"เห็นบุรีรัมย์แล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง?" นี่คือคำถามแรกของ "เนวิน ชิดชอบ" ประธานกรรมการ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ระหว่างเริ่มต้นให้สัมภาษณ์ "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงแนวทางการผลักดันให้เมืองบุรีรัมย์เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว "บื๊กเนวิน" ให้นิยามความรู้สึกใหม่แก่ทุกสายตาที่มาเยือนว่า "บียอนด์ อันบีลิฟเอเบิล!" กล่าวคือ ยิ่งกว่าคำว่า ทึ่ง! ตะลึง! หรือเหนือความคาดหมาย!
"เป็นเมืองที่ไม่มีอะไรเลย จะให้ขายภูเขาไฟอย่างเดียวมันก็ไม่ใช่ เมื่อ 5 ปีที่แล้วบุรีรัมย์ติด 1 ใน 10 จังหวัดที่มีรายได้ต่อหัวต่ำสุดของประเทศ โจทย์ของเราคือจะขายเมืองอย่างไร วันนี้เราพบ 2 คีย์เวิร์ดแล้ว คำแรกคือคำว่า แปลก คำที่สองคือ อลังการ เพราะเมืองเราไม่มีทรัพยากรอะไรเลย จึงต้องครีเอตบุรีรัมย์ให้น่าสนใจภายใต้คำสองคำนี้"
คำว่า "แปลก" อาจเหมือนประกายไฟ เพียงวูบเดียวก็หายไป จึงนิยามคำว่าแปลกขึ้นมาใหม่ว่า "บุรีรัมย์ สแตนดาร์ด" คือการไปให้ถึงขั้น "อินเตอร์เนชั่นแนลสแตนดาร์ด"
และก็ไม่ใช่แค่ "ไทยแลนด์สแตนดาร์ด" ทั่ว ๆ ไป "เนวิน" บอกว่า ตอนเริ่มทำฟุตบอลใหม่ ๆ ไทยยังไม่มีสนามตามมาตรฐานฟีฟ่า เราเลยสร้าง "ไอ-โมบาย สเตเดี้ยม" เป็นสนามฟุตบอลระดับฟีฟ่าแห่งเดียวที่ถูกบันทึกไว้ว่า ใช้เวลาก่อสร้างเร็วที่สุดในโลก คือ 251 วัน จุผู้ชมได้มากถึง 32,600 คน ใหญ่ที่สุดในเอเชีย
พอมาถึงสนาม "ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต" เดิมไทยก็ยังไม่มีสนามมอเตอร์สปอร์ตที่ได้มาตรฐานโลกจากระดับ FIA Grade 1 และ FIM Grade A เราจึงตั้งใจทำสนามนี้ให้ดีที่สุดภายใต้บุรีรัมย์สแตนดาร์ดเช่นกัน
ในอาเซียนวันนี้มีสนามแข่งรถแข่งแค่ 2 สนาม คือที่เซปัง มาเลเซีย กับบุรีรัมย์ เซปัง เกิดจากแนวคิดของรัฐบาลมาเลเซีย ที่รู้ว่าหากแข่งขายสินค้าท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เขาสู้ไทยไม่ได้ จึงหันมาสร้างแหล่งท่องเที่ยวมนุษย์สร้าง (แมนเมด แอตแทร็กชั่น) แทน ส่วนที่บุรีรัมย์มีเอกชนเป็นคนขับเคลื่อนและได้เปรียบตรงที่สามารถดึงเอ็นเตอร์เทนเมนต์มาเป็นจุดแข็งเสริม
"นักท่องเที่ยวกลุ่มมอเตอร์สปอร์ต ถือเป็นกลุ่มที่มีการใช้จ่ายสูง มีตัวเลขวิจัยออกมาแล้วว่า งานแข่งรถที่สิงคโปร์มียอดใช้จ่ายมากกว่า 1 แสนบาทต่อคนต่อทริป อย่างที่เซปังก็มีคนมาเที่ยว 1.5-2 แสนคน เราเห็นเม็ดเงินสะพัด 2 หมื่นล้านบาทลอยมาแต่ไกล"
"เนวิน" บอกว่า เขาขอประกาศชัดอีกครั้งว่า ยินดีให้รัฐบาลใช้สนามแข่งฟรี ขอเพียงแค่ไปประมูลสิทธิ์การจัดแข่งขันรถฟอร์มูล่าวัน (F1) หรือมอเตอร์จีพี มาจัดในไทยให้ได้ อันนี้พูดจริง...ไม่ได้พูดเล่น
"เนวิน" ฉายภาพถึงความสำคัญของการท่องเที่ยว ว่าเปรียบเสมือน "ฟาสต์แทร็ก" ดึงต่างชาติเข้ามาใช้เงินช่วยประเทศได้อย่างรวดเร็ว เห็นได้จากหลังมีสนามบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดได้ 2 ปี จีดีพีจังหวัดขยายตัว 32% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 100% ในปี 2558 และถ้ามองในแง่แอสเซตแวลูโตไม่ต่ำกว่า 10% แน่นอนเมื่อเทียบกับเมื่อ 3 ปีที่แล้ว
บวกกับประเทศไทยมีอะไรให้เที่ยวมากมาย ไลฟ์สไตล์คนก็เปลี่ยน ปัจจุบันนอนหรือทำงานก็อุดอู้แต่ในห้องสี่เหลี่ยมทุกสุดสัปดาห์คนอยากออกมาเอ็นเตอร์เทนตัวเอง เพื่อรองรับกลุ่มคนเหล่านี้ บุรีรัมย์จะต้องจัดอีเวนต์ให้เยอะที่สุดในประเทศ
เพราะเชื่อว่า "รีซอร์ส อิส ลิมิเต็ด, ครีเอติวิตี้ อิส อันลิมิเต็ด" เพราะทุกวันนี้คำว่า "ครีเอติวิตี้" ได้พิสูจน์ให้โลกเห็นแล้วว่ามันมีพลังมากกว่า "รีซอร์ส" และครีเอติวิตี้ภายใต้บุรีรัมย์สแตนดาร์ดนี่แหละ จะช่วยผลักดันบุรีรัมย์ให้ถึงฝั่งฝันการเป็น 1 ใน 5 เดสติเนชั่นในไทยที่มีคนมาเที่ยวมากที่สุด
เราจึงเร่งสร้าง "แม่เหล็ก" ที่ทรงพลังดึงดูดผู้คน พอเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 บุรีรัมย์จะต้องเป็นศูนย์กลาง (ฮับ) ของฟุตบอลและมอเตอร์สปอร์ต โดยตั้งเป้าหมายดึงคนในชาติอาเซียน 1% จากกว่า 600 ล้านคนเดินทางมาบุรีรัมย์ พร้อมดันสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดเป็นทีมในฝันของคนอาเซียน
"เนวิน" ยังพูดถึงแผนการขยายอาณาจักร "สปอร์ตซิตี้" ด้วยว่า เขาไม่หยุดเพียงแค่นี้แน่นอน ตอนนี้ก็ได้เตรียมสร้าง "แอดเวนเจอร์สปอร์ต" ศูนย์กลางกีฬาเอ็กซ์ตรีมที่ดีที่สุดในอาเซียน บนเนื้อที่ใกล้สนามฟุตบอลกับการแข่งรถท่ามกลางธรรมชาติที่คนเมืองโหยหา คาดว่าภายในปี 2559 น่าจะได้เห็น นอกจากนี้ยังมีแนวคิดสร้างธีมปาร์กภายใต้แนวคิด "วันเดอร์แลนด์" อีกด้วย
ด้านการลงทุนโรงแรม นอกเหนือจากโรงแรมอมารี บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ขนาด 60 ห้องพัก ที่เพิ่งเปิดให้เมื่อปีที่แล้ว ยังเตรียมสร้างโรงแรมหรูระดับ 5 ดาวอีกแห่งติดสนามแข่งรถ ขนาด 80 ห้องพัก อาจเป็นแบรนด์ในเครือออนิกซ์เจ้าของแบรนด์อมารี ความยากของโจทย์โรงแรมนี้คือ ต้องออกแบบละเอียด เพื่อรองรับตลาดความสนใจเฉพาะ (นิชมาร์เก็ต) เรื่องรถแข่งสามารถดูการแข่งขันบนห้องพักได้
ต่อคำถามที่ว่าคิดถึงบรรยากาศการเมืองเก่า ๆ บ้างไหม "เนวิน" ถึงกับหัวเราะพร้อมบอกว่า คิดถึง (การเมือง) เมื่อไหร่ ขนหัวลุกเมื่อนั้น !
"ผมรู้ดีว่าอะไรทำให้ผมเจ็บปวดและผิดหวัง ผมจึงเลิกหลอกตัวเอง ออกมาทำสิ่งที่รักอย่างฟุตบอลแทน เพราะวันที่เล่นการเมือง ตัวกู...ไม่ใช่ของกู พอเลิกยุ่งกับการเมือง ผมค้นพบว่า ตัวกู...เป็นของกู อยากทำอะไรก็ได้ทำ" และพอได้ทำสิ่งที่รัก แผนการขยายอาณาจักรสปอร์ตซิตี้จึงดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ "บุรีรัมย์" กลายเป็นเดสติเนชั่นในฝันของนักท่องเที่ยวคนไทยแซงหน้าหลาย ๆ เมืองไปเรียบร้อยแล้ว
เครดิต
http://m.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1416856166
"เนวิน" ติดปีกเมืองบุรีรัมย์ ติด 1 ใน 5 เมืองที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุด
"เห็นบุรีรัมย์แล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง?" นี่คือคำถามแรกของ "เนวิน ชิดชอบ" ประธานกรรมการ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ระหว่างเริ่มต้นให้สัมภาษณ์ "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงแนวทางการผลักดันให้เมืองบุรีรัมย์เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว "บื๊กเนวิน" ให้นิยามความรู้สึกใหม่แก่ทุกสายตาที่มาเยือนว่า "บียอนด์ อันบีลิฟเอเบิล!" กล่าวคือ ยิ่งกว่าคำว่า ทึ่ง! ตะลึง! หรือเหนือความคาดหมาย!
"เป็นเมืองที่ไม่มีอะไรเลย จะให้ขายภูเขาไฟอย่างเดียวมันก็ไม่ใช่ เมื่อ 5 ปีที่แล้วบุรีรัมย์ติด 1 ใน 10 จังหวัดที่มีรายได้ต่อหัวต่ำสุดของประเทศ โจทย์ของเราคือจะขายเมืองอย่างไร วันนี้เราพบ 2 คีย์เวิร์ดแล้ว คำแรกคือคำว่า แปลก คำที่สองคือ อลังการ เพราะเมืองเราไม่มีทรัพยากรอะไรเลย จึงต้องครีเอตบุรีรัมย์ให้น่าสนใจภายใต้คำสองคำนี้"
คำว่า "แปลก" อาจเหมือนประกายไฟ เพียงวูบเดียวก็หายไป จึงนิยามคำว่าแปลกขึ้นมาใหม่ว่า "บุรีรัมย์ สแตนดาร์ด" คือการไปให้ถึงขั้น "อินเตอร์เนชั่นแนลสแตนดาร์ด"
และก็ไม่ใช่แค่ "ไทยแลนด์สแตนดาร์ด" ทั่ว ๆ ไป "เนวิน" บอกว่า ตอนเริ่มทำฟุตบอลใหม่ ๆ ไทยยังไม่มีสนามตามมาตรฐานฟีฟ่า เราเลยสร้าง "ไอ-โมบาย สเตเดี้ยม" เป็นสนามฟุตบอลระดับฟีฟ่าแห่งเดียวที่ถูกบันทึกไว้ว่า ใช้เวลาก่อสร้างเร็วที่สุดในโลก คือ 251 วัน จุผู้ชมได้มากถึง 32,600 คน ใหญ่ที่สุดในเอเชีย
พอมาถึงสนาม "ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต" เดิมไทยก็ยังไม่มีสนามมอเตอร์สปอร์ตที่ได้มาตรฐานโลกจากระดับ FIA Grade 1 และ FIM Grade A เราจึงตั้งใจทำสนามนี้ให้ดีที่สุดภายใต้บุรีรัมย์สแตนดาร์ดเช่นกัน
ในอาเซียนวันนี้มีสนามแข่งรถแข่งแค่ 2 สนาม คือที่เซปัง มาเลเซีย กับบุรีรัมย์ เซปัง เกิดจากแนวคิดของรัฐบาลมาเลเซีย ที่รู้ว่าหากแข่งขายสินค้าท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เขาสู้ไทยไม่ได้ จึงหันมาสร้างแหล่งท่องเที่ยวมนุษย์สร้าง (แมนเมด แอตแทร็กชั่น) แทน ส่วนที่บุรีรัมย์มีเอกชนเป็นคนขับเคลื่อนและได้เปรียบตรงที่สามารถดึงเอ็นเตอร์เทนเมนต์มาเป็นจุดแข็งเสริม
"นักท่องเที่ยวกลุ่มมอเตอร์สปอร์ต ถือเป็นกลุ่มที่มีการใช้จ่ายสูง มีตัวเลขวิจัยออกมาแล้วว่า งานแข่งรถที่สิงคโปร์มียอดใช้จ่ายมากกว่า 1 แสนบาทต่อคนต่อทริป อย่างที่เซปังก็มีคนมาเที่ยว 1.5-2 แสนคน เราเห็นเม็ดเงินสะพัด 2 หมื่นล้านบาทลอยมาแต่ไกล"
"เนวิน" บอกว่า เขาขอประกาศชัดอีกครั้งว่า ยินดีให้รัฐบาลใช้สนามแข่งฟรี ขอเพียงแค่ไปประมูลสิทธิ์การจัดแข่งขันรถฟอร์มูล่าวัน (F1) หรือมอเตอร์จีพี มาจัดในไทยให้ได้ อันนี้พูดจริง...ไม่ได้พูดเล่น
"เนวิน" ฉายภาพถึงความสำคัญของการท่องเที่ยว ว่าเปรียบเสมือน "ฟาสต์แทร็ก" ดึงต่างชาติเข้ามาใช้เงินช่วยประเทศได้อย่างรวดเร็ว เห็นได้จากหลังมีสนามบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดได้ 2 ปี จีดีพีจังหวัดขยายตัว 32% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 100% ในปี 2558 และถ้ามองในแง่แอสเซตแวลูโตไม่ต่ำกว่า 10% แน่นอนเมื่อเทียบกับเมื่อ 3 ปีที่แล้ว
บวกกับประเทศไทยมีอะไรให้เที่ยวมากมาย ไลฟ์สไตล์คนก็เปลี่ยน ปัจจุบันนอนหรือทำงานก็อุดอู้แต่ในห้องสี่เหลี่ยมทุกสุดสัปดาห์คนอยากออกมาเอ็นเตอร์เทนตัวเอง เพื่อรองรับกลุ่มคนเหล่านี้ บุรีรัมย์จะต้องจัดอีเวนต์ให้เยอะที่สุดในประเทศ
เพราะเชื่อว่า "รีซอร์ส อิส ลิมิเต็ด, ครีเอติวิตี้ อิส อันลิมิเต็ด" เพราะทุกวันนี้คำว่า "ครีเอติวิตี้" ได้พิสูจน์ให้โลกเห็นแล้วว่ามันมีพลังมากกว่า "รีซอร์ส" และครีเอติวิตี้ภายใต้บุรีรัมย์สแตนดาร์ดนี่แหละ จะช่วยผลักดันบุรีรัมย์ให้ถึงฝั่งฝันการเป็น 1 ใน 5 เดสติเนชั่นในไทยที่มีคนมาเที่ยวมากที่สุด
เราจึงเร่งสร้าง "แม่เหล็ก" ที่ทรงพลังดึงดูดผู้คน พอเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 บุรีรัมย์จะต้องเป็นศูนย์กลาง (ฮับ) ของฟุตบอลและมอเตอร์สปอร์ต โดยตั้งเป้าหมายดึงคนในชาติอาเซียน 1% จากกว่า 600 ล้านคนเดินทางมาบุรีรัมย์ พร้อมดันสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดเป็นทีมในฝันของคนอาเซียน
"เนวิน" ยังพูดถึงแผนการขยายอาณาจักร "สปอร์ตซิตี้" ด้วยว่า เขาไม่หยุดเพียงแค่นี้แน่นอน ตอนนี้ก็ได้เตรียมสร้าง "แอดเวนเจอร์สปอร์ต" ศูนย์กลางกีฬาเอ็กซ์ตรีมที่ดีที่สุดในอาเซียน บนเนื้อที่ใกล้สนามฟุตบอลกับการแข่งรถท่ามกลางธรรมชาติที่คนเมืองโหยหา คาดว่าภายในปี 2559 น่าจะได้เห็น นอกจากนี้ยังมีแนวคิดสร้างธีมปาร์กภายใต้แนวคิด "วันเดอร์แลนด์" อีกด้วย
ด้านการลงทุนโรงแรม นอกเหนือจากโรงแรมอมารี บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ขนาด 60 ห้องพัก ที่เพิ่งเปิดให้เมื่อปีที่แล้ว ยังเตรียมสร้างโรงแรมหรูระดับ 5 ดาวอีกแห่งติดสนามแข่งรถ ขนาด 80 ห้องพัก อาจเป็นแบรนด์ในเครือออนิกซ์เจ้าของแบรนด์อมารี ความยากของโจทย์โรงแรมนี้คือ ต้องออกแบบละเอียด เพื่อรองรับตลาดความสนใจเฉพาะ (นิชมาร์เก็ต) เรื่องรถแข่งสามารถดูการแข่งขันบนห้องพักได้
ต่อคำถามที่ว่าคิดถึงบรรยากาศการเมืองเก่า ๆ บ้างไหม "เนวิน" ถึงกับหัวเราะพร้อมบอกว่า คิดถึง (การเมือง) เมื่อไหร่ ขนหัวลุกเมื่อนั้น !
"ผมรู้ดีว่าอะไรทำให้ผมเจ็บปวดและผิดหวัง ผมจึงเลิกหลอกตัวเอง ออกมาทำสิ่งที่รักอย่างฟุตบอลแทน เพราะวันที่เล่นการเมือง ตัวกู...ไม่ใช่ของกู พอเลิกยุ่งกับการเมือง ผมค้นพบว่า ตัวกู...เป็นของกู อยากทำอะไรก็ได้ทำ" และพอได้ทำสิ่งที่รัก แผนการขยายอาณาจักรสปอร์ตซิตี้จึงดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ "บุรีรัมย์" กลายเป็นเดสติเนชั่นในฝันของนักท่องเที่ยวคนไทยแซงหน้าหลาย ๆ เมืองไปเรียบร้อยแล้ว
เครดิต http://m.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1416856166