คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 9
ปรับตัวไม่ทันคับ อันนี้ผมเคยเป็น จะเล่าประสบการณ์ผมเองนะคับ
ผมไปปฏิบัติธรรมบนเขามา 1เดือนสถานที่สัปปายะ เงียบสงบมาก
ทำให้รู้สึกสงบ ผ่อนคลาย การปฏิบัติก้าวหน้าขึ้น(จิตไม่ฟุ้งซ่าน เข้าสู่สมาธิเร็วขึ้น)
ทีนี้พอครบ1เดือนกลับออกมา แค่ขับรถเข้าถึงชานเมืองก็อยากเลี้ยวรถกลับไปขึ้นเขา
เพราะมาเจอความวุ่นวายของสังคมเมือง ทำให้จิตใจที่สงบมาตลอดเกิดอาการ ร้อนรนกระสับกระส่ายคิดแต่จะกลับไปปฏิบัติธรรมบนเขา
พอกลับมาก็ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร ไม่อยากไปเจอใคร อยากอยู่แต่ในบ้านแบบสงบๆ แต่ก็ไม่ค่อยสงบ จากที่เคยสวดมนต์ภาวนาทุกวันก็เริ่มห่างๆเพราะมันไม่สงบไม่มีกะจิตกะใจจะทำ ทีนี้ช่วงเวลาเดียวที่จิตได้พักตัวคือตอนหลับเลยทำให้นอนมากขึ้น ไม่อยากตื่นมาเจอความวุ่นวาย ผมเลยกลับขึ้นเขาไปอีกครั้งเพื่อให้จิตมันสงบแล้วพิจารณาว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงเป็นแบบนี้ และไปขอคำแนะนำจากครูบาอาจารย์จนได้ข้อสรุปว่า
1.ที่จิตผมร้อนรนไม่สงบนั้นเพราะช่วงเวลาที่อยู่บนเขาจิตมันได้พักตัวตลอดไม่มีอะไรมากระทบให้วุ่นวายสิ่งรอบตัวเป็นกระแสร์เย็นตลอดเวลา พอมาอยู่ในเมืองกระแสร์สังคมมันร้อน จิตเลยดิ้นรนหาความสงบ จิตมันเลยหาทางออกด้วยการนอน
2.ที่ความเพียรลดลงเพราะจิตมันดิ้นรนวุ่นวายเลยไม่อยากจะสวดมนต์ภาวนา หรือฝืนภาวนาก็ไม่สงบก็เลยเลิก
3.ที่จิตเป็นแบบนี้เพราะอินทรีย์ยังอ่อน ไม่มีกำลังต้านทานอารมณ์ภายนอก จิตเลยไหวไปกับสิ่งแวดล้อมรอบตัวที่มากระทบ พูดง่ายๆคือจิตมันไม่มีภูมิต้านทานมันเลยเป็นแบบนี้
ครูบาอาจารย์ท่านเลยให้อุบายเป็นแนวทางมา
1.ภาวนาให้จิตได้พักสงบตัวให้ได้มันจะได้ไม่ดิ้นรนเวลาอยู่ในเมือง อย่าให้จิตหลงไปกับการนอน แรกๆมันก็ต้องฝืนต้องข่มกันไปก่อน แต่ต้องทำให้ได้ทุกวันจิตจะเริ่มมีภูมิต้านทานสิ่งที่มากระทบขณะภาวนา
2.ตั้งสัจจาธิษฐานในการภาวนาจิตใจจะได้ตั้งมั่น ความเพียรจะได้ไม่ถดถอย ที่ผมตั้งสัจจาธิษฐานไว้ต่อหน้าครูบาอาจารย์คือ"ทุกวันก่อนจะนอนต้องสวดมนต์ภาวนาก่อน ถ้าวันไหนไม่ทำขอให้มีสิ่งมารบกวนจนไม่เป็นอันหลับอันนอน"
ผลหลังจากนั้นคือจิตเริ่มชินกับสิ่งที่มากระทบและไม่เก็บมาเป็นอารมณ์ และดีขึ้นตามลำดับเพราะจิตมันรู้ว่ามันจะได้พักสงบตัวมันต้องภาวนาเท่านั้นมันเลยไม่สนอารมณ์ภายนอก
ทุกวันนี้หมาแมวกัดกัน ข้างบ้านทะเลาะกันก็ภาวนาจิตสงบได้ไม่มีปัญหา ออกไปข้างนอกก็ดึงสติไว้กับตัวได้ตลอดไม่ไหลไปกับกระแสร์สังคมแต่บางครั้งก็มีวุานวายบ้างเวลาเจอสิ่งกระทบเยอะๆ แต่ก็กลับมาเป็นปกติเวลาภาวนาไม่มีการเก็บมาเป็นอารมณ์ และความเพียรก็ไม่ลดเพราะมีสัจจาธิษฐานดักไว้ทำให้การปฏิบัติก้าวหน้าขึ้นได้แม้จะอยู่ในสังคมที่วุ่นวาย
ผมเคยลองไม่ภาวนาก่อนนอนอยู่3ครั้ง ครั้งแรกฝันเห็นผู้หญิงชุดขาว5คนไล่ตี ครั้งที่2ฝันเห็นพญานาคไล่ตามหลังและมีอีก2ตนดักหน้าไว้ ครั้งที่3 ฝันเห็นผู้หญิงมาแกล้งดึงขาลงไปในน้ำ ผมต้องสะดุ้งตื่นมาสวดมนต์ภาวนากลางดึกทั้ง3ครั้ง ทุกวันนี้เลยเลิกลองแล้ว เวลากลับไปหาครูบาอาจารย์ท่านก็จะตรวจดูวาระจิตแล้วให้อุบายแนวทางที่ถูกต้องมาเสมอ
ผมไปปฏิบัติธรรมบนเขามา 1เดือนสถานที่สัปปายะ เงียบสงบมาก
ทำให้รู้สึกสงบ ผ่อนคลาย การปฏิบัติก้าวหน้าขึ้น(จิตไม่ฟุ้งซ่าน เข้าสู่สมาธิเร็วขึ้น)
ทีนี้พอครบ1เดือนกลับออกมา แค่ขับรถเข้าถึงชานเมืองก็อยากเลี้ยวรถกลับไปขึ้นเขา
เพราะมาเจอความวุ่นวายของสังคมเมือง ทำให้จิตใจที่สงบมาตลอดเกิดอาการ ร้อนรนกระสับกระส่ายคิดแต่จะกลับไปปฏิบัติธรรมบนเขา
พอกลับมาก็ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร ไม่อยากไปเจอใคร อยากอยู่แต่ในบ้านแบบสงบๆ แต่ก็ไม่ค่อยสงบ จากที่เคยสวดมนต์ภาวนาทุกวันก็เริ่มห่างๆเพราะมันไม่สงบไม่มีกะจิตกะใจจะทำ ทีนี้ช่วงเวลาเดียวที่จิตได้พักตัวคือตอนหลับเลยทำให้นอนมากขึ้น ไม่อยากตื่นมาเจอความวุ่นวาย ผมเลยกลับขึ้นเขาไปอีกครั้งเพื่อให้จิตมันสงบแล้วพิจารณาว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงเป็นแบบนี้ และไปขอคำแนะนำจากครูบาอาจารย์จนได้ข้อสรุปว่า
1.ที่จิตผมร้อนรนไม่สงบนั้นเพราะช่วงเวลาที่อยู่บนเขาจิตมันได้พักตัวตลอดไม่มีอะไรมากระทบให้วุ่นวายสิ่งรอบตัวเป็นกระแสร์เย็นตลอดเวลา พอมาอยู่ในเมืองกระแสร์สังคมมันร้อน จิตเลยดิ้นรนหาความสงบ จิตมันเลยหาทางออกด้วยการนอน
2.ที่ความเพียรลดลงเพราะจิตมันดิ้นรนวุ่นวายเลยไม่อยากจะสวดมนต์ภาวนา หรือฝืนภาวนาก็ไม่สงบก็เลยเลิก
3.ที่จิตเป็นแบบนี้เพราะอินทรีย์ยังอ่อน ไม่มีกำลังต้านทานอารมณ์ภายนอก จิตเลยไหวไปกับสิ่งแวดล้อมรอบตัวที่มากระทบ พูดง่ายๆคือจิตมันไม่มีภูมิต้านทานมันเลยเป็นแบบนี้
ครูบาอาจารย์ท่านเลยให้อุบายเป็นแนวทางมา
1.ภาวนาให้จิตได้พักสงบตัวให้ได้มันจะได้ไม่ดิ้นรนเวลาอยู่ในเมือง อย่าให้จิตหลงไปกับการนอน แรกๆมันก็ต้องฝืนต้องข่มกันไปก่อน แต่ต้องทำให้ได้ทุกวันจิตจะเริ่มมีภูมิต้านทานสิ่งที่มากระทบขณะภาวนา
2.ตั้งสัจจาธิษฐานในการภาวนาจิตใจจะได้ตั้งมั่น ความเพียรจะได้ไม่ถดถอย ที่ผมตั้งสัจจาธิษฐานไว้ต่อหน้าครูบาอาจารย์คือ"ทุกวันก่อนจะนอนต้องสวดมนต์ภาวนาก่อน ถ้าวันไหนไม่ทำขอให้มีสิ่งมารบกวนจนไม่เป็นอันหลับอันนอน"
ผลหลังจากนั้นคือจิตเริ่มชินกับสิ่งที่มากระทบและไม่เก็บมาเป็นอารมณ์ และดีขึ้นตามลำดับเพราะจิตมันรู้ว่ามันจะได้พักสงบตัวมันต้องภาวนาเท่านั้นมันเลยไม่สนอารมณ์ภายนอก
ทุกวันนี้หมาแมวกัดกัน ข้างบ้านทะเลาะกันก็ภาวนาจิตสงบได้ไม่มีปัญหา ออกไปข้างนอกก็ดึงสติไว้กับตัวได้ตลอดไม่ไหลไปกับกระแสร์สังคมแต่บางครั้งก็มีวุานวายบ้างเวลาเจอสิ่งกระทบเยอะๆ แต่ก็กลับมาเป็นปกติเวลาภาวนาไม่มีการเก็บมาเป็นอารมณ์ และความเพียรก็ไม่ลดเพราะมีสัจจาธิษฐานดักไว้ทำให้การปฏิบัติก้าวหน้าขึ้นได้แม้จะอยู่ในสังคมที่วุ่นวาย
ผมเคยลองไม่ภาวนาก่อนนอนอยู่3ครั้ง ครั้งแรกฝันเห็นผู้หญิงชุดขาว5คนไล่ตี ครั้งที่2ฝันเห็นพญานาคไล่ตามหลังและมีอีก2ตนดักหน้าไว้ ครั้งที่3 ฝันเห็นผู้หญิงมาแกล้งดึงขาลงไปในน้ำ ผมต้องสะดุ้งตื่นมาสวดมนต์ภาวนากลางดึกทั้ง3ครั้ง ทุกวันนี้เลยเลิกลองแล้ว เวลากลับไปหาครูบาอาจารย์ท่านก็จะตรวจดูวาระจิตแล้วให้อุบายแนวทางที่ถูกต้องมาเสมอ
แสดงความคิดเห็น
ไปปฏิบัติธรรม9คืน10วันกลับมา รู้สึกเบื่อๆโลก อ่อนเพลีย ไม่อยากทำอะไร ทำยังไงดีครับ
*หมายเหตุ1. :สิ่งที่ทำระหว่างปฏิบัติธรรมในแต่ละวันนะครับ
- ตื่นตี4กว่า อาบน้ำ แต่งตัว
- ตี5 ทำวัตรเช้า
- 6.00น. ใส่บาตร
- 6.30น. ไปช่วยวัดแยกอาหาร ที่ใส่บาตร + กวาดลานวัด
- 8.00น. ถวาย/ประเคนภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์ (ในที่นี่ ก็รอพระตักอาหารเสร็จก็ขนเข้าครัวของวัดด้วย)
- 8.30 น. กินข้าวเช้า
- 9.00 น. ช่วยทางวัดทำความสะอาดนู่นนี่นั่น
- 11.00 น. กินข้าวกลางวัน
- 12.00 น. ช่วยกิจกรรมทางวัด
- 13.00 น. ฟังธรรม
- 15.30 น. ไปปัดกวาดเช็ดถูลานวัด
- 17.00 น. ปัดกวาดเช็ดถูทางวัด
- 18.00 น. อาบน้ำ
- 19.00 น. สวดมนต์ทำวัตรเย็น
- 22.15 น. เข้านอน
หมายเหตุ2.: กิจกรรมที่ทำใน วัดในที่นี้คือ
1.กวาดถนนที่พระจะบิณฑบาตร ในตอนเช้า อยู่ 1 ครั้ง
2.ล้างห้องน้ำ(ในที่นี้ คือห้องอาบน้ำด้วย) อยู่ 1 ครั้ง
3.รวมเงินกับเพื่อนที่รู้จักกันตอนปฏิบัติธรรม ซื้อก็อกน้ำ เพื่อเปลี่ยนก็อกน้ำในเรือนนอนสำหรับผู้ปฏิบัติธรรมใหม่ (เนื่องจากเสีย)
4.รวมเงินกับเพื่อนที่รู้จักกันตอนปฏิบัติธรรม ซื้อสปอนเซอร์ เพื่อถวายพระเป็นน้ำปานะ ในขณะทำวัตรเย็น
5.เช็ดพระพุทธรูป ประมาณ เกือบ 10 องค์
6.ทางวัดจะมีสหกรณ์ ก็ไปช่วยสหกรณ์จัดของ
7.เก็บขยะในวัด
8.คอยถวายน้ำปานะ ที่มาร่วมทำวัตร เป็นระยะเวลา 3 วัน
หรือที่ผมเหนื่อยมากๆ อาจจะเป็นเพราะจากกิจกรรมที่ผมทำตามที่ยกตัวอย่างข้างต้นแบบนี้ครับ แล้วตามความเข้าใจของผมบางทีการปฏิบัติธรรมคือไปแต่สวดมนต์ นั่งสมาธิอย่างเดียว แต่ผมไปปฏิบัติแบบนี้ ถือว่าชดเชยกันได้หรือป่าวครับ แล้วได้บุญจากการที่ได้ปฏิบัติธรรมในครั้งนี้หรือป่าวครับ พอๆกันหรือป่าวครับ