บางทีเราก็ให้ค่าบุคคลที่พูดเก่งจนทำให้เขาอีโก้กระจาย และหลงลืมข้อดีของบุคคลที่เงียบขรึมไปนะ

สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาว Pantip พลุโอ่ง
ก่อนจะอ่านกระทู้นี้ เราขอแนะนำคำศัพท์ 2 คำที่เราจะใช้อธิบายตลอดทั้งเรื่องเพื่อความเข้าใจไปในทางเดียวกันค่ะ

Extrovert: เป็นประเภทของคนที่ชื่นชอบการเข้าสังคม พูดคุยได้ไม่หยุดระหว่างงานปาร์ตี้ มักจะพูดมากกว้าฟัง
ได้รับพลังงานผ่านการใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางผู้คน ไม่กลัวที่จะเสนอความคิดเห็น หลายๆครั้งได้รับโอกาสดีๆก็เพราะพูดเก่งนี่แหละ

Introvert: เป็นประเภทของคนที่ดูเหมือนจะขี้อาย แต่จริงๆแล้วแค่ไม่ค่อยพูด จะแสดงความคิดเห็นได้ดีถ้าเป็นเรื่องที่สนใจ
ไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใครถ้าไม่จำเป็น เป็นผู้ฟังมากกว่าพูด ได้รับพลังงานผ่านกิจกรรมที่อยู่กับตัวเองเช่นอ่านหนังสือ ทำอาหาร เล่นดนตรี


ขอบคุณภาพประกอปจาก Blog: A Cup of Jo


พอเห็นภาพกันนะคะ เอาล่ะมาเข้าเรื่องกันเลยค่ะ ยิ้ม

หลายคนในสังคมหรือแม้กระทั่งค่านิยมในปัจจุปันนี้มักจะบอกว่าคนที่พูดเก่ง
คุยเก่งนั้นจะได้เปรียบเวลาเข้าสังคมกว่าคนที่พูดน้อยและขี้อาย ผู้คนเหล่านี้จะได้รับความก้าวหน้าจากหน้าที่การงาน
และการเกลื้อหนุนง่ายจากผู้อื่นเพราะไหนจะมี connection เยอะ และไหนจะรู้จักทำให้คนประทับใจและมีทักษะในการจูงใจคน
สามารถ convince คนได้อีก 108 ซึ่งมันก็คือเรื่องจริง และบางครั้งก็รู้สึกว่าตนเองก็คือหนึ่งในคนแบบนั้น
ชีวิตมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆนั่นแหละ แน่นอนว่าหนังสือ Best seller แนวการพัฒนาทักษะการพูด
และครอสเรียนแนว John Robert Power ที่ดูจะมีมากขึ้นในทุกๆวันนี้ เหมือนเป็นหลักฐานการตอกย้ำถึงสิ่งที่กล่าวมา

ออกตัวก่อนเลยว่าเป็น Extrovert แต่เพราะอยากจะให้หลายๆคนตระหนักถึงสิ่งที่เรียกได้ว่า
เป็นจุดด้อยผสมจุดอ่อนเราในบางขณะ หรืออักนัยหนึ่งก็คือของคนเหล่าดูนี้บ้าง
อย่าพึ่งได้มองเห็นและเชื่อถือแต่เพียงสิ่งที่เห็นว่ามีแล้วดีเพียงอย่างเดียว
จากตัวตนของเรา และประสบการณ์ที่เราเคยได้ร่วมงานมากับบุคคลที่มีคุณสมบัติที่ได้รับการยอมรับด้วยประการทั้งปวงนี้
เราพบว่าหลายคนที่เรารู้จัก หรือบางครั้งก็แม้กระทั่งตัวเอง ขาดตกบอกพร่องทักษะบางอย่างไป  
แต่อาจจะไม่เคยรู้ตัวด้วยอาจจะเพราะมีอีโก้บังตา

เราต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า status ทางสังคมบางอย่างที่เหล่า Extrovert ได้มานั้น
บางทีมันก็ได้มาจากความสามารถในการทำให้ผู้อื่นรักใคร่ เอ็นดู อยาก support
ความสามารถที่จะรู้จักสังเกตและแลกเปลี่ยน ให้ ในสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังมองหาอยู่
เช่นการเปิด connection เชื่อมผู้คนที่มี benefit ร่วมกันเข้าหากัน
เพราะฉะนั้นการที่นานวันเข้าจะมีอีโก้บ้างว่าอันตัวเรานั้นก็ไม่ใช่ไก่กานะถือเป็นเรื่องที่เข้าใจได้

แต่สำหรับ Extrovert บางคนการมีชั่วโมงบินสูงขึ้นเรื่อยๆแต่กลับทำให้พวกเขาหลงละเลยให้ค่า
ไม่ใคร่จะใส่ใจกับทักษะที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งไป

เป็นทักษะที่สำคัญมากๆที่มีค่าดุจเดียวกัน ทักษะที่ทำให้การทำงานแบบ Team work ดำเนินไปได้ด้วยดีถึงขีดสุด
นอกเหนือจากนั้นยังเป็นทักษะที่เยียวยาหัวใจของผู้คนได้มากมายมหาศาล
เป็นทักษะที่เข้าถึงได้ง่ายมากหากมีหัวใจเปิดกว้าง พร้อมกับสมาธิที่นิ่งพอ
เป็นทักษะที่ใช้เวลาในการฝึกฝนน้อยกว่าทักษะแรกมาก

แน่นอนว่า "ทักษะในการฟัง" นั่นเองที่พวกเขาบางคนที่พูดเก่งเกินบรรยายกลับไม่มี

และสิ่งนี่ก็คือจุดอ่อนผสมจุดบอดที่เรากล่าวถึง

Extrovert หลายคนไปได้ไม่เคยไกลกว่าจุดที่ตัวเองยืนอยู่เพราะไม่เคยรับฟังคนอื่นอย่างละวางความจำเป็นต้องเป็นฝ่ายถูก
บางคนหนักเกินเยียวยาเพราะเชื่อว่าเวลาของตนนั้นมีค่าและ decision making ของตัวเองถูกเสมอเกินกว่าการรอให้ผู้อื่นแสดงความเห็นของตนเองให้จบ(แล้วเวลาและมุมมองของคนอื่นไม่มีค่าด้วยหรือไง) the art of getting feedback ห่วยเกินบรรยาย
แนะนำให้ไปอ่านเล่มนี้ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


"เพราะฉะนั้นในบางครั้ง การให้ค่าคนที่พูดเก่ง เจิดจรัสยามปรากฎตัว มีวาทะศิลป์ดีเยี่ยมเพียงอย่างเดียว
โดยลืมเลือนผู้ที่อาจจะขี้อายมากกว่า ชอบยืนหลบอยู่ตรงมุมห้อง หรือยืนเก้ๆกังๆอยู่แถวประตูทางออกมากกว่า
แต่กลับเป็นคนที่รับฟังคุณได้อย่างลึกล้ำสวยงามไปมันก็เป็นสิ่งที่น่าเสียดายมากเลยนะ"



ต้องขอบคุณการที่ Extrovert ได้ร่วมงานกับ Extrovert ที่ดูผิวเผินเหมือนจะไปกันได้ดี
แต่พอถึงช่วงเวลาคับขันจริงๆกลับไม่ใช่อย่างนั้น หลังจากที่ได้รวบร่วม Feedback จากผู้คนรอบข้างที่ได้ร่วมงานกันมา
หลายคนในนั้นเป็น Introvert ทำให้เราได้รับแง่คิดใหม่ๆ เห็นว่าเราพลาดอะไร และเคยมีมุมมองแบบไหนต่อตนเองและผู้อื่น

ดังนั้นจงให้มันเป็นดั่งพรเถิด หากใครบางคนจะมีธรรมชาติที่คุยเก่ง
ใครบางคนที่สามารถพูดคุยทลายกำแพงของคนแปลกหน้าได้รวดเร็ว
ใครบางคนนั้นจะเปล่งคำพูดที่ชวนคิด และ empower people's hearts ได้เสมอ
อย่างพอดิบพอดีต่อระดับความเคารพนับถือในตัวเองของคู่สนทนา

และให้มันเป็นพรอีกเช่นกันที่ใครบางคนจะมีพื้นที่ในการฟังแก่ผู้อื่นที่มากพอ
ใครบางคนจะมีทัศนคติแห่งการพร้อมที่จะเปิดกว้างและไม่ยึดติดกับรูปแบบ pattern คำตอบเดิมๆ
ใครบางคนที่เลือกที่จะฟังจนเข้าถึงก่อนแล้วค่อยเปล่งวาจาตอบกลับมา
ใครที่มักจะขบคิด มีความเงียบงันแห่งการใช้สติบ้างระว่างการสนทนา

และมันก็เป็นพรอีกเหมือนกัน ถ้าใครเลือกที่จะมีทั้งสองสิ่งนี้

อย่าให้ความสามารถอย่างใดอย่างหนึ่งบดบังอีกอย่างหนึ่ง กดดันอีกฝ่ายหนึ่ง
หลบเลี่ยงอีกฝ่ายหนึ่ง เพราะอีกนัยหนึ่งนั้น

มันก็ฉุดรั้งการที่จะก้าวไปข้างหน้าของตนเองด้วยเช่นกัน

===================================================================

Part II

ขออนุญาติยกตัวอย่าง Introvert ที่เรานึกออก มีคุณสมบัติ ค่อนข้างเก็บตัว พูดน้อย แต่ประสบความสำเร็จกันอย่างพลิกโลกดูบ้างค่ะ ประหลาดใจ


สายการเมือง


Abraham Lincoln



Mahatma Gandhi


สายธุรกิจ


Warren Buffet



Amancio Ortega Gaona


สาย Silicon Valley



Mark Zuckerberg



Guy Kawasaki



Elon Musk


สายวงการบันเทิง


[centerAangelina Jolie


แล้วตัวเพื่อนๆจัดอยู่ใน type แบบไหน มีประสบการณ์อะไรบ้าง share กันเต็มที่เลยนะคะ เยี่ยม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่