ะครับ เพราะทั้ง 2 ที่แนะนำคนละแนวกัน แล้วผมควรจะเลือกแนวทางไหนดี

- แนวทางของจนท. TOA จะให้เหตุผลว่า วัสดุที่เค้าเลือกมา Moisture Guard มีเพื่อเอาไว้จัดการกับปัญหาความชื้นของพื้นดิน แต่ทาทั้ง 4 ชั้นไปเลยก็ได้หากทางลูกค้ากังวลเรื่องความชื้น ส่วนวัสดุที่เหลือคือ Quick Primer และ ExtraShield Semi-Gloss นั้น ก็มีคุณสมบัติระบายความชื้น เพื่อรับมือกับความชื้นนั่นเอง ผมก็ได้ถามกลับไปว่า แล้วเรื่องกันความร้อนหล่ะ บ้านผมด้านข้างรับแดดแรงมากครับ ช่างรับเหมาแต่ละรุ่นที่มาทำงานให้ บอกหมดว่าบ้านพี่ตอนกลางวันร้อนมาก แดดแรงมาก.. ทางจนท. ก็บอกว่าสีทุกตัวนี้เป็นสี Outdoor เพราะฉะนั้นเรื่องกันความร้อนมันทำได้ดีอยู่แล้ว แต่ที่เลือก ExtraShield เพราะมันเด่นเรื่องระบายความชื้นด้วย ดังนั้นถ้าเจอะปัญหาเรื่องน้ำเข้ามาด้านข้าง น้ำก็จะถูก Block ด้วย Moisture Guard และ ถูกระบายออกไปด้านข้าง ด้วยคุณสมบัติของ Quick Primer กับ ExtraShield

- แนวทางของ จนท. TOA ที่บุญถาวร  จะให้เหตุผลว่า การใช้งานเกี่ยวกับระบบระบายความร้อนที่ จนท. TOA แนะนำในควรจะทำกับเฉพาะบริเวณชายล่างก็เพียงพอแล้ว เพื่อป้องกันความชื้นที่ขึ้นมาจากชั้นดิน ส่วนประเด็นเรื่องรอยแตกของกำแพงจนเกิดตามดทำให้น้ำรั่วซึม เราจะแก้ปัญหาจากพวก Acrylic Sealant อยู่แล้ว ดังนั้นตั้งแต่ชั้น 4 ลงมาถึงชายล่าง จึงควรใช้เป็น SuperShield Titanium Semi-Gloss ที่มีจุดเด่นคือสะท้อนความร้อน เพื่อป้องกันไม่ให้ไปทำให้เกิดรอยแตก และรักษาผิวปูนฉาบมากกว่า ด้วยวิธีนี้จะแก้ปัญหาได้ระยะยาว ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายทำนั่งร้านซ่อมแซมบ่อยๆ


แนวทางของทั้ง 2 แหล่ง มีเหตุผลที่ดีทั้งคู่เลยครับ ทำให้ผมตัดสินใจไม่ถูกเลยอยากมาขอคำแนะนำ และความเห็นจากเพื่อนๆ ด้วยครับ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คำถามของผมมีดังนี้ครับ

1. จากรูปรอยแตกของกำแพง ที่มันแตกระแหงทั่วทั้งผืนตลอดทั้ง 4 ชั้น ตามที่เห็น แบบนี้ถือว่าอาการหนักมั้ยครับ ผมควรดำเนินการต่อ หรือว่าควรให้ช่างรับเหมาทำให้ใหม่ครับ?

2. ตัว PU ที่ทางผู้รับเหมาทาโป๊วทิ้งไว้แบบนี้ หลายๆ เดือน โดยที่ไม่มีสีมาปิดทับ มันจะเสื่อมสภาพหรือไม่ครับ ผมควรจะให้ช่างทำการขัดออกทั้งหมด แล้วใช้ TOA Acrylic Sealant ปิดทับรอย หรือว่าดูเป็นกรณีไปว่าจุดไหนที่ PU ไม่เหนียว ไม่ยึดเกาะก็ค่อยขัดออก และทาทับด้วย Acrylic Sealant แทน และส่วน PU เดิมที่สภาพดีอยู่ ก็ให้ใช้ Acrylic Sealant ทาทับต่อได้เลยดีครับ?

3. ช่วยตัดสินใจทีครับ ว่าผมควรจะใช้ระบบสีตามคำแนะนำของ จนท. TOA หรือว่า จนท. TOA ของบุญถาวร ดีครับ?

4. มีแนวทางอื่นๆ แนะนำอีกมั้ยครับ หากมีผมขอคำแนะนำด้วยนะครับ เพราะตลอด 6 ปีมานี้ ผมต้องแก้ปัญหานี้หลายครั้งมากครับ ช่างแต่ละรุ่นที่มาแก้ไข ก็สามารถช่วยได้เพียงแค่ 1-2 ปี จากนั้น รอยชื้นตามกำแพง ก็จะกลับมาอีก และรอบหลังสุดนี่หนักเลย เวลาฝนตก ที่แนวคานชั้น 1 มีน้ำหยดลงมาเป็นน้ำตกเลยครับ ผมเลยตัดสินใจสะกัดผนังด้านข้างทั้งหมด และฉาบใหม่

ผมขอคำแนะนำจากเพื่อนๆ ทุกท่าน และขอบคุณมากๆ ในทุกความคิดเห็นนะครับ

ผมตัดสินใจไม่ถูกเลยครับ ขอบคุณครับ T-T
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่